มีแม่เมื่อพร้อม เพราะเมื่อไม่พร้อม มันจะพัง!

สวัสดีค่ะ ก่อนหน้านี้ที่เราตั้งกระทู้เล่าเรื่องที่เราไล่แม่ออกจากบ้าน เราคิดว่านั่นจะเป็นกระทู้สุดท้ายของเราทึ่จะเขียนเกี่ยวกับเรื่องดราม่าในครอบครัวเรา เพราะเราหวังว่ามันคงจะจบ แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นไปอย่างที่เราหวัง ใช่ค่ะ เราผิดหวัง…


วันนี้เราขอเขียนเล่าในมุมความรู้สึกเรากับสิ่งที่เราประสบเจอมาตลอด 31 ปีของชีวิตเรานะคะ จากกระทู้ก่อน ที่เราไม่ได้เล่าเรื่องเหล่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Domestic Violence ค่ะ ซึ่งเป็นแผลในใจเรามาตั้งแต่เราจำความได้ จวบจนทุกวันนี้


ที่เราเคยเล่าไป แม่เราเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ แม่เราเลือกที่จะคบหากับพ่อเรา ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีฐานะและมีหน้ามีตา โดยที่แม่ทราบมาตลอด ว่าพ่อเรามีผู้หญิงหลายคน ทั้งบ้านใหญ่ และบ้านเล็กบ้านน้อย และแม่เราก็เลือกจะไปเป็น 1 ในบ้านเล็กนั้น และใช่ค่ะ แม่เราท้องเรา ในภายหลัง ตอนที่ทะเลาะกันเราน่าจะอยู่ช่วงประถม แม่บอกว่า จริงๆพ่อให้แม่เราทำแท้ง แต่เป็นแม่เองที่ไม่ยอมทำแท้ง (จริงๆเรื่องนี้สร้างความเจ็บปวดให้เรามาก เพราะการบอกเล่าของแม่ ทำด้วยอารมณ์รุนแรง และจากความทรงจำเราตอนนี้ แม่ทำให้เราเข้าใจว่า เราไม่เป็นที่ต้องการ และเราไม่น่าเกิดมาเลย)


แม่เราเป็นคนอารมณ์รุนแรงมาแต่ไหนแต่ไร เราถูกทุกตีด้วยสิ่งของต่างๆมากมาย ถ้าของไม่อยู่ใกล้ ก็มือนี่แหละ ฟาดลงไป แต่แม่ไม่ค่อยชอบใช้มือ เพราะมือแม่จะเจ็บ แม่เลือกหยิบของใกล้ตัว เราโดนมาหมด สารพัดไม้ ทั้งแบบเรียวแหลม ที่ฟาดแล้วแสบมากๆ ฟาดจนหักทุกอัน แบบหนาหน่อยที่หักไม่ได้ แต่โดนฟาดแล้วปวดจริงๆ หรือจะสายไฟก็ไม่รอด ถ้าโดนตรงปลายตัวที่เสียบปลั๊กด้วย แผลก็จะใหญ่หน่อย


เราอยู่ในห้องในแฟลตเล็กๆ เราแทบไม่มีที่หนี เราไม่มีที่ไป เราสู้แม่ไม่ได้เลย และเราไม่มีสิทธิ์สู้ เราทำได้แค่ รับแรงฟาดของแม่ ถึงเราจะไปหลบใต้โต๊ะ มุดหนีไต้เตียง หรือไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ก็ไม่ได้หยุดแม่จากการตีเราให้สาแก่ใจได้ บางครั้งเราวิ่งหนีออกจากบ้าน หนีไปชั้นอื่น ไปหาคนช่วย แต่ก็ไม่มีใครช่วยเรา แม่ตีลูกเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่ทำได้ และลูกก็ปฏิเสธไม่ได้


เราเคยแม้กระทั่งโดนตีที่โรงเรียนต่อหน้าคนเยอะแยะ เราจำแม่นเลยว่า มันมีต้นมะยมอยู่ ภาพที่แม่รูดใบออกจากก้านมะยมสดๆ แล้วเอามาฟาดเรา มันติดตาเรามาจนทุกวันนี้ มันเจ็บมากจริงๆ


