สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ผมไม่สนับสนุนให้ลาออกนะครับ ออกมาแล้วหาเงินยากมากและจะอยู่ยากขึ้นด้วย
ตัวผมเองและภรรยาผ่านการค้าขายมาสารพัดอย่าง ในตอนนี้ไม่เดือดร้อนทั้งเรื่องเงินและเรื่องอาชีพแล้ว
แต่ผมก็ไม่สนับสนุนให้คนทำธุรกิจส่วนตัว ถ้าไม่มีช่องทางจริงๆจะทำได้ยาก และไม่ค่อยจะเห็นเงินทำไปก็เครียดไป
อดทนทำงานกินเงินเดือนต่อไปดีกว่าครับ อย่าลาออกมาเลยครับ เงินสำคัญกว่าเรื่องอื่นๆครับ
ตัวผมเองและภรรยาผ่านการค้าขายมาสารพัดอย่าง ในตอนนี้ไม่เดือดร้อนทั้งเรื่องเงินและเรื่องอาชีพแล้ว
แต่ผมก็ไม่สนับสนุนให้คนทำธุรกิจส่วนตัว ถ้าไม่มีช่องทางจริงๆจะทำได้ยาก และไม่ค่อยจะเห็นเงินทำไปก็เครียดไป
อดทนทำงานกินเงินเดือนต่อไปดีกว่าครับ อย่าลาออกมาเลยครับ เงินสำคัญกว่าเรื่องอื่นๆครับ
ความคิดเห็นที่ 6
คุณก็บอกเองว่าเงินเดือนสามีทุกวันนี้หักทุกอย่างเหลือหลักพัน
แล้วถ้าคุณไม่ทำงานรายได้ลด 30,000 แต่แฟนคุณรายจ่ายเพิ่ม
เพราะต้องรับผิดชอบในส่วนที่คุณเคยจ่าย รับผิดชอบคนเดียวทั้งหมด คิดว่ามันจะพอเหรอ?
แล้วที่คิดว่าจะมาทำธุรกิจส่วนตัว มันไม่ง่ายขนาดนั้นคุณต้องใช้เงินและเวลา
ทุกวันนี้เงินคือสิ่งขับเคลื่อนชีวิต ถ้าอยากให้ลูกมีคุณภาพที่ดีคุณต้องมีเงิน support เค้า
ตอนนี้แฟนคุณอาจจะมองแค่ว่าอยากให้เวลากับลูกอยากเลี้ยงลูกเอง
แต่เมื่อถึงเวลาแล้วการเงินมีปัญหา ชักหน้าไม่ถึงหลัง ครอบครัวจากเย็นก็จะเป็นร้อน
คุณไม่ได้ทิ้งลูกคุณก็ยังทำหน้าที่พ่อแม่ให้กับเค้าทุกวัน
ไม่จำเป็นต้องอยู่กับเค้า 24 ชั่วโมงหรอก ทำงานเก็บเงินไว้สร้างอนาตให้เค้าดีกว่า
แล้วถ้าคุณไม่ทำงานรายได้ลด 30,000 แต่แฟนคุณรายจ่ายเพิ่ม
เพราะต้องรับผิดชอบในส่วนที่คุณเคยจ่าย รับผิดชอบคนเดียวทั้งหมด คิดว่ามันจะพอเหรอ?
