เมื่อเรานั่งสมาธิเข้าฌาน แม้แต่ในฌานก็ยังมีอัตตาคือความรู้สึกว่าเป็นตัวเราเป็นของเราอยู่ใช่หรือเปล่าครับ แม้ในในจตุตถฌานที่ลึกล้ำก็ยังมีอัตตาอยู่คืออเนญชาภิสังขาร
อยากทราบว่าควรตั้งจิตไว้อย่างไรในการจัดการกับอัตตาในสมาธิครับ เราจำเป็นต้องละอัตตาในขณะนั่งสมาธิไหม หรือว่าถ้าจะละได้ต้องไปจัดการในขั้นธัมมานุปัสนาสติปัฏฐานเลยทีเดียว
คือฟังคำสอนจากหลายแห่งก็จะพูดคล้ายๆกับว่าให้ละอัตตาในสมาธิไปเลย เช่น กำหนดอารมณ์อะไรอย่าเอาตัวเองเป็นเจ้าของเป็นผู้กำหนด ให้นั่งให้ตัวหาย อย่าสนใจความรู้สึกความต้องการตัวเอง รู้เห็นอะไรสักแต่ว่ารู้เห็นธาตุตามธรรมชาติ คำแนะนำเหล่านี้ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าถ้าทำจริงจะเป็นยังไงครับ
คือในทางปฏิบัติทุกขั้นตอนมันก็ยังมีตัวฉันของฉันอยู่ใช่ไหมครับ เช่น ฉันจะเอาอารมณ์นั้นนี้เป็นวิตกวิจาร วิตกวิจารเกิดแก่ฉันแล้ว ฉันต้องการปีติและความสุข เมื่อไหร่ปีติและสุขจะเกิดแก่ฉันซะที ฉันเสวยปีติและสุขแล้วพอใจนัก ต่อไปฉันจะสลัดความสุขทิ้ง ฉันทิ้งความสุขสำเร็จแล้วฉันดีใจมาก เมื่อไหร่เอกัคคตาจิตจะเกิดแก่ฉัน ฯลฯ คือความรู้สึกว่าเป็นตัวฉันของฉันพวกนี้ยังไงมันก็ต้องเกิดตามธรรมชาติตามสัญชาตญาณอยู่แล้วใช่ไหม ไม่ว่าจะตั้งใจคิดหรือไม่ก็ตาม คือถึงแม้ว่าจะคิดจะตั้งใจว่าไม่เอามาเป็นตัวฉันของฉัน แต่จริงๆก็คือหลอกตัวเองใช่ไหมครับเพราะในธาตุแท้ความรู้สึกก็ยังสำคัญมั่นหมายว่าเป็นตัวฉันของฉันอยู่ดี เช่นความสุขเกิดแล้วรู้สึกพอใจมากจะปฏิเสธอย่างไรว่าความสุขนั้นไม่ใช่ของฉัน
ในความเข้าใจผมที่เดาเอา น่าจะยังไม่จำเป็นต้องละอัตตาในขณะนั่งสมาธิใช่หรือเปล่าครับ แต่เอาอัตตาที่ละเอียดกว่าไปข่มอัตตาที่หยาบไปเรื่อยๆ เอาอัตตาที่เป็นกุศลไปข่มอัตตาอกุศลและกาม เอาอัตตาที่เป็นอรูปไปข่มอัตตาที่เป็นรูป แล้วขั้นสุดท้ายถึงค่อยไปละอัตตาขั้นละเอียดคือดับอวิชชาเสีย
นั่งสมาธิในฌาน ยังมีอัตตาอยู่แค่ไหน จะตั้งจิตไว้อย่างไร
อยากทราบว่าควรตั้งจิตไว้อย่างไรในการจัดการกับอัตตาในสมาธิครับ เราจำเป็นต้องละอัตตาในขณะนั่งสมาธิไหม หรือว่าถ้าจะละได้ต้องไปจัดการในขั้นธัมมานุปัสนาสติปัฏฐานเลยทีเดียว
คือฟังคำสอนจากหลายแห่งก็จะพูดคล้ายๆกับว่าให้ละอัตตาในสมาธิไปเลย เช่น กำหนดอารมณ์อะไรอย่าเอาตัวเองเป็นเจ้าของเป็นผู้กำหนด ให้นั่งให้ตัวหาย อย่าสนใจความรู้สึกความต้องการตัวเอง รู้เห็นอะไรสักแต่ว่ารู้เห็นธาตุตามธรรมชาติ คำแนะนำเหล่านี้ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าถ้าทำจริงจะเป็นยังไงครับ
คือในทางปฏิบัติทุกขั้นตอนมันก็ยังมีตัวฉันของฉันอยู่ใช่ไหมครับ เช่น ฉันจะเอาอารมณ์นั้นนี้เป็นวิตกวิจาร วิตกวิจารเกิดแก่ฉันแล้ว ฉันต้องการปีติและความสุข เมื่อไหร่ปีติและสุขจะเกิดแก่ฉันซะที ฉันเสวยปีติและสุขแล้วพอใจนัก ต่อไปฉันจะสลัดความสุขทิ้ง ฉันทิ้งความสุขสำเร็จแล้วฉันดีใจมาก เมื่อไหร่เอกัคคตาจิตจะเกิดแก่ฉัน ฯลฯ คือความรู้สึกว่าเป็นตัวฉันของฉันพวกนี้ยังไงมันก็ต้องเกิดตามธรรมชาติตามสัญชาตญาณอยู่แล้วใช่ไหม ไม่ว่าจะตั้งใจคิดหรือไม่ก็ตาม คือถึงแม้ว่าจะคิดจะตั้งใจว่าไม่เอามาเป็นตัวฉันของฉัน แต่จริงๆก็คือหลอกตัวเองใช่ไหมครับเพราะในธาตุแท้ความรู้สึกก็ยังสำคัญมั่นหมายว่าเป็นตัวฉันของฉันอยู่ดี เช่นความสุขเกิดแล้วรู้สึกพอใจมากจะปฏิเสธอย่างไรว่าความสุขนั้นไม่ใช่ของฉัน
ในความเข้าใจผมที่เดาเอา น่าจะยังไม่จำเป็นต้องละอัตตาในขณะนั่งสมาธิใช่หรือเปล่าครับ แต่เอาอัตตาที่ละเอียดกว่าไปข่มอัตตาที่หยาบไปเรื่อยๆ เอาอัตตาที่เป็นกุศลไปข่มอัตตาอกุศลและกาม เอาอัตตาที่เป็นอรูปไปข่มอัตตาที่เป็นรูป แล้วขั้นสุดท้ายถึงค่อยไปละอัตตาขั้นละเอียดคือดับอวิชชาเสีย