คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เราว่ามันมีหลายปัจจัยรวมกันนะ
เข้าถึงหมอได้ยากแสนยากกว่าเมืองไทย ไม่ใช่ประเทศสวิสแน่นอนค่ะ
คนที่นี่มีประกันป่วยทุกคน เข้าพบหมอได้ตามความจำเป็น รักษาและติดตามผล
ที่โรงพยาบาล walk-in clinic/Ambulatorium ก็ยังได้ตามความจำเป็นของการเจ็บป่วย
เมื่อมีประกันคนเขาก็ไปพบแพทย์ได้ง่าย รักษาพยาบาลกินยาต่าง ๆ ต่อชีวิตออกไปได้อีกง่าย ๆ และมีหมอที่ไปหาได้แทบจะทุกหมู่บ้าน ไม่ต้องไปแค่โรงพยาบาลเท่านั้น
สิ่งที่เราเห็นที่เมืองฝรั่งคือการดำรงชีพ
ปรกติของคนส่วนมาก
การกิน เขากินอาหาร เบาหนักตามเวลา เช่นอาหารเช้ากินน้อย อาหารเที่ยง กินเมนู อาหารเย็นกินน้อยแบบเบา ๆ
เมืองฝรั่งไม่มีอาหารหลากหลายที่หากินได้ง่าย เหมือนเมืองไทย ไม่มีการตั้งร้านขายตามถนนหนทาง เพราะกฏหมายควบคุมหลาย ๆ ด้านและอากาศหนาว
ฝรั่งเรียนรู้การว่ายน้ำ การขี่จักรยานมาตั้งแต่วัยเด็กมาก เรียนมาจากโรงเรียนในชั่วโมงพะละ เลยทำให้ฝรั่งส่วนมากว่ายน้ำและขี่จักรยานเป็น
เราแอบทึ่งคนแก่วัย 80-90 ว่ายน้ำได้เก่งว่าเราอีก เพราะเขาฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กแก่แค่ใหนก็ยังว่ายน้ำได้
ส่วนเด็กเล็กที่ไปฝากเลี้ยง ฝนตกแดดออก เขาจะมีชั่วโมงพาเด็กออกไปเดินไปเล่นข้างนอกสู่ธรรมชาติ แฉะ ๆ ก็ไป หิมะลงก็ไป
ส่วนประเทศไทย
อากาสร้อนมากเกินที่จะทำให้คนออกมาเดินมาออกกำลังกาย
อาหารการกินล้นเหลือมากมาขายทั่วไปหากินได้ง่าย
อาหารไทยมีรสชาติจัดจ้านปรุงเยอะ อร่อยมากยามกิน
ของขบเขี้ยวเปรี้ยวปากตามรสแซบ ตามรถเข็นที่ทำให้คนน้ำลายใหล คือของดองจิ้มพริกเกลือ มะม่วงมะยม จิ้มเกลือจิ้มกะปิ ผลใม้เปลี้ยวจิ้มของเค็ม ๆ จิ้มเท่าไหร่ก็ไม่เค็มเพราะผลใม้มันเปรี้ยว เลยทำให้กินเค็มมาก กินประจำมาตลอดชีวิต
ส้มตำ ตำต่าง ๆ ใช้น้ำปลาน้ำปลาร้าไม่ต่ำกว่า 1 ทัพพีต่อครกเล็ก ๆ สาว ๆ หลาย ๆ คนที่มีประจำเดือนจะทำให้อยากกินของเหล่านี้ทุกเดือน รวมถึงเราด้วยในอดีต เราก็จะกินแบบนั้น
การรักษาพยาบาลของไทย มีโครงการ 30 บาทก็จริง โรงพยาบาลไม่ได้มีทั่วไป ไม่ได้สะดวกกับทุก ๆ คน จะไปรักษาที่คลีนิกใกล้บ้านก้ไม่ได้ ต้องไปโรงพยาบาลเท่านั้น
คนต่างจังหวัด ที่อยู่ในหมู่บ้านใกลออกไปเป็น 10-20... กิโลไปหาหมอต้องเดินทางใกลมาก แถมไม่มีรถประจำทางที่วิ่งแบบปรกติตรงเวลาทุกวัน
และอื่น ๆ อีกมากมายที่วิถีชีวิตของคนไทย ที่ทำให้สะสมโรคภัย เลยซื้อยากกินเองแบบง่าย ๆ ยาผีบอกก็เยอะ ยาวิเศษก็มาก
ส่วนเรื่องการทำงาน
ประเทศสวิสคนส่วนมากทำงานกันไปจนเกษียน หรือใกล้เกษียนถึงค่อยออก หรือออกก่อนเพราะมีเงินเก็บมากพอ
เพราะคนที่นี่เขามีเงินเกษียนทุกอาชีพ คนเลยทำงานไม่ยอมหยุดเพื่อเงินเกษียนในวันหน้า
ในทีมของเราเราแก่ที่สุดในทีมค่ะคือ 58 ปีนี้ อ่อนที่สุดในทีมคืออายุ 22 ปีค่ะ
เข้าถึงหมอได้ยากแสนยากกว่าเมืองไทย ไม่ใช่ประเทศสวิสแน่นอนค่ะ
คนที่นี่มีประกันป่วยทุกคน เข้าพบหมอได้ตามความจำเป็น รักษาและติดตามผล
ที่โรงพยาบาล walk-in clinic/Ambulatorium ก็ยังได้ตามความจำเป็นของการเจ็บป่วย
