บทที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/41129296
ท้ายความเดิม
ช่างน่าแปลกเหลือเกิน....หลายครั้งผมพูดคุยกับมนุษย์ด้วยกันไม่รู้เรื่องทั้งที่พูดคุยกันด้วยภาษาเดียวกัน แต่กับก้อนน้ำแข็งเราพูดคุยสื่อสารกันอย่างเข้าอกเข้าใจกัน เธอกำลังละลายใกล้หมดแล้ว เธอกำลังจะตายในแบบฉบับของเธอ ผมรู้สึกใจหายวูบ
ไม่นะ.....ผมคร่ำครวญรวดร้าว
เพื่อนแรก รู้จักได้ไม่นาน กำลังจะละลายตายไปต่อหน้าต่อตา มันช่างโหดร้ายกับความรู้สึกเหลือเกิน
.......
“อย่าคิดมากเลยค่ะ” น้ำเสียงของเธอมีแววปลอบประโลม ไม่ได้หวั่นไหวกับความตายที่กำลังมาเยือนเลยแม้แต่น้อย ตายเหรอ... ผมไม่แน่ใจกับคำว่า ‘ตาย’ ว่าจะเหมาะสมจะใช้กับเธอไหม
“รู้จักกันไม่นานแต่เข้าใจกัน ดีกว่ารู้จักกันมานาน แต่ไม่เข้าใจกันเลยนะคะ....บางทีนะคะ เวลาจะสั้นหรือยาว ไม่สำคัญเท่ากับว่าเวลานั้นมีความหมายหรือไม่มีความหมายมากน้อยแค่ไหน เวลาที่ดาวตกส่องสว่างกระชั้นสั้นวูบเดียวแต่สวยงาม สำคัญต่อคำอธิษฐาน เทียบกับความว่างเปล่าไร้ความหมาย ก็ต่างกันนะคะ เอาเป็นว่า...ฉันจะคิดถึงคุณ และอยู่กับคุณจนวินาทีสุดท้าย ก็แล้วกันนะคะ”
“วินาทีสุดท้าย...ไม่นะ...” ผมรู้สึกว่าเสียงตัวเองสั่นเครือ ไม่อยากได้ยินคำนี้ น้ำใสเอ่อปริ่มออกมาตามขอบตาพร่าเลือน นี่ผมกำลังร้องไห้...ให้กับก้อนน้ำแข็งหรืออย่างไร สติ สัมปชัญญะผมยังดีปกติอยู่หรือเปล่า
“คุณต้องเข้มแข็งนะคะ......มีชีวิตอยู่ต่อไป ยิ้มเพื่อสู้ อยู่เพื่อความฝัน ความผูกพันของเราจะไม่จางหาย หากจะอยู่ในใจเราตลอดไปนะคะ”
น้ำเสียงเธอแผ่วเบาลงไปทุกที ก้อนของเธอเล็กลง จนแทบละลายหมดสิ้นแล้ว
น้ำแข็ง เธอเป็นน้ำแข็งที่กำลังละลายตายจาก...จะต้องช่วยเธอไม่ให้ละลายหมด
ห่างออกไปไม่ไกลนักมีซุ้มขายน้ำอัดลมและขนมจิปาถะเล็ก ๆ ที่นั่นมีน้ำแข็ง เป็นความหวังเดียวในตอนนี้ พอคิดได้ผมรีบลุกขึ้นถือถ้วยน้ำแข็งวิ่ งสุดกำลังตรงไปยังซุ้มขายน้ำทันที
และร้องสั่งขอน้ำแข็งแบบกระหืดกระหอบ “น้ำแข็ง ผมขอน้ำแข็ง เอาก้อนเย็น ๆ ที่สุด นะครับ”
คนขายสาวมองหน้าผมอย่างแปลกใจ คงนึกว่าน้ำแข็งมีก้อนเย็นน้อยเย็นมากด้วยเหรอ แต่เงินใบละหนึ่งร้อยบาทยื่นส่งให้เธอและบอกไม่ต้องทอน เธอก็ไม่รีรอซักถามอะไร รีบตักน้ำแข็งใส่ถ้วยขนาดใหญ่ส่งให้
สายไปเสียแล้ว...ผมช้าเกินไป เธอละลายหมดแล้ว
ผมยืนค้างคาน้ำตาไหลพราก ไอซ์ละลายเร็วกว่าที่คิด ทำไมต้องรีบละลายขนาดนั้น ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ การละลายของเธอ ทำให้จิตใจของผมละลายสลายไปด้วย ความเย็นฉ่ำของเธอควรทำให้สดชื่น แต่ความเย็นกลับกลายเป็นความเย็นยะเยียบจับไขสันหลัง มือยังถือถ้วยน้ำแข็งไอซ์แน่นิ่ง แต่หัวใจของผมตกวูบลงไปในหล่มหลุมอันเยือกเย็นและเวิ้งว้างว่างเปล่ามืดมนอนธการ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” คนขายน้ำจ้องหน้าถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นท่าทางราวกับคนสติแตกของลูกค้า
“เธอละลายหมดแล้ว...จบสิ้นหมดแล้ว”
“น้ำแข็งหรือคะ....ถ้วยใหม่ที่ให้ยังเต็มอยู่เลยนี่คะ”
