คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ก่อนอื่นขอส่งกำลังใจให้เยอะๆเลยนะคะ
ขอให้ผ่านพ้นอุปสรรคที่ถาโถมมาในวันนี้ไปได้ด้วยดีและพบเจอแต่สิ่งดีๆคนดีๆในวันข้างหน้า
สิ่งหนี่งที่เราสังเกตได้จากการอ่านทั้งเนื้อหากระทู้และการตอบคอมเมนท์ เราว่าคุณควรจะเลิกย้ำซ้ำๆด้วยคำว่า ‘สมองฝ่อ’ ค่ะ รวมถึงคำพูดต่างๆของสามีด้วย ทั้งที่เขาบอกว่าใครๆก็ดูถูก แม่บ้านไม่น่าตื่นเต้นเท่าสาวออฟฟิศ ฯลฯ เราว่ามันน่าจะฝังใจคุณมาก คุณเลยเอาแต่ย้ำซ้ำๆกับตัวเองแบบนี้ จะบอกเลยนะคะ คนที่คิดอย่างสามีคุณก็มี แต่คนที่ไม่ได้คิดแบบนั้นก็มีอีกเยอะแยะ สิ่งที่สามีคุณบอก ไม่ใช่ข้อเท็จจริงของโลกใบนี้ค่ะ เพราะฉะนั้นเราว่าคุณต้องเลิกเอาความคิดของสามีคุณมากดตัวเองให้จมดิ่งกว่าเดิม การที่คุณหางานยากเพราะไม่ได้ทำงานมานาน อันนั้นเป็นเรื่องปกติของกลไกในโลกการทำงาน แค่นั้นเองค่ะ ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณตามโลกไม่ทัน ทักษะความรู้ถดถอยเพราะไม่ได้ใช้งานมานาน ไม่ใช่เพราะคุณ ‘สมองฝ่อ’ ค่ะ อันนั้นน่าจะใช้กับโรคภัยไข้เจ็บ แต่มันเป็นเรื่องปกติ สมัยเป็นนักเรียน เพิ่งเรียนมาต้นเทอม ถ้าไม่ทบทวนบ่อยๆ ยังต้องมานั่งอ่านทำความเข้าใจก่อนสอบอยู่เลย แปลว่าสมองฝ่อรึเปล่าคะ ไม่ใช่ค่ะ อย่าเอาคำพูดอะไรมาคอยกดตัวเองไว้แบบนั้น เปลี่ยนใหม่เป็น เราไม่ได้ตามเทคโนโลยีมานานแล้ว เลยขาดความรู้ มาเริ่มต้นฝึกฝนตอนนี้ก็ไม่สาย แบบนี้ดีกว่ามั้ยคะ เป็นพลังดีๆขับเคลื่อนชีวิต
คนไหนจะดูถูกแม่บ้านเลี้ยงลูก แล้วไงล่ะคะ คุณคือคนสำคัญที่สุดที่ควรเห็นคุณค่าและเคารพในสิ่งที่คุณเลือกทำ ลูกๆของคุณได้เติบโตมาโดยที่คุณเลี้ยงเองตลอด มันก็เป็นแง่มุมดีๆ ความทรงจำดีๆที่จะคงอยู่ตลอดไปไม่ใช่เหรอคะ ถึงเวลาเลิกคิดย้อนไปเสียดายอดีต เรารู้ว่ามันยากค่ะ แต่ถ้ามัวแต่คิดแบบนี้ วันนั้นฉันไม่น่าลาออกเลย รู้งี้จะไม่ยอมเด็ดขาด บลาๆ มันจะดึงคุณไว้กับหล่มเดิมไม่จบไม่สิ้น ลองคิดดูอีกแง่ ถ้าวันนั้นคุณไม่เลือกลาออก มันอาจจะเกิดเหตุการณ์อื่นขึ้นมา ที่ทำให้คุณโทษตัวเองอีกก็ได้ว่ารู้งี้ฉันน่าจะเป็นคนเลี้ยงลูกเอง ไม่น่าปล่อยให้คนอื่นเลี้ยงเลย เพราะชีวิตคือการเลือก แต่ทุกตัวเลือกมีความเสี่ยง มีผลลัพธ์ในตัวมันเองเสมอ เราเข้าใจจริงๆค่ะว่ามันยาก เป็นเราก็อาจจะคิดวนซ้ำๆเหมือนกัน แต่ในฐานะคนมองปัญหาจากภายนอก คิดว่าสิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือการเลิกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือกไปแล้ว หยุด ตัด จบ แล้วหาทางฟื้นฟูสถานการณ์ให้เร็วที่สุด ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองจมจ่อมค่ะ
