กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมืองบุษราคัมมีเจ้าหญิงองค์น้อยที่แสนน่ารักพระองค์หนึ่งชื่อชางนอย ทรงลื่นพลาดพลั้งตกจากเรือสำราญและถูกกระแสน้ำพัดพาไปไกลโดยไม่มีทหารคนใดสามารถช่วยเอาไว้ได้ แต่เจ้าหญิงยังโชคดี เพราะในขณะที่สายน้ำไหลพาพระองค์ลอยผ่านเมืองทับทิมซึ่งอยู่ข้างเคียงติดกัน เจ้าชายน้อยผู้กล้าหาญซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกับเจ้าหญิงชื่อกุงแหบังเอิญสังเกตเห็นเข้าพอดี เจ้าชายจึงรีบกระโดดลงไปช่วยเจ้าหญิงและอุ้มนำร่างขึ้นมาจากน้ำ แล้วทำการปฐมพยาบาลจนเจ้าหญิงพ้นจากขีดอันตราย
เมื่อเจ้าหญิงชางนอยฟื้นคืนสติ พระองค์ทรงขอบคุณเจ้าชายกุงแห และเอ่ยปากสัญญาว่าสักวันพระองค์จะทดแทนบุญคุณให้จงได้ แต่ในขณะนั้นเจ้าชายองค์น้อยไม่ได้ใส่ใจในถ้อยคำของเจ้าหญิงสักเท่าใดนัก เพราะหัวใจของพระองค์กำลังเต้นตูมตามอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ใช่แล้ว เจ้าชายทรงตกหลุมรักเจ้าหญิงตั้งแต่แรกเห็น และก่อนที่ทั้งสองจะจากกัน เจ้าชายก็ทรงกระซิบบอกกับเจ้าหญิงว่า เมื่อโตขึ้น…พระองค์จะไปสู่ขอแต่งงานกับเจ้าหญิงโดยไม่มีวันเปลี่ยนแปลงคำมั่นสัญญานี้เป็นอันขาด
หลายปีผ่านไป เจ้าชายกุงแหทรงเติบโตขึ้นเป็นเจ้าชายหนุ่มรูปงามที่มีหน้าตาหล่อเหลาคมคายมาก และด้วยเหตุนี้เอง หญิงสาวทั่วทั้งแผ่นดินจึงพากันใฝ่ฝันอยากจะเป็นเจ้าสาวของเจ้าชายกันโดยถ้วนหน้า
แม้จะมีหญิงสาวหมายปองเจ้าชายมากมายเหลือคณานับ แต่เจ้าชายกุงแหกลับไม่เคยชายตาเหลียวมองผู้ใดเลย ทั้งนี้เพราะพระองค์ยังคงเฝ้ารอเวลาที่จะได้ไปสู่ขอเจ้าหญิงชางนอยผู้แสนน่ารักตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ และเมื่อเจ้าชายมีอายุครบยี่สิบปี พระองค์จึงตัดสินใจไปขอพบเจ้าหญิงซึ่งพระองค์เฝ้าฝันถึงมาโดยตลอด (ทั้งคู่ถูกส่งไปเล่าเรียนวิชายังต่างเมืองแดนไกล มิได้พบกันอีกเลยนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สำคัญในวัยเยาว์ครั้งนั้น และเพิ่งจบการศึกษากลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนของตน)
ตามจินตนาการของเจ้าชายกุงแหนั้น เจ้าหญิงชางนอยน่าจะเติบโตขึ้นเป็นเจ้าหญิงแสนงามที่มีรูปร่างบอบบางและน่าทะนุถนอม
แต่อนิจจา…เมื่อเจ้าชายได้พบกับเจ้าหญิงในฝัน เจ้าชายกุงแหกลับต้องหาเรื่องลากลับเมืองแทบไม่ทัน เพราะเจ้าหญิงช้างน้อยทรงกลายเป็นเจ้าหญิงที่มีรูปร่างล่ำถึกบึกบึนและตัวใหญ่โต ดูละม้ายคล้ายกับนักกีฬาเพาะกายหญิงทีมชาติที่ผู้ชายทุกคนยังต้องเกรงขาม
ค่ำคืนนั้น เจ้าชายหนุ่มรูปงามทรงนอนหลับๆ ตื่นๆ เพราะไม่แน่ใจว่าพระองค์ควรที่จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ หรือว่าควรแกล้งทำเป็นลืมแล้วรีบตีตัวออกห่างจากเจ้าหญิงหุ่นล่ำบึกให้เร็วที่สุดกันแน่
