บทที่ 2
สุดาสะดุดกับน้ำเสียงเฉียบขาดของแม่บ้านคนเก่าแก่ไปอึดใจหนึ่ง รู้สึกไม่ชอบใจในคำพูดราวกับเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้เสียเองของแก คุณลำเจียกเป็นแค่แม่บ้าน มีหน้าที่คอยจัดการเรื่องราวภายในบ้านตามแต่ผู้เป็นเจ้าของจะสั่งการจึงจะถูก ไม่ใช่มาขึ้นเสียงถามไถ่เอากับภรรยาเจ้าของบ้านด้วยสุ้มเสียงกระด้างเช่นนี้ ทำตัวไม่เหมือนคนรับจ้างทำงานบ้านแม้แต่นิดเดียว
“ทำไมถึงมาตรงนี้ไม่ได้ล่ะคะ”
แต่คงเป็นเพราะผู้หญิงสูงวัยคนนี้เคยเลี้ยงดูเจ้าคุณผู้สามีของตนมาก่อน หล่อนจึงได้รับความเกรงอกเกรงใจเป็นพิเศษ และได้รับการยกย่องจากคนเป็นเจ้าของบ้าน ให้มีอภิสิทธิ์เหนือกว่าคนรับใช้ในบ้านทั่วไป เห็นได้จากคนในบ้านใช้คำนำหน้าอย่างให้เกียรติแก่ลำเจียกว่า ‘คุณ’
“ตรงนี้ไม่มีอะไรน่าดูหรอกค่ะ คุณหญิงควรออกไปชมสวนดอกไม้หน้าบ้าน หรือออกไปนั่งพักผ่อนที่เก้าอี้นั่งเล่นตรงเฉลียงด้านข้าง ในห้องหนังสือก็มีหนังสือให้อ่านหลายเล่ม ล้วนแต่เป็นหนังสือดีมีประโยชน์ ห้องนี้เป็นแค่ห้องเก็บของเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด”
น้ำเสียงที่ตอบยังแฝงแววกระด้างเอาไว้ให้รู้สึก
“ใช้เก็บของใช้ของคุณหญิงคนเก่าใช่ไหมคะ”
สุดาย้อนถามอีก ภายนอกของหญิงสาวอาจจะดูบอบบาง อ้อนแอ้นอรชรเป็นนางละคร เหมือนอย่างที่ผู้พบเห็นซึ่งมีอคติต่อตัวเธอเอง มักพูดค่อนขอดอยู่เสมอว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบที่ ‘เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ’เพราะความที่เกิดมาในครอบครัวพอมีฐานะ หากทว่าคุณขจร บิดาผู้วายชนม์ไปแล้วของเธอเกิดทำธุรกิจผิดพลาด จนฐานะทางการเงินของทางบ้านเข้าขั้นล้มละลาย ทำให้ครอบครัวต้องลำบาก เดือดร้อนคุณสมรผู้เป็นมารดา ต้องเอาบ้านมาจำนองไว้กับเจ้าคุณพิชาญ และยืมเงินมาใช้จ่ายภายในบ้านเพื่อกู้หน้าครอบครัวไว้ไม่ให้ถูกนินทาว่าตกอับเป็นจำนวนมาก จนเธอต้องมาแบกรับภาระ กลายเป็นเหมือนของแลกเปลี่ยนอยู่ในขณะนี้
แต่แท้จริงแล้ว เนื้อในของสุดาก็คือหญิงสาวที่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว สิ่งที่แอบซ่อนอยู่ภายในเลือดเนื้อและลมหายใจของสุดาคือความกล้ายืนหยัดต่อสู้กับทุกปัญหา และมั่นคงในความคิดของตัวเอง อาจจะเรียกในด้านลบได้ว่า เธอเป็นคนหัวดื้อก็ย่อมได้
“คุณดิเรกก็บอกคุณหญิงไปแล้วนี่”
คนถูกเอ่ยชื่อพาดพิงถึงเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าของแม่บ้านสูงวัย เขายังคงนิ่งเงียบอยู่ เพื่อรอดูท่าทีเจ้าของร่างบางอ้อนแอ้นว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อคำปฏิเสธของอีกฝ่าย
“ฉันอยากเข้าไปดูข้างในค่ะ” นัยน์ตากลมโตมองมาที่ลำเจียกด้วยท่าทีคาดคั้น ไม่ยินยอมอ่อนข้อโดยง่าย ทำให้ดิเรกถึงกับนึกทึ่ง
“เสียใจค่ะ ห้องนี้ผู้ที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าคุณแล้วเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้” แต่ลำเจียกยังคงยืนกรานเสียงแข็ง อ้างเอาคำสั่งของสามีผู้ที่กำลังคาดคั้นตนอยู่มาเป็นกำบัง
“ฉันเป็นภรรยาของท่านเจ้าคุณนะคะ" เสียงของหญิงสาวจึงห้วนเข้มกว่าเดิม หญิงสูงวัยจ้องมองคุณหญิงของบ้านด้วยสายตาไม่พอใจ นึกไม่ถึงว่าสุดาจะกล้าเอ่ยคำเหล่านี้ออกมา...อุตส่าห์คัดสรรมาแล้วเชียว
“ฉันไม่อยากขัดคุณหรอกค่ะ แต่เมืองก็มีกฎของเมือง บ้านก็มีกฎของบ้าน ทางที่ดีคุณไปขอเอากับเจ้าคุณท่านก่อนดีกว่า ถ้าท่านอนุญาต ฉันยินดีจะเปิดประตูให้คุณเอง”
(มีต่อ)
