JJNY : ใช้จ่าย‘ลอยกระทง’ต่ำสุดรอบ12ปี│ขีดเส้น1ธ.ค.ตรึงราคาน้ำมัน│ยะลาครวญหนัก‘หมู’แพงสุดรอบ10ปี!│MK ไตรมาส3 ขาดทุน 257ล.

ใช้จ่าย ‘วันลอยกระทง’ ไม่หวือหวา แค่ 9 พันล้าน ต่ำสุดรอบ 12ปี เหตุวิตกโควิดรอบใหม่-เงินในกระเป๋าฝืด
https://www.matichon.co.th/economy/news_3043955
  
 
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายวันลอยกระทง ตรงกับวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 สำรวจช่วงวันที่ 8-12 พฤศจิกายน จำนวน 1,240 คนทั่วประเทศ พบว่า ประชาชนคาดบรรยากาศลอยกระทงปีนี้จะคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา แต่ส่วนใหญ่กว่า 80 % ระบุใช้จ่ายลดลงถึงเท่าเดิม เน้นใช้จ่ายระมัดระวังเพราะยังกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิดและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เริ่มมองถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยช้าไปอีก จากเดิมไตรมาส 2/2565 เป็นครึ่งปีหลัง 2565 และครึ่งแรกปี 2566 ส่วนที่มองว่าบรรยากาศลอยกระทงจะสนุกสนานกว่าครึ่งในวัยเจนแซดและเจนวาย
 
“จากสำรวจคนตอบมีแผนไปลอยกระทงเพิ่มขึ้นเป็น 56.2% จากปีก่อนตัวเลขอยู่ที่ 49.7% แต่ยังระวังใช้จ่าย สะท้อนกำลังซื้อตามเทศกาลยังไม่กลับมามากนัก ประเมินว่าใช้จ่ายลอยกระทงปีนี้มีมูลค่า 9,147 ล้านบาท ติดลบ 3% ในแง่มูลค่าต่ำสุดในรอบ 10 ปีนับจากปี 2554 ที่เจอวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ และหากเว้นปี2554 ก็ยังมีมูลค่าต่ำสุดรอบ 12 ปี แง่อัตราขยายตัว เป็นการติดลบต่อเนื่อง 4 ปี และเป็นอัตราต่ำสุดรอบ 5 ปี” นายธนวรรธน์ กล่าว
 
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า จากผลสำรวจสะท้อนว่าคนมองเศรษฐกิจปัจจุบันไม่ดีนัก เป็นเรื่องที่รัฐต้องออกมาตรการกระตุ้นใช้จ่ายในช่วงส่งท้ายปีนี้ต่อเนื่องต้นปี 2565 เพื่อเป็นแรงส่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยขณะนี้ภาคเอกชนสนับสนุนให้รัฐบาลฟื้นโครงการช้อปดีมีคืนในการลดหย่อนภาษีจากการใช้จ่าย จะเติมเงินสะพัดในเศรษฐกิจอีก 3-5 หมื่นล้านบาท รวมถึงเติมเงินอีก 1,500 บาทต่อคนในโครงการคนละครึ่ง เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ส่วนนี้จะเพิ่มเงินในระบบอีก 9 หมื่นล้านบาท และตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท เพื่อลดแรงกดดันต่อการใช้จ่ายเดินทางและสินค้าปรับราคาก่อนปีใหม่
 
ทั้งนี้ ประเมินว่าเศรษฐกิจปี 2564 ขยายตัว 1.0-1.5% และปี 2565 ขยายตัว 4-5% บนปัจจัยรัฐออกมาตรการเพิ่มแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ ตรึงราคาน้ำมัน เร่งปล่อยซอฟต์โลนให้เอสเอ็มอี เร่งฉีดวัคซีนให้ครบ100% ปรับเงื่อนไขการลงทุนจูงใจ
   

 
สิงห์รถบรรทุก ขีดเส้น 1 ธ.ค. ต้องตรึงราคาน้ำมัน ลั่นพร้อมยกระดับชุมนุม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6734458

สิงห์รถบรรทุกยื่นหนังสือก.พลังงาน ต้องตรึงราคาน้ำมันลิตรละ 25 บาท ขีดเส้นตาย 1 ธ.ค. พร้อมยกระดับยกโมเดลเยอรมัน ถอดกุญแจรถ จอดทิ้ง
  
วันที่ 16 พ.ย.2564 ที่หน้ากระทรวงพลังงาน นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยพร้อมผู้ชุมนุมรถบรรทุกที่เดินทางมาจากทั่วทุกภาคเข้ากรุงเทพฯ ได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องถึงนายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง โดยให้ตรึงราคาน้ำมันอยู่ที่ลิตรละ 25 บาท
 
นายอภิชาติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา สมาพันธ์ฯ ได้จัดกิจกรรมทรัคเพาเวอร์ ในพื้นที่ปริมณฑล แต่เราสะท้อนไม่มากพอ จึงต้องมากระทรวงพลังงานอีกครั้ง และยืนยันว่าหากรัฐบาลไม่เปิดโต๊ะเจรจาภายในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ก็จำเป็นจะต้องนำโมเดลการประท้วงของเยอรมนีมาใช้ โดยจะจอดรถทิ้งกุญแจไว้ ใครจะลากก็เอาไปเลย และจะเติมน้ำมันครั้งละ 20 ลิตรเดินทางเข้ามาจากต่างจังหวัด หมดตรงไหนเติมตรงนั้น ยืนยันว่าต้องให้น้ำมันราคาลิตรละ 25 บาท
 
