.
บางเวลาของชีวิตในแต่ละวัน ว่าง ๆ คุณลองมานั่งนึกถึงวันวานดูไหม ไม่ได้ให้กลับไปอยู่กับอดีตหรือจมปลักกับอดีต แต่ลองนึกย้อนกลับไปเล่น ๆ ช่วงความสุขในวัยเด็กกัน ว่าเราเคยทำอะไร ใช้ชีวิตแบบไหน ตอนนี้กับตอนนั้นตอนไหนสุขใจกว่ากัน บางทีมันก็มีความสุขที่ได้นึกย้อนกลับไปดูตัวเองในวัยเด็ก
บางเรื่องราวที่ตอนนั้นดื้อสุด ๆ เสียใจสุด ๆ กลัวสุด ๆ แต่พอเวลามันผ่านไป มันกลับเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เรานั่งยิ้ม นั่งหัวเราะอย่างตลกให้กับตนเองในตอนนี้ก็ได้ว่าไหม คำว่า ‘ไม่น่าโตเลย’ เราอาจจะได้พูดกับตัวเองก็ได้
ย้อนกลับไปสมัยประถม เรื่องมันมีอยู่ว่า….
หลังเก็บเกี่ยวข้าวในนาเสร็จ นาแต่ละคนก็จะมีกองฟางหลังนวดข้าว ฟางทับถมกันเป็นกองโต ๆ ซึ่งมันนุ่มมากหากโดดลงไปทับกองฟางนั้น และ มันแปลว่ากองฟางจะกลายเป็นสนามเด็กเล่นไปในตัวทันที
นี่แหละคือสิ่งที่เด็ก ๆ อย่างพวกเธอรอคอยมานานแรมปีหลังเกี่ยวข้าว ในฤดูเกี่ยวข้าวตอนกลางคืนจะได้ยินเสียงรถนวดข้าวแว่วมาให้ได้ยินทุกคืน บางคืนก็จะได้ยินเสียงธนูของว่าวด้วย มันน่าฟังมาก!
คืนนี้ระหว่างนั่งดูละคร บอสได้ยินเสียงรถนวดข้าวเสียงหึ่ง ๆ อยู่ใกล้ ๆ เหมือนดังอยู่ตรงชายทุ่งนาของยายเรือง เสียงนวดข้าวมันเสียงดังมาก เหมือนกำลังนวดข้าวอยู่ใกล้ ๆ บ้านนี่เอง
บ้านของบอสอยู่ในซอย และ อยู่ติดกับชายทุ่ง อยู่ติดกับนาของยายเรือง บอสได้ยินเสียงรถนวดข้าวชัดมาก เสียงดังหึ่ง ๆ อยู่ตลอดเวลา
“ตา! เสียงรถสีข้าวอยู่นาผู้ใดฮือตา” บอสละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์ หันหน้ามาถามตา ส่วนตานั่งชันเข่ากำลังฝนยาสมุนไพรสามสิบบีดื่ม
“นาไผแหล่ว บ่อแมนนาแม่ใหญ่เรืองบ่อ” ตาตอบ ทว่าไม่ได้หันมามองหน้าเธอเลย เพราะกำลังก้มหน้าก้มตาตั้งใจฝนยาสมุนไพรอยู่
น้ำยาสมุนไพรสามสิบบีมีรสชาติขมมาก! บอสเคยขอตาชิมแล้ว ขมสุดจะบรรยายของความขม ไม่เห็นอร่อยเลย ตาก็ชอบดื่มทุกวัน ตาบอกว่าหวานเป็นลมขมเป็นยา บอสไม่เอาด้วยหรอก อยากเป็นลมมากกว่าถ้าจะขมขนาดนั้น
พอตาตอบมาแบบนั้นบอสดีใจที่สุด เนื่องจากว่าบอสจะมีสนามเด็กเล่นเล่นให้เล่นแล้วนั่นเอง คำตอบจากตามันอาจไม่เป็นความจริง จึงคิดเดินไปถามยายอีกคนจะได้แน่ใจ
“ยาย! เสียงรถสีข้าวอยู่นาผู้ใดหายาย คือเสียงดังแถะ” เดินออกมาถามยายที่หน้าบ้าน ยายกำลังทอผ้าซิ่นอยู่ ยืนอยู่ข้าง ๆ กี่ทอผ้าของยายรอคำตอบ ไม่กลัวด้ามสวยของยายจะโดนหัวเอาเลย
“แม่ใหญ่เรืองเราสีข้าว เสียงรถสีข้าวอยู่นายายเรือง” ยายตอบเหมือนตา แปลว่าเป็นเรื่องจริง บอสพยักหน้าเข้าใจพร้อมกระตุกยิ้ม พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนชวนจ๋อมกับสองฝาแฝดกับน้องบีมไปเล่นฟางดีกว่า แค่คิดก็สนุกแล้ว
………………………………………..
