บทที่ 3
ผวาตื่นขึ้นมาด้วยอาการอกสั่นขวัญแขวน ปรากฏว่ารอบตัวสว่างจ้าไปแล้ว ด้วยแสงแห่งรุ่งอรุณที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้อง...เช้าแล้วหรือนี่
สุดาขยับตัวลุกขึ้นนั่งกลางที่นอน ยกมือคลำหน้าอกข้างซ้ายที่ก้อนเนื้อข้างในยังเต้นรัวแรงดั่งรัวกลอง หวาดผวากับความฝันอันน่าสยดสยองเมื่อคืนนี้ที่ผ่านมา ใบหน้าอันน่ากลัวของหญิงสาวในความฝัน ยังจำได้ติดตามาจนกระทั่งถึงตอนนี้ เธอเป็นใคร เป็นภูตผีหรืออย่างไร...เมื่อวานก็จุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่ไปแล้วนี่นา
หรือบ้านหลังนี้จะมีสิ่งเร้นลับบางอย่างแอบซ่อนอยู่ โดยที่ไม่มีใครบอกให้เธอรู้มาก่อน สุดากัดริมฝีปากครุ่นคิด เหลือบมองไปทางฝาผนังคอนกรีตของห้องที่แม้จะดูสะอาดราบเรียบดี แต่คล้ายมีกระไอเยือกเย็นประหลาดแผ่ซ่านออกมาปะทะผิวกายให้รู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมา ราวกับว่ามันเป็นป้ายหินจารึกบนหลุมฝังศพ
บ้าจริง! หญิงสาวสบถกับตัวเอง ทำไมต้องหลอกหลอนตัวเองด้วยความคิดอันน่ากลัวแบบนี้
หญิงสาวลุกเดินไปที่หน้าต่าง...ไม่มีเศษซากของความน่ากลัวใดหลงเหลืออยู่ เชิดหน้าขึ้นรับกระแสลมเย็นที่พัดเข้ามา หลังฝนตกเมื่อคืนนี้อากาศเย็นสดชื่นสบายดี บรรยากาศแบบนี้เหมาะแก่การลงไปเดินเล่นในสวนดอกไม้ด้านล่างต่างหาก ไม่เห็นมีสิ่งใดให้คิดมาก การออกไปข้างนอกเสียบ้างจะทำให้ไม่รู้สึกถูกจำกัดพื้นที่ให้ขาดอิสรภาพ ไม่รู้สึกอ้างว้างอยู่แต่ในห้องจนเกินไป...ใช่...มันไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกน่า
กลับไปจัดการกับภารกิจส่วนตัวให้เสร็จสรรพ แต่งตัวด้วยชุดกระโปรงบานสีหวาน คาดเรือนผมยาวเคลียไหล่ด้วยผ้าคาดผมเข้าชุดกันกับกระโปรงบาน ออกจากห้องเข้าไปหาเจ้าคุณผู้สามี หากจัดการป้อนข้าวป้อนยาให้เขาแล้วเสร็จ เธอจะขออนุญาตลงไปเก็บดอกไม้ในสวนขึ้นมาปักแจกันภายในห้อง...