แม่เราไม่ใช่คนปากหนัก เน้นแค่ทำ แต่แม่เราก็มีวาจาที่รุนแรงพอตัว แต่เรื่องราวในตอนเด็ก เราจำคำพูดไม่ได้เยอะ ที่จำได้แม่นก็เรื่องที่พ่อให้ไปทำแท้งเราแต่แม่ไม่ทำ กับแม่ด่าเรา ประมาณว่าเราไม่ดีเหมือนลูกบ้านอื่น ด่าเราจนเราเถียงแม่ไป ว่าแม่ก็ไม่เหมือนแม่บ้านอื่นเหมือนกัน (จำคำพูดเป๊ะๆไม่ได้นะคะ) แล้วแม่ก็ตบปากเรา จนปากเราแตก จำได้ว่าเลือดไหลเยอะอยู่ แต่ก็ไม่ถึงกับไปร.พ.


แม่มักจะบอกว่าเราดื้อมากๆ ซึ่งเราจำไม่ได้หรอกค่ะ เราคงจะดื้อจริงๆมั้ง และแม่บอกว่าเราชอบเถียง ซึ่งตอนเด็กเราไม่เข้าใจว่าเราเถียงตรงไหน เราแค่พูดในสิ่งที่เราคิด เราไม่มีสิทธิ์แก้ต่างให้ตัวเองเลยหรอ และไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เราก็ผิดคนเดียว แม่เราไม่เคยผิด เพราะแม่คือกฎ ส่วนเราคือคนต้องคอยรองรับ


แต่สิ่งที่เป็น Fact คือ เราเป็นเด็กดีนะคะ เราเรียนดีถึงดีมาก รับผิดชอบตัวเองได้หมด ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเรียนให้แม่ต้องหนักใจเลย (และเป็นแบบนี้มาตลอดในเรื่องนี้)


ถามว่าแม่เลี้ยงดูเราดีมั้ย เราว่าก็น่าจะดีแหละค่ะ เราได้กินอาหารดีๆ(ตามที่แม่บอก) เราได้เรียนพิเศษ(น่าจะเงินพ่อส่ง) แม่เราซื้อเสื้อผ้าดีๆให้ใส่ มันก็มีเรื่องดีๆอยู่ด้วยแหละค่ะ เค้าก็รักเรา กอดเรา บอกรักเรา ปลูกฝังความรักและความลำบากของเค้าให้เราฟัง


อย่างที่บอก แม่เราเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และเราในวัย 4 ขวบ ก็ต้องอยู่บ้านคนเดียวในตอนเย็น เพราะแม่เราต้องไปทำงานช่วงเย็น-กลางคืน กิจวัตรของเราคือ เช้าแม่ส่งไปโรงเรียน เย็นแม่ไปรับมาส่งบ้าน และรีบออกไปทำงาน เราอยู่ในบ้านคนเดียว ตกกลางคืน บางคืนมันก็น่ากลัวมากๆ และแม่ก็ล็อคประตูหน้าบ้านไว้ คือเราอยู่เป็นแนวๆแฟลตอ่ะค่ะ แม่ก็ล็อคไม่ให้เราออกได้ และไม่ให้ใครเข้าได้ ซึ่งเราทำตามคำสั่งแม่เราทุกอย่างอย่างกับหุ่นยนต์เลยค่ะ เราอยู่แบบนั้นจนถึงซักประมาณ ป.3-4 มั้งคะ