หลังเลิกเรียนสองฝาแฝดและจ๋อมมาหาเธอที่บ้านตามที่ได้นัดกันไว้ พวกเธอนัดกันไว้ตั้งแต่ที่โรงเรียนแล้วว่า หลังเลิกเรียนจะไปเล่นกองฟางที่นายายเรืองกัน ทั้งสามคนรอเธอทำงานบ้านช่วยพี่ปาวให้เสร็จ พี่บอลกับพี่แป้งกับน้องบีมก็ตามพวกเธอไปด้วย
พวกเธอเดินเกาะกลุ่มกันไปที่ชายทุ่งใกล้บ้าน เป็นนาของยายเรืองเอง วันนี้ยังไม่มีเด็ก ๆ คนไหนมาเล่นที่ชายทุ่งเลย น่าจะยังไม่รู้ว่ายายเรืองนวดข้าวแล้ว ถ้ารู้ป่านนี้กองฟางคงไม่เหลือที่ให้เล่น มีเพียงพวกเธอเจ็ดคนเท่านั้น
กองฟางตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งนา ถัดไปไกล ๆ เห็นกองฟางตั้งอยู่หลายกอง เป็นของนาคนอื่น ๆ แต่ตอนนี้ กองฟางนายายเรืองล่อตาล่อใจพวกเธอที่สุด
มันนุ่มยิ่งกว่าที่นอนที่บ้าน มันเด้งดึงเสียวไส้มากกว่าขย่มกิ่งไม้ ไม่รีรอพวกเธอทั้งเจ็ดคนวิ่งเข้าใส่กองฟางกันเลย ยายเรืองก็ไม่หวงด้วย แต่ละคนกระโดดเข้าไปกลิ้งเกลือกอยู่บนกองฟาง หัวเราะเสียงดังอย่างสนุกสนาน อย่างกับไม่เคยเจอมาก่อน เพราะทั้งปีรอสิ่งนี้สิ่งเดียว
พวกเธอตะเกียกตะกายขึ้นไปบนยอดกองฟางให้ได้ เส้นฟางที่ลื่นทำให้ตัวไถลลงมาตามแรงโน้มถ่วง ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็พยายามปีนป่ายขึ้นไปบนยอดกองฟางให้ได้
พอขึ้นไปได้มันก็ยุบลงตามน้ำหนักตัว เส้นฟางเกาะติดเสื้อผ้า ค้างบนหัว เต็มผมเต็มเสื้อไปหมด พวกเธอก็ไม่สนใจ แม้จะคันระคายเคืองก็ไม่หวั่น เส้นฟางขูดขีดแขนขาลายเป็นเส้นแผนที่ก็ไม่สะทกสะท้าน
น้องบีมขย่ม ๆ กองฟางอย่างสะใจพร้อมเสียงหัวเราะที่ดังระดับสิบ มุดลงไปในหลุมกองฟางจากนั้นก็หาทางโผล่หน้าขึ้นมาได้ พี่บอล พี่แป้ง สองฝาแฝด และ จ๋อมก็เช่นกัน กลิ้งเกลือกไปกับกองฟางอยู่อย่างนั้น มันนุ่มกระโดดเด้งทีก็เสียวไส้ที่สุด
ขึ้นไปบนยอดกองฟาง จากนั้นก็กระโดดลงมา นี่แหละที่เด็ดสุดของการเล่นฟาง ระวังเพียงห้ามกระโดดเลยกองฟางเท่านั้น เพราะนั่นแปลว่าจะเจอพื้นดินที่แข็ง และ เจ็บตัวได้
“เด็กน้อยสูคือเล่นเฟืองคักแท้บ่อย่านคันคายบ่อ” ยายสวยยายของนินร้องทัก ที่เห็นพวกเธอเล่นฟางกันแบบเอาเป็นเอาตาย เสียงหัวเราะดังไปทั่วชายทุ่ง
ใครไม่เคยเล่นจะไม่รู้เลยว่ามันสนุกกว่าเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุกเป็นไหน ๆ “อาบน้ำได้บ่อน้อมื้อแลง” ยายสวยเพียงร้องทักทายไปอย่างนั้น ไม่ได้ดุให้เลิกเล่นเลยสักนิด
“ฮ่า!” พวกเธอเพียงหัวเราะตอบกลับไป ไม่ตอบอะไรยายสวย ยังคงกระโดดเล่นกองฟางกันอยู่อย่างนั้น
“อ้ายว่าเฮามาเล่นกิ๊กไม้กันดีบ่อ” พี่บอลชวนเล่นอย่างอื่นนอกจากกระโดดเล่นฟางอยู่แบบนั้น ‘กิ๊กไม้คือชื่อการเล่นซ่อนแอบ’
“เล่นกะเล่น! เล่นบ่อสู” พิมพ์หันมาถามพวกเธอ ตอนนี้บนหัวของพิมพ์ มีเส้นฟางเกาะเกะกะเต็มไปหมดรวมทั้งตัวด้วย
