ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรือง...ขอฉันนะ ตับ ม้าม ปอด ไต และหัวใจ ของคุณ

กระทู้สนทนา


"ขอฉันนะ ตับ ม้าม ปอด ไต และ หัวใจของคุณ"
Psycho Man
 

             หมอแอชตัน ยังอยู่ในชุดเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดตา ขณะก้าวข้ามถนนไปยังอีกฟากหนึ่ง ยังไม่ดึกมากนัก ยวดยานยังคงวิ่งผ่านไปมาไม่ขาดสาย อากาศในเมืองค่อนข้างร้อน จนคิดว่าต้องหาสถานที่หลบมุมหาไอเย็นผ่อนคลาย

             ผู้หญิงชุดเดรสสีแดงยืนอยู่หน้าร้านอาหาร เธอส่งยิ้มให้ คุณหมอเผลอยิ้มตอบแม้ไม่แน่ใจว่า เธอส่งรอยยิ้มให้ใครกันแน่ แต่ความน่าจะเป็นก็คงเป็นเขานั่นเอง คุณหมอหนุ่มรูปหล่อที่สุดในเมือง ไม่น่าจะเป็นคนอื่นไปได้ แต่เพื่อความแน่ใจเขาหันหลังไปมอง ว่ามีชายหนุ่มคนไหนเดินตามมาหรือไม่ พอไม่เห็นใครก็โล่งใจ

             “คุณหมอแอชตัน”   หญิงสาวพูดทักเหมือนคนรู้จักคุ้นเคย พลางยิ้มอย่างมีไมตรี 

             “เอ้อ ครับ”  เขาตอบรับ ทั้งที่ยังนึกไม่ออกว่าเคยรู้จักกันมาก่อนหรือไม่ แต่การมีสาวสวยเอ่ยปากทักทายน่าจะมีความหมายไปในทิศทางที่ดี

             “เรารอคุณอยู่”  เธอผายมือไปทางประตูทางเข้าของร้าน หมอหนุ่มขมวดคิ้ว แน่ใจว่าไม่มีการนัดหมายสาวคนไหนไว้ หลังเลิกงาน 

             “เอ...  เราเคยรู้จักกันมาก่อนไหมครับ” เขายังไม่ตัดสินใจเสียเลยทีดียว

             “เรารู้จักคุ้นเคยกันมาก่อนค่ะ”  เสียงของหญิงสาวแสดงความมั่นใจ สมองของแอชตันทำงานเต็มพิกัดเพื่อหาว่าหญิงสาวชุดแดงเป็นใครกันแน่ แต่พบเพียงความว่างเปล่า แน่ใจว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน  หรือจะมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแอบแฝง  แล้วร้านอาหารแห่งนี้ เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่นั่นอาจเป็นเพราะไม่ทันได้สังเกตเอง

             เมื่อมีหญิงสาวสวยเชื้อเชิญมีหรือที่จะปฏิเสธ บางทีคืนนี้อาจมีอะไรดี ๆก็เป็นได้

             ภายในร้านอาหารกว้างกว่ามองจากภายนอก สภาพภายในตกแต่งเจือบรรยากาศออกไปทางเรอเนซองส์ ภาพพระแม่บนก้อนหิน (The Virgin on the Rock) ภาพพระแม่กับเซนต์แอน (The Virgin and St. Anne) ประดับผนังทำให้แปลกความรู้สึกไปจากร้านทั่วไป มองภาพวาดเสมือนของแท้แล้วทำให้นึกถึงความลี้ลับในเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของ เลโอนาร์โด ดา วินชี จิตรกรคนสำคัญสมัยเรอเนซองส์ชาวอิตาลี ผู้มีฝีมืออัจฉริยภาพหลายทางอย่างไม่น่าเชื่อ 

