.
‘อำคาจะรักบุญเหลือตลอดไป’
บุญเหลืออ่านจดหมายด้วยความช้ำใจ เจ็บปวดเกินใครจะเข้าใจ หัวอกชายสามศอกมันพังยับเยินป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี เพราะหญิงหลายใจ ก่อนจะบดขยี้กระดาษนั้นให้ยับแหลกคามือ น้ำตาลูกผู้ชายไหลมาเป็นทาง
เสียงโห่ร้องดังก้องกังวานมาแต่ไกล เสียงหัวเราะที่มีแต่ความสุขและความเบิกบานใจของญาติเจ้าบ่าว ทุกคนกำลังแห่ขันหมากมาตามทาง เจ้าบ่าวก็เป็นคนรูปร่างหน้าตาดี มีภูมิฐาน รับราชการ สวมชุดสีขาวเดินถือขันหมากมาด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข เจ้าสาวจะเป็นใครไปได้ นั่นก็คืออำคาเอง
บุญเหลือไม่กล้าไปสู้หน้าใคร ยอมรับความพ่ายแพ้ที่มาพร้อมกับความเจ็บปวด แพ้ทั้งเงิน ทั้งหน้าตา ทั้งอาชีพ บุญเหลือยืนซุ่มดูขบวนขันหมากที่ป่ากล้วยข้างบ้านเจ้าสาว ด้วยความเจ็บปวดที่สุด ความเจ็บปวดที่ประเมินเป็นตัวเลขไม่ได้ น้ำตาไหลนองหน้า มันจบแล้วความรักที่ดูว่ายิ่งใหญ่
‘อำคาจะรักบุญเหลือตลอดไป’ เสียงใส ๆ แม้เป็นตัวหนังสือ เขาก็เดาน้ำเสียงของอดีตแฟนสาวได้ จินตนาการเป็นเสียงของสาวเจ้าได้ เสียงนั้นมันยังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา
“อำคาเธอมันร้าย! เธอมันนางมารร้าย เธอทำกับพี่แบบนี้ได้ยังไง อำคาเธอมันร้าย” เขาร้องไห้เงียบ ๆ อยู่คนเดียว ตัดพ้อด้วยความน้อยใจ แอบยืนดูขบวนขันหมากอยู่เงียบ ๆ ในป่ากล้วย ชกต้นกล้วยด้วยความน้อยใจปนเจ็บใจอยู่คนเดียว
“ตัดใจเถอะไอ้เหลือ ถ้าแกรักอำคาจริง แกต้องยินดีกับอำคาสิวะ วาสนาบุพเพมันไม่ใช่ของแก บางทีแกอาจจะเจอคนที่รักแกจริง ๆ ในไม่ช้าก็ได้ บุญแกกับอำคาทำมาได้แค่นี้” ขวัญชัยเพื่อนรักของเขาเดินมาตบไหล่ปลอบใจเบา ๆ “ตัดใจเถอะเพื่อน” ขวัญชัยมองหน้าเขา
เขาพยักหน้าเข้าใจ เขาเข้าใจทุกอย่าง แต่มันเจ็บปวดเหลือเกิน คนที่รักมานาน คนที่ถนอมอย่างกับไข่ในหินกำลังจะเข้าห้องหอกับคนอื่น เพียงเพราะเขาจน
ความจริงครอบครัวของเขาก็ไม่ได้ยากจนค้นแค้นอะไร เพียงแต่ไม่มีเท่าผู้ชายคนนั้น ผู้ชายคนที่จะกลายเป็นสามีของอำคาถูกต้องตามกฎหมายและประเพณีภายในวันนี้
“ข้าเข้าใจไอ้ขวัญ แต่ข้าทำใจไม่ได้ว่ะ” พูดจบบุญเหลือปล่อยโหกับเพื่อนซี้อย่างไม่อาย ขวัญชัยโอบกอดบุญเหลืออย่างเข้าใจความรู้สึก บุญเหลือร้องไห้อย่างไม่อายต่อการเป็นลูกผู้ชายเลยสักนิด วันนี้มันอ่อนแอ วันนี้ตนเองแพ้แล้ว
“ทำใจเพื่อน เดี๋ยวข้าจะเข้าไปช่วยงานแต่งอำคา แกกลับบ้านไปเถอะบุญเหลือ ไม่ต้องเข้าไปในงานหรอก มันจะทำให้แกเจ็บปวดมากกว่าเดิมเปล่า ๆ เดี๋ยวอะไรยังไง เดี๋ยวข้านำมาเล่าให้ฟังเอง แกอย่าคิดสั้นนะไอ้เหลือ แกสัญญากับข้านะ ว่าแกจะเข้มแข็งและไม่คิดสั้นทำอะไรโง่ ๆ “ ขวัญชัยพูดด้วยความเป็นห่วงเพื่อน กลัวบุญเหลือคิดสั้น หรือไม่ก็ทำอะไรโง่ ๆ กับงานแต่งของอำคา
บุญเหลือปาดน้ำตา “ข้าไม่ทำอะไรให้เสียชื่อพ่อกับแม่ข้าหรอก” บุญเหลือตอบ
