ร้านอาหารสู้ไม่ไหวจ่อปิดกิจการ ต้นทุนพุ่งทุกอย่าง สวนทางบรรยากาศเปิดประเทศ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3319929
ร้านอาหารสู้ไม่ไหวจ่อปิดกิจการ ต้นทุนพุ่งทุกอย่าง สวนทางบรรยากาศเปิดประเทศ วอนรัฐโชว์ฝีมือแก้ปัญหาถูกจุด ไม่ใช่ห้ามขึ้นราคา หวั่นขึ้นค่าแรงต่างด้าวได้ประโยชน์
น.ส.
ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาเรื่องต้นทุนสินค้าราคาแพงเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการร้านอาหารอย่างมาก และเป็นปัญหามานาน ล่าสุดร้านก๋วยเตี๋ยวปลาเจ้าดังประกาศปิดตัว เนื่องจากสู้ต้นทุนไม่ไหว ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศกำลังดีขึ้น ผู้คนเริ่มท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นแล้ว แต่เมื่อสินค้าราคาแพงรวมถึงราคาน้ำมันพุ่งสูงมาก และการระบาดของโควิด-19 ยังไม่ได้คลี่คลายเสียทีเดียว อาจทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวหลังจากนี้ซบเซาลง ธุรกิจร้านอาหารจะเงียบลงไปเช่นกัน บางส่วนมีกำลังพอสู้ได้ แต่หากร้านไหนแบกรับไม่ไหวอาจจะต้องยอมปิดตัวลง
“ราคาสินค้าในตอนนี้แพงทุกอย่าง อาทิ ไข่ไก่ น้ำมันพืช ไม่เคยเห็นราคาสูงขนาดนี้ ขณะที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อดัง ยังต้องปรับราคาขึ้นเลย ดังนั้นสินค้าอื่นๆคงขึ้นตามๆกัน ส่วนน้ำมันดีเซลที่ขึ้นราคา ก็เป็นต้นทุนแฝงที่สำคัญ ทั้งในการขนส่ง การผลิต โดยน้ำมันเป็นเหมือนฐานของพีรามิด ที่ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมให้สินค้าต้องปรับราคาขึ้น” น.ส.ประภัสสรกล่าว
น.ส.
ประภัสสร กล่าววว่า กรณีรัฐบาลเตรียมปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะเป็นภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ ซึ่งการขึ้นค่าแรงอาจทำให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาหางานในไทยเพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะงานในปัจจุบันต้องพึ่งพาแรงงานกลุ่มนี้ ดังนั้นการขึ้นค่าแรงอาจไม่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยทั้งหมด และอาจไม่ได้ช่วยเรื่องการแก้ไขปัญหาของแพงได้ เพราะเงินจากการจ้างงานไหลไปสู่แรงงานต่างด้าว รวมถึงหากผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนไม่ไหวอาจนำไปสู่การเลิกจ้าง และมีคนตกงานเพิ่มขึ้น
น.ส.
