วันนี้อยากได้คำนิยามการประสบความสำเร็จของแต่ละคนค่ะ ส่วนเราจะมาเล่าของเราให้ฟัง
สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตให้ฟังค่ะ
เมื่อก่อนตอนสมัยยังวัยรุ่น 20 ต้นๆ เรามีความฝันว่าการมีบ้าน มีรถ คือจุดที่เราจะประสบความสำเร็จสูงสุด เคยคิดตลอดว่ายิ่งมีเร็วยิ่งโชคดี
วันนี้จะมานั่งเล่าให้ฟังค่ะ ขอแบ่งย่อหน้านะคะ
เราได้ทำการออกรถครั้งแรกช่วงอายุประมาณ 22 - 23 ปี ออกทั้งๆที่ยังขับไม่เป็นนะคะ ไฟแรงค่ะ คิดว่าออกมาเดี๋ยวก็ขับได้ เห็นที่ทำงานมีรถกันฉันอยากมีบ้าง ญาติๆออกรถลูกพี่ลูกน้องออก กลัวอายค่ะ ออกเลย วันไปเอารถออกมาก็วานพี่ที่รู้จักขับมาให้ ช่วงที่เราออกรถเงินเดือนอยู่ประมาณ 15,000 ค่ะ ภาระต่อเดือนมีแค่ค่าน้ำค่าไฟ (พักอยู่กับลูกพี่ลูกน้อง เดือนนึงประมาณ 2 พัน) รถผ่อนต่อเดือนละประมาณ 7300 ค่ะ คิดว่าสบายๆชิลๆ สุดท้ายออกรถปุ๊ปมีเหตุฉุกเฉินต้องย้ายออกไปอยู่คนเดียว ตั้งแต่นั้นมาจ่ายงวดรถช้า แล้วก็ยังไม่ได้เรียนขับรถค่ะ ผ่อนยาวๆ จากสบายๆเรายิ่งกว่าเดือนชนเดือน มีบัตรเครดิตก็รูด จนหนักมากค่ะเงินไม่เคยพอ กินข้าวเย็นคือข้าวเหนียวหมูปิ้ง เดินกลับที่พักเป็นกิโล ไม่ได้ไปเที่ยวเพราะไม่มีเงิน ภาระก็เยอะ แต่อีโก้ก็ยังมี ไม่ปล่อยให้ยึดนะคะ ก็ยังผ่อนอยู่แบบนั้น จนทุกวันนี้มีรายได้เพิ่ม ผ่อนรอดแล้วค่ะ อาจจะยังไม่ถึงดีแต่ก็ยังสบายกว่าแต่ก่อน (ถ้าถามว่าทางบ้านไม่รู้หรอ ไม่ได้บอกค่ะ พึ่งมาบอกตอนอะไรดีขึ้นแล้วมานั่งเล่าให้ฟัง) นอกจากมีรถ ยังมีค่าน้ำมัน ค่าบำรุง ไหนจะแบตหมด ยางแตก ประกันอีกนะคะ
ส่วนบ้านความคิดตอนสมัยช่วงนั้นก็คิดค่ะว่าต้องมี มีเร็วคือเก่ง เป็นหน้าเป็นตา อยากมีบ้านหลังใหญ่ๆ แต่ตั้งแต่ผ่อนรถยังไม่รอด เพราะขาดการวางแผน ขาดเงินเก็บ ขาดสติ หลังจากนั้นมา จะทำอะไรเราคิดเสมอค่ะ บ้านเอาเป็นขอแค่มีที่ซุกหัวนอนได้ก็พอ ทุกวันนี้ก็โดนทางญาติบ่นๆนะคะกลับที เมื่อไหร่จะซื้อบ้านอย่างนั้นอย่างนี้ ดูคนนั้นซิพึ่งกู้บ้านกันมา มีบ้านเดี่ยวหลังใหญ่โต อายุน้อยกว่าเราอีก คนที่ออกบ้านล่าสุดเพราะโดนที่บ้านถามๆแล้วคิดว่าออกเร็วคือประสบความสำเร็จ กู้ร่วมกับแฟน เงินค่าผ่อนบ้านเท่ากับเงินเดือนคนนึง ถามอนาคตยังไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ซื้อบ้านยาวไหม คนเราชอบคิดว่าถ้าไม่อยู่ก็ขายสิ ไม่ก็ปล่อยเช่าสิ ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีสิคะ แต่เราไม่สนใจค่ะ เวลาไม่มีคนเดือดร้อนคือเรา ไม่มีใครมาช่วย คนรอบข้างเราพังเพราะคำพูดคนอื่นโดยเฉพาะญาติมาเยอะแล้ว
