เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง!! สิ่งดีๆ ที่ได้จากการลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง

          วันนี้เราจะมาแชร์เรื่องราวของตัวเองค่ะ สำหรับช่วงที่ผ่านมาเรารู้สึกว่าชีวิตอยู่ในจุดที่ย่ำแย่มากทั้งร่างกายและจิตใจ พอสภาพจิตใจแย่ ยิ่งส่งผลให้ร่างกายแย่ตามไปด้วย ช่วงโควิดที่ผ่านมาเรา WFH 100% ต้องนั่งทำงานอยู่ในห้องแคบๆ ทุกวัน แทบไม่ได้คุยกับใคร
          ต้องบอกก่อนว่างานที่เราทำก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้ใช้ความคิดหรือจินตนาการมากเท่าไหร่ งานค่อนข้างรูทีน ชีวิตประจำวันมีแค่ตื่นมาแล้วสแกนหน้าเข้างาน ทำงานๆ พักเที่ยง พอบ่ายก็กลับมานั่งทำงานต่อจนถึงเย็น ชีวิตที่ผ่านมาร่วมปีเป็นซ้ำๆ แบบนี้ วนลูปเดิมๆ ทุกวัน
          จนวันหนึ่งเราถามตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่นะ อยู่ดีๆ มันก็มีความคิดพวกนี้ขึ้นมา บวกกับเริ่มมีอาการออฟฟิศซินโดรม ปวดร้าวครึ่งซีก ร้าวตั้งแต่คอมาบ่าจนถึงหลัง เชื่อว่าชาวออฟฟิศหลายคนน่าจะกำลังประสบอยู่ ส่วนสภาพจิตใจเราเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากทำอะไรเลย มีความรู้สึกว่าอยากนอนเฉยๆ ตลอดเวลา บางครั้งอยู่ดีๆ ก็เศร้าแบบไม่มีสาเหตุ 
          ทุกครั้งที่เราส่องกระจกเราเหมือนไม่รู้จักคนตรงหน้า เหมือนไม่ใช่ตัวเอง ทั้งน้ำหนักขึ้น มีพุง กินข้าวไม่เป็นเวลาจนระบบเผาผลาญพัง จากคนที่รูปร่างผอมบางกลายเป็นอีกคนที่เหมือนไม่ใช่ตัวเอง ความรู้สึกตอนนั้นแย่มากๆ ถึงขั้นมองว่าเป็นตัวเองไม่มีอะไรดีเลย เราสูญเสียความภาคภูมิใจที่เคยมีมาตลอดว่าตัวเองเก่งไปหมด จนแทบไม่เหลือความรู้สึกพวกนั้นเลย 
          ร่างกายเราเริ่มมีปัญหาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเราตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกว่าร่างกายซีกขวาขยับไม่ได้ เหมือนอยู่ดีๆ ก็ไม่มีความรู้สึกไปเฉยๆ จังหวะนั้นทำให้คิดว่าถ้าเราจะยังทำตัวแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่งั้นอาจจะกลายเป็นป่วยจนนอนติดเตียงแน่ จุดนี้ทำให้เราคิดได้ว่า เอาล่ะ!! ต้องลุกขึ้นมาดูแลตัวเองแบบจริงจังสักที
          บวกกับช่วงนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งชอบลงรูปออกกำลังกายในอินสตาแกรมบ่อยๆ จากคนน้ำหนัก 80 กว่าลดลงมาเกือบ 30 กิโลจนหุ่นดี เราเห็นพัฒนาการของเพื่อนทุกวัน เลยลองถามว่าออกกำลังกายที่ไหนยังไงบ้าง เพื่อนบอกช่วงแรกเต้นตามเบเบ้ แล้วไปออกกำลังที่ยิม
          เราเลยไปหาคลิปเบบ้ในยูทูปดูพร้อมกับเริ่มเต้นตาม จริงๆ เป็นอะไรที่เหนื่อยมากๆ หลายครั้งเราอยากเลิกแล้วกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม แต่มันมีเสี้ยวหนึ่งบอกให้สู้อีกนิดน่า เราอาศัยดูรูปดูคลิปคนอื่นๆ ที่เขาออกกำลังกาย แล้วใช้ตรงนั้นเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองฮึดสู้
          พอผ่านอาทิตย์แรกไปได้รู้สึกว่าการเต้นกับเบเบ้ไม่ได้ยากสำหรับเราเหมือนช่วงเริ่มต้น พออาทิตย์ที่สองเริ่มเหนื่อยน้อยลง เต้นได้นานขึ้น ถึงจะแอบหยุดบ้างแต่ก็ไม่ได้แย่เท่าช่วงที่ผ่านมา 
          พอผ่านเดือนแรกได้เรารู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นมากๆ อารมณ์เศร้าเริ่มน้อยลง เริ่มมองหา Passion จากการดูหนังและอ่านหนังสือ ปกติเราอ่านหนังสือน้อยมากๆ แต่ได้ฟัง Podcast ของช่องหนึ่งที่เล่าเกี่ยวกับหนังสือเรื่อง “ความเจ็บปวดของวัยรุ่น” เราเลยไปซื้อมาอ่าน การอ่านหนังสือทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น พออ่านเล่มนี้จบก็เริ่มหาเล่มอื่นมาอ่านเรื่อยๆ
          เรามองว่าหนังสือช่วยเยียวยาจิตใจได้ดีมากๆ ในแง่ของการทำให้เรามองเห็นตัวเองในมุมมองที่กว้างขึ้น เห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น และค่อยๆ สร้างคุณค่าให้ตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ อันนี้เป็นหนังสือที่เราอ่านค่ะ