ประภัสสร กล่าวว่า ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นเข้าใจว่ารัฐบาลพยายามช่วยแล้ว แต่อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จทั้งหมด ส่วนการที่สมาคมฯจะไปเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐในเวลานี้คงเป็นไปได้ยากที่รัฐบาลจะรับฟังและทำตามทุกฝ่าย เพราะตอนนี้ปัญหาเยอะมาก สิ่งที่อยากให้รัฐบาลสนใจคือ ขอให้นโยบายและมาตรการต่างๆที่จะทำนั้น มองจากปัญหาของประชาชน และเข้าใจประชาชนให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จริงๆ อย่างปัญหาของแพง รัฐบาลพยายามจะควบคุมและห้ามการขึ้นราคาสินค้า สิ่งนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหา เพราะถ้าต้นทุนสูง ผู้ประกอบการแบกรับไม่ไหว ไม่ลดคุณภาพลดต้นทุน ก็ต้องเลิกผลิตหรือเลิกขายแทนอยู่ดี
แบงค์พันปลอมระบาดหนัก วันเดียวหมู่บ้านย่านบางบัวทองโดนเกือบ 30 ใบ
https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/171206
เตือนภัย แบงก์พันปลอมระบาดหนักในหมู่บ้านย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี วันเดียวพ่อค้าแม่ค้าโดนเกือบ 30 ใบ
นาง
สุดารัตน์ เพลโลว์ อายุ 48 ปี ลูกจ้างร้านขายไก่หมุนสะพาน 1 ภายในหมู่บ้านพฤกษา 3 อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นำแบงก์พันปลอมมาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมเล่าว่า มีลูกค้าผู้หญิง เดินเข้ามาสั่งไก่หมุนที่ร้านจำนวน 1 ตัว ราคาไก่ตัวละ 190 บาท หลังจากนั้นก็ได้ให้แบงก์ 1,000 กับตนมา ด้วยความที่เป็นลูกค้าคนแรก ตนจึงไม่มีเงินทอน จึงได้เดินไปขอแลกเงินที่ร้านขายกล้วยทอด เอาแบงก์ย่อยมาทอนให้กับลูกค้าไป
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ทางพี่ร้านขายกล้วยทอดก็เดินมาบอกว่า แบงก์ที่มาขอแลกเมื่อกี้เป็นแบงก์ปลอมนะ ที่รู้เพราะเอาไปแลกธนาคารมา ตอนนั้นตกใจมากทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้ตนต้องมารับผิดชอบเงินคืนให้เจ้าของร้าน เพราะตนเป็นแค่ลูกจ้าง ค่าแรงวันละ 300 เท่านั้นเอง โดนเอาแบงก์พันปลอมมาซื้อแถมได้ไก่ไปอีก 1 ตัว ไก่ตัวละ 190 บาท เหมือนโดนเอาเงินไป 1,200 บาทเลย ยอมรับว่าแค้นใจมากไม่น่ามาทำกันแบบนี้คนทำมาหากิน
และเท่าที่ทราบมา ตอนนี้ภายในตลาดของหมู่บ้าน โดนกันไปหลายร้านแล้ว วันเดียวโดนไปกว่า 30 ใบแล้ว จึงฝากเตือนภัยพ่อค้าแม่ค้า ให้สังเกตดี ๆ เวลารับเงิน
"เพื่อไทย" ท้า "ประยุทธ์" ออกทีวีอธิบาย 5 นโยบายเพื่อไทยที่อ้างว่าทำแล้ว
https://siamrath.co.th/n/344567
"เพื่อไทย" ท้า "ประยุทธ์" ออกทีวีอธิบาย 5 นโยบายเพื่อไทยที่อ้างว่าทำแล้ว ชี้ กระแส “พี่โทนี่” มาแรง "ก้าวไกล" ยังคอนเฟิร์ม แนะ นโยบายของแท้ต้องเข้าใจหลักคิด ไม่ใช่แค่ก็อปปี้
วันที่ 2 พ.ค.65 นาย
พชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ตามที่นางสาว
แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้ปราศรัยถึงแนวทาง 5 ข้อในการพัฒนาประเทศซึ่งได้รับความสนใจและได้รับความชื่นชมอย่างมาก ซึ่งได้แก่เรื่อง การกระจายอำนาจ ดึงศักยภาพคนไทยด้วย Softpower การใช้ Ai เพื่อการเกษตร การปรับภาครัฐและภาคเอกชนเข้าสู่ digital transformation และ การเตรียมคนไทยเข้าสู่ Metaverse แต่พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ออกมาชี้แจงว่า ทั้ง 5 เรื่องนี้พลเอก