ตอนนี้เลยอยากมาบอกว่า การที่เราอยากมีบ้าน มีรถ มันไม่ผิดค่ะ แต่มีอะไรควรเป็นที่เราสามารถไหว และสิ่งแน่นอนเลยคือต้องมีเงินสำรองและวางแผนให้ดีค่ะ ต้องคิดถึงอนาคตและแผนสำรองไว้ อนาคตไม่แน่นอนค่ะ อยากให้คิดกันเยอะๆ เจอมาหลายกระทู้และหลายคนแล้วเงินเดือนไม่เยอะ อยากมีบ้าน มีรถ เพราะความคิดที่ว่า มีบ้านมีรถอายุยังน้อยคือประสบความสำเร็จ พังไปกี่คนแล้วที่คิดแบบนี้
คนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ คือคนที่สามารถบริหารเงินได้ วางแผนอนาคต มีแผนรองรับตลอด มีเงินสำรองใช้ และมีความคิดเป็นค่ะ
ส่วนคำว่าชีวิตต้องมีบ้าน มีรถ อายุยังน้อยต้องมีนั่นๆมีนี่ๆ ถ้าบริหารตัวเองได้ ไม่ต้องไปยืมเงินใคร มีไปเถอะค่ะ แต่ถ้าแค่อยากมีเพราะอยากให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับของทางญาติ อยากเอาไปพูดโอ้อวดได้ นรกหลังการผ่อน ถ้าบริหารไม่ได้นี่เลวร้ายมากนะคะ อยากฝากถึงคนที่อยากมีแต่ยังไม่มีแผนสำรอง
ยังไม่ได้คิดอะไร ทำอะไรเอาเท่าที่ตัวเองไหวค่ะ อย่าไปสนคำพูดคนอื่นเลยค่ะ
เมื่อไหร่ความคิดที่ว่า มีบ้าน มีรถ คือคนประสบความสำเร็จจะหมดสักที
สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตให้ฟังค่ะ
เมื่อก่อนตอนสมัยยังวัยรุ่น 20 ต้นๆ เรามีความฝันว่าการมีบ้าน มีรถ คือจุดที่เราจะประสบความสำเร็จสูงสุด เคยคิดตลอดว่ายิ่งมีเร็วยิ่งโชคดี
วันนี้จะมานั่งเล่าให้ฟังค่ะ ขอแบ่งย่อหน้านะคะ
เราได้ทำการออกรถครั้งแรกช่วงอายุประมาณ 22 - 23 ปี ออกทั้งๆที่ยังขับไม่เป็นนะคะ ไฟแรงค่ะ คิดว่าออกมาเดี๋ยวก็ขับได้ เห็นที่ทำงานมีรถกันฉันอยากมีบ้าง ญาติๆออกรถลูกพี่ลูกน้องออก กลัวอายค่ะ ออกเลย วันไปเอารถออกมาก็วานพี่ที่รู้จักขับมาให้ ช่วงที่เราออกรถเงินเดือนอยู่ประมาณ 15,000 ค่ะ ภาระต่อเดือนมีแค่ค่าน้ำค่าไฟ (พักอยู่กับลูกพี่ลูกน้อง เดือนนึงประมาณ 2 พัน) รถผ่อนต่อเดือนละประมาณ 7300 ค่ะ คิดว่าสบายๆชิลๆ สุดท้ายออกรถปุ๊ปมีเหตุฉุกเฉินต้องย้ายออกไปอยู่คนเดียว ตั้งแต่นั้นมาจ่ายงวดรถช้า แล้วก็ยังไม่ได้เรียนขับรถค่ะ ผ่อนยาวๆ จากสบายๆเรายิ่งกว่าเดือนชนเดือน มีบัตรเครดิตก็รูด จนหนักมากค่ะเงินไม่เคยพอ กินข้าวเย็นคือข้าวเหนียวหมูปิ้ง เดินกลับที่พักเป็นกิโล ไม่ได้ไปเที่ยวเพราะไม่มีเงิน