สอุปาทิเสสะบุคคล ต่างกับ สอุปาทิเสสนิพพาน อย่างไร
1.ถ้าเป็น..บุคคล (บุคคลในที่นี้ เป็นสมมุติบัญญัติ)
สอุปาทิเสสะบุคคล = พระเสขะ (ยกเว้นพระอรหันต์)
อนุปาทิเสสบุคคล = พระอเสขะ (พระอรหันต์)
--------------------------------------------
@...อ้างอิง(1.1)
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สอุปาทิเสสบุคคล บุคคลผู้ยังมีเชื้อกิเลสเหลืออยู่, ผู้ยังไม่สิ้นอุปาทาน ได้แก่ พระเสขะ คือ พระอริยบุคคลทั้งหมด ยกเว้นพระอรหันต์;
อนุปาทิเสสบุคคล บุคคลผู้ไม่มีเชื้อกิเลสเหลือ, ผู้หมดอุปาทานสิ้นเชิง ได้แก่ พระอเสขะ คือ พระอรหันต์;
@...อ้างอิง(1.2)
สอุปาทิเสสสูตร
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=8018&Z=8096
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้.........พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรสารีบุตร อัญญเดียรถีย์ปริพาชกบางพวก
โง่เขลา ไม่ฉลาด อย่างไรจักรู้ผู้ที่เป็นสอุปาทิเสสะว่า เป็นสอุปาทิเสสะ หรือ
จักรู้ผู้ที่เป็นอนุปาทิเสสะว่า เป็นอนุปาทิเสสะ ดูกรสารีบุตร บุคคล ๙ จำพวกนี้
ที่เป็นสอุปาทิเสสะ กระทำกาละ พ้นจากนรก พ้นจากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
พ้นจากเปรตวิสัย พ้นจากอบาย ทุคติ และวินิบาต ๙ จำพวกเป็นไฉน ฯ
ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
ในสมาธิ กระทำพอประมาณในปัญญา บุคคลนั้นเป็นอันตราปรินิพพายี เพราะ
โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป ดูกรสารีบุตร นี้บุคคลจำพวกที่ ๑ ผู้เป็น
สอุปาทิเสสะ กระทำกาละ พ้นจากนรก พ้นจากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน พ้นจาก
เปรตวิสัย พ้นจากอบาย ทุคติ และวินิบาต ฯ.............
.....................................
----------------------------------------------------
2.ถ้าเป็นสภาวะ..นิพพาน
สอุปาทิเสสนิพพาน คือ นิพพานของพระอรหันต์ผู้ยังมีชีวิตอยู่ (ดับกิเลสแต่ยังมีเบญจขันธ์เหลือ)
อนุปาทิเสสนิพพาน คือ พระอรหันต์ที่สิ้นชีวิต (ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ)
--------------------------------------------
@...อ้างอิง(2.1)
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สอุปาทิเสสนิพพาน นิพพานยังมีอุปาทิเหลือ, ดับกิเลสแต่ยังมีเบญจขันธ์เหลือ คือ นิพพานของพระอรหันต์ผู้ยังมีชีวิตอยู่, นิพพานในแง่ที่เป็นภาวะดับกิเลส คือ โลภะ โทสะ โมหะ;
อนุปาทิเสสนิพพาน นิพพานไม่มีอุปาทิเหลือ, ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ คือ สิ้นทั้งกิเลสและชีวิต หมายถึง พระอรหันต์สิ้นชีวิต, นิพพานในแง่ที่เป็นภาวะดับภพ;
@...อ้างอิง(2.2)
ธาตุสูตร
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=5242&Z=5274
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ [๒๒๒] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้
มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการนี้ ๒ ประการเป็นไฉน คือ สอุปาทิเสสนิพพาน
ธาตุ ๑ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ
เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ ทำ
กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มี
สังโยชน์ในภพนี้สิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นย่อมเสวย
อารมณ์ทั้งที่พึงใจและไม่พึงใจ ยังเสวยสุขและทุกข์อยู่ เพราะความที่อินทรีย์ ๕
เหล่าใดเป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย อินทรีย์ ๕ เหล่านั้นของเธอยังตั้งอยู่นั่นเทียว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่ง
โมหะ ของภิกษุนั้น นี้เราเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็อนุปาทิเสสนิพพานธาตุเป็นไฉนภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ
อยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของ
ตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ
เวทนาทั้งปวงในอัตภาพนี้แหละของภิกษุนั้น เป็นธรรมชาติอันกิเลสทั้งหลายมี
ตัณหาเป็นต้นให้เพลิดเพลินมิได้แล้ว จัก (ดับ) เย็น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรา
เรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการ
นี้แล ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มี
พระภาคตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
นิพพานธาตุ ๒ ประการนี้ พระตถาคต ผู้มีจักษุผู้อันตัณหา
และทิฐิไม่อาศัยแล้ว ผู้คงที่ประกาศไว้แล้ว อันนิพพานธาตุ
อย่างหนึ่งมีในปัจจุบันนี้ ชื่อว่าสอุปาทิเสส เพราะสิ้นตัณหา
เครื่องนำไปสู่ภพ ส่วนนิพพานธาตุ (อีกอย่างหนึ่ง) เป็นที่
ดับสนิทแห่งภพทั้งหลายโดยประการทั้งปวง อันมีในเบื้องหน้า
ชื่อว่าอนุปาทิเสส ชนเหล่าใดรู้บทอันปัจจัยไม่ปรุงแต่งแล้วนี้
มีจิตหลุดพ้นแล้วเพราะสิ้นตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพ ชน
เหล่านั้นยินดีแล้วในนิพพานเป็นที่สิ้นกิเลสเพราะบรรลุธรรม
อันเป็นสาระ เป็นผู้คงที่ ละภพได้ทั้งหมด ฯ
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้วฉะนี้แล ฯ
-----------------------------------------------
สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ และอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ต่างกันอย่างไร
สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ@@...จาก ธาตุสูตร https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=5242&Z=5274
จะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ตรัสว่า" @ ภิกษุนั้นย่อมเสวยอารมณ์ทั้งที่พึงใจและไม่พึงใจ ยังเสวยสุขและทุกข์อยู่ เพราะความที่อินทรีย์ ๕ เหล่าใดเป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย อินทรีย์ ๕ เหล่านั้นของเธอยังตั้งอยู่นั่นเทียว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่งโมหะ ของภิกษุนั้น นี้เราเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ "
........@ .
อรรถกถาธาตุสูตร.
บทว่า มนาปามนาปํ ได้แก่ อารมณ์มีรูปที่น่าพอใจ และไม่น่าพอใจเป็นต้น.
บทว่า ตสฺส ติฏฺฐนฺเตว ปญฺจินฺทริยานิ ความว่า อินทรีย์ ๕ มีจักขุนทรีย์เป็นต้นของพระอรหันต์นั้น ยัง
ตั้งอยู่ตราบเท่ากรรมอันเป็นเหตุให้เกิดในภพสุดท้าย ยังไม่สิ้นไป.
.......(จขกท...)
ภิกษุนั้นย่อมเสวยอารมณ์....หมายถึงท่านยังรับอารมณ์หรือ อายตนะภายนอกทั้ง6 (รูป เสียง กลิ่น...)
ยังเสวยสุขและทุกข์ หมายถึงท่านรับอารมณ์ (ผัสสะ)แล้ว เวทนาเกิด แต่ไม่ไปปรุงแต่งเป็น ชอบหรือไม่ชอบ (ตัณหา) อินทรีย์ ๕ ตั้งอยู่ตราบเท่ากรรมอันเป็นเหตุให้เกิดในภพสุดท้าย ยังไม่สิ้นไป
---------------------------
อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ@@...จาก ธาตุสูตร https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=5242&Z=5274
จะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ตรัสว่า"ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพอยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบเวทนาทั้งปวงในอัตภาพนี้แหละของภิกษุนั้น เป็นธรรมชาติอันกิเลสทั้งหลายมีตัณหาเป็นต้นให้เพลิดเพลินมิได้แล้ว จัก (ดับ) เย็น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ"
.......@ .
อรรถกถาธาตุสูตร.......บทว่า
สพฺพเวทยิตานิ ได้แก่ เวทนาทั้งหมดมีสุขเวทนาเป็นต้น อัพยากตเวทนา กุสลากุสลเวทนา ท่านละได้ก่อนแล้ว.
......บทว่า
อนภินนฺทิตานิ ได้แก่ อันกิเลสมีตัณหาเป็นต้นให้เพลิดเพลินไม่ได้แล้ว
......บทว่า
สีติภวิสฺสนฺติ ได้แก่ จักเย็นด้วยความสงบส่วนเดียว ได้แก่ความสงบระงับความกระวนกระวายในสังขาร คือจักดับด้วยการดับอันไม่มีปฏิสนธิ. มิใช่เพียงเวทนาอย่างเดียวเท่านั้นจักดับ แม้ขันธ์ ๕ ทั้งหมดในสันดานของพระขีณาสพก็จักดับ.