ในระหว่างที่เจ้าชายนอนกลุ้มใจอยู่นั้น จู่ๆ เจ้าชายก็ต้องตกใจสุดขีดจนหมดสติไป เพราะมีฝูงปิศาจโครงกระดูกของนางแม่มดใจร้ายเดวี่แรดซ่า บุกเข้ามาในห้องนอนของพระองค์ แล้วทำการจับตัวพระองค์พาหนีออกจากวังเพื่อนำไปเป็นคู่ครองของนางแม่มดซึ่งพำนักอยู่ที่ปราสาทนิลกาฬบนยอดเขาอันสูงลิบ
เมื่อข่าวการลักพาตัวเจ้าชายแพร่กระจายออกไป หญิงสาวทั้งหลายต่างก็พากันร้องไห้ฟูมฟาย เพราะเชื่อว่าเจ้าชายคงต้องถูกนางแม่มดทำมิดีมิร้ายและคงไม่มีโอกาสได้กลับมาอย่างปลอดภัยอีกอย่างแน่นอน
แต่ในขณะที่ทุกๆ คนกำลังสิ้นหวังนั้น เจ้าหญิงชางนอยผู้พากเพียรฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งบึกบึนเพื่อหาโอกาสตอบแทนบุญคุณของเจ้าชายกุงแหที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้ ก็ตัดสินใจออกเดินทางไปช่วยเจ้าชายโดยไม่หวั่นเกรงต่ออุปสรรคอันตรายใดๆที่อยู่เบื้องหน้า
หนทางจากเมืองทั้งสองไปยังปราสาทนิลกาฬของนางแม่มดเดวี่แรดซ่ามีอุปสรรคสำคัญอยู่ 3 ประการที่ทำให้ยากแก่การเข้าถึง เพราะนอกจากภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทจะสูงชันจนยากแก่การปีนป่ายแล้ว ที่เชิงเขานั้นยังมีฝูงปิศาจโครงกระดูกอันแสนน่าหวาดกลัวร้ายกาจ และมีทะเลสาบแบล็คอิงค์ที่นางแม่มดเลี้ยงปลาปิรันย่ากินคนเอาไว้ขวางทางอยู่อีกด้วย
เมื่อเจ้าหญิงชางนอยเดินทางมาถึงยังทะเลสาบแบล็คอิงค์ แทนที่พระองค์จะเกรงกลัวปลาปิรันย่ากินคนที่รออยู่ในน้ำ พระองค์กลับกระโดดลงน้ำอย่างไม่รอช้า แล้วใช้สองแขนที่ล่ำถึกบึกบึนจ้วงน้ำว่ายไปข้างหน้าอย่างรุนแรงและรวดเร็วจนทำให้สายน้ำแหวกตรงกลางเกิดคลื่นใหญ่ยักษ์ 2 ด้านซัดทำให้ฝูงปลาปิรันย่ากินคนกระเด็นกระดอนไปเกยค้างอยู่บนฝั่งจนหมดสิ้น
ครั้นเมื่อเจ้าหญิงชางนอยต้องเผชิญหน้ากับฝูงกองทัพปิศาจโครงกระดูกนับร้อยๆ ตน พระองค์ก็ใช้สองแขนที่ล่ำถึกบึกบึนถอนต้นไม้ใหญ่ทั้งต้นขึ้นจากพื้น แล้วเหวี่ยงต้นไม้ฟาดไปมาทุกทิศทุกทางจนกองทัพปิศาจโครงกระดูกถูกทำลายพ่ายแพ้ไปในเวลาเพียงไม่นาน
นางแม่มดร้ายเดวี่แรดซ่าและเจ้าชายกุงแหมองดูจากปราสาทนิลกาฬบนภูเขาลงมาเห็น ต่างตกใจพอๆ กันเมื่อได้เห็นพลังของเจ้าหญิงที่มีอยู่อย่างล้นเหลือเฟือ แต่นางแม่มดก็ยังคงมั่นใจเหลือเกินว่า เจ้าหญิงชางนอยคงไม่มีทางที่จะปีนภูเขาขึ้นมาชิงตัวเจ้าชายไปได้แน่ๆ ทั้งนี้เนื่องจากภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทสูงชันเกินกว่าที่มนุษย์คนใดจะสามารถปีนขึ้นมาได้ (นางแม่มดก็ยังต้องขี่ไม้กวาดกายสิทธิ์เหาะพาเจ้าชายขึ้นมายังปราสาทเลย)