ผมส่ายหน้าไม่ตอบอะไรอีกไม่อยากบอกใครว่าน้ำแข็งพูดได้ ให้ใครรู้ มันฟังดูพิลึกพิสดารเกินไป เดินจากมาอย่างเงียบงัน โลกทั้งโลกเย็นยะเยือก ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไอซ์กลายเป็นน้ำธรรมดา ไหลไปมาในถ้วย ไม่มีเสียงใส ๆ ของเธออีกแล้ว
แน่นอนว่าผมจะไม่เทเธอทิ้ง เพราะต้องการจะนำกลับบ้านไปด้วย บางทีผมอาจเทเธอลงที่กอไม้สักต้น เธออาจทำให้พืชเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี เพราะจิตใจงดงามของเธอ
ระหว่างทางกลับบ้าน ผมเห็นภาพธรรมดาแต่วันนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว เด็ก ๆ กำลังกินน้ำแข็งราดน้ำหวานสีแดงข้างทางเป็นภาพน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก น้ำหวานสีแดงเหมือนสีเลือด เปรอะเปื้อนริมปากลิ้นแลบเลียอย่างน่าสยดสยองกระหายเลือด ภาพผู้ชายกำลังเขี่ยก้อนน้ำแข็งออกจากถ้วยส่งก้อนน้ำแข็งเข้าปาก พลางเคี้ยวกร้วม ๆ แตกสนั่นหวั่นไหวราวเป็นเครื่องบดเนื้อ ท่าทางมูมมามตะกรุมตะกราม โดยมีสีหน้ายิ้มกระหยิ่มอย่างพึงพอใจจนน่าขนลุก
ก็ภาพและเหตุการณ์ธรรมดา
ก็แค่คนกินน้ำแข็ง เพียงแต่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนคนสติแตก ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวสะท้านขวัญ ทำไมไม่บริโภคน้ำแข็งอย่างสำรวมกันบ้าง ทำไมต้องกินน้ำแข็งกันอย่างหยาบคายดุเดือดขนาดนี้ นึกอย่างเศร้าใจแต่ทำอะไรไม่ได้ จะวิ่งไปบอกว่า คุณครับ... กรุณากินน้ำแข็งอย่างให้เกียรติ สุภาพสำรวมหน่อยครับ เขาคงหาว่าผมวิปลาสเป็นแน่แท้
หลายคนในซอยบ้านผมคงแปลกใจ เมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินด้วยสีหน้าท่าทางราวกับเป็นวันสิ้นโลก ในมือประคองถ้วยน้ำอย่างทะนุถนอมแหนหวง ไอซ์ทำให้ผมลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น
ผมกลับมาบ้านได้อย่างปลอดภัย ไม่ทำให้ไอซ์หกเรี่ยราดแม้เพียงหยดเดียว เธอถูกดูแลปกป้องอย่างดีจากการถูกกระทบกระแทก ผมเริ่มมองหาบริเวณให้เธอได้อยู่อย่างสงบสุข ให้เธอซึมซับยังที่อันควรอย่างสุขคติ
ขณะกำลังยืนเคว้งคว้างอยูสนามหญ้าหน้าบ้าน ความคิดบางอย่างพลันพุ่งวูบขึ้นมาอย่างทันทีทันใด เป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่น่ามองข้าม ผมรีบเปิดประตูบ้านกระโจนไปยังห้องครัวทันที
ตู้เย็น...บางทีเธออาจฟื้นคืนชีพได้
เพียงใส่เธอเข้าไปในห้องแช่แข็ง เธอจะแข็งตัวกลับเป็นน้ำแข็งตามเดิม แต่จิตใจของเธอจะกลับมาหรือไม่..นั่นละคือปัญหา
ผมบรรจงเทไอซ์ลงในถ้วยพลาสติก วางลงในช่องแช่แข็ง พร้อมความหวังว่าเธอจะกลับมาอีกครั้ง กลับมาทั้งจิตวิญญาณ ไม่ใช่เฉพาะเป็นก้อนน้ำแข็งธรรมดา
ที่เหลือก็เป็นเรื่องของเวลา ในการพิสูจน์ว่า เธอจะเป็นเพียงก้อนน้ำแข็งธรรมดา หรือเป็นก้อนน้ำแข็งมีชีวิตจิตใจ
ผมเข้านอนด้วยความรู้สึกเหมือนเป็น วิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ ในนิยายของ แมรี เชลลีย์ ที่เขียนไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2360 เพียงแต่ผมไม่ได้ชุบชีวิตสร้างผีดิบ แต่ผมชุบชีวิตน้ำแข็ง ซึ่งเป็นเรื่องพิกลพิสดารชนิดไม่มีใครเคยคิดมาก่อนแน่นอน ได้แต่หวังว่าไอซ์จะไม่กลับมาในสภาพ ผีดิบน้ำแข็ง
“ไอซ์...คุณได้ยินผมไหม...”
