บทที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/41078912
ผมอดตาย น้ำก็รอด และมีชีวิตอยู่ต่อไปในห้องใต้ดินอันเปลี่ยวเหงา ผมอาจมีทางรอดตายไปได้ระยะหนึ่ง
แต่น้ำก็คงต้องตาย เพราะผมดื่มเธอ
นี่ผมกำลังเป็นห่วงชีวิตของ ‘น้ำดื่ม’ อย่างนั้นหรือ ฟังดูมันบ้ายิ่งกว่าบ้า ปัญหาของเรื่องนี้คือ ‘ความหวัง’ แต่ความหวังจะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่มีความรักรออยู่สุดสายปลายฝัน สมมุติว่าผมดื่มเธอ มันเป็นการยืดระยะเวลาการมีชีวิตของผมไปเท่านั้น เธอจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของผมที่รอวันตาย ความพยายามชองเธอไม่สูญเปล่าหรืออย่างไร
ถ้าหากผมไม่ดื่มเธอ บางทีเธออาจรอด เพราะเธอเป็นน้ำใจขวด คงจะมีชีวิตยาวนานยั่งยืน ไม่เคยได้ยินใครบอกว่าน้ำในขวดแก่ตาย หรือหมดอายุ น้ำคือสิ่งที่ยืนยงคงทน แม้หลายต่อหลายครั้งถูกทำให้สกปรก น้ำยังสามารถกลั่นกรองจนกลับกลายเป็นความพิสุทธิ์ได้ ต่อให้โดนต้ม น้ำก็ไม่ได้หายไปไหน เพียงเปลี่ยนสถานะไปเท่านั้น
“คุณต้องดื่มน้ำนะคะ เราจะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน” น้ำพยายามอ้อนวอนในขณะสติสัมปชัญญะของผมกำลังเลือนรางลงทุกที ได้เพียงนอนรอความตายอยู่ในความมืดและกอดขวดน้ำแนบอก
“คุณคงเจ็บ...”
“น้ำไม่เจ็บหรอกค่ะ ความรู้สึกสัมผัสส่วนนี้ของน้ำไม่มี ไม่ต้องกังวลเลยนะคะ”
“จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อผมดื่มคุณจนหมด”
“น้ำก็อาจจะหายไปจากโลกภายนอก แต่ยังคงอยู่ในร่างกายของคุณคุณอย่าลืมนะคะว่ายังมีน้ำอยู่มากมายในโลกนี้ ถ้าคุณรอดชีวิต เราคงมีโอกาสพบกันอีกค่ะ ถ้าบุญพาวาสนาส่ง แต่ถ้าคุณไม่ยอมดื่มน้ำ ความสัมพันธ์ของเราก็จะจบสิ้นลงเพียงเท่านี้ น้ำคงอยู่อย่างเงียบเหงาต่อไปนานแสนนาน...”
ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงเธอเศร้าสร้อย ทำให้ผมใจหาย
การอยู่อย่างเงียบเหงายาวนานเพียงลำพัง ในห้องใต้ดินมืดดำแบบไร้อนาคตไร้ความหวังไร้ความหมาย เป็นสิ่งไม่อยากคิดถึงหรือจินตนาการเลยว่าหนักหนาสาหัสขนาดไหน ต่อให้วันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า มีคนขุดลงมาถึงห้องใต้ดิน คนอื่นจะสามารถสื่อสารกับน้ำได้เหมือนผมหรือไม่
"ทำไมเราไม่อยู่ด้วยกัน ประคองความหวังด้วยกันล่ะคะ ไม่ว่าสุดสายปลายหวังจะมีอะไรรออยู่ อาจเป็นความว่างเปล่าก็ได้ แต่อย่างน้อยเราก็มีกันและกัน...อยู่ด้วยกัน จนวาระสุดท้ายนะคะ”
