รบกวนผู้รู้ แสดงความเห็น "เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญานจึงมี"

และข้อความ
"เพราะวิญญานเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี"

ผมพิจารณาข้อความทั้งสองนี้ไม่แตกฉาน
จึงเกิดความสงสัยว่าตนเองอาจให้ความหมายของคำว่า "วิญญาน" ผิดไป

รบกวนผู้รู้ แสดงความเห็นในประเด็นคำถามนี้ครับ

1. วิญญานในปฏิจฯ เป็นสิ่งเดียวกับวิญญาน ในขันธ์5 หรือไม่?

2. วิญญานในขันธ์5 คือ จักษุวิญญาน ชิวหาวิญญาน ฯลฯ ใช่หรือไม่?

3. จากความหมายข้อ 3 , ดังนั้น จักษุ, ชิวหา  ต้องมีมาก่อนใช่หรือไม่? จึงจะเกิดวิญญานได้  ดังนั้น นามรูปน่าจะเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญานไม่ใช่หรือ?

4. ในกรณีเดียวกัน น่าจะเกิดการรับรู้ก่อนโดยวิญญาน จึงจะเกิดสังขารได้ ไม่ใช่หรือ?

.....
ขอบคุณทุกท่าน และขอให้เจริญในธรรมครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 27
ต่อไปผมจะตอบในเชิงลึก  ที่คนส่วนมากจะมองเห็นเป็นดังด้ายหยุ่งพันกันแกะแทบไม่ได้ ดังนี้...

ส่วนที่ 1.
    ขันธ์ 5  กับ อุปาทานขันธ์ 5 นั้นย่อมต่างกันคนละอย่างกันแต่เสมือนเป็นเนื้อเดียวกันเกิดร่วมกันอยู่  มีกล่าวในพระไตรปิฏก

    ดังนั้น ขันธ์ 5 กับ ปฏิจสมุทปบาทฝ่ายเกิด(ตั้งแต่ สังขาร >... ไปจนถึง อุปาทาน) นั้นเป็นคนละอย่างกันแต่เสมือนเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะเมื่อยังมีอวิชชาอยู่ ก็ย่อมสัมพันธ์กันอยู่เสมือนเป็นเนื้อเดียวกัน  

    ต่อไปยกหลักฐานจากพระไตรปิฏกดังนี้..

                                (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓)

                      พุทธพจน์ แสดงขันธ์ ๕ และอุปาทานขันธ์ ๕

                                     ปัญจขันธสูตร

        [๙๕] ....."ภิกษุทั้งหลาย  เราจักแสดงขันธ์ ๕  และอุปาทานขันธ์ ๕    เธอทั้งหลายจงฟัง"

        "ขันธ์ ๕  เป็นไฉน ?    รูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ    อันใดอันหนึ่ง  

ทั้งที่เป็นอดีต    อนาคต    ปัจจุบัน    เป็นภายในก็ตาม    ภายนอกก็ตาม    หยาบก็ตาม    ละเอียดก็ตาม    

ทรามก็ตาม    ประณีตก็ตาม    ไกลหรือใกล้ก็ตาม   เหล่านี้  เรียกว่า  ขันธ์ ๕".....

         [๙๖] ....."อุปาทานขันธ์ ๕  เป็นไฉน ?    รูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ    อันใดอันหนึ่ง    

ทั้งที่เป็นอดีต    อนาคต    ปัจจุบัน    เป็นภายในก็ตาม    ภายนอกก็ตาม    หยาบก็ตาม    ละเอียดก็ตาม    

ทรามก็ตาม    ประณีตก็ตาม    ไกลหรือใกล้ก็ตาม    

ที่ประกอบด้วยอาสวะ  เป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน(หรือถูกอุปาทานครอบงำในปฏิจจสมุปบาทนั่นเอง)...เหล่านี้  เรียกว่า    อุปาทานขันธ์ ๕"....

                                                     (สํ.ข. ๑๗ / ๙๕-๙๖ /๕๘-๖๐)

         "ภิกษุทั้งหลาย  เราจักแสดงธรรมทั้งหลายซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน   และตัวอุปาทาน   เธอทั้งหลายจงฟัง.

"รูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ   คือ ธรรม(สิ่ง)อันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน    

(ส่วน)ฉันทราคะ(ก็คือตัณหา) ในรูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ  นั้นคือ  อุปาทานในสิ่งนั้นๆ"

(ฉันทะราคะ คือความชอบใจจนติด  หรืออยากอย่างแรงจนยึดติด  กล่าวคือตัณหา  จึงเป็นเหตุปัจจัยจึงมีอุปาทานครอบงำ)

                                                   (สํ.ข. ๑๗ / ๓๐๙ / ๒๐๒)

ข้อมูลจาก   http://www.nkgen.com/7.htm

ส่วนที่ 2

    จากคำถามข้อที่  4. ในกรณีเดียวกัน น่าจะเกิดการรับรู้ก่อนโดยวิญญาน จึงจะเกิดสังขารได้ ไม่ใช่หรือ?

    ตอบ เกิดได้จากหลายนัยยะ ถ้าได้อ่านศึกษาในพระอภิธรรมปิฏก ดังนี้....
                    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
                                     วิภังคปกรณ์
                            นัย ๘ มีสังขารมูลกนัยเป็นต้น]
             [๒๙๐]     อวิชชาเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย ฯลฯ
                          อวิชชาเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ฯลฯ
                          อวิชชาเกิดเพราะนามเป็นปัจจัย ฯลฯ
                          อวิชชาเกิดเพราะอายตนะที่ ๖ เป็นปัจจัย ฯลฯ
                          อวิชชาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย ฯลฯ
                          อวิชชาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย ฯลฯ
                          อวิชชาเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ฯลฯ
                          อวิชชาเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ฯลฯ
                          สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
                          วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
                          นามรูปเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
                          สฬายตนะเกิดเพราะนามรูปเป็นปัจจัย
                          ผัสสะเกิดเพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย
                          เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
                          ตัณหาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
                          อุปาทานเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
                          ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
                          ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
                          ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
             ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
                                 อภิธรรมมาติกา จบ

จาก  https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=35&A=3846

     ดังนั้น  ตั้งแต่ สังขาร >... ไปจนถึง อุปาทาน  อะไรเป็นปัจจัยเกิดก่อนก็ได้

    หมายเหตุ จะเห็นว่ามีธรรมหลายๆ อย่างค้านกับความเข้าใจของแต่ท่านได้ มากมายจึงทำให้เกิดความสับสนได้ เมื่อไม่เจาะลึกในแต่ละประเด็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่