อาถรรพ์คนเล่นของ ตอน คาถาซ่อนวิญญาณ EP.3
สุดาสะดุดกับน้ำเสียงเฉียบขาดของแม่บ้านคนเก่าแก่ไปอึดใจหนึ่ง รู้สึกไม่ชอบใจในคำพูดราวกับเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้เสียเองของแก คุณลำเจียกเป็นแค่แม่บ้าน มีหน้าที่คอยจัดการเรื่องราวภายในบ้านตามแต่ผู้เป็นเจ้าของจะสั่งการจึงจะถูก ไม่ใช่มาขึ้นเสียงถามไถ่เอากับภรรยาเจ้าของบ้านด้วยสุ้มเสียงกระด้างเช่นนี้ ทำตัวไม่เหมือนคนรับจ้างทำงานบ้านแม้แต่นิดเดียว
“ทำไมถึงมาตรงนี้ไม่ได้ล่ะคะ”
แต่คงเป็นเพราะผู้หญิงสูงวัยคนนี้เคยเลี้ยงดูเจ้าคุณผู้สามีของตนมาก่อน หล่อนจึงได้รับความเกรงอกเกรงใจเป็นพิเศษ และได้รับการยกย่องจากคนเป็นเจ้าของบ้าน ให้มีอภิสิทธิ์เหนือกว่าคนรับใช้ในบ้านทั่วไป เห็นได้จากคนในบ้านใช้คำนำหน้าอย่างให้เกียรติแก่ลำเจียกว่า ‘คุณ’
“ตรงนี้ไม่มีอะไรน่าดูหรอกค่ะ คุณหญิงควรออกไปชมสวนดอกไม้หน้าบ้าน หรือออกไปนั่งพักผ่อนที่เก้าอี้นั่งเล่นตรงเฉลียงด้านข้าง ในห้องหนังสือก็มีหนังสือให้อ่านหลายเล่ม ล้วนแต่เป็นหนังสือดีมีประโยชน์ ห้องนี้เป็นแค่ห้องเก็บของเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด”
น้ำเสียงที่ตอบยังแฝงแววกระด้างเอาไว้ให้รู้สึก
“ใช้เก็บของใช้ของคุณหญิงคนเก่าใช่ไหมคะ”
สุดาย้อนถามอีก ภายนอกของหญิงสาวอาจจะดูบอบบาง อ้อนแอ้นอรชรเป็นนางละคร เหมือนอย่างที่ผู้พบเห็นซึ่งมีอคติต่อตัวเธอเอง มักพูดค่อนขอดอยู่เสมอว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบที่ ‘เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ’เพราะความที่เกิดมาในครอบครัวพอมีฐานะ หากทว่าคุณขจร บิดาผู้วายชนม์ไปแล้วของเธอเกิดทำธุรกิจผิดพลาด จนฐานะทางการเงินของทางบ้านเข้าขั้นล้มละลาย ทำให้ครอบครัวต้องลำบาก เดือดร้อนคุณสมรผู้เป็นมารดา ต้องเอาบ้านมาจำนองไว้กับเจ้าคุณพิชาญ และยืมเงินมาใช้จ่ายภายในบ้านเพื่อกู้หน้าครอบครัวไว้ไม่ให้ถูกนินทาว่าตกอับเป็นจำนวนมาก จนเธอต้องมาแบกรับภาระ กลายเป็นเหมือนของแลกเปลี่ยนอยู่ในขณะนี้
แต่แท้จริงแล้ว เนื้อในของสุดาก็คือหญิงสาวที่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว สิ่งที่แอบซ่อนอยู่ภายในเลือดเนื้อและลมหายใจของสุดาคือความกล้ายืนหยัดต่อสู้กับทุกปัญหา และมั่นคงในความคิดของตัวเอง อาจจะเรียกในด้านลบได้ว่า เธอเป็นคนหัวดื้อก็ย่อมได้
“คุณดิเรกก็บอกคุณหญิงไปแล้วนี่”
คนถูกเอ่ยชื่อพาดพิงถึงเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าของแม่บ้านสูงวัย เขายังคงนิ่งเงียบอยู่ เพื่อรอดูท่าทีเจ้าของร่างบางอ้อนแอ้นว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อคำปฏิเสธของอีกฝ่าย
“ฉันอยากเข้าไปดูข้างในค่ะ” นัยน์ตากลมโตมองมาที่ลำเจียกด้วยท่าทีคาดคั้น ไม่ยินยอมอ่อนข้อโดยง่าย ทำให้ดิเรกถึงกับนึกทึ่ง
“เสียใจค่ะ ห้องนี้ผู้ที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าคุณแล้วเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้” แต่ลำเจียกยังคงยืนกรานเสียงแข็ง อ้างเอาคำสั่งของสามีผู้ที่กำลังคาดคั้นตนอยู่มาเป็นกำบัง
“ฉันเป็นภรรยาของท่านเจ้าคุณนะคะ" เสียงของหญิงสาวจึงห้วนเข้มกว่าเดิม หญิงสูงวัยจ้องมองคุณหญิงของบ้านด้วยสายตาไม่พอใจ นึกไม่ถึงว่าสุดาจะกล้าเอ่ยคำเหล่านี้ออกมา...อุตส่าห์คัดสรรมาแล้วเชียว
“ฉันไม่อยากขัดคุณหรอกค่ะ แต่เมืองก็มีกฎของเมือง บ้านก็มีกฎของบ้าน ทางที่ดีคุณไปขอเอากับเจ้าคุณท่านก่อนดีกว่า ถ้าท่านอนุญาต ฉันยินดีจะเปิดประตูให้คุณเอง”
(มีต่อ)