ประโยคแรกผมพูดกับก้อนน้ำแข็งที่ ดึงออกมาจากช่องแช่แข็งตั้งแต่ช่วงตีสี่ เวลายาวนานมากพอจะทำให้เธอเป็นน้ำแข็งอย่างสมบูรณ์
คำตอบคือความเงียบ
ความเงียบอันเวิ้งว้างว่างเปล่าเหลือเกิน ไม่เคยคิดว่าการที่ก้อนน้ำแข็งไม่ยอมพูดจากับเรา จะให้ความรู้สึกสะทกสะท้านใจหายแบบนี้
“ได้โปรด...ไอซ์ ได้โปรดพูดกับผม”
คิดดูแล้วก็เป็นสิ่งน่าประหลาดและผิดเพี้ยนเหลือเกิน กับการพยายามพูดกับก้อนน้ำแข็ง มันไม่น่าเป็นไปได้ หรือบางทีเรื่องราวของระหว่างเราจะเป็นเพียงอาการประสาทหลอนเท่านั้น
“คะ....”
เสียงหวานใสดังเต็มโสตประสาท ทำให้ผมกระโดดสุดตัว ร้องลั่นด้วยความดีใจ
“ไอซ์...คุณกลับมาแล้ว”
“ไอซ์กลับมาแล้วค่ะ” น้ำเสียงของเธอบ่งบอกแววแห่งความสบายใจและปลอบประโลม นี่ละเสน่ห์ของเธอ ไอซ์นำพาความเข้มแข็งทางจิตใจได้เสมอ เธอกลับมาแล้วผมไม่ได้คิดฝันไปเอง เธอกลับมาแล้วจริง ๆ ต่อไปนี้ผมจะไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายอีกต่อไป ผมได้เธอกลับมา
เวลาเช้าผมจะไปทำงาน โดยให้เธอนอนพักอย่างสบายในตู้เย็น ตกเย็นผมจะรีบกลับบ้าน นำเธอออกจากช่องแช่แข็ง มานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น ดูทีวี ฟังเพลงด้วยกัน สนทนากันเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ มากมาย ไอซ์ไม่ได้มีอวัยวะรับรู้แบบมนุษย์ แต่เธอก็สามารถรับรู้สื่อสารได้ ตามวิธีของเธอ ซึ่งยากต่อการอธิบาย มันเป็นการดีเพราะถ้าก้อนน้ำแข็งมีตามีปากมีจมูก คงดูพิลึกโลกจนสุดบรรยาย
บางวันเราคุยกันถึงอวกาศ มิติคู่ขนาน ปรัชญาสาขาต่าง ๆ ผมเคยเล่าเกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษและทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์ให้เธอฟัง ไอซ์นิ่งฟังอย่างตั้งใจ และเข้าใจอย่างรวดเร็วทั้งที่คนเล่ายังไม่เข้าใจอะไรมากมาย แต่เธอสามารถคิดต่อยอดไปอย่างรวดเร็ว และสรุปบอกว่า ไอน์สไตน์เป็นคนเก่งแต่ยังรู้ไม่หมด
ไอซ์ชอบฟังเพลงคลาสสิก และเพลงพวกโปรเกรสซีฟ เพราะเธอเข้าถึงเพลงได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเธอได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปเสียแล้ว ไม่อยากจะบอกว่าผมกำลังตกหลุมรักก้อนน้ำแข็ง เพราะมันฟังดูวิปริตหลุดโลกเหลือเกิน แต่ส่วนลึกผมรู้ว่าผมรักเธอมากมายขนาดไหน เป็นความรักใสสะอาดเหมือนหยาดน้ำค้าง รักแสนบริสุทธิ์ประดุจน้ำกลั่นจากปฏิบัติการธรรมชาติ ความรักที่ผู้คนธรรมดาสามัญหลายคนไม่มีวันก้าวถึง
นั่นเอง ทำให้ผมก้าวบรรลุถึงแก่นความรักอีกระดับหนึ่ง ทะลุไร้พรมแดนหรือเส้นกางกั้น แน่นอนว่าผมไม่ได้พูดออกมา เพียงเราสื่อถึงกันด้วยใจและการกระทำ
แต่ในที่สุดงานเลี้ยงก็มีวันเลิกรา เมื่อไอซ์บอกกับผมในเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์วันหนึ่ง หลังจากคบหากันมาสามเดือน
“ไอซ์ต้องจากคุณไปแล้วค่ะ...”
คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนโลกถล่มทลายลง ความรักมีสองด้านเหมือนเราใช้เงิน เราต้องใช้มันทั้งสองด้านที่อยู่ตรงกันข้าม ไม่สามารถใช้เงินเพียงด้านเดียวได้
“คุณจะไปไหน.....”
“ไอซ์หมดอายุขัยแล้ว แต่อย่าเศร้าไปเลยนะคะให้คิดว่าไอซ์อยู่กับคุณเสมอ”
“น้ำแข็งก็หมดอายุขัยเป็นหรือครับ”
“ทุกอย่างย่อมมีวันเวลาช่วงอายุของมันเอง เราหนีความจริงข้อนี้ไม่ได้หรอกค่ะ สรรพสิ่งเป็นไปตามหลักธรรมะไตรลักษณ์ อนิจจา ทุกขตา อนัตตา อย่าเสียใจมากมายเลยนะคะ การหมุนเวียนเปลี่ยนไป เราจะได้พบกันอีกครั้งอย่างแน่นอน ถ้าคุณต้องการ”
เวลาเหมือนหยุดนิ่งลง ผมพยายามฝืนความรู้สึกอย่างลำบากยากเย็น จะต้องไม่หลั่งน้ำตาให้เธอเห็นเด็ดขาด ความจริงผมเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ เวลาเท่ากันแต่ถ้าเป็นเวลาแห่งความสุข มันผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
และถ้าผมรักเธอจริง ต้องปล่อยเธอไป ไม่ใช่เหนี่ยวรั้งเอาไว้ด้วยความต้องการของตัวเอง ผมไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวขนาดนั้น เพราะการยึดติดจะเป็นการทำให้เธอทรมานมากกว่า มีพบ มีจาก เมื่อมีจาก อาจมีพบ
เวลาแห่งการลาจากมาถึง
ในเช้าของวันสดใส วันท้องฟ้าแจ่มกระจ่าง ผมพาเธอมาวางกลางสนามหญ้าในถ้วยสะอาดที่สุด วางบนผ้าเช็ดหน้าผืนนุ่ม พูดคุยกันเป็นครั้งสุดท้าย พลางมองดูเธอละลายทีละน้อย และระเหยกลับกลายเป็นไออย่างรวดเร็ว ราวกับดูดกลืนพลังงานอย่างรีบร้อน
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เราอยู่ด้วยกัน
เมื่อเธอสลายหายไปหมดสิ้นแล้ว ผมจึงเริ่มหลั่งน้ำตา
สักวันเราอาจพบกันอีกเมื่อใจเราตรงกัน ไม่ว่าจะพบกันในสภาพไหนภพไหนผมจะรักเธอเสมอไป ตราบใดที่จิตใจยังเป็นของผม เธอจะแทรกอยู่ในส่วนละเอียดอ่อนลึกซึ้งที่สุดเสมอ
วันเวลาผ่านไป จิตใจของผมสงบลง และนึกถึงคำพูดของเธอ
---อย่าเสียใจมากมายเลยนะคะ การหมุนเวียนเปลี่ยนไป เราจะได้พบกันอีกครั้งอย่างแน่นอน ถ้าคุณต้องการ---
.
..