“ดีแล้ว! งั้นข้าเข้าไปในงานก่อนนะ” ขวัญชัยตบบ่าของบุญเหลือเบา ๆ อีกรอบ สงสารเพื่อนที่สุด แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากปลอบใจและคอยอยู่ข้าง ๆ
“เดี๋ยวก่อนขวัญ ข้าฝากเอาไอ้นี่ให้อำคาหน่อย บอกว่าเป็นของขวัญงานแต่งจากข้าก็แล้วกัน บอกว่าข้าฝากให้ลูกของอำคาที่จะเกิดขึ้นมาในไม่ช้านี้” บุญเหลือควักตลับเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋า ในนั้นมีสร้อยทองหนักสองสลึงยื่นให้ขวัญชัยด้วย
เขาอุตส่าห์ตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อจะซื้อให้เป็นของขวัญกับอำคา แต่ว่าวันนี้มันไม่มีประโยชน์แล้ว หากอำคาจะใส่เองสามีคงไม่พอใจแน่ ๆ เขาจึงคิดจะมอบให้เป็นของขวัญรับขวัญลูกของอำคาแทน เพื่อไม่เป็นการเสียความตั้งใจของตนเอง
“ได้! เดี๋ยวข้านำไปให้เอง ส่วนแกกลับไปได้แล้ว” ขวัญชัยรับเอาตลับสร้อยทองจากเขา จากนั้นก็เดินเข้าไปในงานแต่งของอำคา
เสียงโห่แซว เสียงหัวเราะ เสียงบายศรีสู่ขวัญดังออกมาจากในงาน มันเหมือนอาวุธมีดที่คมกริบ ทิ่มแทงมายังหัวใจของเขา สุดท้ายเขาก็เดินโซซัดโซเซกลับบ้านของตนเอง นอนร้องไห้ในห้องคนเดียว พ่อแม่ของเขาเองก็ไปช่วยงานแต่งอำคายังไม่กลับมาบ้านเลย
‘พี่จะไม่รักใครอีก พี่รักเธอคนเดียวอำคา เธอมันใจร้าย เธอมันนางมารร้าย อำคาที่รักของพี่’
บุญเหลือยืนยันหนักแหน่น หากตนเองไม่ได้รักกับอำคาแล้ว ก็จะไม่ขอรักใครอีก ก็จะขออยู่คนเดียวครองตัวเป็นโสดตลอดไป
เวลาผ่านไปก็ทำให้ลืมความเจ็บปวดได้ เขายังเฝ้าคอยมองครอบครัวของอำคาเงียบ ๆ เสมอ ไม่เข้าไปทำให้ครอบครัวของอำคาต้องบาดหมางใจกัน ไม่ทำให้อำคาต้องลำบากใจ แม้อำคาอยากจะเจอหน้าเขาสักเพียงใดก็ตาม เขามักจะหลีกเลี่ยงเสมอ
วันเวลาผ่านไปอำคามีลูกสองคน เขายิ้มให้กับความก้าวหน้าของครอบครัวอำคา สามีได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง จริงใจ ซื่อสัตย์กับอำคาเป็นอย่างดี เขาก็ดีใจกับอำคามาก หากสามีของอำคาเจ้าชู้ได้เจอดีกับเขาแน่ เขายังคอยเฝ้ามองอำคาอยู่เงียบ ๆ ห่าง ๆ ไม่หนีไปไหน
ลูกสาวคนโตของอำคาหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับอำคายิ่งนัก สวยเหมือนแม่ไม่มีผิด ลูกชายหน้าตาคล้ายคนเป็นพ่อ หล่อไม่น้อยเช่นกัน ส่วนเขาก็ยังครองตัวเป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้
หน้าที่การงานของเขาเองก็เจริญขึ้นเรื่อย ๆ มีเงิน มีฐานะจากแต่ก่อนมาก เพราะไม่เที่ยวเตร่ ไม่มีครอบครัว ตั้งใจทำงาน มุ่งมั่นให้กับงานเพื่อลืมความเจ็บปวดอย่างเดียว
“พ่อเหลือ ๆ พ่อให้มาเรียกไปที่บ้าน” อาชาลูกชายของขวัญชัย เรียกให้เขาไปชนแก้วอีกแล้ว มีหรือเพื่อนแท้อย่างเขาจะไม่ไป หลัง ๆ มาเมื่ออายุย่างเข้าเลขสี่ เขาถึงทำตัวเป็นหนุ่มนักเที่ยวและดื่ม จากที่เมื่อก่อนเก็บตัวทำแต่งานอย่างเดียว