ส่วนที่บอกว่าผู้หญิงออฟฟิศน่าตื่นเต้นกว่าแม่บ้านอะไรนั่น เฮ้อ เราเชื่อว่ามีคนดีๆอีกมากมายค่ะที่ไม่ได้คิดอะไรแบบนี้และไม่มีเมียน้อย
เลิกเชื่อคำพูดที่สามีคุณพูด เลิกยึดติดว่ามันคือ FACT ของโลกค่ะ
เราขอให้คุณมีแรงมากพอจะสร้างพลังบวกให้ตัวเอง ที่จะส่งเผื่อแผ่เป็นร่มเงาไปถึงหัวใจของลูกๆ ที่ตอนนี้เองก็ต้องปรับตัวอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน และขอให้ครอบครัวของคุณ ได้พบเจอแต่วันที่สดใสนับแต่นี้ไปนะคะ
ขอให้ผ่านพ้นอุปสรรคที่ถาโถมมาในวันนี้ไปได้ด้วยดีและพบเจอแต่สิ่งดีๆคนดีๆในวันข้างหน้า
สิ่งหนี่งที่เราสังเกตได้จากการอ่านทั้งเนื้อหากระทู้และการตอบคอมเมนท์ เราว่าคุณควรจะเลิกย้ำซ้ำๆด้วยคำว่า ‘สมองฝ่อ’ ค่ะ รวมถึงคำพูดต่างๆของสามีด้วย ทั้งที่เขาบอกว่าใครๆก็ดูถูก แม่บ้านไม่น่าตื่นเต้นเท่าสาวออฟฟิศ ฯลฯ เราว่ามันน่าจะฝังใจคุณมาก คุณเลยเอาแต่ย้ำซ้ำๆกับตัวเองแบบนี้ จะบอกเลยนะคะ คนที่คิดอย่างสามีคุณก็มี แต่คนที่ไม่ได้คิดแบบนั้นก็มีอีกเยอะแยะ สิ่งที่สามีคุณบอก ไม่ใช่ข้อเท็จจริงของโลกใบนี้ค่ะ เพราะฉะนั้นเราว่าคุณต้องเลิกเอาความคิดของสามีคุณมากดตัวเองให้จมดิ่งกว่าเดิม การที่คุณหางานยากเพราะไม่ได้ทำงานมานาน อันนั้นเป็นเรื่องปกติของกลไกในโลกการทำงาน แค่นั้นเองค่ะ ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณตามโลกไม่ทัน ทักษะความรู้ถดถอยเพราะไม่ได้ใช้งานมานาน ไม่ใช่เพราะคุณ ‘สมองฝ่อ’ ค่ะ อันนั้นน่าจะใช้กับโรคภัยไข้เจ็บ แต่มันเป็นเรื่องปกติ สมัยเป็นนักเรียน เพิ่งเรียนมาต้นเทอม ถ้าไม่ทบทวนบ่อยๆ ยังต้องมานั่งอ่านทำความเข้าใจก่อนสอบอยู่เลย แปลว่าสมองฝ่อรึเปล่าคะ ไม่ใช่ค่ะ อย่าเอาคำพูดอะไรมาคอยกดตัวเองไว้แบบนั้น เปลี่ยนใหม่เป็น เราไม่ได้ตามเทคโนโลยีมานานแล้ว เลยขาดความรู้ มาเริ่มต้นฝึกฝนตอนนี้ก็ไม่สาย แบบนี้ดีกว่ามั้ยคะ เป็นพลังดีๆขับเคลื่อนชีวิต
คนไหนจะดูถูกแม่บ้านเลี้ยงลูก แล้วไงล่ะคะ คุณคือคนสำคัญที่สุดที่ควรเห็นคุณค่าและเคารพในสิ่งที่คุณเลือกทำ ลูกๆของคุณได้เติบโตมาโดยที่คุณเลี้ยงเองตลอด มันก็เป็นแง่มุมดีๆ ความทรงจำดีๆที่จะคงอยู่ตลอดไปไม่ใช่เหรอคะ ถึงเวลาเลิกคิดย้อนไปเสียดายอดีต เรารู้ว่ามันยากค่ะ แต่ถ้ามัวแต่คิดแบบนี้ วันนั้นฉันไม่น่าลาออกเลย รู้งี้จะไม่ยอมเด็ดขาด บลาๆ มันจะดึงคุณไว้กับหล่มเดิมไม่จบไม่สิ้น ลองคิดดูอีกแง่ ถ้าวันนั้นคุณไม่เลือกลาออก มันอาจจะเกิดเหตุการณ์อื่นขึ้นมา ที่ทำให้คุณโทษตัวเองอีกก็ได้ว่ารู้งี้ฉันน่าจะเป็นคนเลี้ยงลูกเอง ไม่น่าปล่อยให้คนอื่นเลี้ยงเลย เพราะชีวิตคือการเลือก แต่ทุกตัวเลือกมีความเสี่ยง มีผลลัพธ์ในตัวมันเองเสมอ เราเข้าใจจริงๆค่ะว่ามันยาก เป็นเราก็อาจจะคิดวนซ้ำๆเหมือนกัน แต่ในฐานะคนมองปัญหาจากภายนอก คิดว่าสิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือการเลิกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือกไปแล้ว หยุด ตัด จบ แล้วหาทางฟื้นฟูสถานการณ์ให้เร็วที่สุด ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองจมจ่อมค่ะ