“น้องบีมเล่นนำเด้ออ้ายบอล” น้องบีมพูดแทรก มุดออกมาจากกองฟาง ทั้งตัวเต็มไปด้วยเส้นฟางเช่นกัน พี่บอลยักคิ้วให้ ตกลงให้เล่นด้วยกัน
“เล่นอยู่ตะกองเฟืองหนิล้า ห้ามไปลี้หม่องอื่น” พี่แป้งออกกฎในการเล่น
“ได้!” พี่บอลตอบ “มาโออาร์คู่กัน” จากนั้นพวกเธอทั้งเจ็ดคนยืนล้อมวงกันโออาร์คู่ ใครแปลกเพื่อนคนนั้นเป็นคนหา ต้องการคนแปลกเพื่อนเพียงคนเดียว เช่น หากทั้งเจ็ดคนหงายมือห้าคน คว่ำมือสองคนก็ต้องโออาร์คู่ใหม่ จนกว่าจะได้คนที่คว่ำมือหรือหงายมือเพียงคนเดียว และแล้วก็ได้คนหาเป็นคนแรกคือจ๋อมเอง
จ๋อมเป็นคนหาคนแรก พวกเธอทั้งหกคนเป็นคนซ่อน โดยซ่อนตัวอยู่ในบริเวณกองฟางเท่านั้น ใครออกจากอาณาเขตถือว่าฟาวล์ ต้องได้มาเป็นคนหาแทน คนหาต้องหลับตาพร้อมนับหนึ่งถึงสิบพอ ถ้าเกินนี้มันจะนานเกินไปเสียเวลาในการเล่น
จ๋อมหลับตาพร้อมที่จะนับหนึ่งถึงสิบ “อี่จ๋อมมืงห้ามหลับตาสิ่งล้า!” เธอเตือนจ๋อม เพราะระแวงว่า จ๋อมจะแอบดูว่าพวกเธอซ่อนตัวกันตรงตำแหน่งไหนของกองฟางกันบ้าง
“เอ้อ! บ่อหลับตาสิ่งหรอก” จ๋อมตอบกลับ “หนึ่ง สอง สาม สี่….” ระหว่างที่จ๋อมนับพวกเธอก็หาที่ซ่อนตัว
บอสรีบขุดฟางให้เป็นหลุมอำพรางตัวเอง กำฟางมาปิดหลุมปกศีรษะตนเองเอาไว้อย่างแนบเนียน ทุก ๆ คนทำเหมือนกันหมด อยู่ที่ว่าจะอำพรางเนียนแค่ไหน ห้ามกระดุกกระดิกตัว
ต่างคนต่างเร่งขุดหลุมอำพรางตัวเองอย่างเร่งรีบ กลัวจ๋อมนับถึงสิบแล้วยังซ่อนตัวไม่เสร็จจบกันแน่ แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเล่นเลยมันจะรู้สึกเจ็บใจมาก
ได้ยินเสียงของจ๋อมนับ “เก้า… สิบ เอาได้! จะออกตามหาแล้วเด้อ!” จ๋อมตะโกนบอกพวกเธอ “อยู่ไสกันว่า อยู่ไสกันวา” ได้ยินเสียงจ๋อมพูดคนเดียวปนหัวเราะด้วย ยิ่งทำให้บอสหัวใจเต้นแรง กลัวโดนกิ๊กไม้เป็นคนแรก
ได้ยินเสียงฝีเท้าของจ๋อมเดินวนไปวนมาอยู่รอบ ๆ กองฟาง เดินวนใกล้ ๆ เข้ามาตรงที่เธอซ่อนอยู่ หัวใจของเธอเต้นตึกตัก จ๋อมจะจับสังเกตได้ไหมนะว่าเธอซ่อนอยู่บริเวณนี้ เดินวนไปวนมา โชคดีหน่อยก็ไม่โดนเหยียบหัว หากซวยโดนเหยียบหัวต้องโดนกิ๊กไม้แน่
จ๋อมเองก็เอาตัวเองกระโดดทับกองฟางไปในตัว เดินวนเดินอ้อมพร้อมกระโดดเข้าใส่กองฟาง ทับใครเข้าจะกิ๊กไม้เอา “อยู่ไสวา ฮ่า!” จ๋อมพูดทั้งหัวเราะสะใจ เพราะมองเห็นน้องบีมแล้วแต่ทำไม่เห็น ไม่อยากกิ๊กไม้น้องบีมเป็นคนแรกเพราะเด็กสุด ปล่อยไปดีกว่า ยืนขำกับผมน้องบีมที่มันโผล่ออกมา แต่ก็ยังทำเป็นมองไม่เห็น
ทั้งร้อนทั้งกลัวโดนกิ๊กไม้เป็นคนแรก คนที่โดนกิ๊กไม้เป็นคนแรกจะต้องเป็นผู้หาคนต่อไป ภาวนาขอให้สองฝาแฝดหรือใครสักคน หรือ น้องบีมก็ได้โดนกิ๊กไม้เป็นคนแรก เพราะเธอจะออกไปให้จ๋อมกิ๊กไม้เลย ร้อนเต็มทนแล้ว จะออกไปเป็นคนแรกก็ไม่ได้ ก็ต้องรอกันไป ทั้งตื่นเต้นทั้งร้อนผสมกันไปหมด