“ขอรัฐบาลอย่ามองข้าม เพราะเราให้เวลา 1 เดือนก็ยังไม่มีคำตอบจากรัฐ หากทำไม่ได้ก็ขอให้ผู้มีความสามารถขึ้นมาบริหารแทน ไม่เช่นนั้นก็จะต้องยกระดับมากขึ้นเรื่อยๆ”
 
ด้านนายสมบูรณ์ กล่าวว่า หลังรับหนังสือก็จะนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพิจารณาอีกครั้ง ส่วนเรื่องการแยกน้ำมันไบโอดีเซลออกจากกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเสนอของทางกลุ่ม ก็ได้มอบหมายให้กรมธุรกิจแรงงานพิจารณา แต่ต้องดูผลการศึกษาประกอบกัน
 
ยืนยันทางรัฐว่าเข้าใจสภาพเศรษฐกิจ แต่ลำพังเพียงกระทรวงแรงงานไม่ได้ ต้องมีหลายหน่วยงานร่วมดำเนินการ ส่วนเรื่องการใช้กองทุนน้ำมันนั้น มีการสนับสนุนธนาคาร โดยใช้ช่วยน้ำมันดีเซลลิตรละ 2 บาท ทั้งนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะสามารถนำข้อเสนอไปดำเนินการได้เมื่อไหร่
 

 
ยะลาครวญหนัก ‘เนื้อหมู’ แพงสุดรอบ10ปี! พุ่งกก.ละ180บาท หวั่นร้านอาหารปรับราคาตาม
https://www.dailynews.co.th/news/479872/
 
ชาวยะลาครวญหนัก พิษ 'เนื้อหมู' แพงสุดรอบ 10 ปี พุ่งกก.ละ 180 บาท หวั่นร้านอาหารปรับราคาตาม เผย กระทบชิ่งจาก น้ำมันแพง-น้ำท่วม-โรคระบาด ขณะที่ผักชี-ต้นหอม ยังราคาสูงต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่แผงขายหมูตลาดโก้งโค้ง ในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ผู้สื่อข่าวติดตามสถานการณ์ราคาหมูเนื้อแดงในพื้นที่ พบว่ามีปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาล่าสุดวันนี้ (16 พ.ย.) เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัม (กก.) ละ 150-160 บาท เป็น กก.ละ 170-180 บาท เนื่องจากราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น กก.ละ 85-87 บาท สูงกว่าราคาเดิมที่กรมการค้าภายในเคยตกลงไว้กับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติว่าจะคุมราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มไม่ให้เกิน กก.ละ 80 บาท จึงเป็นสาเหตุให้ราคาหมูเนื้อแดงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และทำให้ราคาเนื้อหมูแพงสุดในรอบ 10 ปี
 
ทั้งนี้ แม่ค้าแผงหมูรายหนึ่ง กล่าวว่า ขณะนี้ราคาหมูเป็นตัว หน้าฟาร์มเฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 85-89 บาท จากเดิมอยู่ที่ กก.ละ 75-80 บาท และมีแนวโน้มจะขยับขึ้นเป็น กก.ละ 90 บาท ส่วนหน้าโรงเชือดแต่เดิมเรารับหมูสามชั้นมา กก.ละ 135-140 บาท แต่ตอนนี้ราคาพุ่งสูงถึง กก.ละ 160 บาท ต้องมาขายหน้าร้าน กก.ละ 175-180 บาท ขายแพงมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเพราะคนไม่ซื้อและสงสารลูกค้า
  
“สาเหตุที่ราคาหมูแพง พบว่ามาจากความต้องการบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากการที่รัฐบาลได้คลายล็อกดาวน์  มีเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เปิดเทอม และราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่หมูเป็นมีผลผลิตลดลง จากที่ก่อนหน้านี้เป็นช่วงหน้าร้อน ทำให้หมูเติบโตช้า น้ำหนักลด  ที่ผ่านมาหากปล่อยให้ราคาเนื้อหมูขยับสูงเกินกว่าประชาชนเคยซื้อ กก.ละ 10 บาท หรือเกิน 150-160 บาท อาจเป็นตัวเร่งปรับราคาอาหารที่ใช้หมูเป็นวัตถุดิบ เช่น หมูทอด หมูแดดเดียว กุนเชียงหมู หรืออาหารอื่นๆ ที่ใช้หมูเป็นวัตถุดิบ ซึ่งเริ่มมีร้านอาหารสำเร็จรูปบ่นและแจ้งกับลูกค้าแล้วว่า หากราคาหมูเนื้อแดงยังสูงต่อเนื่อง อาจจะขอปรับขึ้นราคาหรือใช้ในการปรุงลดลง นอกจากนี้ราคาผักก็ยังแพง เช่น ผักชี ราคา กก.ละ 300 บาท ส่วนต้นหอม กก.ละ 100 บาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่