ส่วนที่บอกว่าผู้หญิงออฟฟิศน่าตื่นเต้นกว่าแม่บ้านอะไรนั่น เฮ้อ เราเชื่อว่ามีคนดีๆอีกมากมายค่ะที่ไม่ได้คิดอะไรแบบนี้และไม่มีเมียน้อย
เลิกเชื่อคำพูดที่สามีคุณพูด เลิกยึดติดว่ามันคือ FACT ของโลกค่ะ
เราขอให้คุณมีแรงมากพอจะสร้างพลังบวกให้ตัวเอง ที่จะส่งเผื่อแผ่เป็นร่มเงาไปถึงหัวใจของลูกๆ ที่ตอนนี้เองก็ต้องปรับตัวอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน และขอให้ครอบครัวของคุณ ได้พบเจอแต่วันที่สดใสนับแต่นี้ไปนะคะ
แสดงความคิดเห็น
จากใจ คนที่แต่งงานแล้ว ลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน ( ยืม Log in น้องสาว )
ขอเล่า ประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว ผญ พยายามอย่าลาออกจากงานประจำเลยค่ะ
เราอายุ 38 ( ก่อนแต่งงานเราเงินเดือน 50,000 ) สามีอายุ 42 เป็น ผู้บริหารเงินเดือน 250,000 + ธุรกิจส่วนตัว 100,000 (สามีทำคนเดียวค่ะ เราไม่มีปัญญาทำได้แบบเค้า เป็นแม่บ้านมา 8 ปี ทำให้สมองฝ่อจริงๆค่ะ )
มีลูก 3 คน แต่งงานกันได้ 8 ปี ( เราเป็นแม่บ้านตั้งแต่แต่งงาน เพราะสามีขอ แต่มีขายของออนไลน์บ้าง เดือนนึงกำไร 2,000 )
ชื่อบ้าน รถ 2 คัน ประกันชีวิต 2 ฉบับ สามียกเป็นชื่อเราหมดค่ะ
ฟังแล้วดูเหมือนจะมั่นคงใช่ไหมคะ ? แต่ไม่ใช่เลยค่ะ
2 ปีที่แล้วสามีเราป่วยเป็นมะเร็งสมอง ระยะ 4 ( เงินเก็บของครอบครัว หมดไปเกือบ 3 ล้าน + ขายรถไป 1 คัน เพื่อนำมารักษา )
+ เราบังเอิญรู้ว่า สามีมีเมียน้อย และมีลูกเก็บอีก ( รู้เพราะเค้ามาเยี่ยมสามีเราตอนที่ป่วยหนัก ๆ )
สามีบอกว่า ที่มีเมียน้อย เพราะ เมียที่เป็นแม่บ้าน หลายๆครั้ง สามีก็เบื่อ " ไม่น่าตื่นเต้นเหมือน ผญ ที่ทำงานออฟฟิศ ที่ทำงานแบบใช้สมอง ช่วยสามี " ( เราจะบอก แม่บ้านหลายๆคนนะคะ " อย่าคิดว่า สามีคุณไม่มีเมียน้อย "!!! อย่างเรา ยังเพิ่งมารู้เลย )
เหมือนฟ้าผ่าเลยค่ะ
สามีเราเสียเมื่อ ต้น กพ. ณ ตอนนี้เรากับลูก อีก 3 คน เหลือ บ้าน + รถ 1 คัน และเงินสดจากประกันชีวิต 4 ล้านบาท ( แต่หักลบหนี้ตอนรักษา ดังนั้น เหลือ 2 ล้านบาท )
เราไปหาสมัครงาน ไม่มีที่ไหนรับเลยค่ะ HR แจ้งว่า เพราะ เราไม่ได้ทำงานประจำมา 8 ปี
ทุกวันนี้ได้แต่ขายของออนไลน์ แต่กำไร เดือนละ 2,000 แน่นอนว่าไม่พอสำหรับอนาคตแน่ๆค่ะ
อยากฝากสำหรับ ผญ ทุกคนนะคะ หากแต่งงาน พยายามเกาะงานประจำไว้ให้แน่นค่ะ เพราะ อนาคต ไม่มีทางรู้ว่า สามีจะมีเมียน้อย แบบเราไหม หรือ สามีเสียชีวิตไปแบบกะทันหัน