             หมอหนุ่มถูกเชิญไปนั่งโต๊ะชุดหรูแบบสมัยคลาสสิกเข้ากับร้าน    แอชตันกวาดสายตาไปรอบด้าน พบว่าเขาเป็นลูกค้าเพียงคนเดียว หญิงสาวชุดเดรชนั่งลงเก้าอี้ด้านตรงกันข้าม ขณะเลื่อนเมนูมาให้

             “วันนี้ทางร้านจัดเมนูพิเศษไว้ให้คุณหมอโดยเฉพาะค่ะ”

             หมอหนุ่มตะลึงกับเมนู ภาพสีสันสวยงามในเมนูไม่ใช่อาหารตามร้านทั่วไป ทั้งเมนูมีแต่รายการของเครื่องในสด ๆ ทั้ง ตับ ม้าม ไต ปอด และหัวใจ เหมือนเพิ่งถูกชำแหละ ชุ่มเลือดสีแดงสดใสปนขนพองสยองเกล้าในความรู้สึก

             “สด ๆ ใหม่ ทั้งนั้นนะคะคุณหมอ”   หญิงสาวบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “เวลาเคี้ยวรับรองได้เลยว่าคุณหมอจะรู้สึกถึงชิ้นเนื้อสั่นระริกไหว กำซาบซ่านอิ่มเอิมกับชีวิตที่ยังหลงเหลือตกค้าง แน่นอนว่าคุณหมอจะสัมผัสมันได้ด้วยความรู้สึกภายใน โดยเฉพาะคุณหมอผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดมือหนึ่งของเมือง”

             “ขอโทษนะครับ”  เขาเลื่อนเมนูคืนไปให้อย่างสุภาพ  “ผมไม่ทานเนื้อดิบครับ”

             “น่าเสียดาย คุณหมอคลุกคลีกับเลือดเนื้อกลับไม่กินเนื้อ”    หญิงสาวยังคงยิ้ม ทีท่าเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าลูกค้าคนเดียวในร้านจะมีปฏิกิริยาอย่างไร   เธอหันหน้าไปทางเคาน์เตอร์ พยักหน้าให้บริกรหนุ่มที่ยืนรออย่างสำรวมด้วยสีหน้าเรียบเฉย  พลางสั่งอาหารไปสามสี่อย่างแบบไม่มีพิธีรีตอง  พนักงานหนุ่มค้อมศีรษะก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นเหมือนจะส่งข้อมูลเมนูไปยังห้องครัว  คุณหมอมองอย่างแปลกใจ  ผู้หญิงคนนี้จะกินเครื่องในดิบ ๆ หรืออย่างไร ไม่น่าเป็นไปได้  เขาสะกดใจดูสถานการณ์ต่อไป

             ขณะนั่งรอ  หญิงสาวแนะนำตัวเองว่า เธอชื่อ เฉด 

             จัดเป็นชื่อไม่คุ้นเคยกับความรู้สึก แต่ไม่แปลก คนเราจะตั้งชื่ออย่างไรก็ได้ จากนั้นเธอก็เริ่มพูดจาชักจูงใจให้คุณหมอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของร้านอาหาร ด้วยข้อเสนองานก้อนโตมหาศาล โดยทำหน้าที่ผ่าตัดเอาอวัยวะภายในออกมาเท่านั้น ลำดับต่อไปจะเป็นหน้าที่ของพ่อครัวจัดการ  ฟังข้อเสนอแล้วหมอหนุ่มก็แปลกใจไม่ได้ว่าทางร้านจะเอาเงินมหาศาลจากไหนมาจ้างกับงานที่ไม่น่าลำบาก งานกับเงินมันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
เฉดอธิบายว่า การเชือดการเฉือนเนื้อหรืออวัยวะภายใน มีผลต่อรสชาติของอาหาร   โดยเฉพาะกับลูกค้าพิถีพิถันผู้เข้าถึงศิลป์และศาสตร์แห่งเนื้อ ทุกอย่างมีผลต่อความอร่อยทั้งนั้น