“ลุงเหลือเมื่อไหร่หนูจะมีป้าสักที มีแต่ลุงเหลือคนเดียวเนี่ย อยากมีป้าอ่ะ” น้องอันดาหลานสาวตัวน้อยของเขาถาม เมื่อแม่พามาเยี่ยมตากับยายที่บ้าน เขาเลิ่กลั่ก เลิกคิ้วเบิกตากว้างให้กับหลานสาว ใครสอนให้ถามแบบนี้ ส่วนน้องสาวตัวดีของเขาหัวเราะอึกอักอยู่คนเดียว
“ไอ้เหลือเอ้ย! เอ็งหาเมียมาให้แม่กับพ่อสักทีเถอะวะ แม่อยากอุ้มหลานย่านะ พ่อแม่แก่ลงทุกที พ่อเอ็งก็อยากเห็นเอ็งเป็นฝั่งเป็นฝาก่อนตาย” แม่ของเขาบ่นทุกวัน น้อง ๆ มีครอบครัวกันไปหมดทุกคนแล้ว เหลือเพียงตัวเขาที่ยังไม่มีใคร
“หลานย่าหลานปู่ก็ลูกไอ้เล็กไง หลานตาหลานยายก็ลูกไอ้น้อย แม่กับพ่อก็อุ้มไปดิ จะอุ้มใครก็เลือกเอา” เขาเถียง เพราะมันไม่ถูกใจใครสักคนเลยสำหรับผู้หญิงที่เข้าหา จะมีถูกใจอยู่คนหนึ่งก็ยังไม่โตพอ หากผลีผลามเข้าไปมีหวังโดนข้อหาพรากผู้เยาว์แน่ ๆ พ่อของเธอยิ่งเป็นนายตำรวจใหญ่อยู่ด้วย
“ก็นั่นน่ะมันลูกของน้อง ๆ เอ็งไง แม่หมายถึงลูกของเอ็ง” แม่ของเขาก็ยังบ่นไม่หยุด “จะห้าสิบเข้าทุกที เอ็งยังไม่ตัดใจจากนังอำคาอีกเหรอ มันจวนจะได้ลูกเขยอยู่แล้ว แม่ว่าเอ็งตัดใจเลิกหวังลม ๆ แล้ง ๆ แล้วหาเมียเถอะลูก ถึงยังไงนังอำคามันก็ไม่หย่ากับผัวมันหรอก เขารักกันจะตาย”
“ฉันตัดใจจากอำคาไปตั้งนานแล้วแม่ แต่มันยังไม่เจอคนที่ถูกใจเฉย ๆ“ บุญเหลือพูดปนยิ้ม ผู้หญิงในใจผุดขึ้นมาทันที รออีกปีก็จะไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์แล้ว เธอก็จะ 18 ปีพอดี
ปีก่อนบุญเหลือได้เจอกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 16 ปีเอง หน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารักมาก ๆ เด็กคนนี้ทำให้บุญเหลือลืมอำคาไปชั่วขณะ เหมือนมีมนตร์สะกด ทำให้บุญเหลือจ้องมองเธอตาไม่กะพริบ และ ลืมอำคาที่อยู่ในใจไปเสียสนิท
เธอเองก็มองเขา เธอสวมสร้อยที่คอด้วย สร้อยทองรับกับผิวขาวของเธอเป็นอย่างดี เธอมองเขาแปลก ๆ มองจนเขาก็เขินไปหมดที่ซุ้มยาดองในตัวเมือง เธอน่าจะเรียนอยู่ ม.ปลาย ส่วนเขามานั่งคนเดียวประจำ เธอเองมากับเพื่อน นึกเป็นห่วงเธอขึ้นมาดื้อ ๆ อายุแค่นี้ทำไมมาเที่ยวซุ้มยาดอง พ่อแม่จะไม่เป็นห่วงหรือไร
เธอมองแล้วก็ยิ้มให้เขา พอดีมีโทรศัพท์เข้าเขาจึงลุกเดินออกมารับโทรศัพท์ และ มาดูดบุหรี่ด้วย ไม่รู้เธอเดินตามออกมาตั้งแต่ตอนไหน คุยโทรศัพท์เสร็จเขาหันหลังจะเดินกลับ หันมาเจอเข้าพอดีตกใจที่เจอเธอมาก
“น้องมีอะไรหรือเปล่าครับ รู้จักผมเหรอ” บุญเหลือถาม สาวเจ้ายังยิ้มให้ เขาเลิกคิ้วสงสัย เธอรู้จักกับตนเองหรือไร
“รู้ค่ะ น้าอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับหนูใช่มั้ย หนูจำน้าได้” สาวเจ้าพูด บุญเหลือพยายามนึก หล่อนเป็นลูกสาวของใคร เพราะช่วงหลัง ๆ มาการงานกำลังรุ่ง ทำให้ต้องห่างบ้าน ไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าที่ควร ทำให้ต้องห่างกับอำคาด้วย รู้แต่ว่าอำคามีลูกคนโตเป็นผู้หญิงชื่อ แพรวา ส่วนลูกชายชื่อราเชนทร์