ฟังแล้วผมเงียบไป แต่สมองเต็มไปด้วยความคิดสับสน เสียงหวานใสของน้ำยังดังขึ้นอีกอย่างไม่ละความพยายาม
“น้ำอร่อยนะคะ เป็นอาหารพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต คุณลองนึกถึงน้ำใสสะอาดกำลังผ่านไปในลำคอ สร้างความสดชื่นให้กับร่างกายและจิตใจ ไม่ต้องเป็นห่วงน้ำนะคะ น้ำจะอยู่กับคุณให้นานเท่านาน จะเข้าใจใส่ใจดูแลคุณสุดชีวิตจิตใจ..ได้โปรดดื่มน้ำเถอะนะคะ วันหนึ่งเราจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”
ทำไมในชีวิตผ่านมาไม่มีสาว ๆ คนไหนพูดกับผมอย่างนี้เลย ...ทำไมไม่เคยมีคนพูดกับผมว่า ได้โปรดกินฉันนะที่รัก ฉันน่ากินมากนะคะ ดื่มฉันเสียเถิด อะไรประมาณนี้ ทำไมไม่เคยมี ผมขบคิดด้วยความขมขื่นใจ ความรักอันบริสุทธิ์กลับได้มาจากน้ำในขวด! ใครจะไปเชื่อ
ในที่สุดผมตัดสินใจเด็ดขาด
“ก็ได้ ผมจะดื่มคุณ” ผมสารภาพรักกับเธออย่างไม่อายตัวเอง ไม่อายเทวดาหรือหมาตัวไหนทั้งนั้น เปิดขวดน้ำ และจิบอย่างช้า ๆ ด้วยความขมขื่นใจ ตั้งใจว่าจะดื่มกินเธอทีละน้อย กำซาบทุกหยดหยาด ประคับประคองเราสองให้อยู่ด้วยกันนานที่สุด
ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวแต่ไม่มีน้ำตาหลั่งไหลออกมา ผมควรกล้ำกลืนฝืนน้ำตาเก็บเอาไว้ภายในให้มากที่สุด ไม่ว่าจะสุขจะเศร้า...เราสองควรอยู่ด้วยกัน ไม่ทิ้งกัน หวังว่าคำพูดของเธอจะเป็นจริง วันหนึ่งเราจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
“คนไข้มีอาการแปลกประหลาดมาก”
คุณหมอพูดกับผู้ช่วยพยาบาลสาว ขณะเดินออกมาจากห้องคนไข้หลังจากตรวจสภาพชายหนุ่มผู้ได้รับการช่วยเหลือมาจากห้องใต้ดินในสภาพใกล้ตาย แต่เขาดูเหมือนจะรอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์หลังการถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังเป็นเวลายาวนาน ดูเหมือนชายหนุ่มเคราะห์ร้ายจะอาศัยน้ำเพียงขวดเดียวในการประทังชีวิต เขากอดขวดน้ำเปล่าไว้ในอ้อมกอดจนแน่น ราวกับเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม
“เขาอยู่ได้อย่างไรผมไม่เข้าใจเลย น้ำเพียงขวดเดียว เขาควรตายไปแล้ว กับสภาพแบบนั้น”
“ดูเขาเหมือนแข็งแรงขึ้นทุกวันเลยนะคะ” ผู้ช่วยพยาบาลสาวให้ความเห็นบ้างด้วยความรู้สึกประหลาดใจไม่แพ้กัน
“ครับ อ้อ..มีเจ้าหน้าที่ของสถาบันทางจิตมาขอข้อมูล แต่ผมว่าเราต้องเก็บตัวเขาไว้จะดีกว่า บางทีเราอาจมีงานวิจัยดี ๆ จากเขาก็เป็นได้นะครับ”
“คุณหมอว่าเขาผิดปกติไหมคะ”
คุณหมอชะงักไปครู่หนึ่งกับคำถาม ก่อนจะก้าวเดินต่อไป ตามทางเดินในโรงพยาบาลด้วยสีหน้าครุ่นคิด ครู่หนึ่งจึงตอบว่า