             ไม่นานบริกรหนุ่มก็เดินตรงมาพร้อมกับอาหารจานชุด มีไวน์สีแดงสดมาด้วย  

             “วางใจได้ค่ะ ไม่ใช่เครื่องในของมนุษย์ เรารู้ว่ามันผิดกฏหมาย”   เธอบอก ขณะเริ่มใช้มีดหั่นอาหารเบื้องหน้ามาวางบนจานก่อนส่งเข้าปากด้วยท่าทางสง่างาม

            “มันเป็นเครื่องในของหมู หวานกำซาบซ่านอร่อยพอใช้ เสียดายว่าเรายังไม่มีมือเชือดเหมาะสมเท่านั้นค่ะ”

             ว่าพลางเธอก็เคี้ยวแบบละเลียดลิ้นละมุนละไม เคี้ยวแบบเชื่องช้าเพื่อให้รับความสุนทรียรสอย่างบรรจง หมอหนุ่มไม่ได้กลิ่นคาวแม้แต่น้อย แสดงว่าทางร้านน่าจะต้องมีเคล็ดลับบางอย่าง

             “แน่ใจนะคะว่าคุณหมอไม่รับงานนี้”  หญิงสาวทั้งที่ยังเคี้ยวตับหมูสดอยู่ในปาก  

             “ไม่ละครับ”  เขาปฏิเสธพลางลุกขึ้นยืน การเห็นผู้หญิงสวยมานั่งกินเครื่องในสดต่อหน้าทำลายศีรษะอสรพิษบนศีรษะลงไปจนหดหาย ไม่จำเป็นต้องบริจาคเสน่ห์ให้เธอเพื่อสร้างสัมพันธภาพอีกต่อไปแล้ว คงทำใจไม่ได้ถ้าจะจุมพิตริมฝีปากที่สัมผัสเครื่องในสดมาไม่นาน  ส่วนเงินเขามีมากพอแล้วโดยไม่ต้องรับงานนอก

             หมอหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ลุกขึ้นยืนพลางกล่าวอำลา หญิงสาวเหลือบตามองด้วยใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้ม เธอไม่ทัดทานห้ามปราม ยังคงกินเครื่องในสด ๆ  ต่อไปด้วยท่าทางปกติ  เขาได้แต่แอบเสียดายเล็ก ๆ เพียงแต่เธอไม่นั่งกินเครื่องในดิบให้เห็น ราตรีนี้คงยาวนาน

             ขณะเดินตรงไปประตูทางออก เขาก็ชะงัก 

             ผู้หญิงชุดเดรสสีเขียวมรกตคนหนึ่งยืนขวางทาง อาจเป็นความไม่ตั้งใจ เขาคิดในใจขณะเอ่ยปากขอทางอย่างสุภาพ แต่เธอคนนั้นยังคงยืนยิ้ม

             “สวัสดีค่ะคุณหมอ ฉันชื่อแอสฟิเซีย”   เธอกล่าวแนะนำตัวเอง สีหน้าแววตาเย็นชาไร้ความรู้สึก  ตัดกับรอยยิ้มหวาน ทำให้เกิดความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก  เขาเอ่ยปากขอทางอีกครั้งอย่างเริ่มมีอาการร้อนรน 

             “สวัสดีค่ะคุณหมอ ฉันชื่อแอสฟิเซีย”   เธอย้ำคำพูดเดิม คราวนี้ความอดทนของหมอหนุ่มขาดผึง เขากระชากแขนของเธอฉุดรั้งให้พ้นจากประตู  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นทำให้แอชตันตกตะลึง ร่างของแอสฟีเซียถลาไปตามแรงกระชากง่ายดายอย่างไม่ควรเป็นไปได้ เธอล้มลงบนพื้น หน้าท้องแตกออกเหมือนลูกโป่งระเบิด ตับ ไต ไส้ พุง ไหลทะลักออกมาอย่างน่ากลัวและเหลือเชื่อ