สอุปาทิเสสะบุคคล ต่างกับ สอุปาทิเสสนิพพาน อย่างไร.......สอุปาทิเสสนิพพาน ต่างกับ อนุปาทิเสสนิพพาน อย่างไร
1.ถ้าเป็น..บุคคล (บุคคลในที่นี้ เป็นสมมุติบัญญัติ)
สอุปาทิเสสะบุคคล = พระเสขะ (ยกเว้นพระอรหันต์)
อนุปาทิเสสบุคคล = พระอเสขะ (พระอรหันต์)
--------------------------------------------
@...อ้างอิง(1.1) พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
@...อ้างอิง(1.2) สอุปาทิเสสสูตร
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=8018&Z=8096
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
----------------------------------------------------
2.ถ้าเป็นสภาวะ..นิพพาน
สอุปาทิเสสนิพพาน คือ นิพพานของพระอรหันต์ผู้ยังมีชีวิตอยู่ (ดับกิเลสแต่ยังมีเบญจขันธ์เหลือ)
อนุปาทิเสสนิพพาน คือ พระอรหันต์ที่สิ้นชีวิต (ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ)
--------------------------------------------
@...อ้างอิง(2.1) พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
@...อ้างอิง(2.2) ธาตุสูตร
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=5242&Z=5274
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-----------------------------------------------
สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ และอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ต่างกันอย่างไร
สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ@@...จาก ธาตุสูตร https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=5242&Z=5274
จะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ตรัสว่า" @ ภิกษุนั้นย่อมเสวยอารมณ์ทั้งที่พึงใจและไม่พึงใจ ยังเสวยสุขและทุกข์อยู่ เพราะความที่อินทรีย์ ๕ เหล่าใดเป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย อินทรีย์ ๕ เหล่านั้นของเธอยังตั้งอยู่นั่นเทียว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่งโมหะ ของภิกษุนั้น นี้เราเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ "
........@ .อรรถกถาธาตุสูตร.
บทว่า มนาปามนาปํ ได้แก่ อารมณ์มีรูปที่น่าพอใจ และไม่น่าพอใจเป็นต้น.
บทว่า ตสฺส ติฏฺฐนฺเตว ปญฺจินฺทริยานิ ความว่า อินทรีย์ ๕ มีจักขุนทรีย์เป็นต้นของพระอรหันต์นั้น ยังตั้งอยู่ตราบเท่ากรรมอันเป็นเหตุให้เกิดในภพสุดท้าย ยังไม่สิ้นไป.
.......(จขกท...) ภิกษุนั้นย่อมเสวยอารมณ์....หมายถึงท่านยังรับอารมณ์หรือ อายตนะภายนอกทั้ง6 (รูป เสียง กลิ่น...) ยังเสวยสุขและทุกข์ หมายถึงท่านรับอารมณ์ (ผัสสะ)แล้ว เวทนาเกิด แต่ไม่ไปปรุงแต่งเป็น ชอบหรือไม่ชอบ (ตัณหา) อินทรีย์ ๕ ตั้งอยู่ตราบเท่ากรรมอันเป็นเหตุให้เกิดในภพสุดท้าย ยังไม่สิ้นไป
---------------------------
อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ@@...จาก ธาตุสูตร https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=5242&Z=5274
จะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ตรัสว่า"ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพอยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบเวทนาทั้งปวงในอัตภาพนี้แหละของภิกษุนั้น เป็นธรรมชาติอันกิเลสทั้งหลายมีตัณหาเป็นต้นให้เพลิดเพลินมิได้แล้ว จัก (ดับ) เย็น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ"
.......@ .อรรถกถาธาตุสูตร.......บทว่า สพฺพเวทยิตานิ ได้แก่ เวทนาทั้งหมดมีสุขเวทนาเป็นต้น อัพยากตเวทนา กุสลากุสลเวทนา ท่านละได้ก่อนแล้ว.
......บทว่า อนภินนฺทิตานิ ได้แก่ อันกิเลสมีตัณหาเป็นต้นให้เพลิดเพลินไม่ได้แล้ว
......บทว่า สีติภวิสฺสนฺติ ได้แก่ จักเย็นด้วยความสงบส่วนเดียว ได้แก่ความสงบระงับความกระวนกระวายในสังขาร คือจักดับด้วยการดับอันไม่มีปฏิสนธิ. มิใช่เพียงเวทนาอย่างเดียวเท่านั้นจักดับ แม้ขันธ์ ๕ ทั้งหมดในสันดานของพระขีณาสพก็จักดับ.