“ผมไม่รู้หรอกครับ มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่พวกเรายิ่งศึกษายิ่งพบว่าเราเริ่มไม่รู้มากขึ้นทุกที เราคอยจับตาดูเขาให้ดีก็แล้วกัน ผมคิดว่าเขาจะมีประโยชน์กับงานวิจัยของเราแน่นอน”
ผมเริ่มเบื่อกับสภาพตัวเองที่ตกเป็นผู้ต้องหาของทางโรงพยาบาล และการถูกจองจำอยู่บนเตียงคนไข้อย่างยาวนาน เพราะพวกหมอยังไม่ยอมอนุญาตให้ผมกลับบ้าน (แม้จะเป็นบ้านที่พังพินาศไปแล้วก็ตาม) จำได้ว่าถูกนำตัวขึ้นมาจากห้องใต้ดินอย่างทุลักเล ราวกับเป็นทารกผ่านการคลอดเพื่อก่อเกิดชีวิตใหม่ ผมรอดชีวิตมาได้ หลังจากนั้นสมองของผมก็มีแต่เรื่องของน้ำพลุ่งพล่านอยู่ตลอดเวลา
เธอช่วยให้ผมรอดตาย ด้วยการสละตัวเองให้ผมดื่มโดยไม่เรียกร้องอะไรตอบแทนแม้สักนิด เอาชีวิตของเธอมาต่อให้ชีวิตของผม อย่างไม่มีอะไรสามารถทดแทนได้
ผมรู้ใจตัวเองแล้วว่าผมรักน้ำในขวดนั้น อย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ เป็นการเปิดโลกของความรักให้ขยายออกไปแบบไร้ขอบเขตไร้ข้อจำกัด พื้นที่หัวใจไม่เหลือไว้ให้ใครอีก นอกจากเธอ ผมไม่รู้ว่าเธอไปอยู่แห่งหนตำบลใด ไม่ใช่ว่าน้ำทุกขวดจะเป็นเธอ บางทีเธออาจจะกำลังช่วยเหลือคนอื่นอยู่อย่างที่เคยช่วยผมก็เป็นได้ ไม่ได้รู้สึกหึงหวงเธอแม้แต่น้อยนิด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริง จะต้องปิติยินดีกับน้ำใจงดงามใสสะอาดงดงามของเธอ บางทีความรักของผมอาจจะใสสะอาด เหมือนน้ำบรรจุอยู่ในขวดงดงาม
คิดแล้วก็รู้สึกตลกกับตัวเอง หรืออาจเป็นอาการวิปลาสชั่วคราวก็ช่างศีรษะมันเถิด จะบ้าจะจริงก็ไม่แตกต่างกัน เพราะความรักก็ยังคงเป็นความรักเสมอไม่ว่าจะอยู่รูปแบบใดก็ตาม แต่ผมก็ยังอยากพูดอยากคุยกับเธออยู่ดี จะได้มีแรงใจในการจัดการให้ร่างกายและจิตใจ อยู่ด้วยกันโดยความสงบสุข
“คุณคะ น้ำอยู่นี่ค่ะ”
เสียงใส ๆ ดังขึ้นขณะผมกำลังยืนมองออกไปนอกห้องคนไข้ ทำให้ผมสะดุ้ง เลือดลมฉีดแรง หัวใจเต้นระรัวด้วยความดีใจอย่างไม่คาดคิด
เป็นเสียงของน้ำจริงแท้แน่นอน
“น้ำอยู่ในแก้วบนโต๊ะนี่เองค่ะ”
เธอกลับมาแล้วจริง ๆ น้ำเสียงสดชื่นแจ่มใสจนผมรู้สึกว่าเธอกำลังยิ้มอย่างขวยเขิน พยาบาลเอาน้ำมาวางไว้ให้ตั้งแต่เช้า ทว่ายังไม่มีปฏิกิริยาพิเศษใด ๆ ทุกอย่างรอจังหวะและเวลาของมันเอง วงล้อแห่งโชคจะตาหมุนกลับมาชี้ยังเราสองอีกครั้ง