             คราวนี้หมอหนุ่มถึงกับตกใจร้องเสียงหลง ต่อให้ชีวิตคุ้นเคยกับความตาย เลือด เนื้อ จากการทำงานปานใด สถาพการณ์ชวนสยองชนิดไม่คาดฝันเกิดต่อหน้าต่อตา คนธรรมดาไหนเลยจะนิ่งเฉยได้  มีบางอย่างผิดปกติแน่นอน

             ขณะกำลังยืนตัวแข็งเหมือนคนสติแตกชั่วขณะ ใครบางคนเดินผ่านร่างของเขา ตรงไปหาแอสฟิเซียผู้กำลังดิ้นรนไปมาบนพื้นท่ามกลางกองคาวเลือดและอวัยวะภายในเรี่ยราดกระจัดกระจายไปทั่ว เฉดนั่นเอง  ท่าทางของเธอสงบนิ่ง ขณะก้มตัวลงหยิบบางสิ่งจากพื้นขึ้นมา ยื่นตรงมาเบื้องหน้าของแอชตัน

             หัวใจชุ่มเลือดก้อนหนึ่งเต้นไหวสั่นระริกร้าว หลอดเลือดดำหลอดเลือดแดงยื่นห้อยย้อยบิดเป็นเกลียวไปมาอย่างขนน่าขนลุก
 
             “ไม่จริง....”  คุณหมอครางเหมือนตกอยู่ในห้วงภวังค์ฝันร้าย ภาพพระแม่มารีแห่งภูผาคล้ายจะเบือนหน้ามาจ้องมอง ภาพพระนางพรหมจารีและพระกุมารกับนักบุญอันนาสั่นสะท้าน ความรู้สึกของเขาแตกกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเป็นไฟพะเนียงร่วงหล่น
 

             แอชตันเหมือนอยู่ในความฝัน

             ชีวิตและเรื่องราวของเขาวิ่งผ่านไปแบบกำลังดูภาพยนตร์กำลังฉายภาพด้วยความเร็วมากกว่าปกติหลายเท่าจนตาลาย แต่ก็พอจับรับรู้ความเป็นไปได้ ถึงแม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม ส่วนใหญ่เป็นภาพของเขาอยู่ในชุดกาวน์ทำหน้าที่ในแต่ละวันอย่างมุ่งมั่น หลายครั้งบริจาคเงินให้โบสถ์คริสต์หรือการกุศล ภาพเขาอยู่ในแวดวงของบรรดาสาวสวยมากหน้าหลายตา ไม่แปลกและไม่ผิด ที่มีผู้หญิงมาห้อมล้อม เพราะความเป็นหนุ่มหน้าตาดี การศึกษาสูง สร้างฐานะได้รวดเร็วราวความเร็วแสง

            ภาพสุดท้ายเป็นภาพของเฉด สาวชุดแดงผู้ลึกลับ ใบหน้าของเธอกระจ่างใหญ่เต็มความรู้สึก  ขณะแสงสว่างจ้าด้านหลังมากขึ้นทุกที
 
             เขาสะดุ้งจากภาพฝัน

             ฟื้นสติขึ้นมา เพื่อพบว่าตัวเองกำลังถูกมัดด้วยเชือก ตรึงไว้กับโต๊ะอย่างแน่นหนาใหญ่กลางห้อง แสงไฟบนเพดานสว่างจนต้องหรี่ตาปรับสภาพครู่หนึ่ง  แต่ใบหน้าของเฉดยังคงมองชะโงกลงมาเด่นชัด พร้อมรอยยิ้ม

             “สวัสดีคุณหมอ”   เธอเอ่ยปากทักทาย

             แอชตันเริ่มตัวว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก  การถูกมัดแน่นบนโต๊ะชนิดไม่มีทางดิ้นหลุด ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