แล้วที่คิดว่าจะมาทำธุรกิจส่วนตัว มันไม่ง่ายขนาดนั้นคุณต้องใช้เงินและเวลา
ทุกวันนี้เงินคือสิ่งขับเคลื่อนชีวิต ถ้าอยากให้ลูกมีคุณภาพที่ดีคุณต้องมีเงิน support เค้า
ตอนนี้แฟนคุณอาจจะมองแค่ว่าอยากให้เวลากับลูกอยากเลี้ยงลูกเอง
แต่เมื่อถึงเวลาแล้วการเงินมีปัญหา ชักหน้าไม่ถึงหลัง ครอบครัวจากเย็นก็จะเป็นร้อน
คุณไม่ได้ทิ้งลูกคุณก็ยังทำหน้าที่พ่อแม่ให้กับเค้าทุกวัน
ไม่จำเป็นต้องอยู่กับเค้า 24 ชั่วโมงหรอก ทำงานเก็บเงินไว้สร้างอนาตให้เค้าดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 8
เราเคยผ่านประสบการณ์คล้าย ๆ กับคุณคือต้องทำงาน ฝากลูกกับพี่เลี้ยงที่เปลี่ยนแทบจะทุกสองเดือน แต่เราต้องผ่อนบ้านและเลี้ยงแม่ด้วย อยากออกมาเลี้ยงลูกใจจะขาดแต่ทำไม่ได้ เพราะภาระเยอะเหลือเกิน สุดท้ายก็ตัดสินใจทำงานต่อมาจนมาลาออกตอนอายุสี่สิบกว่า เลยอยากแชร์ประสบการณ์ให้คุณฟังเผื่อจะเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
เรื่องแรกคือการที่คุณกลัวว่าลูกจะไปติดนิสัยของพี่เลี้ยง ถ้าคุณดูแลเองใกล้ชิดตอนเย็นกับเสาร์อาทิตย์ เราว่าข้อนี้ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไหร่ เพราะคุณจะเห็นทันทีที่ลูกมีพฤติกรรมแปลกๆ ที่ไม่ดีและแก้ได้ทันที และถึงคุณจะไม่ได้อยู่กับลูกตลอด 24 ชั่วโมงก็อย่ากลัวว่าลูกจะขาดความอบอุ่นถ้าคุณให้ความสนใจเค้าเต็มที่ในช่วงที่อยู่ด้วยกัน ลูกเราสองคนไม่มีใครติดพี่เลี้ยงเลยซักคน ติดแม่กันหมด
เรื่องที่สองคือรายได้ของครอบครัว ถ้าคุณเลิกทำงาน รายได้ในครอบครัวจะหายไปเลย 3 หมื่น หรือครึ่งนึงของครอบครัวเลยทีเดียว ซึ่งตรงนี้นับว่าเยอะ ถึงสามีคุณจะยอมทำงานมากขึ้นแต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะพอใช้กันสามคน ยิ่งอีกหน่อยลูกเรียนหนังสือจะยิ่งต้องใช้เงินอีกเยอะ เราว่าตรงนี้เป็นความเสี่ยงที่น่าเป็นห่วงมากกว่า
ถ้าเราเป็นคุณเราจะตัดสินใจทำงานต่อ แต่เลือกทางนี้มันก็มีข้อเสียเหมือนกันแบบที่คุณคงรู้อยู่แล้วคือต้องแลกกับสุขภาพของตัวเอง เพราะเราไม่เคยได้นอนหลับเต็มตาเลยเป็นสิบๆ ปีช่วงลูกสองคนยังเล็ก และปัญหาสุขภาพก็เป็นเหตุผลนึงที่ทำให้เราต้องเลิกทำงานก่อนเกษียณ แต่ถ้าเรากลับไปได้เราก็ยังคงจะเลือกแบบนี้ เพราะการที่เราเลือกทำงานต่อทำให้เรามีเงินเก็บพอที่จะดูแลตัวเองได้ตอนแก่โดยไม่เป็นภาระกับเขา ซึ่งถือว่าเป็นการรับผิดชอบต่อลูกอีกแบบหนึ่งเหมือนกันนะเราว่า