เมื่อมีประกันคนเขาก็ไปพบแพทย์ได้ง่าย รักษาพยาบาลกินยาต่าง ๆ ต่อชีวิตออกไปได้อีกง่าย ๆ และมีหมอที่ไปหาได้แทบจะทุกหมู่บ้าน ไม่ต้องไปแค่โรงพยาบาลเท่านั้น
สิ่งที่เราเห็นที่เมืองฝรั่งคือการดำรงชีพ
ปรกติของคนส่วนมาก
การกิน เขากินอาหาร เบาหนักตามเวลา เช่นอาหารเช้ากินน้อย อาหารเที่ยง กินเมนู อาหารเย็นกินน้อยแบบเบา ๆ
เมืองฝรั่งไม่มีอาหารหลากหลายที่หากินได้ง่าย เหมือนเมืองไทย ไม่มีการตั้งร้านขายตามถนนหนทาง เพราะกฏหมายควบคุมหลาย ๆ ด้านและอากาศหนาว
ฝรั่งเรียนรู้การว่ายน้ำ การขี่จักรยานมาตั้งแต่วัยเด็กมาก เรียนมาจากโรงเรียนในชั่วโมงพะละ เลยทำให้ฝรั่งส่วนมากว่ายน้ำและขี่จักรยานเป็น
เราแอบทึ่งคนแก่วัย 80-90 ว่ายน้ำได้เก่งว่าเราอีก เพราะเขาฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กแก่แค่ใหนก็ยังว่ายน้ำได้
ส่วนเด็กเล็กที่ไปฝากเลี้ยง ฝนตกแดดออก เขาจะมีชั่วโมงพาเด็กออกไปเดินไปเล่นข้างนอกสู่ธรรมชาติ แฉะ ๆ ก็ไป หิมะลงก็ไป
ส่วนประเทศไทย
อากาสร้อนมากเกินที่จะทำให้คนออกมาเดินมาออกกำลังกาย
อาหารการกินล้นเหลือมากมาขายทั่วไปหากินได้ง่าย
อาหารไทยมีรสชาติจัดจ้านปรุงเยอะ อร่อยมากยามกิน
ของขบเขี้ยวเปรี้ยวปากตามรสแซบ ตามรถเข็นที่ทำให้คนน้ำลายใหล คือของดองจิ้มพริกเกลือ มะม่วงมะยม จิ้มเกลือจิ้มกะปิ ผลใม้เปลี้ยวจิ้มของเค็ม ๆ จิ้มเท่าไหร่ก็ไม่เค็มเพราะผลใม้มันเปรี้ยว เลยทำให้กินเค็มมาก กินประจำมาตลอดชีวิต
ส้มตำ ตำต่าง ๆ ใช้น้ำปลาน้ำปลาร้าไม่ต่ำกว่า 1 ทัพพีต่อครกเล็ก ๆ สาว ๆ หลาย ๆ คนที่มีประจำเดือนจะทำให้อยากกินของเหล่านี้ทุกเดือน รวมถึงเราด้วยในอดีต เราก็จะกินแบบนั้น
การรักษาพยาบาลของไทย มีโครงการ 30 บาทก็จริง โรงพยาบาลไม่ได้มีทั่วไป ไม่ได้สะดวกกับทุก ๆ คน จะไปรักษาที่คลีนิกใกล้บ้านก้ไม่ได้ ต้องไปโรงพยาบาลเท่านั้น
คนต่างจังหวัด ที่อยู่ในหมู่บ้านใกลออกไปเป็น 10-20... กิโลไปหาหมอต้องเดินทางใกลมาก แถมไม่มีรถประจำทางที่วิ่งแบบปรกติตรงเวลาทุกวัน
และอื่น ๆ อีกมากมายที่วิถีชีวิตของคนไทย ที่ทำให้สะสมโรคภัย เลยซื้อยากกินเองแบบง่าย ๆ ยาผีบอกก็เยอะ ยาวิเศษก็มาก
ส่วนเรื่องการทำงาน
ประเทศสวิสคนส่วนมากทำงานกันไปจนเกษียน หรือใกล้เกษียนถึงค่อยออก หรือออกก่อนเพราะมีเงินเก็บมากพอ
เพราะคนที่นี่เขามีเงินเกษียนทุกอาชีพ คนเลยทำงานไม่ยอมหยุดเพื่อเงินเกษียนในวันหน้า
ในทีมของเราเราแก่ที่สุดในทีมค่ะคือ 58 ปีนี้ อ่อนที่สุดในทีมคืออายุ 22 ปีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ประเทศที่พัฒนาแล้วเข้าถึงหมอได้ยากแสนยากกว่าเมืองไทย แต่ทำไมคนอายุยื่นกว่า สุขภาพแข็งแรงกว่ามากคะ
แต่ทำไมคนประเทศที่พัฒนาแล้วกลับมีอายุไขยเฉลี่ยยืนยาวกว่า สุขภาพแข็งแรงกว่า คนแก่ก็ออกมาทำงานพิเศษงานพาร์ทไทม์กัน หรือทำกิจกรรมต่างๆข้างนอก เมื่อเทียบกับคนไทยที่เข้าถึงหมอง่ายกว่ามาก แต่อายุไขยเฉลี่ยกลับน้อยกว่า แข็งแรงน้อยกว่า เป็นเบาหวานความดันเป็นนั่นเป็นนี่ พออายุ30 40 เริ่มไม่เป็นที่ต้องการ หรือต้องถูกขจัดออกไม่ให้เข้ามาในสังคมการทำงานเช่นบริษัทคะ