ใครเป็นผู้คิดค้นไอศกรีม? ไอศกรีมแต่ละประเทศที่น่ากิน และนิทานอาร์ตี้และอิลกับไอศกรีม

การค้นหาผู้คิดค้นไอศกรีมที่แท้จริงนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวที่หลากหลาย บางแหล่งข้อมูลระบุว่าไอศกรีมถูกคิดค้นขึ้นในตะวันออกไกลและนำเข้ามาในยุโรปโดย มาร์โค โปโล  (Marco Polo) ในขณะที่บางแห่งอ้างว่า แคทเธอรีน เดอ เมดิชิ (Catherine de Medici ราชินีแห่งยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา) เป็นผู้แนะนำไอศกรีมในฝรั่งเศส

อย่างไรก็ตาม การอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ รวมถึงในคัมภีร์ไบเบิล กล่าวถึงการเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มเย็นๆ โดยบุคคลสำคัญ เช่น กษัตริย์โซโลมอน อเล็กซานเดอร์มหาราช และนีโร แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลที่ยาวนานของมนุษย์ที่มีต่อของหวานเย็นๆ

จากราชวงศ์ถังสู่ไอศกรีมปัจจุบัน..
การเดินทางของไอศกรีมแห่งแรกที่เรารู้จักในปัจจุบันเริ่มต้นในราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) ประเทศจีน จักรพรรดิในยุคนั้นชื่นชอบขนมนมแช่แข็งที่ทำจากนมวัว นมควาย หรือนมแพะ ผสมกับแป้งและการบูรเพื่อเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัส ไอศกรีมในยุคแรกๆ เหล่านี้ถูกแช่แข็งในท่อโลหะและเก็บไว้ในแอ่งน้ำแข็ง ทำให้เกิดประเพณีการกินไอศกรีมที่แสนประณีต

ยุคกลางและการพัฒนาเชอร์เบต..
เมื่อประเพณีของหวานเย็นพัฒนาไป ยุคกลางก็เกิดการถือกำเนิดของ เชอร์เบต (sharabt ในภาษาอาหรับ) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของไอศกรีมซันเดย์ ชาวอาหรับชื่นชอบเชอร์เบตที่ปรุงรสด้วยผลไม้ เช่น มะตูม ทับทิม หรือเชอร์รี อาหารอันน่ารื่นรมย์นี้ดึงดูดใจชนชั้นสูงในยุโรป ต่อมาเชฟชาวอิตาลีและฝรั่งเศสได้ปรับปรุงวิธีการปรุงไอศกรีมให้ดียิ่งขึ้น

.
ก่อนที่จะมีคำว่า "ไอศกรีม" อารยธรรมโบราณก็ได้เพลิดเพลินกับของหวานแช่แข็งอยู่แล้ว กษัตริย์โซโลมอนเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มเย็นๆ ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว อเล็กซานเดอร์มหาราชชอบเครื่องดื่มเย็นที่มีรสชาติของไวน์หรือน้ำผึ้ง จักรพรรดินีโรในกรุงโรมใช้หิมะจากภูเขาในการทำเครื่องดื่มผสมน้ำแข็ง

ขนมหวานเปอร์เซียและเชอร์เบทของตุรกี..
ตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาล ชาวเปอร์เซียได้คิดค้นวิธีการเก็บน้ำแข็งที่ซับซ้อนในห้องใต้ดินขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "yakhchāls" พวกเขาสร้างไอศกรีมต้นแบบที่เรียกว่า "faloodeh" ซึ่งเป็นขนมที่ทำจากน้ำกุหลาบ เส้นหมี่ และน้ำแข็ง ขณะเดียวกัน จักรวรรดิออตโตมันพัฒนาเชอร์เบท (หรือชาร์บัต) ซึ่งเป็นเครื่องดื่มหวานที่ทำจากน้ำผลไม้ น้ำ และสารให้ความหวาน มักจะทำให้เย็นลงด้วยหิมะหรือน้ำแข็ง

