เคยมีใครสังสัยไหมครับว่าทำไมคนเราถึงจำเป็นจะต้องซื้อประกันด้วย และหลายๆคนชอบบอกว่าการมีประกันมันอุ่นใจกว่า แต่ถ้ามองลึกลงไปดีดี ถ้าสวัสดิการการรักษามันดีจริงจนครอบคลุมไปหมดไม่ต้องจ่ายเพิ่มเติมมากมายมันจะดีกว่าไหม เหมือนกับการผลักภาระไปให้ประชาชนด้วยว่าถ้าป่วยก็ต้องจ่ายเองนะ รัฐจะไม่มาสนใจสุขภาพของประชาชนหรอก (อันนี้ขอนอกเรื่องนิดนึงครับที่สำคัญประชาชนคนไทยควรจะมีความรู้เรื่องสุขภาพเบื้องต้นในการดูแลตนเองด้วย ไม่ใช่เป็นอะไรนิดอะไรหน่อยก็ไปโรงพยาบาล เช่น ปวดหัว ปวดท้องแบบทนไหวพอไปเจอหมอก็ได้แค่ยากลับมากินแล้วก็บ่นว่าอะไรนี้ได้แค่ยามากินแค่นี้ซื้อยาแถวบ้านกินก็ได้ไหม ซึ่งต่างจากต่างประเทศมากถ้าไม่ถึงขั้นใกล้ตายห้ามไปโรงพยาบาลเด็ดขาด ถึงไปก็โดนไล่กลับไปอยู่ดี ต้องดูแลตนเองให้มีสุขภาพแข็งแรงเสมอ ซึ่งนี้มันก็คือจุดที่คนไทยชอบไม่ดูแลตนเอง ไม่ว่าทั้งเรื่องการกิน การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ เพราะมีคนบางส่วนคิดว่าทำๆไปเถอะ เดี๋ยวไม่สบายก็เข้ารพ.รักษาก็จบ ยิ่งคนที่มีฐานะสูงนะ เคยถามว่าไม่กลัวไต ตับจะพังหรอ เขาบอกไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวไปฟอกไตเอาก็ได้)
.
ซึ่งมันทำให้เกิดความกลัวเหล่านี้จึงเป็นจุดอ่อนให้บริษัทประกันต่างๆ พยายามโฆษณาว่าถ้าไม่อยากจ่ายแพงๆสำหรับค่ารักษาต้องซื้อประกันไว้นะ ซึ่งถ้าแปลความหมายแบบตรงตัวภาษาแบบชาวบ้านเข้าใจกันได้ง่ายๆเลย บริษัทกำลังหากินกับความจุดอ่อนของรัฐบาลที่ไม่สามารถช่วยเหลือค่ารักษาแก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง ใครมีเงินจ่ายมากก็รอด ใครไม่มีเงินจ่ายก็ตายๆไปซะ
.
มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราไม่มีทางเลือกจริงๆ นอกจากซื้อประกันไว้เพื่อความอุ่นใจ ไม่รู้อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่มันจะดีกว่าไหมว่าการซื้อประกันมันคือทางเลือกไม่ใช่ทางรอด ไหนจะเรื่องภาษีอีก ยิ่งพนักงานเงินเดือนส่วนใหญ่ที่ซื้อเหตุผลเพราะเรื่องภาษีมากกว่าการดูแลสุขภาพของตนเองอีก ซื้อไปเพราะต้องการลดหย่อนภาษี
.
บริษัทประกันยังไงก็ไม่มีวันตายหรอก ยกเว้นช่วงที่เกิดการระบาดของโรคที่มันหนักจนเกินจะควบคุมได้ ถ้าในช่วงเวลาปกติมันไม่มีใครอยากป่วย อยากเจ็บตัวหรอกจริงไหมครับ เงินเบี้ยพวกนั้นก็จ่ายทิ้งไปเรื่อยๆ จนทำให้บริษัทประกันเติบโต แต่เป็นเราเองนี้ละที่จะต้องหาเงินมาจ่ายประกันไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะตายจากโลกนี้ไป
.
มันเหมือนเป็นการสร้างสิ่งที่ไม่มีจริงให้มันเกิดขึ้นจริงๆ สร้างความหวาดกลัว ว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาบนโลกนี้ล้วนมีความเสี่ยงจำเป็นจะต้องซื้อประกันนะไม่งั้นจะอยู่บนโลกนี้อย่างปลอดภัยไม่ได้ มันจะดีกว่าไหมถ้ารัฐเข้มงวดกับกฎหมายจนไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ สถาบันครอบครัวใส่ใจเรื่องสุขภาพให้ความรู้ตั้งแต่เด็กๆจนตระหนักได้ว่าควรดูแลสุขภาพตนเองอย่างไร
ทำไมประกันถึงเป็นทางเลือกเดียวที่ทำให้ชีวิตมีความปลอดภัย ?
.
ซึ่งมันทำให้เกิดความกลัวเหล่านี้จึงเป็นจุดอ่อนให้บริษัทประกันต่างๆ พยายามโฆษณาว่าถ้าไม่อยากจ่ายแพงๆสำหรับค่ารักษาต้องซื้อประกันไว้นะ ซึ่งถ้าแปลความหมายแบบตรงตัวภาษาแบบชาวบ้านเข้าใจกันได้ง่ายๆเลย บริษัทกำลังหากินกับความจุดอ่อนของรัฐบาลที่ไม่สามารถช่วยเหลือค่ารักษาแก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง ใครมีเงินจ่ายมากก็รอด ใครไม่มีเงินจ่ายก็ตายๆไปซะ
.
มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราไม่มีทางเลือกจริงๆ นอกจากซื้อประกันไว้เพื่อความอุ่นใจ ไม่รู้อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่มันจะดีกว่าไหมว่าการซื้อประกันมันคือทางเลือกไม่ใช่ทางรอด ไหนจะเรื่องภาษีอีก ยิ่งพนักงานเงินเดือนส่วนใหญ่ที่ซื้อเหตุผลเพราะเรื่องภาษีมากกว่าการดูแลสุขภาพของตนเองอีก ซื้อไปเพราะต้องการลดหย่อนภาษี
.
บริษัทประกันยังไงก็ไม่มีวันตายหรอก ยกเว้นช่วงที่เกิดการระบาดของโรคที่มันหนักจนเกินจะควบคุมได้ ถ้าในช่วงเวลาปกติมันไม่มีใครอยากป่วย อยากเจ็บตัวหรอกจริงไหมครับ เงินเบี้ยพวกนั้นก็จ่ายทิ้งไปเรื่อยๆ จนทำให้บริษัทประกันเติบโต แต่เป็นเราเองนี้ละที่จะต้องหาเงินมาจ่ายประกันไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะตายจากโลกนี้ไป
.
มันเหมือนเป็นการสร้างสิ่งที่ไม่มีจริงให้มันเกิดขึ้นจริงๆ สร้างความหวาดกลัว ว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาบนโลกนี้ล้วนมีความเสี่ยงจำเป็นจะต้องซื้อประกันนะไม่งั้นจะอยู่บนโลกนี้อย่างปลอดภัยไม่ได้ มันจะดีกว่าไหมถ้ารัฐเข้มงวดกับกฎหมายจนไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ สถาบันครอบครัวใส่ใจเรื่องสุขภาพให้ความรู้ตั้งแต่เด็กๆจนตระหนักได้ว่าควรดูแลสุขภาพตนเองอย่างไร