“อยู่ไสวา อยู่ไสกันวา ฮ่า” จ๋อมพูดเดินวนไปวนมาอยู่นั่นแหละ พร้อมหัวเราะอยู่คนเดียว “กิ๊กไม้อี่พิมพ์! ฮา” บอสโล่งใจถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สุดท้ายคนแรกก็โดนกิ๊กไม้ไปแล้ว นับว่าตนเองได้เล่นต่อ เสียงหัวเราะของจ๋อมผสมกับเสียงกรี๊ดของพิมพ์ดังระงมไปทั่วชายทุ่ง
พวกเธอทั้งห้าคนที่เหลือพร้อมใจกันโผล่หน้าออกมา เหงื่อเต็มหน้าผากกันทุกคน เศษฟางเกาะเต็มไหล่เต็มศีรษะไปหมด แต่ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่สนุกสนานของทุกคน
“อี่พิมพ์ลี้ดีคัก ลี้ดีจนกูหาบ่อเห็น ฮา เส้นผมดำขึกหมึกอยู่ กูบ่อเห็นมากมั้ง ฮ่า” จ๋อมล้อพิมพ์ไปอีก พูดทั้งหัวเราะน้ำตาเล็ด นึกตลกกับการหลบของพิมพ์ คงคิดว่าตนเองซ่อนตัวดีแล้ว
พอพิมพ์โดนกิ๊กไม้แล้ว พิมพ์ก็ต้องกลายเป็นคนหลับตาคนต่อไป ส่วนพวกเธอก็แอบเหมือนเดิม เล่นจนเหนื่อยพวกเธอก็เลิกเล่น นั่งพักกันอยู่บนพื้นดิน มีฟางเป็นที่รองนั่ง พูดคุยกันถึงเรื่องเล่นซ่อนแอบเมื่อครู่ ณ เวลานี้เพียงสี่โมงเย็นเอง ยังไม่ถึงเวลาที่จ๋อมต้องกลับบ้าน
ขณะที่พวกเธอนั่งโม้กัน น้องบีมก็ขึ้นไปขย่มฟางเล่นอยู่คนเดียว กระโดดไปกระโดดมา ตีลังกาม้วนตัวอยู่คนเดียวไม่เหนื่อยเลย พวกเธอก็ปล่อยให้เล่นไป
“น้องบีมตีลังกาอยู่เทิงพุ่น อย่ามาตีอยู่หนิ มันสิตกคอหักเด้ ดินแก่น ๆ หนิ” แพรวเตือนน้องบีมด้วยความห่วงใย บอกน้องบีมให้ขึ้นไปเล่นบนยอดกองฟาง จากที่กองฟางสูง ๆ แหลม ๆ ตอนนี้ถูกพวกเธอกระโดดทับจนทู้หมดแล้ว เศษฟางกระจัดกระจายไปรอบ ๆ พื้นดินบริเวณนี้
น้องบีมเชื่อฟังแพรวพูด ปีนขึ้นไปเล่นตีลังกาม้วนตัวอยู่บนยอดกองฟาง หัวเราะเสียงดังอยู่คนเดียว พวกเธอเห็นก็ขำตามไปด้วย แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อน้องบีมตีลังกาลงมาจากยอดกองฟาง
“เออะ! ฮื้อ….” น้องบีมร้องไห้จ้า จากที่ตีลังกาเมื่อครู่ พวกเธอหันไปมองเป็นสายตาเดียวกัน
“บีมเป็นหยัง!” พี่แป้งถาม น้องบีมเอาแต่ร้องไห้เสียงดังไม่ตอบ พวกเธอลุกไปดู เพราะน้องบีมตีลังกาม้วนตัวลงไปคนละฝั่งกับที่พวกเธอนั่ง น้องบีมร้องไห้หันหน้ามามองพวกเธอ มีเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูกเยอะมาก
น้องบีมเอาแต่ร้องไห้แหกปากไม่หยุด บอสตัวสั่นใจสั่นไปหมด จังหวะที่น้องบีมตีลังกาม้วนตัวคงโดนก้านฟางทิ่มเข้ารูจมูก เลือดถึงได้ไหลออกมาจากจมูกมากขนาดนี้ บอสหน้าเสียจะทำอย่างไรดี สงสารน้องบีมก็สงสาร แต่กลัวโดนยายตีมากกว่าที่น้องเจ็บตัวแบบนี้
“บีมเซาไห้!” พี่แป้งเป็นคนเข้าไปประคองน้องบีม ตอนนี้น้องบีมใช้มือเช็ดเลือดที่จมูกเปื้อนหน้าไปหมด เปื้อนเสื้อด้วย พี่แป้งพยายามช่วยเต็มที่ แต่เลือดก็ไม่หยุดไหลเลย น้องบีมก็ร้องไห้ไม่หยุด
“นั่น! เป็นหยังกันล่ะ คือไห้!” ยายสวยที่บ้านอยู่ติดกับนาของยายเรืองร้องทัก เพราะได้ยินเสียงน้องบีมร้องไห้
“ยายสวยอี่บีมเลือดฮูดังออก” บอสพูดด้วยอาการใจสั่น หน้ามุ่ยกลัวโดนยายตีมากกว่าห่วงน้องสาว
วันวาน 2
.
