บทที่ 1
หลังตกลงกันวันนั้นแล้ว สมรแม่ของสุดาก็พาลูกสาวกลับบ้านไปก่อน หญิงผู้เป็นมารดายอมรับค่าสินสอดทองหมั้นที่มีมูลค่ามากพอประมาณ จนยอมยกลูกสาวของตัวเองให้มาอยู่กินกับชายแก่คราวพ่อ ที่เจ็บป่วยจนลุกเดินเองไม่ไหว และในอีกหนึ่งอาทิตย์ถัดมา งานวิวาห์ที่จัดแบบเรียบง่ายก็บังเกิดขึ้นภายในบ้านหลังใหญ่โตโอ่โถง ที่เรียกกันว่า บ้านพิชาญชัยณรงค์
ในงานนี้มีญาติสนิทของเจ้าคุณพิชาญเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มาร่วมงาน เพราะส่วนใหญ่หลบหนีภัยสงครามออกจากบางกอกไปอยู่ต่างจังหวัดกันหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็มาแสดงความยินดีเพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ก่อนจะรีบกลับบ้านไป เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีเพื่อนทหารรุ่นเดียวกันกับท่านเจ้าคุณมาร่วมงานเลยแม้แต่คนเดียว อาจเป็นเพราะเจ้าบ่าวผู้มากวัยไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแห่งที่อันมีความสำคัญต่อบ้านเมืองอีกต่อไป และได้ยินมาว่าเจ้าคุณพิชาญเองก็อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับผู้กำชัยชนะในรัฐนาวาขณะนั้น
หลังงานแต่งเสร็จสิ้นลง วันถัดมา หญิงสาวผู้โชคชะตาเล่นตลกให้ตกอยู่ในกรงทองของบ้านหลังใหญ่ที่แสนจะเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว ก็เริ่มทำหน้าที่เป็นศรีภรรยาที่ดีให้กับสามีวัยคราวพ่อต่อไป
สุดาได้เข้าพักในห้องข้างเคียงกับเจ้าคุณ หน้าที่หลักของเธอแทบไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวคนเป็นสามีแต่อย่างใด งานชำระล้างร่างกายและจัดการกับสิ่งขับถ่ายของคนป่วย ลำเจียกผู้เป็นเสมือนผู้จัดการใหญ่ภายในบ้าน ได้กำหนดให้แก้วตาและสายใจ สองหญิงรับใช้ เป็นคนจัดการเองทั้งหมด สุดาเพียงมีหน้าที่ป้อนข้าวป้อนยา นั่งอยู่เป็นเพื่อน คอยอ่านหนังสือให้ฟัง พอสามีหลับเธอถึงค่อยได้เอนหลังลงนอนพักผ่อนในห้องของตัวเอง รอจนกว่าจะมีเสียงสั่นกระดิ่งเรียกจากคนบนเตียง เป็นสัญญาณว่าสามีได้ตื่นจากนิทราแล้ว เธอจึงกระวีกระวาดเข้ามาหาในห้องใหม่ เสียงสั่นกระดิ่งเรียกของเจ้าคุณพิชาญแต่ละครั้ง ดังก้องกังวานให้ได้ยินไปทั่วทั้งบ้านเลยก็ว่าได้
(มีต่อ)
อาถรรพ์คนเล่นของ ตอน คาถาซ่อนวิญญาณ EP.2
หลังตกลงกันวันนั้นแล้ว สมรแม่ของสุดาก็พาลูกสาวกลับบ้านไปก่อน หญิงผู้เป็นมารดายอมรับค่าสินสอดทองหมั้นที่มีมูลค่ามากพอประมาณ จนยอมยกลูกสาวของตัวเองให้มาอยู่กินกับชายแก่คราวพ่อ ที่เจ็บป่วยจนลุกเดินเองไม่ไหว และในอีกหนึ่งอาทิตย์ถัดมา งานวิวาห์ที่จัดแบบเรียบง่ายก็บังเกิดขึ้นภายในบ้านหลังใหญ่โตโอ่โถง ที่เรียกกันว่า บ้านพิชาญชัยณรงค์
ในงานนี้มีญาติสนิทของเจ้าคุณพิชาญเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มาร่วมงาน เพราะส่วนใหญ่หลบหนีภัยสงครามออกจากบางกอกไปอยู่ต่างจังหวัดกันหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็มาแสดงความยินดีเพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ก่อนจะรีบกลับบ้านไป เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีเพื่อนทหารรุ่นเดียวกันกับท่านเจ้าคุณมาร่วมงานเลยแม้แต่คนเดียว อาจเป็นเพราะเจ้าบ่าวผู้มากวัยไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแห่งที่อันมีความสำคัญต่อบ้านเมืองอีกต่อไป และได้ยินมาว่าเจ้าคุณพิชาญเองก็อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับผู้กำชัยชนะในรัฐนาวาขณะนั้น
หลังงานแต่งเสร็จสิ้นลง วันถัดมา หญิงสาวผู้โชคชะตาเล่นตลกให้ตกอยู่ในกรงทองของบ้านหลังใหญ่ที่แสนจะเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว ก็เริ่มทำหน้าที่เป็นศรีภรรยาที่ดีให้กับสามีวัยคราวพ่อต่อไป
สุดาได้เข้าพักในห้องข้างเคียงกับเจ้าคุณ หน้าที่หลักของเธอแทบไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวคนเป็นสามีแต่อย่างใด งานชำระล้างร่างกายและจัดการกับสิ่งขับถ่ายของคนป่วย ลำเจียกผู้เป็นเสมือนผู้จัดการใหญ่ภายในบ้าน ได้กำหนดให้แก้วตาและสายใจ สองหญิงรับใช้ เป็นคนจัดการเองทั้งหมด สุดาเพียงมีหน้าที่ป้อนข้าวป้อนยา นั่งอยู่เป็นเพื่อน คอยอ่านหนังสือให้ฟัง พอสามีหลับเธอถึงค่อยได้เอนหลังลงนอนพักผ่อนในห้องของตัวเอง รอจนกว่าจะมีเสียงสั่นกระดิ่งเรียกจากคนบนเตียง เป็นสัญญาณว่าสามีได้ตื่นจากนิทราแล้ว เธอจึงกระวีกระวาดเข้ามาหาในห้องใหม่ เสียงสั่นกระดิ่งเรียกของเจ้าคุณพิชาญแต่ละครั้ง ดังก้องกังวานให้ได้ยินไปทั่วทั้งบ้านเลยก็ว่าได้
(มีต่อ)