แม้เจ้าหญิงผู้มีร่างกายล่ำถึกบึกบึนจะไม่สามารถปีนขึ้นไปยังปราสาทได้ แต่พระองค์ก็ทรงมีวิธีที่จะช่วยเจ้าชายได้อย่างที่ใคร ๆ ก็คาดไม่ถึง
เมื่อเจ้าหญิงไม่สามารถปีนภูเขาขึ้นไปได้ พระองค์จึงใช้ร่างกายอันแข็งแรงกำยำวิ่งเข้าชนกับภูเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างสุดแรงเกิด
พลังอันมหาศาลของเจ้าหญิงทำให้ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ซึ่งส่งผลให้ปราสาทนิลกาฬเกิดรอยร้าวใหญ่จนนางแม่มดเดวี่แรดซ่าทนต่อไปไม่ไหว กลัวปราสาทจะพังทลายและตนก็ต้องตายด้วย นางแม่มดจึงรีบยกธงขาวเพื่อขอยอมแพ้ต่อเจ้าหญิงในที่สุด แล้วขี่ไม้กวาดเหาะพาเจ้าชายลงมาคืนให้กับเจ้าหญิง ทำให้เจ้าหญิงช่วยเหลือเจ้าชายได้สำเร็จ
เมื่อเจ้าหญิงชางนอยได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าชายกุงแหอีกครั้ง พระองค์จึงเล่าให้เจ้าชายฟังว่า การที่พระองค์พยายามออกกำลังกายอย่างหนักจนมีรูปร่างบึกบึนเกินหญิงทั่วไปมาก ก็เนื่องมาจากพระองค์อยากแข็งแกร่งและมีพละกำลังมากพอที่จะทดแทนบุญคุณของเจ้าชายดังที่เคยสัญญาเอาไว้ตั้งแต่สมัยที่พระองค์ยังทรงเป็นเด็ก
เจ้าชายกุงแหเลยรู้สึกอายมากที่พระองค์คิดจะไม่ทำตามสัญญา เพราะแม้เจ้าหญิงชางนอยจะมีรูปร่างแตกต่างไปจากเจ้าหญิงในฝัน แต่จิตใจของพระองค์นั้นกลับงดงามและยิ่งใหญ่มากกว่ารูปร่างกายภายนอกหลายร้อยหลายพันเท่า ด้วยเหตุนี้เอง เจ้าชายจึงตัดสินใจคุกเข่าลงต่อหน้าเจ้าหญิง แล้วขอร้องให้เจ้าหญิงยอมแต่งงานกับพระองค์
เจ้าหญิงชางนอยทรงตอบตกลงด้วยความยินดีอย่างยิ่ง หลังจากนั้น เจ้าหญิงก็อุ้มเจ้าชายผู้ซึ่งเหนื่อยล้าอ่อนเพลียเพราะถูกนางแม่มดคุมขังไม่ให้อาหารพากลับไปส่งยังเมืองทับทิม เพื่อเตรียมจัดงานอภิเษกสมรสกันอย่างสมเกียรติกันต่อไป เจ้าชายกุงแหยิ้มอย่างมีความสุขในอ้อมกอดแขนแห่งรักของเจ้าหญิงชางนอยตลอดการเดินทางกลับสู่นคร
หลังจากงานอภิเษกสมรสผ่านไปได้เพียงวันเดียว ปรากฎว่ามีพ่อมดดีเดวาจีซู่ ซึ่งเป็นสามีของแม่มดร้ายเดวี่แรดซ่า มายังเมืองทับทิมบอกกับเจ้าชายและเจ้าหญิงว่า ด้วยความสำนึกผิดเสียใจในการกระทำของภรรยาขณะที่เขาไปปลีกวิเวกอยู่ขั้วโลกเป็นเวลาหลายปีเพิ่งกลับมา และเพื่อเป็นการไถ่โทษ เขาจะทำอะไรตอบแทนให้สักอย่าง ว่าแล้วก็ร่ายเวทมนตร์เสกให้เจ้าหญิงชางนอยมีสิริโฉมรูปร่างงดงามอย่างยิ่งเหมาะสมคู่กันกับเจ้าชายกุงแหมากแต่ยังมีพละกำลังมหาศาลเหมือนเดิมทุกประการ เสร็จแล้วก็ลาจากไป ทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงรู้สึกปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างมากกับพรที่ได้รับ แล้วทั้งคู่ก็ครองรักร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดกาลชั่วอายุขัย.