อย่าดื่มกินฉันเลยนะคะ...ที่รัก...2/2 (จบ)
บทที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/41129296
ท้ายความเดิม
ช่างน่าแปลกเหลือเกิน....หลายครั้งผมพูดคุยกับมนุษย์ด้วยกันไม่รู้เรื่องทั้งที่พูดคุยกันด้วยภาษาเดียวกัน แต่กับก้อนน้ำแข็งเราพูดคุยสื่อสารกันอย่างเข้าอกเข้าใจกัน เธอกำลังละลายใกล้หมดแล้ว เธอกำลังจะตายในแบบฉบับของเธอ ผมรู้สึกใจหายวูบ
ไม่นะ.....ผมคร่ำครวญรวดร้าว
เพื่อนแรก รู้จักได้ไม่นาน กำลังจะละลายตายไปต่อหน้าต่อตา มันช่างโหดร้ายกับความรู้สึกเหลือเกิน
.......
“อย่าคิดมากเลยค่ะ” น้ำเสียงของเธอมีแววปลอบประโลม ไม่ได้หวั่นไหวกับความตายที่กำลังมาเยือนเลยแม้แต่น้อย ตายเหรอ... ผมไม่แน่ใจกับคำว่า ‘ตาย’ ว่าจะเหมาะสมจะใช้กับเธอไหม
“รู้จักกันไม่นานแต่เข้าใจกัน ดีกว่ารู้จักกันมานาน แต่ไม่เข้าใจกันเลยนะคะ....บางทีนะคะ เวลาจะสั้นหรือยาว ไม่สำคัญเท่ากับว่าเวลานั้นมีความหมายหรือไม่มีความหมายมากน้อยแค่ไหน เวลาที่ดาวตกส่องสว่างกระชั้นสั้นวูบเดียวแต่สวยงาม สำคัญต่อคำอธิษฐาน เทียบกับความว่างเปล่าไร้ความหมาย ก็ต่างกันนะคะ เอาเป็นว่า...ฉันจะคิดถึงคุณ และอยู่กับคุณจนวินาทีสุดท้าย ก็แล้วกันนะคะ”
“วินาทีสุดท้าย...ไม่นะ...” ผมรู้สึกว่าเสียงตัวเองสั่นเครือ ไม่อยากได้ยินคำนี้ น้ำใสเอ่อปริ่มออกมาตามขอบตาพร่าเลือน นี่ผมกำลังร้องไห้...ให้กับก้อนน้ำแข็งหรืออย่างไร สติ สัมปชัญญะผมยังดีปกติอยู่หรือเปล่า
“คุณต้องเข้มแข็งนะคะ......มีชีวิตอยู่ต่อไป ยิ้มเพื่อสู้ อยู่เพื่อความฝัน ความผูกพันของเราจะไม่จางหาย หากจะอยู่ในใจเราตลอดไปนะคะ”
น้ำเสียงเธอแผ่วเบาลงไปทุกที ก้อนของเธอเล็กลง จนแทบละลายหมดสิ้นแล้ว
น้ำแข็ง เธอเป็นน้ำแข็งที่กำลังละลายตายจาก...จะต้องช่วยเธอไม่ให้ละลายหมด
ห่างออกไปไม่ไกลนักมีซุ้มขายน้ำอัดลมและขนมจิปาถะเล็ก ๆ ที่นั่นมีน้ำแข็ง เป็นความหวังเดียวในตอนนี้ พอคิดได้ผมรีบลุกขึ้นถือถ้วยน้ำแข็งวิ่ งสุดกำลังตรงไปยังซุ้มขายน้ำทันที
และร้องสั่งขอน้ำแข็งแบบกระหืดกระหอบ “น้ำแข็ง ผมขอน้ำแข็ง เอาก้อนเย็น ๆ ที่สุด นะครับ”
คนขายสาวมองหน้าผมอย่างแปลกใจ คงนึกว่าน้ำแข็งมีก้อนเย็นน้อยเย็นมากด้วยเหรอ แต่เงินใบละหนึ่งร้อยบาทยื่นส่งให้เธอและบอกไม่ต้องทอน เธอก็ไม่รีรอซักถามอะไร รีบตักน้ำแข็งใส่ถ้วยขนาดใหญ่ส่งให้
สายไปเสียแล้ว...ผมช้าเกินไป เธอละลายหมดแล้ว
ผมยืนค้างคาน้ำตาไหลพราก ไอซ์ละลายเร็วกว่าที่คิด ทำไมต้องรีบละลายขนาดนั้น ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ การละลายของเธอ ทำให้จิตใจของผมละลายสลายไปด้วย ความเย็นฉ่ำของเธอควรทำให้สดชื่น แต่ความเย็นกลับกลายเป็นความเย็นยะเยียบจับไขสันหลัง มือยังถือถ้วยน้ำแข็งไอซ์แน่นิ่ง แต่หัวใจของผมตกวูบลงไปในหล่มหลุมอันเยือกเย็นและเวิ้งว้างว่างเปล่ามืดมนอนธการ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” คนขายน้ำจ้องหน้าถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นท่าทางราวกับคนสติแตกของลูกค้า
“เธอละลายหมดแล้ว...จบสิ้นหมดแล้ว”
“น้ำแข็งหรือคะ....ถ้วยใหม่ที่ให้ยังเต็มอยู่เลยนี่คะ”