พอเราซักป.3-4 เราเข้าใจว่าพ่อกับแม่น่าจะกลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น แม่เราเลยออกจากงาน และพ่อเราก็ส่งเสียแม่กับเรา 100% โดยที่แม่เราไม่ได้ทำงานเลย จนกระทั่งเราประมาณม.2-3 แม่เราก็ซื้อบ้านใหม่ (เป็นทาวน์เฮ้าส์มือ 2 เก่าๆเล็กๆ) พ่อย้ายไปบ้านใหม่ พ่อเราก็ให้รถยนต์แม่เรามาคันนึง รถใหม่นะคะ แบบใช้มาแค่ไม่กี่เดือน แต่ไม่ป้ายแดงแล้ว แต่แม่เราบอกว่า หลังจากนั้นพ่อก็ไม่ค่อยส่งเสียเท่าไหร่ แม่เราก็เลยเริ่มขายของนู่นนี่ จนยึดอาชีพขายของตลาดนัด


เราเองก็ไปช่วยแม่เท่าที่เราช่วยได้ เท่าที่เราว่าง ถ้าเราไม่ไปช่วยงานที่ตลาด แม่ก็จะให้เราทำงานบ้าน ซักผ้าให้แม่และเรา (ไม่มีเครื่องซักผ้า) และทำนู่นนี่ เราก็ทำนะคะ แต่ก็ทำไม่เก่งหรอก ทุกวันนี้เราก็ทำงานบ้านไม่เก่ง และไม่ชอบทำด้วยค่ะ


พ่อเราโตแล้ว วัยมัธยม แม่ก็ไม่ค่อยตีแล้วค่ะ แต่อารมณ์แม่ ก็ไม่เคยหายร้าย มันมักจะแปรผันตรงกับเงินเสมอๆ ถ้าแม่มีเงิน แม่จะอารมณ์ดี ถ้าขอเงินพ่อไม่ได้ เราจะโดนด่าเสมอ เราเข้าใจว่าพ่อก็ส่งเสียมาเรื่อยๆนะคะ ไม่ใช่แบบไม่ให้เลย แต่มากน้อยหรือช้ามั้ยหายมั้ย อันนี้เราไม่รู้ เพราะแม่ไม่บอก แต่เราก็ได้เรียนพิเศษประมาณนึงเลยค่ะ เราเข้าใจว่าพ่อน่าจะให้ เพราะแม่บอกแม่ขายของมีเงินแค่พอกินพอผ่อนบ้าน


พ่อขึ้นมหาลัย เราเลือกมหาลัยต่างจังหวัดที่ต้องอยู่หอ เราไม่เลือกมหาลัยใกล้บ้านเลย เราไม่อยากอยู่กับแม่ เรารู้ว่าเราต้องเจออะไร แต่ถึงแม้เราจะอยู่ต่างจังหวัด เราก็ยังต้องเผชิญอารมณ์ของแม่อยู่ดี เราได้เงินเป็นรายอาทิตย์ เราร้องไห้ทะเลาะกับแม่ทุกอาทิตย์ เราต้องหลั่งน้ำตาเพื่อเงินเสมอค่ะ เสาร์อาทิตย์ไหนไม่มีงานที่ม. เราก็กลับไปช่วยแม่ขายของที่ตลาดนัดค่ะ


พอซักประมาณปีสาม แม่เราอารมณ์ร้ายมากๆ น่าจะเพราะไม่ได้เงินจากพ่อ จนเราไม่ไหว เราโทรไปหาพ่อเอง เราบอกพ่อว่า เราจะไม่เรียนแล้วนะ แม่ไม่ให้เงิน เราไม่มีเงินเรียน หลังจากนั้น พ่อก็โอนเงินตรงให้เราทุกเดือน ไม่เคยขาด ทั้งค่ากินอยู่ของเรา และค่าเทอม แต่ไม่ได้โอนในส่วนของแม่ แต่แม่เราก็ยังมีอาชีพขายของอยู่


พอเราเรียนจบ ก็เป็นเวลาของเราที่จะต้องตอบแทนพระคุณของแม่ตามที่เราถูกปลูกฝังมาโดยตลอด และเราก็ทำมันได้อย่างดีเลยค่ะ