พอเด็กสาวพูดมาแบบนี้ เขาก็นึกคุ้นหน้าขึ้นมาทันที คลับคล้ายคลับคลาว่าหน้าตาเหมือนใคร ไม่กล้าเข้าข้างตนเองว่าเป็นลูกของอำคาหรือเปล่า ใบหน้าช่างคล้ายกันเหลือเกิน “หนูรู้จักน้าค่ะ น้าไม่รู้จักหนูหรอก” หล่อนพูดปนยิ้ม
“หนูเป็นลูกใครครับ” บุญเหลือถาม ใจสั่นขึ้นมาดื้อ ๆ ทราบแล้วล่ะว่าเป็นลูกสาวของอำคา เพราะจำได้แล้ว
“ลูกแม่อำคาค่ะ หนูชื่อแพรวา หนูจำน้าได้ว่าเป็นคนหมู่บ้านหนูชัวร์” หล่อนพูดแบบนี้บุญเหลือแทบสำลักน้ำลาย แม้จะรู้แล้วก็ตาม “เอ่อ… น้าอย่าบอกแม่ได้มั้ยคะ พอดีว่าหนูมากับเพื่อนเฉย ๆ วันเกิดเพื่อนค่ะ อย่าบอกพ่อหนูด้วยนะคะ พ่อดุมากถ้าพ่อรู้นะ หนูโดนบ่นหูชาแน่ แค่คิดก็สยอง” สาวเจ้าพูดอ้อน ทำไมบุญเหลือรู้สึกชอบแปลก ๆ ตลกกับท่าทางสาวเจ้าพูดถึงคนเป็นพ่อด้วย ทางทางจะหวงมาก ๆ
“ครับ!” เขารับปาก เพราะไม่คิดจะไปเจอหน้าอยู่แล้ว จากนั้นทั้งสองคนก็เดินกลับเข้ามาในซุ้มเหมือนเดิม คราวนี้เธอดันมานั่งด้วยเสียอย่างนั้น เธอคุยเก่งมาก อาจจะเป็นเพราะว่าเห็นเขาเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน แต่เขาดันเกิดความรู้สึกแปลก ๆ ไม่กล้าคิดเข้าข้างตนเองเลยว่า สร้อยที่เธอสวมอยู่เป็นสร้อยของเขาเอง
คืนนั้นกลับมาห้องพัก เขานอนไม่หลับเลย ระส่ำระสาย นึกไปถึงใบหน้านั้น แววตานั้น เสียงพูดเสียงหัวเราะของเด็กสาวคนนั้น ลูกสาวของอำคาคนที่เขารักสุดหัวใจ ตอนนี้ยอมรับว่ามันถูกแทนที่ด้วยเด็กคนนี้ไปแล้ว เขาไม่ได้จงใจจะรักประชดอำคา แต่เขารู้สึกไปตามความรู้สึก มันเกิดขึ้นเอง มันก็แค่แอบรัก เธออาจจะมีแฟนแล้ว
“เธอมันร้ายนะอำคา เธอทำร้ายพี่คนเดียวไม่พอ เธอยังส่งลูกสาวมาก่อกวนหัวใจของพี่อีก” หยิบรูปถ่ายใบเก่า ๆ ที่ซีดไปตามกาลเวลาออกมาจากกระเป๋าสตางค์ พูดกับรูปใบเก่านั้นคนเดียว ก่อนจะยัดกลับเข้าไปที่เดิม ช่องแคบที่สุดในกระเป๋า
หลังจากวันนั้นบุญเหลือก็เที่ยวไปซุ้มยาดองบ่อย ๆ เผื่ออาจจะได้เจอกับเธอ แถมยังเที่ยวกลับไปเยี่ยมบ้านบ่อย ๆ ด้วย จุดประสงค์ก็คือเจอเธอ แต่บุญเหลือก็ไม่เคยย่างกรายไปแถวบ้านของอำคาเลยสักครั้ง ตั้งแต่อำคาแต่งงานไป
เป็นโชคดีของบุญเหลือ ที่เวลากลับบ้านทีไร เป็นต้องเจอกับแพรวาเด็กสาวคนของใจตลอด จนสุดท้ายจับพลัดจับผลูได้คุยกันในที่สุด มันคงเป็นบุพเพสันนิวาส พวกเขาสองคนได้คุยกันจนได้
“แพรวาห้ามไปซุ้มยาดองอีกได้ไหม น้าเป็นห่วงน่ะ พ่อแม่เรารู้คงไม่ดีแน่ ๆ“ บุญเหลือห้ามด้วยความห่วงใย แค่บอกไม่ได้บังคับอะไรเลย
“ต้องไปกับน้าบุญเหลือเท่านั้นแพรวาถึงจะไปได้ใช่มั้ย” เด็กสาวตอบกลับมา ทำเอาเขาหัวเราะได้ในระหว่างวันทำงาน เขาเพียงคุย ๆ ไปแบบไม่หวังผล เพราะไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว ไม่กล้าคิดอะไรทั้งนั้น แต่มันก็ห้ามใจไม่ให้คุยกับเธอไม่ได้
‘อำคาหากลูกสาวของเธอจะทำพี่เจ็บปวดอีก พี่ก็จะไม่โกรธเธอ ไม่โกรธน้องแพรวาลูกสาวของเธอ พี่จะคิดว่ามันเป็นกรรมของพี่เอง’
เล่ห์แห่งรัก
.