“น้ำ ผมดีใจที่สุดในจักรวาลเลย” สองมือจับประคองแก้วน้ำอย่างแสนรักทะนุถนอม ราวกลัวหัวใจแก้วเจียรนัยจะหล่นแตก คงไม่มีใครอธิบายถึงความปลาบปลื้มยินดีของผมได้ ถ้าเป็นความฝันก็จะขอฝันตลอดไปไม่ยอมตื่น ถ้าจะเป็นบ้า ก็จะขอบ้าต่อไปไม่ให้มีที่สิ้นสุด ถ้าจะตายก็ขอให้ตายเคียงข้างเธอ ขอเพียงมีเธอเท่านั้น จะฝันหรือบ้าอย่างไรก็ยอม
“น้ำก็ดีใจค่ะ เราเจอกันอีกแล้วนะคะ ว่าแต่หาขวดมาใส่น้ำได้ไหมคะ แสงสว่างมาก ไปอยู่ในแก้วน้ำรู้สึกโล่ง ๆ ยังไงชอบกลค่ะ”
หมอไม่อนุญาต ผมอนุญาตให้ตัวเองก็ได้ น้ำกลับมาแล้วผมควรจะกลับบ้านเสียที ไม่มีเหตุผลอะไรจะหมกตัวอยู่ในห้องคนไข้ ขอเพียงมีแรงใจแรงกายและความรักความหวังหล่อเลี้ยงจิตใจ บ้านพังก็สร้างใหม่ได้ ต่อให้ต้องค่อยประกอบกำแพงก่ออิฐทีละก้อนด้วยมือตัวเองก็จะยอม
“เรากลับบ้านกันนะครับ ...ผมจะปกป้องดูแลคุณเอง จะหาขวดสวย ๆ ให้คุณ ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...เราไปหาขวดด้วยกัน ผมจะทำทุกวิธีทาง เพื่อให้คุณมีขวดน่ารัก ๆ อาศัยอย่างมีความสุข”
ผมหาถุงพลาสติกสะอาด มาห่อหุ้มแก้วน้ำไว้อย่างระมัดระวัง ป้องกันการกระฉอกล้นกระเด็น ขวดจะต้องไม่อยู่ในถังขยะเพราะไม่สะอาด จะต้องหาขวดสวย ๆ ลายน่ารัก ๆ เช่นลายการ์ตูนแมวเหมียวมาใส่เธอ แต่ทว่าในสถาบันวิเคราะห์ทางจิตหาขวดน้ำสวย ๆ ได้ยากเย็นเข็ญใจสุดแสน ผมจะต้องแอบหนีออกสู่โลกภายนอก เพื่อค้นหาขวดน้ำสุดขอบฟ้ามาใส่เธอ จะได้ทำให้เธออาศัยอยู่ในโลกแห่งความสวยงาม
จิตแพทย์สาววางสมุดบันทึกของคนไข้ทางจิตลงบนโต๊ะ เอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างต้องการผ่อนคลาย เพราะอ่านเรื่องบ้า ๆ ของคนไข้มาแล้วสองสามเล่ม แต่ละเล่มล้วนเหนือจินตนาการหลุดโลก คนไข้บางคนก็คิดว่าตัวเองคุยกับไข่รู้เรื่อง จนอยากจะเปลี่ยนจาก คนไข้ เป็น คนไข่ ให้รู้แล้วรู้รอด บางคนก็มีสามบุคลิกภาพอยู่ในตัวคนเดียวกัน สารพัดแต่จะเป็นไป
จิตแพทย์สาวนึกถึงคนไข้หนุ่มเจ้าของบันทึก เขาจัดอยู่ในคนไข้ไม่ก้าวร้าว พูดจาท่าทีเรียบร้อยจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นคนป่วยทางจิต แต่ก็นั่นละ บางคนก็ ‘บ้าหลบใน’ บ้าแบบมองไม่เห็น ไม่แสดงออกชัดเจนเหมือนพวกบ้าแสดงออก
หนุ่มคนนี้สองวันก่อนได้รับรายงานว่าพยายามหนีออกจากสถาบัน พร้อมด้วยแก้วน้ำในมือ ไม่มีใครเข้าใจว่าเขาทำไปเพราะอะไร จนกระทั่งจิตแพทย์สาวได้อ่านสมุดบันทึกของเขา ถึงเริ่มพอเข้าใจบางอย่าง แต่ผู้ใหญ่ระดับสูงของทางสถาบันกลับบอกว่าพฤติกรรมของเขาเริ่มก้าวร้าว เลยนำตัวไป รักษาเดี่ยว แยกห่างจากคนอื่น ๆ ซึ่งห้องรักษาเดี่ยว ถ้าเป็นในคุก คงเหมือนห้อง ขังเดี่ยว นั่นเอง