ประยุทธ์ได้ดำเนินการอยู่แล้ว ดังนั้นจึงอยากให้พลเอก
ประยุทธ์ได้ออกมาชี้แจงว่า ได้เข้าใจทั้ง 5 นโยบายนี้ดีพอ และได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และทำไปถึงไหนและมีผลการดำเนินการอย่างไร เหตุใดประชาชนถึงไม่รู้สึกถึงการพัฒนาเลย และถ้ามั่นใจว่าได้ทำจริง ตนอยากขอให้ออกรายการทีวีแล้วขอให้ตนได้ซักถามอย่างสุภาพเพื่อให้พลเอก
ประยุทธ์ได้อธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ไม่อยากให้พลเอก
ประยุทธ์เข้าใจไปเองว่าได้ทำแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้ทำและอาจจะยังไม่เข้าใจด้วยซำ้ เพราะถ้าหากทำแล้วจริง ประเทศไทยน่าจะต้องพัฒนาไปกว่านี้มาก ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่แบบนี้มา 8 ปีตั้งแต่มีการปฏิวัติแล้ว แถมล่าสุดพลเอกประยุทธ์ยังจะกล้าขายฝันประกาศว่าจะพลิกโฉมประเทศไทยอย่างก้าวกระโดดไปสู่ประเทศชั้นนำของโลก ทำให้ยิ่งดูกลายเป็นเหมือนตัวตลกในสายตาของประชาชน จากผลงานบริหารเศรษฐกิจที่ยิ่งกว่าล้มเหลวสวนทางย้อนแย้งกับที่ขายฝันไว้มาตลอด
นอกจากนี้ รมว. ดีอีเอสยังได้โจมตีความนิยมของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสาน โดยเรียกร้องประชาชนชาวอีสานอย่าได้ยึดติดนโยบายพรรคเพื่อไทยในอดีต ซึ่งเป็นเรื่องน่าขบขันอย่างมาก ทั้งนี้เพราะนโยบายในอดีตของพรรคไทยรักไทย สืบทอดมาถึง พรรคเพื่อไทย เป็นที่นิยมของคนอีสานและคนทั้งประเทศอย่างมากเพราะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างมาก ในขณะที่นโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่หาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้งยังไม่ได้ทำเลยสักนโยบายเดียว เช่น ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400-425 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 20,000 บาท ข้าวเจ้าตันละ 12,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 18,000 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ ฯลฯ แต่กลับไม่มีความละอายใจเลย แถมยังโฆษณาว่า จะออกนโยบายใหม่ซึ่งประชาชนคงไม่โง่ และน่าจะไม่มีใครเชื่อถืออีกแล้วเพราะขนาดนโยบายเก่าที่เคยหาเสียงไว้ยังไม่ได้ทำเลย
ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อถือของพรรคเพื่อไทยด้านการบริหารเศรษฐกิจและทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี พัฒนาเศรษฐกิจปากท้องเป็นที่ยอมรับกันอย่างมากตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย และต้องขอขอบคุณ พรรคก้าวไกล ที่ข่วยยืนยันเรื่องนี้ โดยการนำภาพอดีต นายกฯ
ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นในเวทีประชุมใหญ่ของพรรค อีกทั้งยังมีภาพคนเสื้อแดงที่เป็นสัญญลักษณ์และฐานเสียงสนับสนุนของพรรคเพื่อไทย ยิ่งเป็นการยืนยันประวัติศาสตร์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทย และเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศจะเห็นด้วยและช่วยกันเลือกพรรคเพื่อไทยให้ถล่มทลายในการเลือกตั้งคราวหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้
ดังนั้น จึงอยากฝากไปถึงพลเอก
ประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐ ให้ไปศึกษาหลักคิดและแนวทางของพรรคเพื่อไทยที่สืบทอดเจตนารมณ์มาจากพรรคไทยรักไทยและอดีตนายกฯ