- - - - - - - - - จ บ - - - - - - - - -
Lionel Richie - Stuck On You (Instrumental Saxophone Cover by JK Sax)
Cutting Crew - (I Just) Died In Your Arms (Instrumental)
❤️❤️❤️ ยิ้มกับฝันหวาน.....เจ้าหญิงในฝันVเจ้าชายพันธุ์เอก ❤️❤️❤️
เมื่อเจ้าหญิงชางนอยฟื้นคืนสติ พระองค์ทรงขอบคุณเจ้าชายกุงแห และเอ่ยปากสัญญาว่าสักวันพระองค์จะทดแทนบุญคุณให้จงได้ แต่ในขณะนั้นเจ้าชายองค์น้อยไม่ได้ใส่ใจในถ้อยคำของเจ้าหญิงสักเท่าใดนัก เพราะหัวใจของพระองค์กำลังเต้นตูมตามอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ใช่แล้ว เจ้าชายทรงตกหลุมรักเจ้าหญิงตั้งแต่แรกเห็น และก่อนที่ทั้งสองจะจากกัน เจ้าชายก็ทรงกระซิบบอกกับเจ้าหญิงว่า เมื่อโตขึ้น…พระองค์จะไปสู่ขอแต่งงานกับเจ้าหญิงโดยไม่มีวันเปลี่ยนแปลงคำมั่นสัญญานี้เป็นอันขาด
หลายปีผ่านไป เจ้าชายกุงแหทรงเติบโตขึ้นเป็นเจ้าชายหนุ่มรูปงามที่มีหน้าตาหล่อเหลาคมคายมาก และด้วยเหตุนี้เอง หญิงสาวทั่วทั้งแผ่นดินจึงพากันใฝ่ฝันอยากจะเป็นเจ้าสาวของเจ้าชายกันโดยถ้วนหน้า
แม้จะมีหญิงสาวหมายปองเจ้าชายมากมายเหลือคณานับ แต่เจ้าชายกุงแหกลับไม่เคยชายตาเหลียวมองผู้ใดเลย ทั้งนี้เพราะพระองค์ยังคงเฝ้ารอเวลาที่จะได้ไปสู่ขอเจ้าหญิงชางนอยผู้แสนน่ารักตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ และเมื่อเจ้าชายมีอายุครบยี่สิบปี พระองค์จึงตัดสินใจไปขอพบเจ้าหญิงซึ่งพระองค์เฝ้าฝันถึงมาโดยตลอด (ทั้งคู่ถูกส่งไปเล่าเรียนวิชายังต่างเมืองแดนไกล มิได้พบกันอีกเลยนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สำคัญในวัยเยาว์ครั้งนั้น และเพิ่งจบการศึกษากลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนของตน)
ตามจินตนาการของเจ้าชายกุงแหนั้น เจ้าหญิงชางนอยน่าจะเติบโตขึ้นเป็นเจ้าหญิงแสนงามที่มีรูปร่างบอบบางและน่าทะนุถนอม
แต่อนิจจา…เมื่อเจ้าชายได้พบกับเจ้าหญิงในฝัน เจ้าชายกุงแหกลับต้องหาเรื่องลากลับเมืองแทบไม่ทัน เพราะเจ้าหญิงช้างน้อยทรงกลายเป็นเจ้าหญิงที่มีรูปร่างล่ำถึกบึกบึนและตัวใหญ่โต ดูละม้ายคล้ายกับนักกีฬาเพาะกายหญิงทีมชาติที่ผู้ชายทุกคนยังต้องเกรงขาม
ค่ำคืนนั้น เจ้าชายหนุ่มรูปงามทรงนอนหลับๆ ตื่นๆ เพราะไม่แน่ใจว่าพระองค์ควรที่จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ หรือว่าควรแกล้งทำเป็นลืมแล้วรีบตีตัวออกห่างจากเจ้าหญิงหุ่นล่ำบึกให้เร็วที่สุดกันแน่