‘อำคาจะรักบุญเหลือตลอดไป’
บุญเหลืออ่านจดหมายด้วยความช้ำใจ เจ็บปวดเกินใครจะเข้าใจ หัวอกชายสามศอกมันพังยับเยินป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี เพราะหญิงหลายใจ ก่อนจะบดขยี้กระดาษนั้นให้ยับแหลกคามือ น้ำตาลูกผู้ชายไหลมาเป็นทาง
เสียงโห่ร้องดังก้องกังวานมาแต่ไกล เสียงหัวเราะที่มีแต่ความสุขและความเบิกบานใจของญาติเจ้าบ่าว ทุกคนกำลังแห่ขันหมากมาตามทาง เจ้าบ่าวก็เป็นคนรูปร่างหน้าตาดี มีภูมิฐาน รับราชการ สวมชุดสีขาวเดินถือขันหมากมาด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข เจ้าสาวจะเป็นใครไปได้ นั่นก็คืออำคาเอง
บุญเหลือไม่กล้าไปสู้หน้าใคร ยอมรับความพ่ายแพ้ที่มาพร้อมกับความเจ็บปวด แพ้ทั้งเงิน ทั้งหน้าตา ทั้งอาชีพ บุญเหลือยืนซุ่มดูขบวนขันหมากที่ป่ากล้วยข้างบ้านเจ้าสาว ด้วยความเจ็บปวดที่สุด ความเจ็บปวดที่ประเมินเป็นตัวเลขไม่ได้ น้ำตาไหลนองหน้า มันจบแล้วความรักที่ดูว่ายิ่งใหญ่
‘อำคาจะรักบุญเหลือตลอดไป’ เสียงใส ๆ แม้เป็นตัวหนังสือ เขาก็เดาน้ำเสียงของอดีตแฟนสาวได้ จินตนาการเป็นเสียงของสาวเจ้าได้ เสียงนั้นมันยังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา
“อำคาเธอมันร้าย! เธอมันนางมารร้าย เธอทำกับพี่แบบนี้ได้ยังไง อำคาเธอมันร้าย” เขาร้องไห้เงียบ ๆ อยู่คนเดียว ตัดพ้อด้วยความน้อยใจ แอบยืนดูขบวนขันหมากอยู่เงียบ ๆ ในป่ากล้วย ชกต้นกล้วยด้วยความน้อยใจปนเจ็บใจอยู่คนเดียว
“ตัดใจเถอะไอ้เหลือ ถ้าแกรักอำคาจริง แกต้องยินดีกับอำคาสิวะ วาสนาบุพเพมันไม่ใช่ของแก บางทีแกอาจจะเจอคนที่รักแกจริง ๆ ในไม่ช้าก็ได้ บุญแกกับอำคาทำมาได้แค่นี้” ขวัญชัยเพื่อนรักของเขาเดินมาตบไหล่ปลอบใจเบา ๆ “ตัดใจเถอะเพื่อน” ขวัญชัยมองหน้าเขา
เขาพยักหน้าเข้าใจ เขาเข้าใจทุกอย่าง แต่มันเจ็บปวดเหลือเกิน คนที่รักมานาน คนที่ถนอมอย่างกับไข่ในหินกำลังจะเข้าห้องหอกับคนอื่น เพียงเพราะเขาจน
ความจริงครอบครัวของเขาก็ไม่ได้ยากจนค้นแค้นอะไร เพียงแต่ไม่มีเท่าผู้ชายคนนั้น ผู้ชายคนที่จะกลายเป็นสามีของอำคาถูกต้องตามกฎหมายและประเพณีภายในวันนี้
“ข้าเข้าใจไอ้ขวัญ แต่ข้าทำใจไม่ได้ว่ะ” พูดจบบุญเหลือปล่อยโหกับเพื่อนซี้อย่างไม่อาย ขวัญชัยโอบกอดบุญเหลืออย่างเข้าใจความรู้สึก บุญเหลือร้องไห้อย่างไม่อายต่อการเป็นลูกผู้ชายเลยสักนิด วันนี้มันอ่อนแอ วันนี้ตนเองแพ้แล้ว
“ทำใจเพื่อน เดี๋ยวข้าจะเข้าไปช่วยงานแต่งอำคา แกกลับบ้านไปเถอะบุญเหลือ ไม่ต้องเข้าไปในงานหรอก มันจะทำให้แกเจ็บปวดมากกว่าเดิมเปล่า ๆ เดี๋ยวอะไรยังไง เดี๋ยวข้านำมาเล่าให้ฟังเอง แกอย่าคิดสั้นนะไอ้เหลือ แกสัญญากับข้านะ ว่าแกจะเข้มแข็งและไม่คิดสั้นทำอะไรโง่ ๆ “ ขวัญชัยพูดด้วยความเป็นห่วงเพื่อน กลัวบุญเหลือคิดสั้น หรือไม่ก็ทำอะไรโง่ ๆ กับงานแต่งของอำคา
บุญเหลือปาดน้ำตา “ข้าไม่ทำอะไรให้เสียชื่อพ่อกับแม่ข้าหรอก” บุญเหลือตอบ