          พอเต้นกับเบบ้ได้สามเดือนก็เริ่มอยากออกกำลังกายแบบจริงจัง คราวนี้เลยไปยิม ทีแรกตั้งใจจะสมัครบริการแค่ 3 เดือน เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะไหวไหม แต่แพ้ลูกอ้อนของน้องเซลเลยจัดไป 1 ปี แบบไม่รู้ตัว 
          แต่พอเอาเข้าจริงแล้วก็ไปออกกำลังกายได้เรื่อยๆ อาทิตย์หนึ่งจะออกสัก 2-3 วัน ที่เหลือก็ออกอยู่ที่ห้อง กับเต้นตามเบเบ้เหมือนเดิม 
          พอเริ่มออกกำลังกายมาได้ 2-3 เดือนเราก็อยากมีร่อง 11 Line เหมือนเพื่อน แต่ดูแล้วของตัวเองน่าจะยากมาก เพราะระบบเผาผลาญเราพังพินาศสุดๆ เราเลยเริ่มคุมอาหารโดยการทำอาหารกินเอง พยายามนับแคลไม่ให้เกินในแต่ละวัน
          พอเข้าเดือนที่ 4 เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเสพติดการออกกำลังกายมากขึ้น มีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปยิม ยิ่งวันไหนเหงื่อออกเยอะจะยิ่งรู้สึกฟินมากกกก


          แต่เพราะระบบเผาผลาญเราเคยแย่มาก่อน บวกกับไขมันในช่องท้องเยอะมากเลยทำให้ยังมีพุงอยู่ พุงหมาน้อยเป็นอะไรที่กำจัดออกยากมากกก คุมอาหารจริงจังแล้วแต่ก็ยังลดได้ไม่มาก ด้วยความที่เราอยากมีร่อง 11 มากๆ ก็เลยเริ่มศึกษาว่าทำยังไงถึงจะลดไขมันหรือช่วยให้ระบบเผาผลาญดีขึ้น จนไปเจอบทความที่พูดถึง Q40 ว่าช่วยให้ลีนไวขึ้น เลยลองกินเวย์โปรตีนที่มี Q40 เสริมเข้าไปค่ะ
          ช่วงที่เราออกกำลังกายมีความคาบเกี่ยวกับช่วงที่บริษัทให้กลับเข้าออฟฟิศอีกครั้ง เราเลยมีเวลาออกกำลังกายน้อยลงจาก 4-5 วันต่ออาทิตย์ เป็น 2-3 วันต่ออาทิตย์แทน  เรื่องอาหารก็ทำกินเองได้บางวัน ซึ่งเราเน้นกินพวกอาหารคลีนที่พอหาซื้อได้ง่ายๆ สลับกับการกินเวย์โปรตีนบางมื้อแทนอาหาร หรือถ้าวันไหนออกกำลังกายเสร็จ ก็จะกินหลังจากออกกำลังกาย เพราะรู้สึกว่ากินแล้วอยู่ท้อง ไม่ค่อยหิวมาก

          ถ้าวันไหนว่างๆ หรือมีเวลาอย่างช่วงเสาร์อาทิตย์เราก็จะเอาเวย์ที่มีอยู่ไปทำเป็นเครื่องดื่มค่ะ ส่วนตัวชอบดื่มกาแฟมาก ช่วงแรกที่รู้ว่าต้อง WFH เราถึงกับสั่งเครื่องชงกาแฟมาไว้ที่บ้าน เพราะคิดว่าฉันจะทำกาแฟกินเอง จะได้ประหยัดเงิน แต่ถ้าใครมีเครื่องชงน่าจะรู้ดีว่าหมดเยอะกว่าซื้อกินซะอีก ว่าแล้วก็ขออวดรูปกาแฟที่ทำหน่อย