ในช่วงราชวงศ์ถัง ชาวจีนพัฒนาวิธีการแช่แข็งผลิตภัณฑ์นมโดยใช้ส่วนผสมของเกลือและน้ำแข็ง พวกเขาสร้างขนมนมแช่แข็งที่ทำจากนมวัว นมแพะ หรือนมควายผสมกับแป้งและปรุงรสด้วยการบูร การเปลี่ยนเครื่องดื่มเย็นเป็นของหวานเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 17 อันโตนิโอ ลาตินี (Antonio Latini) คิดค้นสูตรเชอร์เบต และแนะนำเชอร์เบตที่ทำจากนม ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานสำหรับไอศกรีมสมัยใหม่

ไอศกรีมอิตาลีและอเมริกา..
อิตาลีมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาไอศกรีม เจลาโต ซึ่งเป็นไอศกรีมซอร์เบต์ที่เนียนนุ่มและเข้มข้นกว่าได้แพร่กระจายไปทั่วทวีปยุโรป ในศตวรรษที่ 18 ไอศกรีมถูกนำมาเผยแพร่ในอเมริกาโดยผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรป ความรักที่ชาวอเมริกันมีต่อไอศกรีมเริ่มต้นขึ้นจากการเปิดร้านไอศกรีมในนิวยอร์กในปี 1790 บุคคลสำคัญต่างๆ เช่น จอร์จ วอชิงตัน โทมัส เจฟเฟอร์สัน และอับราฮัม ลินคอล์น เป็นที่รู้จักว่าชื่นชอบไอศกรีม ประเพณีการเสิร์ฟไอศกรีมในงานสังสรรค์ทางสังคมแสดงให้เห็นถึงบทบาทของขนมหวานนี้ในสังคมอเมริกัน

.
นวัตกรรมและการแพร่กระจาย..
การเปิดตัวไอศกรีมโคนในงาน World’s Fair ปี 1904 ที่เมืองเซนต์หลุยส์ได้ปฏิวัติรูปแบบการรับประทานไอศกรีม ทำให้ไอศกรีมโคนเป็นขนมที่พกพาสะดวกและสะดวกสบาย การคิดค้นไอศกรีมโซดาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ได้เพิ่มรสชาติซ่าให้กับไอศกรีม และปูพื้นฐานให้กับไอศกรีมซันเดย์ ซึ่งเป็นเมนูไอศกรีมที่ทุกคนชื่นชอบ ในศตวรรษที่ 20 ได้มีการนำไอศกรีมแบบซอฟต์เซิร์ฟมาใช้ ซึ่งเป็นไอศกรีมที่เบากว่าและสามารถเสิร์ฟจากเครื่องได้ง่าย

ตลอดประวัติศาสตร์ของไอศกรีม ตั้งแต่สระน้ำแข็งโบราณไปจนถึงร้านไอศกรีมสมัยใหม่ วิวัฒนาการของไอศกรีมนั้นโดดเด่นด้วยการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และนวัตกรรมการทำอาหาร ทำให้มันกลายเป็นขนมที่ได้รับความนิยมและชื่นชอบทั่วโลก

อีกหนึ่งวันของปี..วันไอศกรีมแห่งชาติ (อเมริกา) 13 ธันวาคม  National Ice Cream Day

วันไอศกรีมที่ประกาศโดยประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน
จะตรงกับวันอาทิตย์ที่สามของเดือนกรกฎาคม
แต่ยังมีการยกให้วันที่ 13 ธันวาคม เป็นวันไอศกรีมอีกหนึ่งวัน
ยังไม่พบข้อมูลถึงที่มาในวันนี้ แต่สงสัยว่า
อาจมาจากงานเลี้ยงไอศกรีมในโรงเรียนท้องถิ่นบางแห่งของสหรัฐอเมริก
และได้รับการยอมรับในอีกหลายโรงเรียนของระดับประเทศว่าเป็นวันพิเศษอีกหนึ่งวัน