ผมส่ายหน้าไม่ตอบอะไรอีกไม่อยากบอกใครว่าน้ำแข็งพูดได้ ให้ใครรู้ มันฟังดูพิลึกพิสดารเกินไป เดินจากมาอย่างเงียบงัน โลกทั้งโลกเย็นยะเยือก ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไอซ์กลายเป็นน้ำธรรมดา ไหลไปมาในถ้วย ไม่มีเสียงใส ๆ ของเธออีกแล้ว
แน่นอนว่าผมจะไม่เทเธอทิ้ง เพราะต้องการจะนำกลับบ้านไปด้วย บางทีผมอาจเทเธอลงที่กอไม้สักต้น เธออาจทำให้พืชเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี เพราะจิตใจงดงามของเธอ
ระหว่างทางกลับบ้าน ผมเห็นภาพธรรมดาแต่วันนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว เด็ก ๆ กำลังกินน้ำแข็งราดน้ำหวานสีแดงข้างทางเป็นภาพน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก น้ำหวานสีแดงเหมือนสีเลือด เปรอะเปื้อนริมปากลิ้นแลบเลียอย่างน่าสยดสยองกระหายเลือด ภาพผู้ชายกำลังเขี่ยก้อนน้ำแข็งออกจากถ้วยส่งก้อนน้ำแข็งเข้าปาก พลางเคี้ยวกร้วม ๆ แตกสนั่นหวั่นไหวราวเป็นเครื่องบดเนื้อ ท่าทางมูมมามตะกรุมตะกราม โดยมีสีหน้ายิ้มกระหยิ่มอย่างพึงพอใจจนน่าขนลุก
ก็ภาพและเหตุการณ์ธรรมดา
ก็แค่คนกินน้ำแข็ง เพียงแต่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนคนสติแตก ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวสะท้านขวัญ ทำไมไม่บริโภคน้ำแข็งอย่างสำรวมกันบ้าง ทำไมต้องกินน้ำแข็งกันอย่างหยาบคายดุเดือดขนาดนี้ นึกอย่างเศร้าใจแต่ทำอะไรไม่ได้ จะวิ่งไปบอกว่า คุณครับ... กรุณากินน้ำแข็งอย่างให้เกียรติ สุภาพสำรวมหน่อยครับ เขาคงหาว่าผมวิปลาสเป็นแน่แท้
หลายคนในซอยบ้านผมคงแปลกใจ เมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินด้วยสีหน้าท่าทางราวกับเป็นวันสิ้นโลก ในมือประคองถ้วยน้ำอย่างทะนุถนอมแหนหวง ไอซ์ทำให้ผมลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น
ผมกลับมาบ้านได้อย่างปลอดภัย ไม่ทำให้ไอซ์หกเรี่ยราดแม้เพียงหยดเดียว เธอถูกดูแลปกป้องอย่างดีจากการถูกกระทบกระแทก ผมเริ่มมองหาบริเวณให้เธอได้อยู่อย่างสงบสุข ให้เธอซึมซับยังที่อันควรอย่างสุขคติ
ขณะกำลังยืนเคว้งคว้างอยูสนามหญ้าหน้าบ้าน ความคิดบางอย่างพลันพุ่งวูบขึ้นมาอย่างทันทีทันใด เป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่น่ามองข้าม ผมรีบเปิดประตูบ้านกระโจนไปยังห้องครัวทันที
ตู้เย็น...บางทีเธออาจฟื้นคืนชีพได้
เพียงใส่เธอเข้าไปในห้องแช่แข็ง เธอจะแข็งตัวกลับเป็นน้ำแข็งตามเดิม แต่จิตใจของเธอจะกลับมาหรือไม่..นั่นละคือปัญหา
ผมบรรจงเทไอซ์ลงในถ้วยพลาสติก วางลงในช่องแช่แข็ง พร้อมความหวังว่าเธอจะกลับมาอีกครั้ง กลับมาทั้งจิตวิญญาณ ไม่ใช่เฉพาะเป็นก้อนน้ำแข็งธรรมดา
ที่เหลือก็เป็นเรื่องของเวลา ในการพิสูจน์ว่า เธอจะเป็นเพียงก้อนน้ำแข็งธรรมดา หรือเป็นก้อนน้ำแข็งมีชีวิตจิตใจ
ผมเข้านอนด้วยความรู้สึกเหมือนเป็น วิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ ในนิยายของ แมรี เชลลีย์ ที่เขียนไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2360 เพียงแต่ผมไม่ได้ชุบชีวิตสร้างผีดิบ แต่ผมชุบชีวิตน้ำแข็ง ซึ่งเป็นเรื่องพิกลพิสดารชนิดไม่มีใครเคยคิดมาก่อนแน่นอน ได้แต่หวังว่าไอซ์จะไม่กลับมาในสภาพ ผีดิบน้ำแข็ง
“ไอซ์...คุณได้ยินผมไหม...”