บางเวลาของชีวิตในแต่ละวัน ว่าง ๆ คุณลองมานั่งนึกถึงวันวานดูไหม ไม่ได้ให้กลับไปอยู่กับอดีตหรือจมปลักกับอดีต แต่ลองนึกย้อนกลับไปเล่น ๆ ช่วงความสุขในวัยเด็กกัน ว่าเราเคยทำอะไร ใช้ชีวิตแบบไหน ตอนนี้กับตอนนั้นตอนไหนสุขใจกว่ากัน บางทีมันก็มีความสุขที่ได้นึกย้อนกลับไปดูตัวเองในวัยเด็ก
บางเรื่องราวที่ตอนนั้นดื้อสุด ๆ เสียใจสุด ๆ กลัวสุด ๆ แต่พอเวลามันผ่านไป มันกลับเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เรานั่งยิ้ม นั่งหัวเราะอย่างตลกให้กับตนเองในตอนนี้ก็ได้ว่าไหม คำว่า ‘ไม่น่าโตเลย’ เราอาจจะได้พูดกับตัวเองก็ได้
ย้อนกลับไปสมัยประถม เรื่องมันมีอยู่ว่า….
หลังเก็บเกี่ยวข้าวในนาเสร็จ นาแต่ละคนก็จะมีกองฟางหลังนวดข้าว ฟางทับถมกันเป็นกองโต ๆ ซึ่งมันนุ่มมากหากโดดลงไปทับกองฟางนั้น และ มันแปลว่ากองฟางจะกลายเป็นสนามเด็กเล่นไปในตัวทันที
นี่แหละคือสิ่งที่เด็ก ๆ อย่างพวกเธอรอคอยมานานแรมปีหลังเกี่ยวข้าว ในฤดูเกี่ยวข้าวตอนกลางคืนจะได้ยินเสียงรถนวดข้าวแว่วมาให้ได้ยินทุกคืน บางคืนก็จะได้ยินเสียงธนูของว่าวด้วย มันน่าฟังมาก!
คืนนี้ระหว่างนั่งดูละคร บอสได้ยินเสียงรถนวดข้าวเสียงหึ่ง ๆ อยู่ใกล้ ๆ เหมือนดังอยู่ตรงชายทุ่งนาของยายเรือง เสียงนวดข้าวมันเสียงดังมาก เหมือนกำลังนวดข้าวอยู่ใกล้ ๆ บ้านนี่เอง
บ้านของบอสอยู่ในซอย และ อยู่ติดกับชายทุ่ง อยู่ติดกับนาของยายเรือง บอสได้ยินเสียงรถนวดข้าวชัดมาก เสียงดังหึ่ง ๆ อยู่ตลอดเวลา
“ตา! เสียงรถสีข้าวอยู่นาผู้ใดฮือตา” บอสละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์ หันหน้ามาถามตา ส่วนตานั่งชันเข่ากำลังฝนยาสมุนไพรสามสิบบีดื่ม
“นาไผแหล่ว บ่อแมนนาแม่ใหญ่เรืองบ่อ” ตาตอบ ทว่าไม่ได้หันมามองหน้าเธอเลย เพราะกำลังก้มหน้าก้มตาตั้งใจฝนยาสมุนไพรอยู่
น้ำยาสมุนไพรสามสิบบีมีรสชาติขมมาก! บอสเคยขอตาชิมแล้ว ขมสุดจะบรรยายของความขม ไม่เห็นอร่อยเลย ตาก็ชอบดื่มทุกวัน ตาบอกว่าหวานเป็นลมขมเป็นยา บอสไม่เอาด้วยหรอก อยากเป็นลมมากกว่าถ้าจะขมขนาดนั้น
พอตาตอบมาแบบนั้นบอสดีใจที่สุด เนื่องจากว่าบอสจะมีสนามเด็กเล่นเล่นให้เล่นแล้วนั่นเอง คำตอบจากตามันอาจไม่เป็นความจริง จึงคิดเดินไปถามยายอีกคนจะได้แน่ใจ
“ยาย! เสียงรถสีข้าวอยู่นาผู้ใดหายาย คือเสียงดังแถะ” เดินออกมาถามยายที่หน้าบ้าน ยายกำลังทอผ้าซิ่นอยู่ ยืนอยู่ข้าง ๆ กี่ทอผ้าของยายรอคำตอบ ไม่กลัวด้ามสวยของยายจะโดนหัวเอาเลย
“แม่ใหญ่เรืองเราสีข้าว เสียงรถสีข้าวอยู่นายายเรือง” ยายตอบเหมือนตา แปลว่าเป็นเรื่องจริง บอสพยักหน้าเข้าใจพร้อมกระตุกยิ้ม พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนชวนจ๋อมกับสองฝาแฝดกับน้องบีมไปเล่นฟางดีกว่า แค่คิดก็สนุกแล้ว
………………………………………..