ในห้องของสามีวันนี้ สภาพร่างกายของเจ้าคุณผู้ชรายังไม่มีทีท่าว่าอาการจะดีขึ้นเลย รอยจ้ำเลือดยังคงมีดังเดิม ดูจะเพิ่มขยายใหญ่ขึ้นอีกหน่อยเสียด้วยซ้ำ มีแต่ดวงตาคู่ส่องแสงเป็นประกายอยู่ภายในกระบอกตาลึกเท่านั้นหรอก ที่ดูอย่างไรก็ไม่คล้ายแววตาของคนป่วยหนัก ตลอดจนน้ำเสียงทรงอำนาจ แม้จะแหบแห้งไม่สดใสเหมือนคนปกติก็ตาม
(มีต่อ)
อาถรรพ์คนเล่นของ ตอน คาถาซ่อนวิญญาณ EP.4
ผวาตื่นขึ้นมาด้วยอาการอกสั่นขวัญแขวน ปรากฏว่ารอบตัวสว่างจ้าไปแล้ว ด้วยแสงแห่งรุ่งอรุณที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้อง...เช้าแล้วหรือนี่
สุดาขยับตัวลุกขึ้นนั่งกลางที่นอน ยกมือคลำหน้าอกข้างซ้ายที่ก้อนเนื้อข้างในยังเต้นรัวแรงดั่งรัวกลอง หวาดผวากับความฝันอันน่าสยดสยองเมื่อคืนนี้ที่ผ่านมา ใบหน้าอันน่ากลัวของหญิงสาวในความฝัน ยังจำได้ติดตามาจนกระทั่งถึงตอนนี้ เธอเป็นใคร เป็นภูตผีหรืออย่างไร...เมื่อวานก็จุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่ไปแล้วนี่นา
หรือบ้านหลังนี้จะมีสิ่งเร้นลับบางอย่างแอบซ่อนอยู่ โดยที่ไม่มีใครบอกให้เธอรู้มาก่อน สุดากัดริมฝีปากครุ่นคิด เหลือบมองไปทางฝาผนังคอนกรีตของห้องที่แม้จะดูสะอาดราบเรียบดี แต่คล้ายมีกระไอเยือกเย็นประหลาดแผ่ซ่านออกมาปะทะผิวกายให้รู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมา ราวกับว่ามันเป็นป้ายหินจารึกบนหลุมฝังศพ
บ้าจริง! หญิงสาวสบถกับตัวเอง ทำไมต้องหลอกหลอนตัวเองด้วยความคิดอันน่ากลัวแบบนี้
หญิงสาวลุกเดินไปที่หน้าต่าง...ไม่มีเศษซากของความน่ากลัวใดหลงเหลืออยู่ เชิดหน้าขึ้นรับกระแสลมเย็นที่พัดเข้ามา หลังฝนตกเมื่อคืนนี้อากาศเย็นสดชื่นสบายดี บรรยากาศแบบนี้เหมาะแก่การลงไปเดินเล่นในสวนดอกไม้ด้านล่างต่างหาก ไม่เห็นมีสิ่งใดให้คิดมาก การออกไปข้างนอกเสียบ้างจะทำให้ไม่รู้สึกถูกจำกัดพื้นที่ให้ขาดอิสรภาพ ไม่รู้สึกอ้างว้างอยู่แต่ในห้องจนเกินไป...ใช่...มันไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกน่า
กลับไปจัดการกับภารกิจส่วนตัวให้เสร็จสรรพ แต่งตัวด้วยชุดกระโปรงบานสีหวาน คาดเรือนผมยาวเคลียไหล่ด้วยผ้าคาดผมเข้าชุดกันกับกระโปรงบาน ออกจากห้องเข้าไปหาเจ้าคุณผู้สามี หากจัดการป้อนข้าวป้อนยาให้เขาแล้วเสร็จ เธอจะขออนุญาตลงไปเก็บดอกไม้ในสวนขึ้นมาปักแจกันภายในห้อง...
ในห้องของสามีวันนี้ สภาพร่างกายของเจ้าคุณผู้ชรายังไม่มีทีท่าว่าอาการจะดีขึ้นเลย รอยจ้ำเลือดยังคงมีดังเดิม ดูจะเพิ่มขยายใหญ่ขึ้นอีกหน่อยเสียด้วยซ้ำ มีแต่ดวงตาคู่ส่องแสงเป็นประกายอยู่ภายในกระบอกตาลึกเท่านั้นหรอก ที่ดูอย่างไรก็ไม่คล้ายแววตาของคนป่วยหนัก ตลอดจนน้ำเสียงทรงอำนาจ แม้จะแหบแห้งไม่สดใสเหมือนคนปกติก็ตาม
(มีต่อ)