ประสบความสำเร็จในหลายๆอย่าง แต่ชีวิตคู่มีปัญหา

สวัสดีค่ะ ตอนนี้มีปัญหาหลายๆอย่างเข้ามา ขอเกริ่นก่อนว่า ตัวเราโตมาในสังคมที่ญาติๆคือส่วนมากประสบความสำเร็จ
พอเจอหน้ากันในวันรวมญาติทุกคนก็จะพูดคุยแล้วตอนนั้นคือ ฐานะทางบ้านเราด้อยสุด (พ่อแม่แยกทางกันค่ะ เราอยู่กับทางแม่)
แต่แม่ด้วยความที่ไม่ค่อยมีเงิน สุดท้ายคนส่งเสียเราก็คือตากับยาย เราเลยตั้งใจไว้ว่าพอโตถ้าทำงานได้เราจะทำให้ทุกคนเห็นว่าเราก็ประสบความสำเร็จ

ตอนนี้เราอายุ 34 ปีค่ะ แต่งงานมีครอบครัวแล้ว สามี อายุ 40 ปี มีลูกกัน 3 คน
หน้าที่การงานตำแหน่งคือดีทั้งคู่ค่ะ เงินเดือนรวมกันคือเดือนนึง ก็แสนขึ้นค่ะ มีบ้าน มีรถ ครบค่ะ ส่งลูกเรียนโรงเรียนที่มีชื่อ 
ทำให้ตอนนี้คือเรากลายเป็นคนที่ตั้งตัวและมีมากสุดคนนึงในเวลารวมญาติค่ะ ดูทุกอย่างเป็นไปได้สวยแต่คือทุกวันนี้เราเครียดมากค่ะ
ด้วยความที่เราซื้อบ้านเดี่ยว เดือนนึงผ่อนบ้าน+ผ่อนรถ ตกแล้วเดือนนึง 5 หมื่นกว่าๆ ยังไม่รวมค่าเทอม ค่าเรียนพิเศษลูก ค่าบัตร ค่ากินอยู่แต่ละคน
เดือนนึงตอนนี้แทบหมุนเงินไม่ทัน มีปากเสียงทะเลาะกับสามีบ่อยมาก ด้วยความที่ว่า สามีเครียดกับที่ทำงานอยากออก แต่ไม่สามารถออกได้
เพราะที่ทำงานตรงนี้เงินเดือนดี แล้วคุยกันก็จบด้วยทะเลาะ  เป็นแบบนี้บ่อยครั้งมากค่ะ  เราพยายามปลอบสามีว่าเราสร้างทุกอย่างมาตอนนี้
ให้ใจเย็นๆให้อดทน  ที่ซื้อบ้านเดี่ยวเพราะเรามองว่าทำเลตอนนี้ อีก 10-20 ปี ตรงนี้ราคาจะไม่ได้ขนาดนี้  ราคาบ้านมีแต่ขึ้น
ส่วนรถเราอยากได้รถครอบครัว ครั้งหนึ่งในชีวิตเราอยากมี แล้วไปไหนสบาย ถ้าเราอดทน ทำตอนนี้ผ่อนทุกอย่างที่มีกำลัง อีกหน่อยเดี๋ยวก็จบค่ะ 

แต่สามีเราบอกว่า ทำไมเราต้องไปสนใจคนอื่น  เค้าตื่นมาไม่มีวันไหนที่เค้าไม่เครียด เค้าต้องมานั่งคิดว่าเดือนนี้เงินเดือนจะพอใช้ไหม ใช้บัตรเครดิต
วนลูปชีวิตแบบนี้ เค้าอยากมีบั้นปลายชีวิตที่สบาย มีเงินเก็บเยอะๆ แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ต้องมานั่งคิดทุกวัน ผ่อนนั่นนี่ ไหนจะลูกอีก
เวลาเจอญาติ เราก็แค่ได้หน้าทุกคนชมแค่ตอนนั้น แต่สุดท้ายไม่มีใครเค้ามานั่งสนใจชีวิตเราจริงๆหรอกว่าจะยังไง เค้าเหนื่อย เค้าอยากขายบ้าน
เราพยายามอธิบายสามี ว่าที่เราสร้างมาตอนนี้ก็เพื่อครอบครัว ตอนนี้ถึงจะหนักหน่อย แต่เดี๋ยวก็จะผ่านพ้นไปได้ ตอนนี้เรามาอยู่ในจุดที่เรามาไกลมาก
เราประสบความสำเร็จ เราไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ถ้าวันนึงลูกโตมาเวลาเจอรวมญาติลูกเราก็จะไม่ได้รู้สึกแบบเรา เราไม่อยากให้ลูกโตมาแล้วเจอสังคมแบบตอนเราเด็กๆเวลารวมญาติ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
คุณเป็นแบบที่สามีคุณว่านั่นแหละครับ

เอาแต่หน้า แต่ไม่สนใจความเป็นจริง  
ขายบ้าน ซื้อหลังเล็กลง ย้ายโรงเรียนลูก ลดค่าใช้จ่ายดีกว่าครับ


เพราะ ทำงานเครียด หาเงิน  อายุเลย 60 โรคจะรุมเร้า สุดท้ายไม่มีเงินรักษา
สู้ทำงานแบบสบายใจ แล้วอยู่นานๆ ไม่ดีกว่าเหรอครับ  รักษาหน้า แต่ต้องเสียเงินรักษาโรค ไม่ไหวนะครับ
ความคิดเห็นที่ 21
มีลูกตั้งหลายคน  ภาระก็ทั้งผ่อนบ้านผ่อนรถ  เอาอะไรมาคิดว่าตัวเองชีวิตดี