เรื่องแรกคือการที่คุณกลัวว่าลูกจะไปติดนิสัยของพี่เลี้ยง ถ้าคุณดูแลเองใกล้ชิดตอนเย็นกับเสาร์อาทิตย์ เราว่าข้อนี้ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไหร่ เพราะคุณจะเห็นทันทีที่ลูกมีพฤติกรรมแปลกๆ ที่ไม่ดีและแก้ได้ทันที และถึงคุณจะไม่ได้อยู่กับลูกตลอด 24 ชั่วโมงก็อย่ากลัวว่าลูกจะขาดความอบอุ่นถ้าคุณให้ความสนใจเค้าเต็มที่ในช่วงที่อยู่ด้วยกัน ลูกเราสองคนไม่มีใครติดพี่เลี้ยงเลยซักคน ติดแม่กันหมด
เรื่องที่สองคือรายได้ของครอบครัว ถ้าคุณเลิกทำงาน รายได้ในครอบครัวจะหายไปเลย 3 หมื่น หรือครึ่งนึงของครอบครัวเลยทีเดียว ซึ่งตรงนี้นับว่าเยอะ ถึงสามีคุณจะยอมทำงานมากขึ้นแต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะพอใช้กันสามคน ยิ่งอีกหน่อยลูกเรียนหนังสือจะยิ่งต้องใช้เงินอีกเยอะ เราว่าตรงนี้เป็นความเสี่ยงที่น่าเป็นห่วงมากกว่า
ถ้าเราเป็นคุณเราจะตัดสินใจทำงานต่อ แต่เลือกทางนี้มันก็มีข้อเสียเหมือนกันแบบที่คุณคงรู้อยู่แล้วคือต้องแลกกับสุขภาพของตัวเอง เพราะเราไม่เคยได้นอนหลับเต็มตาเลยเป็นสิบๆ ปีช่วงลูกสองคนยังเล็ก และปัญหาสุขภาพก็เป็นเหตุผลนึงที่ทำให้เราต้องเลิกทำงานก่อนเกษียณ แต่ถ้าเรากลับไปได้เราก็ยังคงจะเลือกแบบนี้ เพราะการที่เราเลือกทำงานต่อทำให้เรามีเงินเก็บพอที่จะดูแลตัวเองได้ตอนแก่โดยไม่เป็นภาระกับเขา ซึ่งถือว่าเป็นการรับผิดชอบต่อลูกอีกแบบหนึ่งเหมือนกันนะเราว่า
ความคิดเห็นที่ 18
สามีคุณโลกสวยมากกกกก ตัวเองยังเอาแทบไม่รอดเลย นี่จะต้องแบกไว้อีก 3 ชีวิต จะไหวเหรอ
แค่ฝากเลี้ยงกับพี่เลี้ยง ไม่ถึงกับทำให้สายสัมพันธ์ กับลูกไม่ดีหรอกค่ะ
หลังเลิกงาน เสาร์อาทิตย์ ก็พยายามใช้เวลากับเค้าเยอะๆ
พูดคุย หากิจกรรมทำร่วมกัน
เดี๋ยวลูกก็เริ่มเข้าโรงเรียนแล้ว ยิ่งต้องใช้เงินเยอะนะคะ ถ้าเงินของสามีเหลือแค่หลักพันต่อเดิอน จขกท. ทำงานต่อดีกว่าค่ะ
แค่ฝากเลี้ยงกับพี่เลี้ยง ไม่ถึงกับทำให้สายสัมพันธ์ กับลูกไม่ดีหรอกค่ะ
หลังเลิกงาน เสาร์อาทิตย์ ก็พยายามใช้เวลากับเค้าเยอะๆ
พูดคุย หากิจกรรมทำร่วมกัน
เดี๋ยวลูกก็เริ่มเข้าโรงเรียนแล้ว ยิ่งต้องใช้เงินเยอะนะคะ ถ้าเงินของสามีเหลือแค่หลักพันต่อเดิอน จขกท. ทำงานต่อดีกว่าค่ะ
แสดงความคิดเห็น
สามีเงินเดือนไม่มาก แต่อยากให้ออกจากงานประจำเพื่อมาเลี้ยงลูก
สามีอยากให้เราออกจากงานประจำมาเลี้ยงลูก ให้เวลาเต็มที่กับลูก เราเองก็สงสารลูกเพราะทุกวันนี้ไปรับส่งเช้าเย็นบ้านพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงก็เลี้ยงดีไม่เคยมีปัญหา แต่ความอบอุ่นสายสัมพันธ์แม่ลูกก็จะไม่ได้รับเต็มที่ ลูกก็สุขภาพไม่ค่อยดี เจ็บป่วยบ่อย (มีภูมิแพ้จากกรรมพันธุ์ทางเราเอง่ะ)
.