“ดีแล้ว! งั้นข้าเข้าไปในงานก่อนนะ” ขวัญชัยตบบ่าของบุญเหลือเบา ๆ อีกรอบ สงสารเพื่อนที่สุด แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากปลอบใจและคอยอยู่ข้าง ๆ
“เดี๋ยวก่อนขวัญ ข้าฝากเอาไอ้นี่ให้อำคาหน่อย บอกว่าเป็นของขวัญงานแต่งจากข้าก็แล้วกัน บอกว่าข้าฝากให้ลูกของอำคาที่จะเกิดขึ้นมาในไม่ช้านี้” บุญเหลือควักตลับเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋า ในนั้นมีสร้อยทองหนักสองสลึงยื่นให้ขวัญชัยด้วย
เขาอุตส่าห์ตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อจะซื้อให้เป็นของขวัญกับอำคา แต่ว่าวันนี้มันไม่มีประโยชน์แล้ว หากอำคาจะใส่เองสามีคงไม่พอใจแน่ ๆ เขาจึงคิดจะมอบให้เป็นของขวัญรับขวัญลูกของอำคาแทน เพื่อไม่เป็นการเสียความตั้งใจของตนเอง
“ได้! เดี๋ยวข้านำไปให้เอง ส่วนแกกลับไปได้แล้ว” ขวัญชัยรับเอาตลับสร้อยทองจากเขา จากนั้นก็เดินเข้าไปในงานแต่งของอำคา
เสียงโห่แซว เสียงหัวเราะ เสียงบายศรีสู่ขวัญดังออกมาจากในงาน มันเหมือนอาวุธมีดที่คมกริบ ทิ่มแทงมายังหัวใจของเขา สุดท้ายเขาก็เดินโซซัดโซเซกลับบ้านของตนเอง นอนร้องไห้ในห้องคนเดียว พ่อแม่ของเขาเองก็ไปช่วยงานแต่งอำคายังไม่กลับมาบ้านเลย
‘พี่จะไม่รักใครอีก พี่รักเธอคนเดียวอำคา เธอมันใจร้าย เธอมันนางมารร้าย อำคาที่รักของพี่’
บุญเหลือยืนยันหนักแหน่น หากตนเองไม่ได้รักกับอำคาแล้ว ก็จะไม่ขอรักใครอีก ก็จะขออยู่คนเดียวครองตัวเป็นโสดตลอดไป
เวลาผ่านไปก็ทำให้ลืมความเจ็บปวดได้ เขายังเฝ้าคอยมองครอบครัวของอำคาเงียบ ๆ เสมอ ไม่เข้าไปทำให้ครอบครัวของอำคาต้องบาดหมางใจกัน ไม่ทำให้อำคาต้องลำบากใจ แม้อำคาอยากจะเจอหน้าเขาสักเพียงใดก็ตาม เขามักจะหลีกเลี่ยงเสมอ
วันเวลาผ่านไปอำคามีลูกสองคน เขายิ้มให้กับความก้าวหน้าของครอบครัวอำคา สามีได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง จริงใจ ซื่อสัตย์กับอำคาเป็นอย่างดี เขาก็ดีใจกับอำคามาก หากสามีของอำคาเจ้าชู้ได้เจอดีกับเขาแน่ เขายังคอยเฝ้ามองอำคาอยู่เงียบ ๆ ห่าง ๆ ไม่หนีไปไหน
ลูกสาวคนโตของอำคาหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับอำคายิ่งนัก สวยเหมือนแม่ไม่มีผิด ลูกชายหน้าตาคล้ายคนเป็นพ่อ หล่อไม่น้อยเช่นกัน ส่วนเขาก็ยังครองตัวเป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้
หน้าที่การงานของเขาเองก็เจริญขึ้นเรื่อย ๆ มีเงิน มีฐานะจากแต่ก่อนมาก เพราะไม่เที่ยวเตร่ ไม่มีครอบครัว ตั้งใจทำงาน มุ่งมั่นให้กับงานเพื่อลืมความเจ็บปวดอย่างเดียว
“พ่อเหลือ ๆ พ่อให้มาเรียกไปที่บ้าน” อาชาลูกชายของขวัญชัย เรียกให้เขาไปชนแก้วอีกแล้ว มีหรือเพื่อนแท้อย่างเขาจะไม่ไป หลัง ๆ มาเมื่ออายุย่างเข้าเลขสี่ เขาถึงทำตัวเป็นหนุ่มนักเที่ยวและดื่ม จากที่เมื่อก่อนเก็บตัวทำแต่งานอย่างเดียว