ในระหว่างที่เจ้าชายนอนกลุ้มใจอยู่นั้น จู่ๆ เจ้าชายก็ต้องตกใจสุดขีดจนหมดสติไป เพราะมีฝูงปิศาจโครงกระดูกของนางแม่มดใจร้ายเดวี่แรดซ่า บุกเข้ามาในห้องนอนของพระองค์ แล้วทำการจับตัวพระองค์พาหนีออกจากวังเพื่อนำไปเป็นคู่ครองของนางแม่มดซึ่งพำนักอยู่ที่ปราสาทนิลกาฬบนยอดเขาอันสูงลิบ
เมื่อข่าวการลักพาตัวเจ้าชายแพร่กระจายออกไป หญิงสาวทั้งหลายต่างก็พากันร้องไห้ฟูมฟาย เพราะเชื่อว่าเจ้าชายคงต้องถูกนางแม่มดทำมิดีมิร้ายและคงไม่มีโอกาสได้กลับมาอย่างปลอดภัยอีกอย่างแน่นอน
แต่ในขณะที่ทุกๆ คนกำลังสิ้นหวังนั้น เจ้าหญิงชางนอยผู้พากเพียรฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งบึกบึนเพื่อหาโอกาสตอบแทนบุญคุณของเจ้าชายกุงแหที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้ ก็ตัดสินใจออกเดินทางไปช่วยเจ้าชายโดยไม่หวั่นเกรงต่ออุปสรรคอันตรายใดๆที่อยู่เบื้องหน้า
หนทางจากเมืองทั้งสองไปยังปราสาทนิลกาฬของนางแม่มดเดวี่แรดซ่ามีอุปสรรคสำคัญอยู่ 3 ประการที่ทำให้ยากแก่การเข้าถึง เพราะนอกจากภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทจะสูงชันจนยากแก่การปีนป่ายแล้ว ที่เชิงเขานั้นยังมีฝูงปิศาจโครงกระดูกอันแสนน่าหวาดกลัวร้ายกาจ และมีทะเลสาบแบล็คอิงค์ที่นางแม่มดเลี้ยงปลาปิรันย่ากินคนเอาไว้ขวางทางอยู่อีกด้วย
เมื่อเจ้าหญิงชางนอยเดินทางมาถึงยังทะเลสาบแบล็คอิงค์ แทนที่พระองค์จะเกรงกลัวปลาปิรันย่ากินคนที่รออยู่ในน้ำ พระองค์กลับกระโดดลงน้ำอย่างไม่รอช้า แล้วใช้สองแขนที่ล่ำถึกบึกบึนจ้วงน้ำว่ายไปข้างหน้าอย่างรุนแรงและรวดเร็วจนทำให้สายน้ำแหวกตรงกลางเกิดคลื่นใหญ่ยักษ์ 2 ด้านซัดทำให้ฝูงปลาปิรันย่ากินคนกระเด็นกระดอนไปเกยค้างอยู่บนฝั่งจนหมดสิ้น
ครั้นเมื่อเจ้าหญิงชางนอยต้องเผชิญหน้ากับฝูงกองทัพปิศาจโครงกระดูกนับร้อยๆ ตน พระองค์ก็ใช้สองแขนที่ล่ำถึกบึกบึนถอนต้นไม้ใหญ่ทั้งต้นขึ้นจากพื้น แล้วเหวี่ยงต้นไม้ฟาดไปมาทุกทิศทุกทางจนกองทัพปิศาจโครงกระดูกถูกทำลายพ่ายแพ้ไปในเวลาเพียงไม่นาน
นางแม่มดร้ายเดวี่แรดซ่าและเจ้าชายกุงแหมองดูจากปราสาทนิลกาฬบนภูเขาลงมาเห็น ต่างตกใจพอๆ กันเมื่อได้เห็นพลังของเจ้าหญิงที่มีอยู่อย่างล้นเหลือเฟือ แต่นางแม่มดก็ยังคงมั่นใจเหลือเกินว่า เจ้าหญิงชางนอยคงไม่มีทางที่จะปีนภูเขาขึ้นมาชิงตัวเจ้าชายไปได้แน่ๆ ทั้งนี้เนื่องจากภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทสูงชันเกินกว่าที่มนุษย์คนใดจะสามารถปีนขึ้นมาได้ (นางแม่มดก็ยังต้องขี่ไม้กวาดกายสิทธิ์เหาะพาเจ้าชายขึ้นมายังปราสาทเลย)
แม้เจ้าหญิงผู้มีร่างกายล่ำถึกบึกบึนจะไม่สามารถปีนขึ้นไปยังปราสาทได้ แต่พระองค์ก็ทรงมีวิธีที่จะช่วยเจ้าชายได้อย่างที่ใคร ๆ ก็คาดไม่ถึง