โปรดดื่มฉันที...นะที่รัก 2/2 (จบ)
บทที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/41078912
ผมอดตาย น้ำก็รอด และมีชีวิตอยู่ต่อไปในห้องใต้ดินอันเปลี่ยวเหงา ผมอาจมีทางรอดตายไปได้ระยะหนึ่ง
แต่น้ำก็คงต้องตาย เพราะผมดื่มเธอ
นี่ผมกำลังเป็นห่วงชีวิตของ ‘น้ำดื่ม’ อย่างนั้นหรือ ฟังดูมันบ้ายิ่งกว่าบ้า ปัญหาของเรื่องนี้คือ ‘ความหวัง’ แต่ความหวังจะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่มีความรักรออยู่สุดสายปลายฝัน สมมุติว่าผมดื่มเธอ มันเป็นการยืดระยะเวลาการมีชีวิตของผมไปเท่านั้น เธอจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของผมที่รอวันตาย ความพยายามชองเธอไม่สูญเปล่าหรืออย่างไร
ถ้าหากผมไม่ดื่มเธอ บางทีเธออาจรอด เพราะเธอเป็นน้ำใจขวด คงจะมีชีวิตยาวนานยั่งยืน ไม่เคยได้ยินใครบอกว่าน้ำในขวดแก่ตาย หรือหมดอายุ น้ำคือสิ่งที่ยืนยงคงทน แม้หลายต่อหลายครั้งถูกทำให้สกปรก น้ำยังสามารถกลั่นกรองจนกลับกลายเป็นความพิสุทธิ์ได้ ต่อให้โดนต้ม น้ำก็ไม่ได้หายไปไหน เพียงเปลี่ยนสถานะไปเท่านั้น
“คุณต้องดื่มน้ำนะคะ เราจะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน” น้ำพยายามอ้อนวอนในขณะสติสัมปชัญญะของผมกำลังเลือนรางลงทุกที ได้เพียงนอนรอความตายอยู่ในความมืดและกอดขวดน้ำแนบอก
“คุณคงเจ็บ...”
“น้ำไม่เจ็บหรอกค่ะ ความรู้สึกสัมผัสส่วนนี้ของน้ำไม่มี ไม่ต้องกังวลเลยนะคะ”
“จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อผมดื่มคุณจนหมด”
“น้ำก็อาจจะหายไปจากโลกภายนอก แต่ยังคงอยู่ในร่างกายของคุณคุณอย่าลืมนะคะว่ายังมีน้ำอยู่มากมายในโลกนี้ ถ้าคุณรอดชีวิต เราคงมีโอกาสพบกันอีกค่ะ ถ้าบุญพาวาสนาส่ง แต่ถ้าคุณไม่ยอมดื่มน้ำ ความสัมพันธ์ของเราก็จะจบสิ้นลงเพียงเท่านี้ น้ำคงอยู่อย่างเงียบเหงาต่อไปนานแสนนาน...”
ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงเธอเศร้าสร้อย ทำให้ผมใจหาย
การอยู่อย่างเงียบเหงายาวนานเพียงลำพัง ในห้องใต้ดินมืดดำแบบไร้อนาคตไร้ความหวังไร้ความหมาย เป็นสิ่งไม่อยากคิดถึงหรือจินตนาการเลยว่าหนักหนาสาหัสขนาดไหน ต่อให้วันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า มีคนขุดลงมาถึงห้องใต้ดิน คนอื่นจะสามารถสื่อสารกับน้ำได้เหมือนผมหรือไม่
"ทำไมเราไม่อยู่ด้วยกัน ประคองความหวังด้วยกันล่ะคะ ไม่ว่าสุดสายปลายหวังจะมีอะไรรออยู่ อาจเป็นความว่างเปล่าก็ได้ แต่อย่างน้อยเราก็มีกันและกัน...อยู่ด้วยกัน จนวาระสุดท้ายนะคะ”