หลังเลิกเรียนสองฝาแฝดและจ๋อมมาหาเธอที่บ้านตามที่ได้นัดกันไว้ พวกเธอนัดกันไว้ตั้งแต่ที่โรงเรียนแล้วว่า หลังเลิกเรียนจะไปเล่นกองฟางที่นายายเรืองกัน ทั้งสามคนรอเธอทำงานบ้านช่วยพี่ปาวให้เสร็จ พี่บอลกับพี่แป้งกับน้องบีมก็ตามพวกเธอไปด้วย
พวกเธอเดินเกาะกลุ่มกันไปที่ชายทุ่งใกล้บ้าน เป็นนาของยายเรืองเอง วันนี้ยังไม่มีเด็ก ๆ คนไหนมาเล่นที่ชายทุ่งเลย น่าจะยังไม่รู้ว่ายายเรืองนวดข้าวแล้ว ถ้ารู้ป่านนี้กองฟางคงไม่เหลือที่ให้เล่น มีเพียงพวกเธอเจ็ดคนเท่านั้น
กองฟางตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งนา ถัดไปไกล ๆ เห็นกองฟางตั้งอยู่หลายกอง เป็นของนาคนอื่น ๆ แต่ตอนนี้ กองฟางนายายเรืองล่อตาล่อใจพวกเธอที่สุด
มันนุ่มยิ่งกว่าที่นอนที่บ้าน มันเด้งดึงเสียวไส้มากกว่าขย่มกิ่งไม้ ไม่รีรอพวกเธอทั้งเจ็ดคนวิ่งเข้าใส่กองฟางกันเลย ยายเรืองก็ไม่หวงด้วย แต่ละคนกระโดดเข้าไปกลิ้งเกลือกอยู่บนกองฟาง หัวเราะเสียงดังอย่างสนุกสนาน อย่างกับไม่เคยเจอมาก่อน เพราะทั้งปีรอสิ่งนี้สิ่งเดียว
พวกเธอตะเกียกตะกายขึ้นไปบนยอดกองฟางให้ได้ เส้นฟางที่ลื่นทำให้ตัวไถลลงมาตามแรงโน้มถ่วง ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็พยายามปีนป่ายขึ้นไปบนยอดกองฟางให้ได้
พอขึ้นไปได้มันก็ยุบลงตามน้ำหนักตัว เส้นฟางเกาะติดเสื้อผ้า ค้างบนหัว เต็มผมเต็มเสื้อไปหมด พวกเธอก็ไม่สนใจ แม้จะคันระคายเคืองก็ไม่หวั่น เส้นฟางขูดขีดแขนขาลายเป็นเส้นแผนที่ก็ไม่สะทกสะท้าน
น้องบีมขย่ม ๆ กองฟางอย่างสะใจพร้อมเสียงหัวเราะที่ดังระดับสิบ มุดลงไปในหลุมกองฟางจากนั้นก็หาทางโผล่หน้าขึ้นมาได้ พี่บอล พี่แป้ง สองฝาแฝด และ จ๋อมก็เช่นกัน กลิ้งเกลือกไปกับกองฟางอยู่อย่างนั้น มันนุ่มกระโดดเด้งทีก็เสียวไส้ที่สุด
ขึ้นไปบนยอดกองฟาง จากนั้นก็กระโดดลงมา นี่แหละที่เด็ดสุดของการเล่นฟาง ระวังเพียงห้ามกระโดดเลยกองฟางเท่านั้น เพราะนั่นแปลว่าจะเจอพื้นดินที่แข็ง และ เจ็บตัวได้
“เด็กน้อยสูคือเล่นเฟืองคักแท้บ่อย่านคันคายบ่อ” ยายสวยยายของนินร้องทัก ที่เห็นพวกเธอเล่นฟางกันแบบเอาเป็นเอาตาย เสียงหัวเราะดังไปทั่วชายทุ่ง
ใครไม่เคยเล่นจะไม่รู้เลยว่ามันสนุกกว่าเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุกเป็นไหน ๆ “อาบน้ำได้บ่อน้อมื้อแลง” ยายสวยเพียงร้องทักทายไปอย่างนั้น ไม่ได้ดุให้เลิกเล่นเลยสักนิด
“ฮ่า!” พวกเธอเพียงหัวเราะตอบกลับไป ไม่ตอบอะไรยายสวย ยังคงกระโดดเล่นกองฟางกันอยู่อย่างนั้น
“อ้ายว่าเฮามาเล่นกิ๊กไม้กันดีบ่อ” พี่บอลชวนเล่นอย่างอื่นนอกจากกระโดดเล่นฟางอยู่แบบนั้น ‘กิ๊กไม้คือชื่อการเล่นซ่อนแอบ’
“เล่นกะเล่น! เล่นบ่อสู” พิมพ์หันมาถามพวกเธอ ตอนนี้บนหัวของพิมพ์ มีเส้นฟางเกาะเกะกะเต็มไปหมดรวมทั้งตัวด้วย