ทักษิณ หรือ “
พี่โทนี่” อย่าคิดแค่จะก๊อปปี้เพื่อลอกเลียนแบบโดยขาดความรู้ความเข้าใจ ขนาดนโยบายของพรรคพลังประชารัฐเองยังไม่ได้ทำสักเรื่อง แต่กลับมาเคลมอวดอ้างว่านโยบายใหม่ของพรรคเพื่อไทยพลเอกประยุทธ์ได้ทำแล้ว ประชาชนได้ยินแบบนี้อย่างสม่ำเสมอ จนหมดหวัง ท้อแท้ และ เบื่อหน่าย ตอนนี้ก็คงหวังจะให้มีการเลือกตั้งเร็วที่สุดจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศโดยเร็ว
JJNY : ร้านอาหารสู้ไม่ไหวจ่อปิดกิจการ│แบงค์พันปลอมระบาดหนัก│"เพื่อไทย"ท้า"ประยุทธ์"ออกทีวี│ปธ.สภาคองเกรสเยือนกรุงเคียฟ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3319929
ร้านอาหารสู้ไม่ไหวจ่อปิดกิจการ ต้นทุนพุ่งทุกอย่าง สวนทางบรรยากาศเปิดประเทศ วอนรัฐโชว์ฝีมือแก้ปัญหาถูกจุด ไม่ใช่ห้ามขึ้นราคา หวั่นขึ้นค่าแรงต่างด้าวได้ประโยชน์
น.ส.ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาเรื่องต้นทุนสินค้าราคาแพงเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการร้านอาหารอย่างมาก และเป็นปัญหามานาน ล่าสุดร้านก๋วยเตี๋ยวปลาเจ้าดังประกาศปิดตัว เนื่องจากสู้ต้นทุนไม่ไหว ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศกำลังดีขึ้น ผู้คนเริ่มท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นแล้ว แต่เมื่อสินค้าราคาแพงรวมถึงราคาน้ำมันพุ่งสูงมาก และการระบาดของโควิด-19 ยังไม่ได้คลี่คลายเสียทีเดียว อาจทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวหลังจากนี้ซบเซาลง ธุรกิจร้านอาหารจะเงียบลงไปเช่นกัน บางส่วนมีกำลังพอสู้ได้ แต่หากร้านไหนแบกรับไม่ไหวอาจจะต้องยอมปิดตัวลง
“ราคาสินค้าในตอนนี้แพงทุกอย่าง อาทิ ไข่ไก่ น้ำมันพืช ไม่เคยเห็นราคาสูงขนาดนี้ ขณะที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อดัง ยังต้องปรับราคาขึ้นเลย ดังนั้นสินค้าอื่นๆคงขึ้นตามๆกัน ส่วนน้ำมันดีเซลที่ขึ้นราคา ก็เป็นต้นทุนแฝงที่สำคัญ ทั้งในการขนส่ง การผลิต โดยน้ำมันเป็นเหมือนฐานของพีรามิด ที่ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมให้สินค้าต้องปรับราคาขึ้น” น.ส.ประภัสสรกล่าว
น.ส.ประภัสสร กล่าววว่า กรณีรัฐบาลเตรียมปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะเป็นภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ ซึ่งการขึ้นค่าแรงอาจทำให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาหางานในไทยเพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะงานในปัจจุบันต้องพึ่งพาแรงงานกลุ่มนี้ ดังนั้นการขึ้นค่าแรงอาจไม่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยทั้งหมด และอาจไม่ได้ช่วยเรื่องการแก้ไขปัญหาของแพงได้ เพราะเงินจากการจ้างงานไหลไปสู่แรงงานต่างด้าว รวมถึงหากผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนไม่ไหวอาจนำไปสู่การเลิกจ้าง และมีคนตกงานเพิ่มขึ้น