นิทาน: อาร์ตี้และอิลกับไอศกรีม

กาลครั้งหนึ่ง ณ เมืองแห่งไอศกรีม ที่ทุกแห่งหนทำด้วยไอศกรีม เมืองที่ผู้คนชื่นชอบในการทำไอศกรีมเป็นอย่างมาก และความสุขของผู้คนในเมือง คือการได้ทำไอศกรีมที่ทำให้ทุกคนกินแล้วมีความสุขกับของหวานเย็นๆ ชื่นใจ

อาร์ตี้ เด็กหญิงผู้รักการทำไอศกรีมเป็นอย่างมาก เธอมักจะทดลองรสชาติไอศกรีมใหม่ๆ อยู่เป็นประจำ และเมื่อเธอทำไอศกรีมเสร็จทุกครั้ง ก็จะนำมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ ของเธออยู่เสมอ

แต่แล้ว!
มีอยู่วันนึง อาร์ตี้ได้ทำไอศกรีมที่มีรสชาติอันแสนพิเศษ ที่เธอเพิ่งได้คิดค้นขึ้นมาใหม่ เมื่อเธอทำเสร็จแล้ว ก็รีบนำไปแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ ได้ลองชิม แต่ครั้งนี้กับไม่มีใครกล้าชิมไอศกรีมนี้เลย

อาร์ตี้รู้สึกแปลกใจว่าทำไมเพื่อนๆ ของเธอจึงไม่ชิมไอศกรีมที่เธอทำนี้ และรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ในความคิดของเธอนั้น คิดว่าบางทีเธออาจไม่ใช่คนทำไอศกรีมที่เก่ง ทำให้เพื่อนๆ ถึงไม่อยากชิมไอศกรีมของเธออีก

อาร์ตี้ เดินกลับบ้านด้วยความเสียใจ ระหว่างทางผ่านสวนไอศกรีม ก็ได้เห็น อิล ซึ่งกำลังนั่งเศร้าอยู่ในสวน อาร์ตี้จึงเดินเข้าไปถาม

"เป็นอะไรหรออิล"

อิลตอบกลับด้วยสีหน้าเศร้าว่า
"ฉันพยายามทำไอศกรีมรสชาติใหม่ออกมา แต่กลับไม่มีใครกล้าลอมชิม"

อาร์ตี้ได้ฟังที่อิลบอก จึงคิดขึ้นมาได้ และบอกกับอิลว่า
"อิล เรามาทำไอศกรีมรสใหม่ด้วยกันไหม"

อิล มองไปที่อาร์ตี้และตอบกลับว่า "ได้" พร้อมรอยยิ้มขอบคุณอาร์ตี้ ที่ชวนทำไอศกรีมด้วยกัน

พวกเขาเริ่มมองหาวัตถุดิบจากสวนไอศกรีมแห่งนี้ เพื่อสร้างไอศกรีมรสชาติใหม่ เช่น ต้นวานิลลา ผลสตรอว์เบอร์รีสด ช็อกโกแลต น้ำผึ้ง ทั้งสองรู้สึกตื่นเต้น และสนุกกับการทำงานร่วมกัน

เมื่อได้วัตถุดิบแล้ว อาร์ตี้ก็ชวนอิลมาที่บ้าน แล้วรีบตรงไปที่ห้องครัวในการทำไอศกรีม

ทั้งสองได้นำวัตถุดิบมาผสมกัน ทดลองทำอยู่หลายครั้ง ช่วยกันชิม และปรับรสชาติของไอศกรีม จนได้ไอศกรีมรสชาติใหม่อันแสนพิเศษออกมา

ทั้งอาร์ตี้ และอิล รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกัน

เมื่อได้ไอศกรีมรสใหม่แล้ว พวกเขาตัดสินใจที่จะนำไปให้เพื่อนๆ ชิมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้บอกว่าเป็นไอศกรีมรสชาติใหม่ แต่พวกเขาบอกแค่ว่า เป็นไอศกรีมที่ทำด้วยกัน เพราะต้องการให้ทุกคนรู้สึกถึงความรัก และความพยายามที่ใส่ลงไปในไอศกรีมนี้