ฟังแล้วผมเงียบไป แต่สมองเต็มไปด้วยความคิดสับสน เสียงหวานใสของน้ำยังดังขึ้นอีกอย่างไม่ละความพยายาม
“น้ำอร่อยนะคะ เป็นอาหารพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต คุณลองนึกถึงน้ำใสสะอาดกำลังผ่านไปในลำคอ สร้างความสดชื่นให้กับร่างกายและจิตใจ ไม่ต้องเป็นห่วงน้ำนะคะ น้ำจะอยู่กับคุณให้นานเท่านาน จะเข้าใจใส่ใจดูแลคุณสุดชีวิตจิตใจ..ได้โปรดดื่มน้ำเถอะนะคะ วันหนึ่งเราจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”
ทำไมในชีวิตผ่านมาไม่มีสาว ๆ คนไหนพูดกับผมอย่างนี้เลย ...ทำไมไม่เคยมีคนพูดกับผมว่า ได้โปรดกินฉันนะที่รัก ฉันน่ากินมากนะคะ ดื่มฉันเสียเถิด อะไรประมาณนี้ ทำไมไม่เคยมี ผมขบคิดด้วยความขมขื่นใจ ความรักอันบริสุทธิ์กลับได้มาจากน้ำในขวด! ใครจะไปเชื่อ
ในที่สุดผมตัดสินใจเด็ดขาด
“ก็ได้ ผมจะดื่มคุณ” ผมสารภาพรักกับเธออย่างไม่อายตัวเอง ไม่อายเทวดาหรือหมาตัวไหนทั้งนั้น เปิดขวดน้ำ และจิบอย่างช้า ๆ ด้วยความขมขื่นใจ ตั้งใจว่าจะดื่มกินเธอทีละน้อย กำซาบทุกหยดหยาด ประคับประคองเราสองให้อยู่ด้วยกันนานที่สุด
ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวแต่ไม่มีน้ำตาหลั่งไหลออกมา ผมควรกล้ำกลืนฝืนน้ำตาเก็บเอาไว้ภายในให้มากที่สุด ไม่ว่าจะสุขจะเศร้า...เราสองควรอยู่ด้วยกัน ไม่ทิ้งกัน หวังว่าคำพูดของเธอจะเป็นจริง วันหนึ่งเราจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
“คนไข้มีอาการแปลกประหลาดมาก”
คุณหมอพูดกับผู้ช่วยพยาบาลสาว ขณะเดินออกมาจากห้องคนไข้หลังจากตรวจสภาพชายหนุ่มผู้ได้รับการช่วยเหลือมาจากห้องใต้ดินในสภาพใกล้ตาย แต่เขาดูเหมือนจะรอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์หลังการถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังเป็นเวลายาวนาน ดูเหมือนชายหนุ่มเคราะห์ร้ายจะอาศัยน้ำเพียงขวดเดียวในการประทังชีวิต เขากอดขวดน้ำเปล่าไว้ในอ้อมกอดจนแน่น ราวกับเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม
“เขาอยู่ได้อย่างไรผมไม่เข้าใจเลย น้ำเพียงขวดเดียว เขาควรตายไปแล้ว กับสภาพแบบนั้น”
“ดูเขาเหมือนแข็งแรงขึ้นทุกวันเลยนะคะ” ผู้ช่วยพยาบาลสาวให้ความเห็นบ้างด้วยความรู้สึกประหลาดใจไม่แพ้กัน
“ครับ อ้อ..มีเจ้าหน้าที่ของสถาบันทางจิตมาขอข้อมูล แต่ผมว่าเราต้องเก็บตัวเขาไว้จะดีกว่า บางทีเราอาจมีงานวิจัยดี ๆ จากเขาก็เป็นได้นะครับ”
“คุณหมอว่าเขาผิดปกติไหมคะ”
คุณหมอชะงักไปครู่หนึ่งกับคำถาม ก่อนจะก้าวเดินต่อไป ตามทางเดินในโรงพยาบาลด้วยสีหน้าครุ่นคิด ครู่หนึ่งจึงตอบว่า