เมื่อเจ้าหญิงไม่สามารถปีนภูเขาขึ้นไปได้ พระองค์จึงใช้ร่างกายอันแข็งแรงกำยำวิ่งเข้าชนกับภูเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างสุดแรงเกิด
พลังอันมหาศาลของเจ้าหญิงทำให้ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ซึ่งส่งผลให้ปราสาทนิลกาฬเกิดรอยร้าวใหญ่จนนางแม่มดเดวี่แรดซ่าทนต่อไปไม่ไหว กลัวปราสาทจะพังทลายและตนก็ต้องตายด้วย นางแม่มดจึงรีบยกธงขาวเพื่อขอยอมแพ้ต่อเจ้าหญิงในที่สุด แล้วขี่ไม้กวาดเหาะพาเจ้าชายลงมาคืนให้กับเจ้าหญิง ทำให้เจ้าหญิงช่วยเหลือเจ้าชายได้สำเร็จ
เมื่อเจ้าหญิงชางนอยได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าชายกุงแหอีกครั้ง พระองค์จึงเล่าให้เจ้าชายฟังว่า การที่พระองค์พยายามออกกำลังกายอย่างหนักจนมีรูปร่างบึกบึนเกินหญิงทั่วไปมาก ก็เนื่องมาจากพระองค์อยากแข็งแกร่งและมีพละกำลังมากพอที่จะทดแทนบุญคุณของเจ้าชายดังที่เคยสัญญาเอาไว้ตั้งแต่สมัยที่พระองค์ยังทรงเป็นเด็ก
เจ้าชายกุงแหเลยรู้สึกอายมากที่พระองค์คิดจะไม่ทำตามสัญญา เพราะแม้เจ้าหญิงชางนอยจะมีรูปร่างแตกต่างไปจากเจ้าหญิงในฝัน แต่จิตใจของพระองค์นั้นกลับงดงามและยิ่งใหญ่มากกว่ารูปร่างกายภายนอกหลายร้อยหลายพันเท่า ด้วยเหตุนี้เอง เจ้าชายจึงตัดสินใจคุกเข่าลงต่อหน้าเจ้าหญิง แล้วขอร้องให้เจ้าหญิงยอมแต่งงานกับพระองค์
เจ้าหญิงชางนอยทรงตอบตกลงด้วยความยินดีอย่างยิ่ง หลังจากนั้น เจ้าหญิงก็อุ้มเจ้าชายผู้ซึ่งเหนื่อยล้าอ่อนเพลียเพราะถูกนางแม่มดคุมขังไม่ให้อาหารพากลับไปส่งยังเมืองทับทิม เพื่อเตรียมจัดงานอภิเษกสมรสกันอย่างสมเกียรติกันต่อไป เจ้าชายกุงแหยิ้มอย่างมีความสุขในอ้อมกอดแขนแห่งรักของเจ้าหญิงชางนอยตลอดการเดินทางกลับสู่นคร
หลังจากงานอภิเษกสมรสผ่านไปได้เพียงวันเดียว ปรากฎว่ามีพ่อมดดีเดวาจีซู่ ซึ่งเป็นสามีของแม่มดร้ายเดวี่แรดซ่า มายังเมืองทับทิมบอกกับเจ้าชายและเจ้าหญิงว่า ด้วยความสำนึกผิดเสียใจในการกระทำของภรรยาขณะที่เขาไปปลีกวิเวกอยู่ขั้วโลกเป็นเวลาหลายปีเพิ่งกลับมา และเพื่อเป็นการไถ่โทษ เขาจะทำอะไรตอบแทนให้สักอย่าง ว่าแล้วก็ร่ายเวทมนตร์เสกให้เจ้าหญิงชางนอยมีสิริโฉมรูปร่างงดงามอย่างยิ่งเหมาะสมคู่กันกับเจ้าชายกุงแหมากแต่ยังมีพละกำลังมหาศาลเหมือนเดิมทุกประการ เสร็จแล้วก็ลาจากไป ทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงรู้สึกปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างมากกับพรที่ได้รับ แล้วทั้งคู่ก็ครองรักร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดกาลชั่วอายุขัย.