เราให้เงินเดือนเดือนแรกทั้งหมดกับแม่ ตามที่แม่พร่ำบอก เราทำงานได้เงินเดือนเดือนละ 15,000-17,000 เราให้แม่ 5,000 และยังมีพาไปกินข้าวนู่นนี่ พอเราทำงานได้เงินเดือน 20,000 ปลายๆ เราก็ให้เค้าเดือนละร่วมหมื่น และเริ่มซื้อของเข้าบ้านให้แม่ ของที่เราไม่มี และแม่ก็เริ่มลดวันขายของลง


สำหรับแม่เรา ความใฝ่ฝันของเค้าคือการได้อยู่สุขสบายเป็นคุณนาย ไม่ต้องทำงาน แม่เค้าพลาดจากพ่อ แต่เค้ายังมีเรา เค้าต้องการให้เราสานฝันให้เค้า


และพอถึงวันที่เงินเดือนเรามากพอ ตอนนั้นเราอายุประมาณ 23 เราก็มีเงินเดือนมากพอที่จะเลี้ยงดูแม่เราได้อย่างสุขสบาย และแม่เราก็เลิกขายของไปเลยตอนเราน่าจะซัก 23-24 นี่แหละค่ะ ตอนนั้นแม่เราก็อายุประมาณ 49-50 (แม่มีเราตอนอายุ 26) ฝันของแม่เป็นจริงแล้ว ได้อยู่บ้านเฉยๆไม่ต้องทำงาน แม่เรามีความสุขมากๆ


ตั้งแต่เราทำงานและเริ่มให้เงินเค้า เค้าก็อารมณ์ร้ายน้อยลงเรื่อยๆ เราก็ว่าเพราะเค้าไม่เครียดเรื่องเงินเหมือนแต่ก่อนแล้ว และพอไม่เครียด เค้าก็ไม่ต้องมาลงกับเรา และเราก็รู้สึกไม่ค่อยมีเรื่องทุกข์เหมือนแต่ก่อต และยิ่งเราให้เงินเค้าเยอะขึ้น เค้าก็ยิ่งดีกับเรา จนหลังๆเราก็ยิ่งให้เยอะ เยอะเท่าที่เราจะให้ได้


แต่เหมือนฝันของแม่คงสลาย เพราะเราดันท้องกับแฟนเรา ใช่ค่ะ เราท้องก่อนแต่ง ตอนนั้นเราอายุ 26 เรารับผิดชอบทุกอย่างในบ้านเราด้วยตัวคนเดียว เราเลี้ยงดูแม่ เราดูแลบ้าน แต่เราก็ทำให้ฝันของแม่พังทลายอยู่ดี แม่เราเสียใจมากๆ เราเองก็ไม่ต่าง ตอนนั้นเราพังมาก แต่สุดท้ายเราก็เลือกที่จะแต่งงานและมีลูก


แฟนเราเค้าก็ทำงานดี เค้าอายุเท่ากับเรา รายได้เค้าก็ค่อยข้างโอเค เราตกลงแต่งงานกัน เรามีงานแต่งงานที่เราคิดว่าโอเคนะคะ คนออกเงินคือเรากับแฟน และบ้านแฟน (ก็แม่เราไม่มีเงินหนิ) เงินสินสอดเรา ก็ตามคาด แม่เราเอาไปหมด มันค่าน้ำนมหนิ และคนให้ ก็บ้านแฟนเรา (ส่วนตัวเราเกรงใจมากๆ เราไม่ได้อยากได้อ่ะ เรารู้สึกว่า จะลูกสาวลูกชาย ก็เลี้ยงดูมาเหมือนกัน ถ้าเรียกว่าค่าน้ำนม ลูกชายไม่ต้องกินนมหรอ?)