“น้องบีมเล่นนำเด้ออ้ายบอล” น้องบีมพูดแทรก มุดออกมาจากกองฟาง ทั้งตัวเต็มไปด้วยเส้นฟางเช่นกัน พี่บอลยักคิ้วให้ ตกลงให้เล่นด้วยกัน
“เล่นอยู่ตะกองเฟืองหนิล้า ห้ามไปลี้หม่องอื่น” พี่แป้งออกกฎในการเล่น
“ได้!” พี่บอลตอบ “มาโออาร์คู่กัน” จากนั้นพวกเธอทั้งเจ็ดคนยืนล้อมวงกันโออาร์คู่ ใครแปลกเพื่อนคนนั้นเป็นคนหา ต้องการคนแปลกเพื่อนเพียงคนเดียว เช่น หากทั้งเจ็ดคนหงายมือห้าคน คว่ำมือสองคนก็ต้องโออาร์คู่ใหม่ จนกว่าจะได้คนที่คว่ำมือหรือหงายมือเพียงคนเดียว และแล้วก็ได้คนหาเป็นคนแรกคือจ๋อมเอง
จ๋อมเป็นคนหาคนแรก พวกเธอทั้งหกคนเป็นคนซ่อน โดยซ่อนตัวอยู่ในบริเวณกองฟางเท่านั้น ใครออกจากอาณาเขตถือว่าฟาวล์ ต้องได้มาเป็นคนหาแทน คนหาต้องหลับตาพร้อมนับหนึ่งถึงสิบพอ ถ้าเกินนี้มันจะนานเกินไปเสียเวลาในการเล่น
จ๋อมหลับตาพร้อมที่จะนับหนึ่งถึงสิบ “อี่จ๋อมมืงห้ามหลับตาสิ่งล้า!” เธอเตือนจ๋อม เพราะระแวงว่า จ๋อมจะแอบดูว่าพวกเธอซ่อนตัวกันตรงตำแหน่งไหนของกองฟางกันบ้าง
“เอ้อ! บ่อหลับตาสิ่งหรอก” จ๋อมตอบกลับ “หนึ่ง สอง สาม สี่….” ระหว่างที่จ๋อมนับพวกเธอก็หาที่ซ่อนตัว
บอสรีบขุดฟางให้เป็นหลุมอำพรางตัวเอง กำฟางมาปิดหลุมปกศีรษะตนเองเอาไว้อย่างแนบเนียน ทุก ๆ คนทำเหมือนกันหมด อยู่ที่ว่าจะอำพรางเนียนแค่ไหน ห้ามกระดุกกระดิกตัว
ต่างคนต่างเร่งขุดหลุมอำพรางตัวเองอย่างเร่งรีบ กลัวจ๋อมนับถึงสิบแล้วยังซ่อนตัวไม่เสร็จจบกันแน่ แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเล่นเลยมันจะรู้สึกเจ็บใจมาก
ได้ยินเสียงของจ๋อมนับ “เก้า… สิบ เอาได้! จะออกตามหาแล้วเด้อ!” จ๋อมตะโกนบอกพวกเธอ “อยู่ไสกันว่า อยู่ไสกันวา” ได้ยินเสียงจ๋อมพูดคนเดียวปนหัวเราะด้วย ยิ่งทำให้บอสหัวใจเต้นแรง กลัวโดนกิ๊กไม้เป็นคนแรก
ได้ยินเสียงฝีเท้าของจ๋อมเดินวนไปวนมาอยู่รอบ ๆ กองฟาง เดินวนใกล้ ๆ เข้ามาตรงที่เธอซ่อนอยู่ หัวใจของเธอเต้นตึกตัก จ๋อมจะจับสังเกตได้ไหมนะว่าเธอซ่อนอยู่บริเวณนี้ เดินวนไปวนมา โชคดีหน่อยก็ไม่โดนเหยียบหัว หากซวยโดนเหยียบหัวต้องโดนกิ๊กไม้แน่
จ๋อมเองก็เอาตัวเองกระโดดทับกองฟางไปในตัว เดินวนเดินอ้อมพร้อมกระโดดเข้าใส่กองฟาง ทับใครเข้าจะกิ๊กไม้เอา “อยู่ไสวา ฮ่า!” จ๋อมพูดทั้งหัวเราะสะใจ เพราะมองเห็นน้องบีมแล้วแต่ทำไม่เห็น ไม่อยากกิ๊กไม้น้องบีมเป็นคนแรกเพราะเด็กสุด ปล่อยไปดีกว่า ยืนขำกับผมน้องบีมที่มันโผล่ออกมา แต่ก็ยังทำเป็นมองไม่เห็น
ทั้งร้อนทั้งกลัวโดนกิ๊กไม้เป็นคนแรก คนที่โดนกิ๊กไม้เป็นคนแรกจะต้องเป็นผู้หาคนต่อไป ภาวนาขอให้สองฝาแฝดหรือใครสักคน หรือ น้องบีมก็ได้โดนกิ๊กไม้เป็นคนแรก เพราะเธอจะออกไปให้จ๋อมกิ๊กไม้เลย ร้อนเต็มทนแล้ว จะออกไปเป็นคนแรกก็ไม่ได้ ก็ต้องรอกันไป ทั้งตื่นเต้นทั้งร้อนผสมกันไปหมด