“ผมไม่รู้หรอกครับ มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่พวกเรายิ่งศึกษายิ่งพบว่าเราเริ่มไม่รู้มากขึ้นทุกที เราคอยจับตาดูเขาให้ดีก็แล้วกัน ผมคิดว่าเขาจะมีประโยชน์กับงานวิจัยของเราแน่นอน”
ผมเริ่มเบื่อกับสภาพตัวเองที่ตกเป็นผู้ต้องหาของทางโรงพยาบาล และการถูกจองจำอยู่บนเตียงคนไข้อย่างยาวนาน เพราะพวกหมอยังไม่ยอมอนุญาตให้ผมกลับบ้าน (แม้จะเป็นบ้านที่พังพินาศไปแล้วก็ตาม) จำได้ว่าถูกนำตัวขึ้นมาจากห้องใต้ดินอย่างทุลักเล ราวกับเป็นทารกผ่านการคลอดเพื่อก่อเกิดชีวิตใหม่ ผมรอดชีวิตมาได้ หลังจากนั้นสมองของผมก็มีแต่เรื่องของน้ำพลุ่งพล่านอยู่ตลอดเวลา
เธอช่วยให้ผมรอดตาย ด้วยการสละตัวเองให้ผมดื่มโดยไม่เรียกร้องอะไรตอบแทนแม้สักนิด เอาชีวิตของเธอมาต่อให้ชีวิตของผม อย่างไม่มีอะไรสามารถทดแทนได้
ผมรู้ใจตัวเองแล้วว่าผมรักน้ำในขวดนั้น อย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ เป็นการเปิดโลกของความรักให้ขยายออกไปแบบไร้ขอบเขตไร้ข้อจำกัด พื้นที่หัวใจไม่เหลือไว้ให้ใครอีก นอกจากเธอ ผมไม่รู้ว่าเธอไปอยู่แห่งหนตำบลใด ไม่ใช่ว่าน้ำทุกขวดจะเป็นเธอ บางทีเธออาจจะกำลังช่วยเหลือคนอื่นอยู่อย่างที่เคยช่วยผมก็เป็นได้ ไม่ได้รู้สึกหึงหวงเธอแม้แต่น้อยนิด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริง จะต้องปิติยินดีกับน้ำใจงดงามใสสะอาดงดงามของเธอ บางทีความรักของผมอาจจะใสสะอาด เหมือนน้ำบรรจุอยู่ในขวดงดงาม
คิดแล้วก็รู้สึกตลกกับตัวเอง หรืออาจเป็นอาการวิปลาสชั่วคราวก็ช่างศีรษะมันเถิด จะบ้าจะจริงก็ไม่แตกต่างกัน เพราะความรักก็ยังคงเป็นความรักเสมอไม่ว่าจะอยู่รูปแบบใดก็ตาม แต่ผมก็ยังอยากพูดอยากคุยกับเธออยู่ดี จะได้มีแรงใจในการจัดการให้ร่างกายและจิตใจ อยู่ด้วยกันโดยความสงบสุข
“คุณคะ น้ำอยู่นี่ค่ะ”
เสียงใส ๆ ดังขึ้นขณะผมกำลังยืนมองออกไปนอกห้องคนไข้ ทำให้ผมสะดุ้ง เลือดลมฉีดแรง หัวใจเต้นระรัวด้วยความดีใจอย่างไม่คาดคิด
เป็นเสียงของน้ำจริงแท้แน่นอน
“น้ำอยู่ในแก้วบนโต๊ะนี่เองค่ะ”
เธอกลับมาแล้วจริง ๆ น้ำเสียงสดชื่นแจ่มใสจนผมรู้สึกว่าเธอกำลังยิ้มอย่างขวยเขิน พยาบาลเอาน้ำมาวางไว้ให้ตั้งแต่เช้า ทว่ายังไม่มีปฏิกิริยาพิเศษใด ๆ ทุกอย่างรอจังหวะและเวลาของมันเอง วงล้อแห่งโชคจะตาหมุนกลับมาชี้ยังเราสองอีกครั้ง
