เลือก(โครงการชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง)

กระทู้คำถาม
คุณ.....เคยไหมครับที่
ได้อะไรอย่างหนึ่งมาแล้วเกิดอาการอยาก เช่น อยากลองใช้ อยากกิน อยากจะเอาไปเป็นของฝากใครสักคนเดี๋ยวนั้น   แต่  สถานการณ์ก็ช่าง
ไม่อำนวยเอาเล้ย

ในที่นี้ ผมหมายถึงตัวเองครับ แบบว่า..ไปได้กะปิออแกนิกที่เป็นกุ้งหยาบๆมา
อยากลองกินติดหมัดเลยครับ  ไอ้เราก็อยากลองทำข้าวคลุกกะปิ(เป็นครั้งแรก)ให้กิน  แต่บังเอิ๊ญ บังเอิญ ที่บ้านไม่มีคนว่างอยู่กินซ้ากคน   ผมก็เลยต้องหาเหยื่อรายใหม่   
อยากทำแล้วไม่ได้ทำมันทรมานใจนะว่ามั้ย😆

ดังนั้นตาเจ็ดก็เลยต้องหาผู้เคราะห์ร้ายเป็นรายต่อไป
และผลที่ออก  ก็มาตกที่
สองเด็กกับคุณยายครับ

(เคยเล่าไว้ในกระทู้หนึ่งไปแล้ว ขอไม่วางลิงก์นะครับ
เพราะคงไม่น่าสนใจขนาด
นั้น)
พอหาเหยื่อได้ตาเจ็ดก็จัดแจงหุงข้าวสวยใส่กล่อง
และเตรียมหมูหวานประมาณครึ่งกิโล  จากนั้นก็ขนวัตถุดิบขึ้นรถเดินทางไปด้วยใจที่ร่าเริงมากกกกก
(ไม่ได้ถามเขาเลยว่าอยากกินไหม  เอาแต่ใจตัวเองชมัด😁)

*กะปิถูกมากเลยนะครับ
กุ้งเน้นๆเลยครึ่งกิโล59บาท
เท่านั้นเอง*
ไม่ได้ขายครับ แต่อยากเล่า
เฉยๆ *

เพียงแค่รถตีวงเข้าไปยังไม่ทันจอด  เจ้าสองเด็กก็วิ่งขาพันกันเข้ามาหาแล้ว
เด็กหญิงแป้งถึงกะไหว้ย่อ
จนผมขำ

"หายไปน๊าน นาน"

นานอะไรกัน ครั้งล่าสุด
ก่อนร.ร.เปิดแค่สามวัน
(เอาเสื้อผ้านักเรียนมาให้
แล้วก็พาไปซื้อรองเท้าใหม่
ด้วย)

เด็กชายป๊อกนี่จมูกดีเป็นที่
หนึ่งเลยครับ พอรถจอด
แกก็บอกว่า

"หนูได้กลิ่นอะไรหอมๆ"

หลังจากนั้นเราก็ช่วยกัน
หิ้วข้าวของเข้าบ้าน
โดยผมไปขออนุญาตใช้ครัวของคุณยาย
พอเด็กๆรู้ว่าจะได้กินข้าวคลุกกะปิก็เฮกันลั่นจนถูกคุณยายเอ็ด(แต่ก็ไม่สลดหรอกครับ) จากนั้นก็ไปนั่ง
ตาแป๋วดูผมคลุกข้าวแล้วผัด  ก่อนจะจ้องกะปิกันอีกรอบ

"สาบานนะว่านี่คือกะปิ
หนูว่ามันเป็นกุ้งตำเฉยๆแหละ"

เด็กหญิงว่า

"ลองชิมดูสิ ถ้าไม่เชื่อ"

"น้านน...เข้าทางหนูเลย
มันน่ากินม้าก มาก"

แล้วสองเด็กก็ควัก

"เฮ้ย..เค็ม  ไอ้สองผีนี่  เดี๋ยวก็เป็นโรคไตหรอก"

พอทอดกุนเชียงสองเด็กก็
มาอ้อนขอกินอีกรอบ

กว่าจะทำเสร็จคุณยายก็ขำ
พวกผมไปหลายรอบ
และแล้วข้าวคลุกกะปิจาก
ฝีมือคนทำมือใหม่ก็สำเร็จออกมาโดยมีเหยื่อทั้งสาม
นั่งรอกินตาแป๋ว

ของคุณยายนั้นผมเป็นคน
ตักเสริฟเอง  ผมจะเน้นหมู
หวาน ไข่ กุนเชียงและหัวหอมมากหน่อย มะม่วงน้อยๆ กับถั่วหั่นประปราย

ส่วนของเด็กๆผมให้ตักเองตามใจชอบ  และแล้วเจ้าสองเด็กก็ทำให้ผมต้องเอ็น
ดูอีกรอบ  เพราะเธอทั้งสอง
ดูช่างเกรงใจ
ไข่ หมู และกุนเชียงเหลือเกิน เธอบอกว่า

"ของอร่อยต้องค่อยๆกินนะคะ จะได้มีกินนานๆ เวลาอยู่บ้านเราไม่ได้กินอย่างนี้หรอก  ขนาดกุนเชียงเรายังได้กินแค่เวลาโรงเรียนทำเลยค่ะ"

ได้ฟังแบบนี้ นายเจ็ดก็ได้แต่ถอนใจ ทำได้แค่ตักไข่
ตักหมู และกุนเชียงเพิ่มให้
และบอกว่า

"กินไปเถอะครับ ไม่ต้องเสียดายหรอก ไว้น้าเจ็ดจะ
ซื้อมาให้อีก และของที่เหลือนี่ หนูก็เก็บไว้กินวันต่อไปเลย  เพราะน้าตั้งใจเอามาให้ทั้งหมดนี่แหละ"

"รวมทั้งกะปิด้วยหรือคะ"

"ครับ..ยกให้หมดเลย"

"เย้..."

แล้วเด็กผีก็ไหว้ย่ออีกรอบ
เล่นเอาผมทั้งเขินทั้งขำ

และจากการมาเยี่ยมในครั้งนี้ ทำให้ผมได้รู้ว่า
น้องแป้งหางานพิเศษทำได้ด้วยตัวเองอย่างหนึ่งนั่นคือการถอนผมหงอก
เธอเล่าอย่างภูมิใจว่า
เธอมีงานทำทุกเสาร์-อาทิตย์  บางทีลูกค้าก็มาหาที่บ้าน  .บางทีเธอก็เป็นฝ่ายไป

"ชั่วโมงละ60บาทเลยนะคะ
บางวันหนูได้ทำตั้งสี่-ห้าชั่วโมงเลยนะ  พอค่ากับข้าวเลยละ"

ดูสิครับ  ขนาดเด็กเล็กๆ
เธอยัง 'เลือก' ที่จะไม่งอมืองอเท้า อุตส่าห์หางานที่เหมาะกับตัวเองทำจนได้
แล้วผู้ใหญ่อย่างเราจะยอม
แพ้ เห็นทีจะอายเด็กแบบ
ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนละ

เสาร์นี้ผมโชคดีจริงๆเลย
ที่เลือกมาหาครอบครัวเล็กๆครอบครัวนี้
เพราะนอกจากจะได้เห็นความน่ารักของคุณยายกับเด็กๆแล้ว ผมยังได้แรงบันดาลใจในการทำงานเพื่อเอาไว้ปลอบตัวเองเวลาเหนื่อยเวลาท้อได้อีกด้วย

ขอบคุณนะครับเด็กๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่