เมื่อเพื่อนๆ ได้ฟังแล้ว จึงลองชิมไอศกรีม ทุกคนต่างชื่นชอบรสชาตินี้ และต้องการรู้ว่ามีอะไรเป็นพิเศษ อาร์ตี้และอิล ได้บอกไปว่า ความลับของไอศกรีมรสอร่อยนี้ คือ "การทำงานร่วมกัน และการแบ่งปันให้กันในสิ่งที่ทำ"

.
ข้อคิดจากนิทาน..
ความร่วมมือและการแบ่งปันทำให้สิ่งที่เราทำมีคุณค่าและเป็นที่ยอมรับ ไม่ว่าตัวเราเองจะมีฝีมือ หรือความสามารถมากแค่ไหนก็ตาม  แต่การทำงานร่วมกับผู้อื่นและแบ่งปันความคิดและความพยายามจะทำให้สิ่งที่ทำมีความหมายมากยิ่งขึ้น

😊



.
มาดูไอศกรีมของแต่ละประเทศที่อาจไม่ค่อยได้เห็นกัน ว่าจะหน้าตาจะน่ากินน่าอร่อยขนาดไหน

1. ลักริทไซไอศกรีม (Licorice Ice Cream) ฟินแลนด์  
ไอศกรีมรสลักริทซ์ที่มีเอกลักษณ์ด้วยรสชาติหวานและเค็มเล็กน้อย ซึ่งเป็นรสชาติที่ชาวฟินแลนด์นิยม

2. ไอศกรีมบราวน์ชีส (Brown Cheese Ice Cream) นอร์เวย์
ไอศกรีมที่ผสมบราวน์ชีส หรือ “Gjetost” ของนอร์เวย์ มีรสชาติหวานมันและเค็มเล็กน้อย

3. กุลฟี (Kulfi) อินเดีย
ไอศกรีมสไตล์อินเดียที่มีความเข้มข้นและเนื้อแน่นเพราะใช้นมที่เคี่ยวจนข้น รสชาติยอดนิยมคือพิสตาชิโอ มะม่วง และกระวาน

4. ฮาโลฮาโล Halo-Halo ฟิลิปปินส์
เสิร์ฟในถ้วยใหญ่พร้อมส่วนผสมหลากหลาย เช่น เผือก ลูกชิด เจลลี่ และนม

5. ดอนดูร์มา (Dondurma) ตุรกี
ไอศกรีมตุรกีที่มีลักษณะเหนียวหนึบและไม่ละลายง่าย เพราะใช้สารธรรมชาติอย่างมาสติกและแป้งซาเลป

6. เอสพอตง (Es Puter) อินโดนีเซีย
ไอศกรีมแบบดั้งเดิมที่ทำจากกะทิแทนนม นิยมใส่รสมะพร้าว ทุเรียน หรือกล้วย และเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียว

7. ไอศกรีมงาดำ (Black Sesame Ice Cream) จีน
ไอศกรีมสไตล์จีนที่เน้นรสชาติจากวัตถุดิบอย่าง งาดำ

8. แอคายโบวล์ (Açaí Bowl) บราซิล
ทำจากแอคายเบอร์รีปั่นผสมกับน้ำแข็ง คล้ายไอศกรีม เสิร์ฟพร้อมท็อปปิ้ง กราโนล่า หรือผลไม้สด



.
หลายคนอาจจะชอบ เจลาโต้ ของอิตาลี บิงชูของเกาหลี โมจิไอศกรีม ของญี่ปุ่น ไอศกรีมเซอร์เบต์ ของฝรั่งเศส แต่ยังมีไอศกรีมรสชาติใหม่ๆ แปลกๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ ถ้ามีโอกาศได้เจอลองชิมแล้วมาแบ่งปันร้านและสถานที่กันได้นะครับผม

ปล. ไอศกรีมกะทิใส่ถั่วลิสงของไทย อันดับหนึ่งในใจเสมอครับผม

.
ขอขอบคุณข้อมูล
: nationaltoday
: wikipedia
: tasteatlas
: historycooperative .org
: history
: pinterest
นามปากกานิทาน: YiiYee
.
LookAt
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่