          ด้วยความชอบกินกาแฟอยู่แล้วเราเลยสั่งเป็นเวย์ Whey Protein Isolated Coffee with Q10 มาค่ะ อันนี้ไปเจอเพราะตัวเองชอบกาแฟเลยลองหาดูว่ามีเวย์รสประมาณนี้ไหม ปรากฏว่ามีเลยสั่งเลย เราว่าใครสายกาแฟน่าจะชอบ เพราะกลิ่นหอม กินง่าย อิ่มนาน ตัวนี้เราจะช่วยเร่งการเผาผลาญ ลีนกล้ามเนื้อได้ดี ส่วนใหญ่เราจะกินในวันออกกำลังกาย เพราะต้องใช้พลังงานเยอะ
          ส่วนถ้าวันไหนยุ่งมาก ติดประชุม หรือมีธุระจริงๆ เราจะกินตัว VERA PLANT PROTEIN รสกาแฟเอาค่ะ  ตัวนี้เราจะชงดื่มแทนมื้ออาหารเลย บางวันต้องไปเจอลูกค้าหลายที่ก็ชงดื่มระหว่างขับรถเอา ดื่มง่าย กลิ่นกาแฟหอมๆ คนติดกาแฟแบบเราหันมาดื่มเวย์รสชาติกาแฟก็เวิร์กอยู่นะ 
          ส่วนตัวมองว่าการออกกำลังกายกับการคุมอาหารเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ส่วนเวย์โปรตีนเป็นตัวช่วยชั้นดีให้เรามีร่อง 11 Line ชัดขึ้น เพราะช่วยเร่งการเผาผลาญ ซึ่งเริ่มเห็นร่อง 11 ก็ตอนกินเวย์เสริมด้วยนี่แหละ แต่ถึงยังไงเรื่องการออกกำลังกาย + ควบคุมอาหารก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญมากๆ เหมือนกันนะคะ
          สำหรับเราพอได้กลับมาเข้าออฟฟิศอีกครั้ง ได้เจอเพื่อนร่วมงาน ได้ออกไปเจอลูกค้าเรารู้สึกดีขึ้นมากๆ เพื่อนหลายคนบ่นว่าไม่อยากเข้าออฟฟิศแต่ส่วนตัวแล้วเราว่าการอยู่คนเดียวในห้องเป็นเวลานานมันทำให้สุขภาพจิตเราแย่มาก ส่งผลกับร่างกายมากมายมหาศาล พอมองกลับไปแล้วทั้งสภาพจิตใจเรา และร่างกายจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้แตกต่างกันมากๆ ขอสรุปเป็นข้อๆ แล้วกันนะคะ

          - ด้านจิตใจ : สุขภาพจิตเราดีขึ้นจากการได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน บวกกับการกลับมาคราวนี้เราได้ปรับตำแหน่งขึ้นมา งานท้าทายมากขึ้น มีอะไรที่ต้องคิดและวิเคราะห์มากกว่าเดิม ทำให้ตัวเองรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น และกำลังใจจากคนรอบข้างที่พยายามทำให้เราเห็นว่าตัวเราเองมีคุณค่ามากมายขนาดไหน มันทำให้เราหลุดจากความรู้สึกที่ว่าตัวเองไม่ดี ไม่มีคุณค่าได้ อีกอย่างคือกาแฟสักแก้ว หนังสือดีๆ สักเล่ม ก็สามารถเยียวยาจิตใจได้มากมายเลยนะคะ
          - ด้านร่างกาย : เรารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนใหม่ ได้ร่างกายใหม่ เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง อาการปวดที่เคยเป็นเริ่มหายไปจนแทบไม่รู้สึก เรานอนหลับได้ดีขึ้น ตื่นมาไม่งัวเงียเหมือนเมื่อก่อน อีกอย่างคือพอออกกำลังกายจนได้ 11 Line แล้วทำให้ตัวเราเองมั่นใจขึ้นมากๆ กล้าที่จะใส่ชุดสวยๆ กว่าที่จะอวดหุ่นตัวเอง คำชมของคนที่ทักเข้ามาหรือจากคนรอบข้างมันเหมือนรางวัลที่ทำให้มีแรงในการออกกำลังกายต่ออีก

          เราคิดว่ายังมีอีกหลายคนที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่  เราอยากเป็นหนึ่งกำลังใจให้คนที่ได้อ่านกระทู้นี้ เชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้เหมือนกันค่ะ ความพยายามจะตอบแทนเราอย่างดีแน่นอน
miniheart

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่