น.ส.ประภัสสร กล่าวว่า ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นเข้าใจว่ารัฐบาลพยายามช่วยแล้ว แต่อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จทั้งหมด ส่วนการที่สมาคมฯจะไปเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐในเวลานี้คงเป็นไปได้ยากที่รัฐบาลจะรับฟังและทำตามทุกฝ่าย เพราะตอนนี้ปัญหาเยอะมาก สิ่งที่อยากให้รัฐบาลสนใจคือ ขอให้นโยบายและมาตรการต่างๆที่จะทำนั้น มองจากปัญหาของประชาชน และเข้าใจประชาชนให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จริงๆ อย่างปัญหาของแพง รัฐบาลพยายามจะควบคุมและห้ามการขึ้นราคาสินค้า สิ่งนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหา เพราะถ้าต้นทุนสูง ผู้ประกอบการแบกรับไม่ไหว ไม่ลดคุณภาพลดต้นทุน ก็ต้องเลิกผลิตหรือเลิกขายแทนอยู่ดี
แบงค์พันปลอมระบาดหนัก วันเดียวหมู่บ้านย่านบางบัวทองโดนเกือบ 30 ใบ
https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/171206
เตือนภัย แบงก์พันปลอมระบาดหนักในหมู่บ้านย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี วันเดียวพ่อค้าแม่ค้าโดนเกือบ 30 ใบ
นางสุดารัตน์ เพลโลว์ อายุ 48 ปี ลูกจ้างร้านขายไก่หมุนสะพาน 1 ภายในหมู่บ้านพฤกษา 3 อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นำแบงก์พันปลอมมาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมเล่าว่า มีลูกค้าผู้หญิง เดินเข้ามาสั่งไก่หมุนที่ร้านจำนวน 1 ตัว ราคาไก่ตัวละ 190 บาท หลังจากนั้นก็ได้ให้แบงก์ 1,000 กับตนมา ด้วยความที่เป็นลูกค้าคนแรก ตนจึงไม่มีเงินทอน จึงได้เดินไปขอแลกเงินที่ร้านขายกล้วยทอด เอาแบงก์ย่อยมาทอนให้กับลูกค้าไป
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ทางพี่ร้านขายกล้วยทอดก็เดินมาบอกว่า แบงก์ที่มาขอแลกเมื่อกี้เป็นแบงก์ปลอมนะ ที่รู้เพราะเอาไปแลกธนาคารมา ตอนนั้นตกใจมากทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้ตนต้องมารับผิดชอบเงินคืนให้เจ้าของร้าน เพราะตนเป็นแค่ลูกจ้าง ค่าแรงวันละ 300 เท่านั้นเอง โดนเอาแบงก์พันปลอมมาซื้อแถมได้ไก่ไปอีก 1 ตัว ไก่ตัวละ 190 บาท เหมือนโดนเอาเงินไป 1,200 บาทเลย ยอมรับว่าแค้นใจมากไม่น่ามาทำกันแบบนี้คนทำมาหากิน
และเท่าที่ทราบมา ตอนนี้ภายในตลาดของหมู่บ้าน โดนกันไปหลายร้านแล้ว วันเดียวโดนไปกว่า 30 ใบแล้ว จึงฝากเตือนภัยพ่อค้าแม่ค้า ให้สังเกตดี ๆ เวลารับเงิน
"เพื่อไทย" ท้า "ประยุทธ์" ออกทีวีอธิบาย 5 นโยบายเพื่อไทยที่อ้างว่าทำแล้ว
https://siamrath.co.th/n/344567
"เพื่อไทย" ท้า "ประยุทธ์" ออกทีวีอธิบาย 5 นโยบายเพื่อไทยที่อ้างว่าทำแล้ว ชี้ กระแส “พี่โทนี่” มาแรง "ก้าวไกล" ยังคอนเฟิร์ม แนะ นโยบายของแท้ต้องเข้าใจหลักคิด ไม่ใช่แค่ก็อปปี้
วันที่ 2 พ.ค.65 นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้ปราศรัยถึงแนวทาง 5 ข้อในการพัฒนาประเทศซึ่งได้รับความสนใจและได้รับความชื่นชมอย่างมาก ซึ่งได้แก่เรื่อง การกระจายอำนาจ ดึงศักยภาพคนไทยด้วย Softpower การใช้ Ai เพื่อการเกษตร การปรับภาครัฐและภาคเอกชนเข้าสู่ digital transformation และ การเตรียมคนไทยเข้าสู่ Metaverse แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ออกมาชี้แจงว่า ทั้ง 5 เรื่องนี้พลเอกประยุทธ์ได้ดำเนินการอยู่แล้ว ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ออกมาชี้แจงว่า ได้เข้าใจทั้ง 5 นโยบายนี้ดีพอ และได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และทำไปถึงไหนและมีผลการดำเนินการอย่างไร เหตุใดประชาชนถึงไม่รู้สึกถึงการพัฒนาเลย และถ้ามั่นใจว่าได้ทำจริง