ช่วงที่แต่งงานแรกๆ แฟนเราย้ายจากหอมาอยู่บ้านแม่เรา (บ้านแฟนอยู่ตจว แฟนทำงานกทม) แต่แฟนเราเค้าไม่โอเค เค้ารู้สึกอึดอัดประมาณนึง เราก็เลยซื้อบ้านใหม่กัน เราย้ายไปอยู่บ้านใหม่ตอนลูกเราอายุประมาณ 3 เดือน แม่เราก็ไปอยู่ด้วย มันเหมือนเป็นที่รู้กัน ว่าเราอยู่ไหน แม่อยู่นั่น เราทิ้งแม่ไม่ได้


แม่เราช่วยเลี้ยงดูลูกเราอย่างดี แต่เราทุกคนก็ช่วยกัน หลังเลิกงานเรากับแฟนก็เต็มที่ เราเลี้ยงลูกแบบเข้าเต้าตลอด ยกเว้นปั๊มที่ทำงาน เพราะฉะนั้น หลังเลิกงานเราก็ฟูลไทม์ แฟนเราก็ไม่เคยเกี่ยง ล้างอึลูก อาบน้ำลูกคืองานหลักของแฟนเรา


เรารู้ว่าแม่เราเหนื่อย เราก็พยายามทำในสิ่งที่เราทำได้ เราพาเค้าไปเที่ยวด้วยกันตลอด ไปต่างจังหวัด หรือไปต่างประเทศก็พาไปครั้งนึง เพราะอยากไปมาตลอด ไปกินของอร่อยๆ คือบ้านเรากินข้าวนอกบ้านบ่อย แต่เราไม่สามารถให้เงินเค้าเยอะๆเหมือนแต่ก่อนได้แล้ว เพราะเราต้องผ่อนบ้าน เรามีลูก เรามีค่าใช้จ่ายเยอะขึ้น


ระหว่างนั้นเราก็ยังให้เงินแม่ใช้ทุกเดือน เดือนละราวๆ 5,000 ถ้ามีเยอะบางเดือนเราให้ 10,000 (เราทำงานแบบมีค่าคอม รายได้ไม่แน่นอน) บางเดือนเราได้เงินพิเศษมา ก็ให้เค้า แบบ 1,000-5,000 แล้วแต่ได้ แต่มันไม่ได้ตลอด ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนตัว น้ำมันรถและประกันรถเค้า เราออกให้หมด เราให้บัตรเครดิตเค้าไว้ใช้เวลาไปซื้อของซุปเปอร์ เราทำเต็มที่ได้เท่านั้น


หลายๆครั้งก็ชอบมาบอกเรา ว่าบ้านอื่น สามีเค้าให้ใช้ส่วนตัวเดือนละหมื่นเลยนะ เรารู้สึกว่าแม่อยากได้เพิ่ม แต่เราให้ได้แค่นั้น


ยิ่งอยู่ด้วยกันนานขึ้น ความไม่ลงรอยมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ แม่เราปากร้ายถึงร้ายมาก และไม่ค่อยยอมรับ โดยเฉพาะกับแฟนเรา หลังๆเค้าไม่ชอบแฟนเราเลย ด่าเสียๆหายๆทั้งต่อหน้าและลับหลัง เค้าไม่ชอบที่แฟนเราตื่นสาย (แฟนเราเป็นเซลล์ ออกจากบ้านช่วงสาย) และไม่ชอบที่แฟนเราชอบเล่นเกม เอาจริงๆแรกๆเราก็ไม่ชอบ(ทุกวันนี้บางวันเราก็ไม่ชอบ) แต่มันคือการคลายเครียดของเค้า และเค้าก็รับผิดชอบทุกอย่างได้ปกติ เราว่าเราก็ควรปล่อยผ่าน


สำหรับแม่เรา การเลี้ยงหลานและช่วยงานบ้านที่บ้านมันคือการทำงาน นี่เค้าทำงานแลกเงินนะ และมันก็คือบุญคุณที่พอกพูนไปจากบุญคุณที่เค้าเลี้ยงเรามามากขึ้นไปอีก


สถานการณ์ในบ้านเลวร้ายลงเรื่อยๆ ทะเลาะกันหนักๆ เค้าก็ขู่ฆ่าตัวตาย จนจุดพีคคือที่เราไล่เค้าออกจากบ้าน และเค้าเอามีดมาลับหน้าห้องนอนเรา (อ่านได้ในกระทู้ก่อนหน้าค่ะ อันนั้นเล่าไว้ละเอียด)


(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่