“ลุงเหลือเมื่อไหร่หนูจะมีป้าสักที มีแต่ลุงเหลือคนเดียวเนี่ย อยากมีป้าอ่ะ” น้องอันดาหลานสาวตัวน้อยของเขาถาม เมื่อแม่พามาเยี่ยมตากับยายที่บ้าน เขาเลิ่กลั่ก เลิกคิ้วเบิกตากว้างให้กับหลานสาว ใครสอนให้ถามแบบนี้ ส่วนน้องสาวตัวดีของเขาหัวเราะอึกอักอยู่คนเดียว
“ไอ้เหลือเอ้ย! เอ็งหาเมียมาให้แม่กับพ่อสักทีเถอะวะ แม่อยากอุ้มหลานย่านะ พ่อแม่แก่ลงทุกที พ่อเอ็งก็อยากเห็นเอ็งเป็นฝั่งเป็นฝาก่อนตาย” แม่ของเขาบ่นทุกวัน น้อง ๆ มีครอบครัวกันไปหมดทุกคนแล้ว เหลือเพียงตัวเขาที่ยังไม่มีใคร
“หลานย่าหลานปู่ก็ลูกไอ้เล็กไง หลานตาหลานยายก็ลูกไอ้น้อย แม่กับพ่อก็อุ้มไปดิ จะอุ้มใครก็เลือกเอา” เขาเถียง เพราะมันไม่ถูกใจใครสักคนเลยสำหรับผู้หญิงที่เข้าหา จะมีถูกใจอยู่คนหนึ่งก็ยังไม่โตพอ หากผลีผลามเข้าไปมีหวังโดนข้อหาพรากผู้เยาว์แน่ ๆ พ่อของเธอยิ่งเป็นนายตำรวจใหญ่อยู่ด้วย
“ก็นั่นน่ะมันลูกของน้อง ๆ เอ็งไง แม่หมายถึงลูกของเอ็ง” แม่ของเขาก็ยังบ่นไม่หยุด “จะห้าสิบเข้าทุกที เอ็งยังไม่ตัดใจจากนังอำคาอีกเหรอ มันจวนจะได้ลูกเขยอยู่แล้ว แม่ว่าเอ็งตัดใจเลิกหวังลม ๆ แล้ง ๆ แล้วหาเมียเถอะลูก ถึงยังไงนังอำคามันก็ไม่หย่ากับผัวมันหรอก เขารักกันจะตาย”
“ฉันตัดใจจากอำคาไปตั้งนานแล้วแม่ แต่มันยังไม่เจอคนที่ถูกใจเฉย ๆ“ บุญเหลือพูดปนยิ้ม ผู้หญิงในใจผุดขึ้นมาทันที รออีกปีก็จะไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์แล้ว เธอก็จะ 18 ปีพอดี
ปีก่อนบุญเหลือได้เจอกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 16 ปีเอง หน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารักมาก ๆ เด็กคนนี้ทำให้บุญเหลือลืมอำคาไปชั่วขณะ เหมือนมีมนตร์สะกด ทำให้บุญเหลือจ้องมองเธอตาไม่กะพริบ และ ลืมอำคาที่อยู่ในใจไปเสียสนิท
เธอเองก็มองเขา เธอสวมสร้อยที่คอด้วย สร้อยทองรับกับผิวขาวของเธอเป็นอย่างดี เธอมองเขาแปลก ๆ มองจนเขาก็เขินไปหมดที่ซุ้มยาดองในตัวเมือง เธอน่าจะเรียนอยู่ ม.ปลาย ส่วนเขามานั่งคนเดียวประจำ เธอเองมากับเพื่อน นึกเป็นห่วงเธอขึ้นมาดื้อ ๆ อายุแค่นี้ทำไมมาเที่ยวซุ้มยาดอง พ่อแม่จะไม่เป็นห่วงหรือไร
เธอมองแล้วก็ยิ้มให้เขา พอดีมีโทรศัพท์เข้าเขาจึงลุกเดินออกมารับโทรศัพท์ และ มาดูดบุหรี่ด้วย ไม่รู้เธอเดินตามออกมาตั้งแต่ตอนไหน คุยโทรศัพท์เสร็จเขาหันหลังจะเดินกลับ หันมาเจอเข้าพอดีตกใจที่เจอเธอมาก
“น้องมีอะไรหรือเปล่าครับ รู้จักผมเหรอ” บุญเหลือถาม สาวเจ้ายังยิ้มให้ เขาเลิกคิ้วสงสัย เธอรู้จักกับตนเองหรือไร
“รู้ค่ะ น้าอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับหนูใช่มั้ย หนูจำน้าได้” สาวเจ้าพูด บุญเหลือพยายามนึก หล่อนเป็นลูกสาวของใคร เพราะช่วงหลัง ๆ มาการงานกำลังรุ่ง ทำให้ต้องห่างบ้าน ไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าที่ควร ทำให้ต้องห่างกับอำคาด้วย รู้แต่ว่าอำคามีลูกคนโตเป็นผู้หญิงชื่อ แพรวา ส่วนลูกชายชื่อราเชนทร์