ภาระก็เยอะ แต่อีโก้ก็ยังมี ไม่ปล่อยให้ยึดนะคะ ก็ยังผ่อนอยู่แบบนั้น จนทุกวันนี้มีรายได้เพิ่ม ผ่อนรอดแล้วค่ะ อาจจะยังไม่ถึงดีแต่ก็ยังสบายกว่าแต่ก่อน (ถ้าถามว่าทางบ้านไม่รู้หรอ ไม่ได้บอกค่ะ พึ่งมาบอกตอนอะไรดีขึ้นแล้วมานั่งเล่าให้ฟัง) นอกจากมีรถ ยังมีค่าน้ำมัน ค่าบำรุง ไหนจะแบตหมด ยางแตก ประกันอีกนะคะ
ส่วนบ้านความคิดตอนสมัยช่วงนั้นก็คิดค่ะว่าต้องมี มีเร็วคือเก่ง เป็นหน้าเป็นตา อยากมีบ้านหลังใหญ่ๆ แต่ตั้งแต่ผ่อนรถยังไม่รอด เพราะขาดการวางแผน ขาดเงินเก็บ ขาดสติ หลังจากนั้นมา จะทำอะไรเราคิดเสมอค่ะ บ้านเอาเป็นขอแค่มีที่ซุกหัวนอนได้ก็พอ ทุกวันนี้ก็โดนทางญาติบ่นๆนะคะกลับที เมื่อไหร่จะซื้อบ้านอย่างนั้นอย่างนี้ ดูคนนั้นซิพึ่งกู้บ้านกันมา มีบ้านเดี่ยวหลังใหญ่โต อายุน้อยกว่าเราอีก คนที่ออกบ้านล่าสุดเพราะโดนที่บ้านถามๆแล้วคิดว่าออกเร็วคือประสบความสำเร็จ กู้ร่วมกับแฟน เงินค่าผ่อนบ้านเท่ากับเงินเดือนคนนึง ถามอนาคตยังไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ซื้อบ้านยาวไหม คนเราชอบคิดว่าถ้าไม่อยู่ก็ขายสิ ไม่ก็ปล่อยเช่าสิ ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีสิคะ แต่เราไม่สนใจค่ะ เวลาไม่มีคนเดือดร้อนคือเรา ไม่มีใครมาช่วย คนรอบข้างเราพังเพราะคำพูดคนอื่นโดยเฉพาะญาติมาเยอะแล้ว
ตอนนี้เลยอยากมาบอกว่า การที่เราอยากมีบ้าน มีรถ มันไม่ผิดค่ะ แต่มีอะไรควรเป็นที่เราสามารถไหว และสิ่งแน่นอนเลยคือต้องมีเงินสำรองและวางแผนให้ดีค่ะ ต้องคิดถึงอนาคตและแผนสำรองไว้ อนาคตไม่แน่นอนค่ะ อยากให้คิดกันเยอะๆ เจอมาหลายกระทู้และหลายคนแล้วเงินเดือนไม่เยอะ อยากมีบ้าน มีรถ เพราะความคิดที่ว่า มีบ้านมีรถอายุยังน้อยคือประสบความสำเร็จ พังไปกี่คนแล้วที่คิดแบบนี้
คนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ คือคนที่สามารถบริหารเงินได้ วางแผนอนาคต มีแผนรองรับตลอด มีเงินสำรองใช้ และมีความคิดเป็นค่ะ
ส่วนคำว่าชีวิตต้องมีบ้าน มีรถ อายุยังน้อยต้องมีนั่นๆมีนี่ๆ ถ้าบริหารตัวเองได้ ไม่ต้องไปยืมเงินใคร มีไปเถอะค่ะ แต่ถ้าแค่อยากมีเพราะอยากให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับของทางญาติ อยากเอาไปพูดโอ้อวดได้ นรกหลังการผ่อน ถ้าบริหารไม่ได้นี่เลวร้ายมากนะคะ อยากฝากถึงคนที่อยากมีแต่ยังไม่มีแผนสำรอง
ยังไม่ได้คิดอะไร ทำอะไรเอาเท่าที่ตัวเองไหวค่ะ อย่าไปสนคำพูดคนอื่นเลยค่ะ