งานที่เราทำตอนนี้เป็งงานมั่นคง ทำงานมาแล้ว 2 ปี.. เงินเดือน 3หมื่นต้นๆ.. เลือนขั้น 1 ขั้นทุกปี ปีละเกือบ 2,000 บาท ณ ตอนนี้ อาจจะไม่มากมายแต่ก็เหลือพอไว้เก็บ เราจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างของลูก ค่านม ค่าเพิส ของเล่น เสื้อผ้า ฯลฯ ของกินของใช้ในบ้าน และจะสมทบสามีในส่วนของค่าน้ำมันรถและค่าทางด่วน (เราทำงานกันคนละที่แต่ใช้รถคันเดียวกันไปทำงาน)
.
การที่จะออกจากงานประจำมันทำให้เรากังวลมากๆ สามีเป็นมนุษย์เงินเดือน รายได้ต่อเดือนพอๆ กับเรา.. ทุกวันนี้ สามีเป็นคนรับผิดชอบค่าเช่าบ้านซึ่งตกเดือนละ 8พัน ไปเต็มๆ ยังมีค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่ากับข้าว.. หักไปหักมา แกมีเงินเก็บแต่ละเดือนหลักพันต้นๆ..
.
สามีเราเป็นคนรักครอบครัว แกอยากทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว แกเป็นห่วงลูก อยากให้ลูกอยู่กับแม่เอง..และแกยอมจะหางานเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ แต่เรากลัวว่าถ้าให้สามีทำงานคนเดียว แกจะเหนื่อยและจะกลายเป็นทำงานเพิ่มเท่าตัวจนไม่มีเวลาให้ครอบครัวและไม่มีเวลาพักผ่อนสำหรับตัวเอง..
.
เราไม่เคยเป็นแม่บ้านมาก่อน เรียนจบมาเราก็ทำงานเลย ค่อนข้างแอคทีฟเรื่องการทำงาน พบปะผู้คน แต่พอมีลูก เราเริ่มเหนื่อยกับการทำงานประจำที่จะต้องออกแต่เช้าและเจอหน้าลูกอีกทีก็เริ่มค่ำ หน้าที่ของภรรยาต่อสามีก็เริ่มลด เพราะต้องเอาเวลาไปทุ่มเทกับลูก เล่นกับลูกเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไปตอนกลางวัน
.
ทุกวันนี้เรายังฝืนทนทำงานต่อ ก็เพื่อครอบครัว กลัวถ้าซักวันเราต้องออกจากงานประจำจริง ธุรกิจสามีไม่ประสบผลสำเร็จ หรือเดือดร้อนการเงิน อย่างน้อยเราก็ยังสามารถ Back up สามีได้... ตอนนี้ เงินเก็บเราจะมีมากกว่าสามี เราเก็บไว้ยามฉุกเฉินสำหรับครอบครัวด้วย
.
เราเข้าใจในความหวังดีของสามี แต่เราก็กังวลอนาคตว่าเค้าจะไม่สามารถ support การเงินสำหรับครอบครัวได้
.
เราควรออกจากบ้านเลี้ยงลูกเต็มที่ และค่อยเริ่มธุรกิจเล็กๆ ดีไหม? เพราะอีกใจก็ไม่ค่อยมั่นใจเรื่องธุรกิจ เพราะไม่เคยทำมาก่อน หรือเราคิดมากกับชีวิตไป
ใครมีประสบการณ์คล้ายๆกัน มีคำแนะนำ หรือความเห็นอะไรบ้างคะ?
.
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับ คห. นะคะ
.