ตนอยากขอให้ออกรายการทีวีแล้วขอให้ตนได้ซักถามอย่างสุภาพเพื่อให้พลเอกประยุทธ์ได้อธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ไม่อยากให้พลเอกประยุทธ์เข้าใจไปเองว่าได้ทำแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้ทำและอาจจะยังไม่เข้าใจด้วยซำ้ เพราะถ้าหากทำแล้วจริง ประเทศไทยน่าจะต้องพัฒนาไปกว่านี้มาก ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่แบบนี้มา 8 ปีตั้งแต่มีการปฏิวัติแล้ว แถมล่าสุดพลเอกประยุทธ์ยังจะกล้าขายฝันประกาศว่าจะพลิกโฉมประเทศไทยอย่างก้าวกระโดดไปสู่ประเทศชั้นนำของโลก ทำให้ยิ่งดูกลายเป็นเหมือนตัวตลกในสายตาของประชาชน จากผลงานบริหารเศรษฐกิจที่ยิ่งกว่าล้มเหลวสวนทางย้อนแย้งกับที่ขายฝันไว้มาตลอด
นอกจากนี้ รมว. ดีอีเอสยังได้โจมตีความนิยมของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสาน โดยเรียกร้องประชาชนชาวอีสานอย่าได้ยึดติดนโยบายพรรคเพื่อไทยในอดีต ซึ่งเป็นเรื่องน่าขบขันอย่างมาก ทั้งนี้เพราะนโยบายในอดีตของพรรคไทยรักไทย สืบทอดมาถึง พรรคเพื่อไทย เป็นที่นิยมของคนอีสานและคนทั้งประเทศอย่างมากเพราะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างมาก ในขณะที่นโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่หาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้งยังไม่ได้ทำเลยสักนโยบายเดียว เช่น ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400-425 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 20,000 บาท ข้าวเจ้าตันละ 12,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 18,000 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ ฯลฯ แต่กลับไม่มีความละอายใจเลย แถมยังโฆษณาว่า จะออกนโยบายใหม่ซึ่งประชาชนคงไม่โง่ และน่าจะไม่มีใครเชื่อถืออีกแล้วเพราะขนาดนโยบายเก่าที่เคยหาเสียงไว้ยังไม่ได้ทำเลย
ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อถือของพรรคเพื่อไทยด้านการบริหารเศรษฐกิจและทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี พัฒนาเศรษฐกิจปากท้องเป็นที่ยอมรับกันอย่างมากตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย และต้องขอขอบคุณ พรรคก้าวไกล ที่ข่วยยืนยันเรื่องนี้ โดยการนำภาพอดีต นายกฯทักษิณ ชินวัตร ขึ้นในเวทีประชุมใหญ่ของพรรค อีกทั้งยังมีภาพคนเสื้อแดงที่เป็นสัญญลักษณ์และฐานเสียงสนับสนุนของพรรคเพื่อไทย ยิ่งเป็นการยืนยันประวัติศาสตร์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทย และเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศจะเห็นด้วยและช่วยกันเลือกพรรคเพื่อไทยให้ถล่มทลายในการเลือกตั้งคราวหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้
ดังนั้น จึงอยากฝากไปถึงพลเอกประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐ ให้ไปศึกษาหลักคิดและแนวทางของพรรคเพื่อไทยที่สืบทอดเจตนารมณ์มาจากพรรคไทยรักไทยและอดีตนายกฯทักษิณ หรือ “พี่โทนี่” อย่าคิดแค่จะก๊อปปี้เพื่อลอกเลียนแบบโดยขาดความรู้ความเข้าใจ ขนาดนโยบายของพรรคพลังประชารัฐเองยังไม่ได้ทำสักเรื่อง แต่กลับมาเคลมอวดอ้างว่านโยบายใหม่ของพรรคเพื่อไทยพลเอกประยุทธ์ได้ทำแล้ว ประชาชนได้ยินแบบนี้อย่างสม่ำเสมอ จนหมดหวัง ท้อแท้ และ เบื่อหน่าย ตอนนี้ก็คงหวังจะให้มีการเลือกตั้งเร็วที่สุดจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศโดยเร็ว