เงินเดือนแสนเศษๆเนี่ยไม่ได้เยอะเลยนะ  ตกคนละ 5-6 หมื่น  ก็ระดับกลางๆอ้ะ

ถ้าสามีคุณเงินเดือน 300,000 ก็ว่าไปอย่าง

ถ้าหาเพิ่มกว่านี้ไม่ได้ ก็ต้องลดรายจ่าย  สงสารเด็กๆนะ พ่อแม่ทะเลาะกันทุกวัน  เด็กก็เครียด
ความคิดเห็นที่ 3
ความอยากและไม่ประมาณตน ทำให้ครอบครัวคุณเดินมาถึงจุดนี้ จุดที่กำลังมีปัญหาด้านการเงิน ต้องขออภัยที่พูดตามตรง ... ระหว่างสุขภาพจิตสามีและความราบรื่นของครอบครัว กับ หน้าตาที่แบกไว้ ... อะไรสำคัญกว่ากันครับ

ความสำเร็จที่คุณภาคภูมิใจ มันยังเป็นแค่ภาพลวงตาอยู่ ยังไม่มีอะไรเป็นของคุณอย่างแท้จริง ภาระอันหนักอึ้งยังอีกยาวไกล

ชีวิตคือการเดินทางไกลครับ ควรแบกเฉพาะสิ่งที่จำเป็นและแบกไหวไปด้วย การแบกของหนักเกินไปและเกินจำเป็นทำให้เหนื่อยและท้อ ไม่มีความสุข แถมเพื่อนร่วมทางอาจถอดใจ โยนของทิ้งบ้างชีวิตก็จะเบาลง ... ฝากไว้ให้คิดครับ
ความคิดเห็นที่ 37
เงินเดือนสองคนรวมกันแสนขึ้น ... ก็ตกคนละ 5 - 7 หมื่นบาท .. สำหรับผม มันไม่ได้เยอะเลยนะ

ผมอยู่คนเดียว ไม่มีครอบครัว เงินเดือนแสนอัพ  เวลาจะใช้เงินที ผมยังคิดแล้วคิดอีก ทุกวันนี้ มีแค่ผ่อนบ้าน 2 หลัง ส่วนรถเคลียร์จบหมดแล้ว ของคุณมีบ้าน มีรถ มีลูก แล้วรายได้มาจากคน 2 คนรวมกัน หุหุ

ผมไม่เคยมีหน้าตา ไม่เคยสนใจใคร ด้วย

ตำแหน่งผม คือ ผู้บริหารระดับสูงขององค์กร ที่ทุกคนรู้จัก แต่ทุกวันนี้ ผมบิดมอไซค์แม่บ้านเก่าๆไปทำงาน ถ้าประชุมที่โรงแรมตรงข้ามบริษัท ประชุมกับเจ้าของบริษัท ก็ยังบิดมอไซค์นั่นแหละ เป็นภาพที่ทุกคนเห็นจนชินตา

เจอญาติพี่น้องเหรอ ? .. ก็ขับรถ มีรถ 3 คัน รถญี่ปุ่นธรรมดาไม่ได้หรูหราอะไร ไม่มีใครมานั่งมองรถ ไม่มีใครมาถามเรื่องเงินเดือน

น้องสาวผม เงินเดือนมากกว่าผม 5 เท่า ยังขับรถรุ่นเดียวกับผม แต่โทรมกว่ารถผมอีก แต่แน่นอนบ้านที่เค้าอยู่ คอนโดที่เค้าอยู่ การใช้สอยต่างๆก็ตามฐานะเค้าแหละ

แต่ทุกคน ไม่เคยเอามาอวดว่า ชั้นรวยกว่า ชั้นเก่งกว่า ชั้นประสบความสำเร็จกว่า

ผมไม่เคยเทียบกับน้อง เพราะไม่มีทาง แต่ผมก็บริหารชีวิตผม ในจุดที่เป็นไปได้และเหมาะสม ผมวางแผนสำหรับตอนเกษียณอายุ ตั้งแต่อายุ 40 ปี ผมซื้อบ้าน ผมวางแผนรายได้หลังเกษียณ ผมคาดหวังว่า หลังเกษียณแล้ว ผมจะมีเวลา มีเงินใช้ โดยไม่ต้องทำงาน อยู่กับ รถที่ผมรัก อยู่กับบ้านที่ผมชอบ แค่นี้มีความสุขละ ไม่ต้องไปอวดหรือแข่งกับใครเขา
ความคิดเห็นที่ 12
มาตอบในฐานะสามีและพ่อคนเหมือนกัน...

ถ้ารายได้รวมกันแสนกว่ายังใช้เดือนชนเดือน.... เครียดครับ

เครียดยังไงนะหรือ... เหมือนเดินอยู่บนเชือกครับ วันดีคืนดี ก็จะมีลมพัดมาแรงๆที (ค่าประกัน ค่าส่วนกลางหมู่บ้าน ค่าเทอมลูก ค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล ค่ามือถือใหม่ คอมพ์ใหม่ ฯลฯ ...) แล้วที่ว่าทนเหนื่อยหน่อยนะ เกิน 10 ปีครับ... ถ้าเดินตกเชือกแล้ว ไม่ได้ตายนะครับ... แต่ หมายถึง โดนยึดบ้าน ยึดรถ และลูกทั้ง 3 คนต้องออกจากโรงเรียนครับ ตายทั้งเป็นเลยครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่