แบ่งปันประสบการณ์ สั่งน้ำดื่มแบบขวดแก้ว
ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนใน กทม ที่อยู่คอนโด เรื่องน้ำสำหรับการบริโภคหรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า ดื่มเป็นหลัก ทำอาหารชาตินึงทำทีเป็นเรื่องรอง
แรกเริ่มเราก็ใช้วิธีการกดน้ำจากน้ำใต้ตึกที่แหละครับ ธรรมดา ๆ กันไป เอาขวดน้ำ หรือเหยือกลงไปกรอก กดเอาที่ 2-3 ลิตร ราคาลิตรละ 1 บาท หลัง ๆ ก็ประยุกต์หน่อย เอาถังน้ำ 5 ลิตรลงไปกรอก แล้วก็ค่อยเอามากรอกต่ออีกที ปัญหามันก็มีอยู่ว่า วิธีมันก็ไม่ได้ลำบากอะไร มากนัก แต่ก็ต้องกรอกน้ำ 2 รอบ หรือไม่ก็ต้องขยันเอาขวดน้ำลงไปกรอก
ยุคที่สอง อันนี้ยาวนานที่สุด เพราะหลังจากใช้วิธีแรกได้ไม่กี่เดือน ก็มาเจอกับน้ำดื่ม sprinkle แบบ 18 ลิตร ที่มาเปิดบูธที่ห้าง วิธีนี้ก็อาจจะสะดวกเพิ่มขึ้นเพราะว่า พนักงานมาส่งน้ำถึงหน้าห้อง วันไหนไม่อยู่ก็แค่วางถังไว้ตอนเช้าพร้อมคูปอง ตอนเย็นกลับมาถังก็วางอยู่หน้าห้องให้เรียบร้อย มาพร้อมกับปั๊มน้ำแบบใช้ถ่าน ซึ่งก็จะสะดวกใช้การกรอกน้ำไม่ต่างจากวิธีแรก แต่ไม่ต้องกรอกน้ำสองรอบ ไม่ต้องกดขึ้นลงลิฟต์ให้เสียเวลา ราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ ลิตรละ 3 บาท แพงกว่าแบบแรกเยอะเหมือนกัน แต่อันนี้คิดเอาเอง เพราะรู้สึกสบายใจในการดื่มมากกว่า รู้สึกว่าน้ำสะอาดมากกว่า เพราะไม่รู้ว่าน้ำแบบกดมาทำความสะอาดเครื่องกรองบ่อยแค่ไหน มีสิ่งสกปรกหรือแมลงสาบเข้าไปหรือเปล่า เพราะเคยเจอน้ำแบบกดที่บริษัท ตอนเปลี่ยนถัง พนักงานดันเจอแมลงสาบลงไปว่ายน้ำเล่นจนขาดใจตาย ซึ่งก็ไม่รู้ว่ากี่วันมาแล้ว วันนั้นก็ดื่มน้ำผสมโปรตีนกันไปครับ ส่วนการติดต่อก็โทรหาพนักงานที่มาส่ง หรือโทรเข้า call center ก็ไม่ยุ่งยากมาก แต่บางทีก็ไม่เจอตัว แต่นาน ๆ ทีนะครับที่จะเจอปัญหานี้
อันสุดท้ายที่อยากจะเล่าให้ฟังนี่แหละ ตอนนี้ เลิกรับน้ำถังจาก sprinkle แหละ มารับน้ำดื่มแบบขวดแก้ว คือด้วยความขี้เกียจแบบขั้นสุด แม้แต่จะกรอกน้ำ หรือล้างขวดน้ำยังขี้เกียจ เราก็วิวัฒนาการมาสู่ขั้นเอาน้ำขวดเข้าตู้เย็น แล้วเปิดมาก็ดื่มจากขวดเลย ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบมาเรียมอีก จะลดขยะพลาสติกได้ก็ต้องมาแบบขวดแก้ว วิธีการไม่ต่างจาก sprinkle แต่อันนี้เป็น คริสตัล มาส่งถึงหน้าห้องเช่นกันแต่มาเป็นลัง ลังละ 24 ขวด สั่งครั้งแรกไว้ 3 ลัง