“น้ำ ผมดีใจที่สุดในจักรวาลเลย” สองมือจับประคองแก้วน้ำอย่างแสนรักทะนุถนอม ราวกลัวหัวใจแก้วเจียรนัยจะหล่นแตก คงไม่มีใครอธิบายถึงความปลาบปลื้มยินดีของผมได้ ถ้าเป็นความฝันก็จะขอฝันตลอดไปไม่ยอมตื่น ถ้าจะเป็นบ้า ก็จะขอบ้าต่อไปไม่ให้มีที่สิ้นสุด ถ้าจะตายก็ขอให้ตายเคียงข้างเธอ ขอเพียงมีเธอเท่านั้น จะฝันหรือบ้าอย่างไรก็ยอม
“น้ำก็ดีใจค่ะ เราเจอกันอีกแล้วนะคะ ว่าแต่หาขวดมาใส่น้ำได้ไหมคะ แสงสว่างมาก ไปอยู่ในแก้วน้ำรู้สึกโล่ง ๆ ยังไงชอบกลค่ะ”
หมอไม่อนุญาต ผมอนุญาตให้ตัวเองก็ได้ น้ำกลับมาแล้วผมควรจะกลับบ้านเสียที ไม่มีเหตุผลอะไรจะหมกตัวอยู่ในห้องคนไข้ ขอเพียงมีแรงใจแรงกายและความรักความหวังหล่อเลี้ยงจิตใจ บ้านพังก็สร้างใหม่ได้ ต่อให้ต้องค่อยประกอบกำแพงก่ออิฐทีละก้อนด้วยมือตัวเองก็จะยอม
“เรากลับบ้านกันนะครับ ...ผมจะปกป้องดูแลคุณเอง จะหาขวดสวย ๆ ให้คุณ ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...เราไปหาขวดด้วยกัน ผมจะทำทุกวิธีทาง เพื่อให้คุณมีขวดน่ารัก ๆ อาศัยอย่างมีความสุข”
ผมหาถุงพลาสติกสะอาด มาห่อหุ้มแก้วน้ำไว้อย่างระมัดระวัง ป้องกันการกระฉอกล้นกระเด็น ขวดจะต้องไม่อยู่ในถังขยะเพราะไม่สะอาด จะต้องหาขวดสวย ๆ ลายน่ารัก ๆ เช่นลายการ์ตูนแมวเหมียวมาใส่เธอ แต่ทว่าในสถาบันวิเคราะห์ทางจิตหาขวดน้ำสวย ๆ ได้ยากเย็นเข็ญใจสุดแสน ผมจะต้องแอบหนีออกสู่โลกภายนอก เพื่อค้นหาขวดน้ำสุดขอบฟ้ามาใส่เธอ จะได้ทำให้เธออาศัยอยู่ในโลกแห่งความสวยงาม
จิตแพทย์สาววางสมุดบันทึกของคนไข้ทางจิตลงบนโต๊ะ เอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างต้องการผ่อนคลาย เพราะอ่านเรื่องบ้า ๆ ของคนไข้มาแล้วสองสามเล่ม แต่ละเล่มล้วนเหนือจินตนาการหลุดโลก คนไข้บางคนก็คิดว่าตัวเองคุยกับไข่รู้เรื่อง จนอยากจะเปลี่ยนจาก คนไข้ เป็น คนไข่ ให้รู้แล้วรู้รอด บางคนก็มีสามบุคลิกภาพอยู่ในตัวคนเดียวกัน สารพัดแต่จะเป็นไป
จิตแพทย์สาวนึกถึงคนไข้หนุ่มเจ้าของบันทึก เขาจัดอยู่ในคนไข้ไม่ก้าวร้าว พูดจาท่าทีเรียบร้อยจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นคนป่วยทางจิต แต่ก็นั่นละ บางคนก็ ‘บ้าหลบใน’ บ้าแบบมองไม่เห็น ไม่แสดงออกชัดเจนเหมือนพวกบ้าแสดงออก
หนุ่มคนนี้สองวันก่อนได้รับรายงานว่าพยายามหนีออกจากสถาบัน พร้อมด้วยแก้วน้ำในมือ ไม่มีใครเข้าใจว่าเขาทำไปเพราะอะไร จนกระทั่งจิตแพทย์สาวได้อ่านสมุดบันทึกของเขา ถึงเริ่มพอเข้าใจบางอย่าง แต่ผู้ใหญ่ระดับสูงของทางสถาบันกลับบอกว่าพฤติกรรมของเขาเริ่มก้าวร้าว เลยนำตัวไป รักษาเดี่ยว แยกห่างจากคนอื่น ๆ ซึ่งห้องรักษาเดี่ยว ถ้าเป็นในคุก คงเหมือนห้อง ขังเดี่ยว นั่นเอง