“อยู่ไสวา อยู่ไสกันวา ฮ่า” จ๋อมพูดเดินวนไปวนมาอยู่นั่นแหละ พร้อมหัวเราะอยู่คนเดียว “กิ๊กไม้อี่พิมพ์! ฮา” บอสโล่งใจถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สุดท้ายคนแรกก็โดนกิ๊กไม้ไปแล้ว นับว่าตนเองได้เล่นต่อ เสียงหัวเราะของจ๋อมผสมกับเสียงกรี๊ดของพิมพ์ดังระงมไปทั่วชายทุ่ง
พวกเธอทั้งห้าคนที่เหลือพร้อมใจกันโผล่หน้าออกมา เหงื่อเต็มหน้าผากกันทุกคน เศษฟางเกาะเต็มไหล่เต็มศีรษะไปหมด แต่ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่สนุกสนานของทุกคน
“อี่พิมพ์ลี้ดีคัก ลี้ดีจนกูหาบ่อเห็น ฮา เส้นผมดำขึกหมึกอยู่ กูบ่อเห็นมากมั้ง ฮ่า” จ๋อมล้อพิมพ์ไปอีก พูดทั้งหัวเราะน้ำตาเล็ด นึกตลกกับการหลบของพิมพ์ คงคิดว่าตนเองซ่อนตัวดีแล้ว
พอพิมพ์โดนกิ๊กไม้แล้ว พิมพ์ก็ต้องกลายเป็นคนหลับตาคนต่อไป ส่วนพวกเธอก็แอบเหมือนเดิม เล่นจนเหนื่อยพวกเธอก็เลิกเล่น นั่งพักกันอยู่บนพื้นดิน มีฟางเป็นที่รองนั่ง พูดคุยกันถึงเรื่องเล่นซ่อนแอบเมื่อครู่ ณ เวลานี้เพียงสี่โมงเย็นเอง ยังไม่ถึงเวลาที่จ๋อมต้องกลับบ้าน
ขณะที่พวกเธอนั่งโม้กัน น้องบีมก็ขึ้นไปขย่มฟางเล่นอยู่คนเดียว กระโดดไปกระโดดมา ตีลังกาม้วนตัวอยู่คนเดียวไม่เหนื่อยเลย พวกเธอก็ปล่อยให้เล่นไป
“น้องบีมตีลังกาอยู่เทิงพุ่น อย่ามาตีอยู่หนิ มันสิตกคอหักเด้ ดินแก่น ๆ หนิ” แพรวเตือนน้องบีมด้วยความห่วงใย บอกน้องบีมให้ขึ้นไปเล่นบนยอดกองฟาง จากที่กองฟางสูง ๆ แหลม ๆ ตอนนี้ถูกพวกเธอกระโดดทับจนทู้หมดแล้ว เศษฟางกระจัดกระจายไปรอบ ๆ พื้นดินบริเวณนี้
น้องบีมเชื่อฟังแพรวพูด ปีนขึ้นไปเล่นตีลังกาม้วนตัวอยู่บนยอดกองฟาง หัวเราะเสียงดังอยู่คนเดียว พวกเธอเห็นก็ขำตามไปด้วย แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อน้องบีมตีลังกาลงมาจากยอดกองฟาง
“เออะ! ฮื้อ….” น้องบีมร้องไห้จ้า จากที่ตีลังกาเมื่อครู่ พวกเธอหันไปมองเป็นสายตาเดียวกัน
“บีมเป็นหยัง!” พี่แป้งถาม น้องบีมเอาแต่ร้องไห้เสียงดังไม่ตอบ พวกเธอลุกไปดู เพราะน้องบีมตีลังกาม้วนตัวลงไปคนละฝั่งกับที่พวกเธอนั่ง น้องบีมร้องไห้หันหน้ามามองพวกเธอ มีเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูกเยอะมาก
น้องบีมเอาแต่ร้องไห้แหกปากไม่หยุด บอสตัวสั่นใจสั่นไปหมด จังหวะที่น้องบีมตีลังกาม้วนตัวคงโดนก้านฟางทิ่มเข้ารูจมูก เลือดถึงได้ไหลออกมาจากจมูกมากขนาดนี้ บอสหน้าเสียจะทำอย่างไรดี สงสารน้องบีมก็สงสาร แต่กลัวโดนยายตีมากกว่าที่น้องเจ็บตัวแบบนี้
“บีมเซาไห้!” พี่แป้งเป็นคนเข้าไปประคองน้องบีม ตอนนี้น้องบีมใช้มือเช็ดเลือดที่จมูกเปื้อนหน้าไปหมด เปื้อนเสื้อด้วย พี่แป้งพยายามช่วยเต็มที่ แต่เลือดก็ไม่หยุดไหลเลย น้องบีมก็ร้องไห้ไม่หยุด
“นั่น! เป็นหยังกันล่ะ คือไห้!” ยายสวยที่บ้านอยู่ติดกับนาของยายเรืองร้องทัก เพราะได้ยินเสียงน้องบีมร้องไห้
“ยายสวยอี่บีมเลือดฮูดังออก” บอสพูดด้วยอาการใจสั่น หน้ามุ่ยกลัวโดนยายตีมากกว่าห่วงน้องสาว