เปลี่ยนทีละ 2 ลัง จะได้มีน้ำดื่มระหว่างรอ ราคาน้ำดื่มยิ่งแพงหนักขึ้นไปอีก ตกขวดละ 3 บาท เวลาไปกินที่ร้านดันขายเราขวดละ 6-10 บาท กำไรเว่อร์มากกก คิดแล้วลิตรละเกือบ 6 บาท มาส่งเสร็จ หน้าที่คือเอาน้ำขวดเข้าตู้เย็น ดื่มเป็นขวด ๆ ไป เอาออกมาดื่มข้างนอก ถ้าดื่มไม่หมดก็เอาฝาเดิมนี่แหละปิดกลับ เอาเข้าตู้เย็นไว้ดื่มใหม่ คราวหน้า อันนี้ดีสุด ๆ ติดต่อผ่านไลน์ได้ ไม่ต้องซื้อคูปองล่วงหน้า สั่ง 2 ลังจ่ายเงินวันส่ง ฝากนิติ หรือแม้แต่จะโอนไปให้คนส่งก็ได้
ข้อเสียของแบบที่สองกับสามคือ คุณต้องมีพื้นที่วางถังเปล่ากับลังน้ำ และราคาแพงกว่าน้ำที่กดตามตู้
ข้อดีคือ ให้ความสบายใจกับตัวผมเอง เรื่องความสะอาด กับความสะดวก
สุดท้ายที่อยากแชร์ ลดการใช้พลาสติก กันครับ บางทีเห็นเพื่อน ๆ ในคอนโดหิ้วน้ำดื่มแบบขวดพลาสติกมาเป็นแพค ๆ แล้ว ก็รู้สึกว่า มันก็สะดวกจริงอยู่ แต่มันก็มีวิธีการอื่นที่อาจจะสะดวกไม่ต่างกันมาก แล้วยังได้ดื่มน้ำที่เราคิดว่าสะอาดปลอดภัยสำหรับอยู่นะครับ แล้วถ้าเทียบราคา ทั้ง 3 วิธีข้างต้นถูกกว่าน้ำดื่มแพคตามร้านค้าหรือร้านสะดวกซื้อแน่ๆ ต่อให้ร้านมีการลดราคาก็ไม่ถูกไปกว่า ขวดละ 3 บาท (600ml) แน่ๆ
ลดขยะพลาสติกจากน้ำดื่มกันมั้ย?
ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนใน กทม ที่อยู่คอนโด เรื่องน้ำสำหรับการบริโภคหรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า ดื่มเป็นหลัก ทำอาหารชาตินึงทำทีเป็นเรื่องรอง
แรกเริ่มเราก็ใช้วิธีการกดน้ำจากน้ำใต้ตึกที่แหละครับ ธรรมดา ๆ กันไป เอาขวดน้ำ หรือเหยือกลงไปกรอก กดเอาที่ 2-3 ลิตร ราคาลิตรละ 1 บาท หลัง ๆ ก็ประยุกต์หน่อย เอาถังน้ำ 5 ลิตรลงไปกรอก แล้วก็ค่อยเอามากรอกต่ออีกที ปัญหามันก็มีอยู่ว่า วิธีมันก็ไม่ได้ลำบากอะไร มากนัก แต่ก็ต้องกรอกน้ำ 2 รอบ หรือไม่ก็ต้องขยันเอาขวดน้ำลงไปกรอก
ยุคที่สอง อันนี้ยาวนานที่สุด เพราะหลังจากใช้วิธีแรกได้ไม่กี่เดือน ก็มาเจอกับน้ำดื่ม sprinkle แบบ 18 ลิตร ที่มาเปิดบูธที่ห้าง วิธีนี้ก็อาจจะสะดวกเพิ่มขึ้นเพราะว่า พนักงานมาส่งน้ำถึงหน้าห้อง วันไหนไม่อยู่ก็แค่วางถังไว้ตอนเช้าพร้อมคูปอง ตอนเย็นกลับมาถังก็วางอยู่หน้าห้องให้เรียบร้อย มาพร้อมกับปั๊มน้ำแบบใช้ถ่าน ซึ่งก็จะสะดวกใช้การกรอกน้ำไม่ต่างจากวิธีแรก แต่ไม่ต้องกรอกน้ำสองรอบ ไม่ต้องกดขึ้นลงลิฟต์ให้เสียเวลา ราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ ลิตรละ 3 บาท แพงกว่าแบบแรกเยอะเหมือนกัน แต่อันนี้คิดเอาเอง เพราะรู้สึกสบายใจในการดื่มมากกว่า รู้สึกว่าน้ำสะอาดมากกว่า เพราะไม่รู้ว่าน้ำแบบกดมาทำความสะอาดเครื่องกรองบ่อยแค่ไหน มีสิ่งสกปรกหรือแมลงสาบเข้าไปหรือเปล่า เพราะเคยเจอน้ำแบบกดที่บริษัท ตอนเปลี่ยนถัง พนักงานดันเจอแมลงสาบลงไปว่ายน้ำเล่นจนขาดใจตาย ซึ่งก็ไม่รู้ว่ากี่วันมาแล้ว วันนั้นก็ดื่มน้ำผสมโปรตีนกันไปครับ ส่วนการติดต่อก็โทรหาพนักงานที่มาส่ง หรือโทรเข้า call center ก็ไม่ยุ่งยากมาก แต่บางทีก็ไม่เจอตัว แต่นาน ๆ ทีนะครับที่จะเจอปัญหานี้
อันสุดท้ายที่อยากจะเล่าให้ฟังนี่แหละ ตอนนี้ เลิกรับน้ำถังจาก sprinkle แหละ มารับน้ำดื่มแบบขวดแก้ว คือด้วยความขี้เกียจแบบขั้นสุด แม้แต่จะกรอกน้ำ หรือล้างขวดน้ำยังขี้เกียจ เราก็วิวัฒนาการมาสู่ขั้นเอาน้ำขวดเข้าตู้เย็น แล้วเปิดมาก็ดื่มจากขวดเลย ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบมาเรียมอีก จะลดขยะพลาสติกได้ก็ต้องมาแบบขวดแก้ว วิธีการไม่ต่างจาก sprinkle แต่อันนี้เป็น คริสตัล มาส่งถึงหน้าห้องเช่นกันแต่มาเป็นลัง ลังละ 24 ขวด สั่งครั้งแรกไว้ 3 ลัง เปลี่ยนทีละ 2 ลัง จะได้มีน้ำดื่มระหว่างรอ ราคาน้ำดื่มยิ่งแพงหนักขึ้นไปอีก ตกขวดละ 3 บาท เวลาไปกินที่ร้านดันขายเราขวดละ 6-10 บาท กำไรเว่อร์มากกก คิดแล้วลิตรละเกือบ 6 บาท มาส่งเสร็จ หน้าที่คือเอาน้ำขวดเข้าตู้เย็น ดื่มเป็นขวด ๆ ไป เอาออกมาดื่มข้างนอก ถ้าดื่มไม่หมดก็เอาฝาเดิมนี่แหละปิดกลับ เอาเข้าตู้เย็นไว้ดื่มใหม่ คราวหน้า อันนี้ดีสุด ๆ ติดต่อผ่านไลน์ได้ ไม่ต้องซื้อคูปองล่วงหน้า สั่ง 2 ลังจ่ายเงินวันส่ง ฝากนิติ หรือแม้แต่จะโอนไปให้คนส่งก็ได้
ข้อเสียของแบบที่สองกับสามคือ คุณต้องมีพื้นที่วางถังเปล่ากับลังน้ำ และราคาแพงกว่าน้ำที่กดตามตู้
ข้อดีคือ ให้ความสบายใจกับตัวผมเอง เรื่องความสะอาด กับความสะดวก
สุดท้ายที่อยากแชร์ ลดการใช้พลาสติก กันครับ บางทีเห็นเพื่อน ๆ ในคอนโดหิ้วน้ำดื่มแบบขวดพลาสติกมาเป็นแพค ๆ แล้ว ก็รู้สึกว่า มันก็สะดวกจริงอยู่ แต่มันก็มีวิธีการอื่นที่อาจจะสะดวกไม่ต่างกันมาก แล้วยังได้ดื่มน้ำที่เราคิดว่าสะอาดปลอดภัยสำหรับอยู่นะครับ แล้วถ้าเทียบราคา ทั้ง 3 วิธีข้างต้นถูกกว่าน้ำดื่มแพคตามร้านค้าหรือร้านสะดวกซื้อแน่ๆ ต่อให้ร้านมีการลดราคาก็ไม่ถูกไปกว่า ขวดละ 3 บาท (600ml) แน่ๆ