             “คุณต้องการอะไร”   เขาถามแบบพยายามกลบเกลื่อนความวิตกหวาดกลัว

             “ไม่ใช่ฉันค่ะ พวกเรา...”  หญิงสาวหันไปมองด้านข้าง เขาเพิ่งสังเกตว่ายังมีเงาร่างอีกหลายคนยืนล้อมรอบโต๊ะ ทุกคนเป็นหญิงสาวใบหน้าสงบนิ่งไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก เหมือนใบหน้าของแอสฟิเซียไม่มีผิด หนึ่งในนั้นมี แอสฟิเซีย ยืนรวมอยู่ด้วย ร่างกายของเธอยังอยู่ในสภาพปกติดีทุกอย่าง
“ที่ผ่านมาเราเพียงกระตุ้นให้คุณหมอจำได้เท่านั้น ความจำของคนเราก็แปลกดีนะคะ บทจะลืมก็ลืมไปเสียดื้อ ๆ ต้องหาเงื่อนไขหรืออะไรบางอย่างมาปลดล็อกความทรงจำ”

             “ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใครกัน แต่ผมไม่เคยรู้จักหรือทำให้พวกคุณเดือดร้อน”  เขาพยายามหาทางเอาตัวรอด

             “เดี๋ยวคุณหมอก็จำได้เองค่ะ ของบางอย่างมันก็ต้องอาศัยเวลานะคะ”

             “บอกผมหน่อยได้ไหมว่ามันเรื่องบ้าอะไรกัน”  แอชตันร้องกึ่งอ้อนวอน รู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในเงื้อมมือของคนไม่ปกติที่ยังคาดเดาไม่ได้ว่าต้องการอะไร

             “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  พวกเราแค่ต้องการตับ ม้าม ปอด ไต และ หัวใจของคุณเท่านั้น เรื่อง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก แม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่หมอผ่าตัดก็ตาม แม้ว่ามีดของพวกเราจะทื่อ ๆ ไม่คมกริบเหมือนมีดผ่าตัดก็ตาม  ถึงจะออกแรงมากไปหน่อยเวลาเชือดเนื้อเถือหนัง แต่พอเราไม่ย่อท้อหรอกค่ะ ความกลัวน่าจะทำให้เลือดเนื้อหวานชุ่มคอขึ้นนะคะ”

             มีเสียงขยับตัวไปมา เขาเริ่มมองเห็นว่าหญิงสาวมีมีดทำครัวเล่มยาวอยู่ในมือ คงถือมีดกันทุกคนนั่นละ ความรู้สึกมันบอก

             เฉดเองก็มีมีดคมวาวในมือ เธออ้าปากใช้ลิ้นแลบเลียคมมีดอย่างไม่กลัวว่าคมมีดจะบาดลิ้น และมันก็บาดลิ้นของเธอจนเลือดไหลทะลัก แต่ใบหน้าของหญิงสาวยังคงประดับรอยยิ้มอยู่เช่นเดิม ไม่รู้สึกรู้สมกับบาดแผลที่ลิ้น ความหวาดเสียวตัดความระรื่นหวานกลับกลายเป็นภาพลักษณ์ลี้ลับน่าสะพรึงกลัว

             “อ้อ...เราไม่ใช่ยาสลบนะคะ มันจะทำให้เลือดเนื้อขาดความชุ่มหวานอร่อย ความเจ็บปวดจะทำให้เลือดเนื้อเพิ่มความกลมกล่อมหอมหวาน ตื่นตัวมีชีวิตชีวามากขึ้น   เอาละ เราจะไม่เสียเวลาแล้วนะคะ มาเริ่มงานกันเถอะ”

             “ได้โปรด ปล่อยผมไปเถอะ ผมไปทำอะไรให้คุณ ผมเป็นหมอมีแต่ช่วยชีวิตคนนะครับ  ไม่.....”

          

มีต่อ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่