พอเด็กสาวพูดมาแบบนี้ เขาก็นึกคุ้นหน้าขึ้นมาทันที คลับคล้ายคลับคลาว่าหน้าตาเหมือนใคร ไม่กล้าเข้าข้างตนเองว่าเป็นลูกของอำคาหรือเปล่า ใบหน้าช่างคล้ายกันเหลือเกิน “หนูรู้จักน้าค่ะ น้าไม่รู้จักหนูหรอก” หล่อนพูดปนยิ้ม
“หนูเป็นลูกใครครับ” บุญเหลือถาม ใจสั่นขึ้นมาดื้อ ๆ ทราบแล้วล่ะว่าเป็นลูกสาวของอำคา เพราะจำได้แล้ว
“ลูกแม่อำคาค่ะ หนูชื่อแพรวา หนูจำน้าได้ว่าเป็นคนหมู่บ้านหนูชัวร์” หล่อนพูดแบบนี้บุญเหลือแทบสำลักน้ำลาย แม้จะรู้แล้วก็ตาม “เอ่อ… น้าอย่าบอกแม่ได้มั้ยคะ พอดีว่าหนูมากับเพื่อนเฉย ๆ วันเกิดเพื่อนค่ะ อย่าบอกพ่อหนูด้วยนะคะ พ่อดุมากถ้าพ่อรู้นะ หนูโดนบ่นหูชาแน่ แค่คิดก็สยอง” สาวเจ้าพูดอ้อน ทำไมบุญเหลือรู้สึกชอบแปลก ๆ ตลกกับท่าทางสาวเจ้าพูดถึงคนเป็นพ่อด้วย ทางทางจะหวงมาก ๆ
“ครับ!” เขารับปาก เพราะไม่คิดจะไปเจอหน้าอยู่แล้ว จากนั้นทั้งสองคนก็เดินกลับเข้ามาในซุ้มเหมือนเดิม คราวนี้เธอดันมานั่งด้วยเสียอย่างนั้น เธอคุยเก่งมาก อาจจะเป็นเพราะว่าเห็นเขาเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน แต่เขาดันเกิดความรู้สึกแปลก ๆ ไม่กล้าคิดเข้าข้างตนเองเลยว่า สร้อยที่เธอสวมอยู่เป็นสร้อยของเขาเอง
คืนนั้นกลับมาห้องพัก เขานอนไม่หลับเลย ระส่ำระสาย นึกไปถึงใบหน้านั้น แววตานั้น เสียงพูดเสียงหัวเราะของเด็กสาวคนนั้น ลูกสาวของอำคาคนที่เขารักสุดหัวใจ ตอนนี้ยอมรับว่ามันถูกแทนที่ด้วยเด็กคนนี้ไปแล้ว เขาไม่ได้จงใจจะรักประชดอำคา แต่เขารู้สึกไปตามความรู้สึก มันเกิดขึ้นเอง มันก็แค่แอบรัก เธออาจจะมีแฟนแล้ว
“เธอมันร้ายนะอำคา เธอทำร้ายพี่คนเดียวไม่พอ เธอยังส่งลูกสาวมาก่อกวนหัวใจของพี่อีก” หยิบรูปถ่ายใบเก่า ๆ ที่ซีดไปตามกาลเวลาออกมาจากกระเป๋าสตางค์ พูดกับรูปใบเก่านั้นคนเดียว ก่อนจะยัดกลับเข้าไปที่เดิม ช่องแคบที่สุดในกระเป๋า
หลังจากวันนั้นบุญเหลือก็เที่ยวไปซุ้มยาดองบ่อย ๆ เผื่ออาจจะได้เจอกับเธอ แถมยังเที่ยวกลับไปเยี่ยมบ้านบ่อย ๆ ด้วย จุดประสงค์ก็คือเจอเธอ แต่บุญเหลือก็ไม่เคยย่างกรายไปแถวบ้านของอำคาเลยสักครั้ง ตั้งแต่อำคาแต่งงานไป
เป็นโชคดีของบุญเหลือ ที่เวลากลับบ้านทีไร เป็นต้องเจอกับแพรวาเด็กสาวคนของใจตลอด จนสุดท้ายจับพลัดจับผลูได้คุยกันในที่สุด มันคงเป็นบุพเพสันนิวาส พวกเขาสองคนได้คุยกันจนได้
“แพรวาห้ามไปซุ้มยาดองอีกได้ไหม น้าเป็นห่วงน่ะ พ่อแม่เรารู้คงไม่ดีแน่ ๆ“ บุญเหลือห้ามด้วยความห่วงใย แค่บอกไม่ได้บังคับอะไรเลย
“ต้องไปกับน้าบุญเหลือเท่านั้นแพรวาถึงจะไปได้ใช่มั้ย” เด็กสาวตอบกลับมา ทำเอาเขาหัวเราะได้ในระหว่างวันทำงาน เขาเพียงคุย ๆ ไปแบบไม่หวังผล เพราะไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว ไม่กล้าคิดอะไรทั้งนั้น แต่มันก็ห้ามใจไม่ให้คุยกับเธอไม่ได้
‘อำคาหากลูกสาวของเธอจะทำพี่เจ็บปวดอีก พี่ก็จะไม่โกรธเธอ ไม่โกรธน้องแพรวาลูกสาวของเธอ พี่จะคิดว่ามันเป็นกรรมของพี่เอง’