ประโยคแรกผมพูดกับก้อนน้ำแข็งที่ ดึงออกมาจากช่องแช่แข็งตั้งแต่ช่วงตีสี่ เวลายาวนานมากพอจะทำให้เธอเป็นน้ำแข็งอย่างสมบูรณ์
คำตอบคือความเงียบ
ความเงียบอันเวิ้งว้างว่างเปล่าเหลือเกิน ไม่เคยคิดว่าการที่ก้อนน้ำแข็งไม่ยอมพูดจากับเรา จะให้ความรู้สึกสะทกสะท้านใจหายแบบนี้
“ได้โปรด...ไอซ์ ได้โปรดพูดกับผม”
คิดดูแล้วก็เป็นสิ่งน่าประหลาดและผิดเพี้ยนเหลือเกิน กับการพยายามพูดกับก้อนน้ำแข็ง มันไม่น่าเป็นไปได้ หรือบางทีเรื่องราวของระหว่างเราจะเป็นเพียงอาการประสาทหลอนเท่านั้น
“คะ....”
เสียงหวานใสดังเต็มโสตประสาท ทำให้ผมกระโดดสุดตัว ร้องลั่นด้วยความดีใจ
“ไอซ์...คุณกลับมาแล้ว”
“ไอซ์กลับมาแล้วค่ะ” น้ำเสียงของเธอบ่งบอกแววแห่งความสบายใจและปลอบประโลม นี่ละเสน่ห์ของเธอ ไอซ์นำพาความเข้มแข็งทางจิตใจได้เสมอ เธอกลับมาแล้วผมไม่ได้คิดฝันไปเอง เธอกลับมาแล้วจริง ๆ ต่อไปนี้ผมจะไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายอีกต่อไป ผมได้เธอกลับมา
เวลาเช้าผมจะไปทำงาน โดยให้เธอนอนพักอย่างสบายในตู้เย็น ตกเย็นผมจะรีบกลับบ้าน นำเธอออกจากช่องแช่แข็ง มานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น ดูทีวี ฟังเพลงด้วยกัน สนทนากันเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ มากมาย ไอซ์ไม่ได้มีอวัยวะรับรู้แบบมนุษย์ แต่เธอก็สามารถรับรู้สื่อสารได้ ตามวิธีของเธอ ซึ่งยากต่อการอธิบาย มันเป็นการดีเพราะถ้าก้อนน้ำแข็งมีตามีปากมีจมูก คงดูพิลึกโลกจนสุดบรรยาย
บางวันเราคุยกันถึงอวกาศ มิติคู่ขนาน ปรัชญาสาขาต่าง ๆ ผมเคยเล่าเกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษและทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์ให้เธอฟัง ไอซ์นิ่งฟังอย่างตั้งใจ และเข้าใจอย่างรวดเร็วทั้งที่คนเล่ายังไม่เข้าใจอะไรมากมาย แต่เธอสามารถคิดต่อยอดไปอย่างรวดเร็ว และสรุปบอกว่า ไอน์สไตน์เป็นคนเก่งแต่ยังรู้ไม่หมด
ไอซ์ชอบฟังเพลงคลาสสิก และเพลงพวกโปรเกรสซีฟ เพราะเธอเข้าถึงเพลงได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเธอได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปเสียแล้ว ไม่อยากจะบอกว่าผมกำลังตกหลุมรักก้อนน้ำแข็ง เพราะมันฟังดูวิปริตหลุดโลกเหลือเกิน แต่ส่วนลึกผมรู้ว่าผมรักเธอมากมายขนาดไหน เป็นความรักใสสะอาดเหมือนหยาดน้ำค้าง รักแสนบริสุทธิ์ประดุจน้ำกลั่นจากปฏิบัติการธรรมชาติ ความรักที่ผู้คนธรรมดาสามัญหลายคนไม่มีวันก้าวถึง
นั่นเอง ทำให้ผมก้าวบรรลุถึงแก่นความรักอีกระดับหนึ่ง ทะลุไร้พรมแดนหรือเส้นกางกั้น แน่นอนว่าผมไม่ได้พูดออกมา เพียงเราสื่อถึงกันด้วยใจและการกระทำ
แต่ในที่สุดงานเลี้ยงก็มีวันเลิกรา เมื่อไอซ์บอกกับผมในเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์วันหนึ่ง หลังจากคบหากันมาสามเดือน
“ไอซ์ต้องจากคุณไปแล้วค่ะ...”
คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนโลกถล่มทลายลง ความรักมีสองด้านเหมือนเราใช้เงิน เราต้องใช้มันทั้งสองด้านที่อยู่ตรงกันข้าม ไม่สามารถใช้เงินเพียงด้านเดียวได้
“คุณจะไปไหน.....”
“ไอซ์หมดอายุขัยแล้ว แต่อย่าเศร้าไปเลยนะคะให้คิดว่าไอซ์อยู่กับคุณเสมอ”
“น้ำแข็งก็หมดอายุขัยเป็นหรือครับ”
“ทุกอย่างย่อมมีวันเวลาช่วงอายุของมันเอง เราหนีความจริงข้อนี้ไม่ได้หรอกค่ะ สรรพสิ่งเป็นไปตามหลักธรรมะไตรลักษณ์ อนิจจา ทุกขตา อนัตตา อย่าเสียใจมากมายเลยนะคะ การหมุนเวียนเปลี่ยนไป เราจะได้พบกันอีกครั้งอย่างแน่นอน ถ้าคุณต้องการ”
เวลาเหมือนหยุดนิ่งลง ผมพยายามฝืนความรู้สึกอย่างลำบากยากเย็น จะต้องไม่หลั่งน้ำตาให้เธอเห็นเด็ดขาด ความจริงผมเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ เวลาเท่ากันแต่ถ้าเป็นเวลาแห่งความสุข มันผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
และถ้าผมรักเธอจริง ต้องปล่อยเธอไป ไม่ใช่เหนี่ยวรั้งเอาไว้ด้วยความต้องการของตัวเอง ผมไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวขนาดนั้น เพราะการยึดติดจะเป็นการทำให้เธอทรมานมากกว่า มีพบ มีจาก เมื่อมีจาก อาจมีพบ
เวลาแห่งการลาจากมาถึง
ในเช้าของวันสดใส วันท้องฟ้าแจ่มกระจ่าง ผมพาเธอมาวางกลางสนามหญ้าในถ้วยสะอาดที่สุด วางบนผ้าเช็ดหน้าผืนนุ่ม พูดคุยกันเป็นครั้งสุดท้าย พลางมองดูเธอละลายทีละน้อย และระเหยกลับกลายเป็นไออย่างรวดเร็ว ราวกับดูดกลืนพลังงานอย่างรีบร้อน
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เราอยู่ด้วยกัน
เมื่อเธอสลายหายไปหมดสิ้นแล้ว ผมจึงเริ่มหลั่งน้ำตา
สักวันเราอาจพบกันอีกเมื่อใจเราตรงกัน ไม่ว่าจะพบกันในสภาพไหนภพไหนผมจะรักเธอเสมอไป ตราบใดที่จิตใจยังเป็นของผม เธอจะแทรกอยู่ในส่วนละเอียดอ่อนลึกซึ้งที่สุดเสมอ
วันเวลาผ่านไป จิตใจของผมสงบลง และนึกถึงคำพูดของเธอ
---อย่าเสียใจมากมายเลยนะคะ การหมุนเวียนเปลี่ยนไป เราจะได้พบกันอีกครั้งอย่างแน่นอน ถ้าคุณต้องการ---
.
..