ปู่โสมเฝ้าสวน

สวัสดีครับมิตรรักนักเขียนนักอ่าน สำหรับคนที่คุ้นเคยกับลายมือของ เเจ็ค ในสวนถั่ว หรือเเจ็ค ห้องหลอน จะคุ้นกับกลิ่นสาบป่าเรื่องลึกลับ หลอน ๆ         วกเวียนน่าปวดหัว เอาเป็นว่ากระทู้นี้ขอมาแปลกแนวซะหน่อย  เป็นเเนวบ้านสวน มีหลอนนิดหน่อยเอง บรรยากาศจะออกเฮฮามากกว่า มีทั้งฉบับอ่านเอง เเละเสียงอ่านของช่องคุณนานา นักพากย์ชื่อดังจา่กเเชนแนลยูทุป เป็นอีกทางเลือกนะครับ หวังว่าจะเพลิดเพลินกับงานเขียนเรื่องนี้นะครับ
 
............ สามแยกทางเข้าสวนทุเรียน มีแคร่ตัวหนึ่งให้เป็นที่นั่งมั่วสุมของแก๊งสามโทน ก่อนจะถึงยุคโควิดระบาด บ้านเมืองติดล็อกดาวน์  ใครผ่านไปผ่านมา ต้องเอือมระอากับขี้เมาหยำเป  ถ้าเป็นสาว ๆ ขับมอไซด์ผ่าน เป็นต้องเป่าปากร้องแซวเป็นที่สนุกสนาน พอเมามายได้ที่ก็นอนแผ่หลาหมดสภาพ ทั้งคน ทั้งกับแกล้มหล่นเกลื่อนพื้น ให้หมาไอ้มอมมาเลียปาก เป็นภาพที่อุจาดตาแก่ผู้พบเห็น

ละแวกนี้เป็นสวนทุเรียน ราคากำลังดีส่งผลให้ชาวสวนร่ำรวย มีเงินมีทอง หลายสวนเลือกจะจ้างคนงานมาช่วยแบ่งเบาภาระ พอตกเย็นวัยแรงงานจะออกมาซื้อเหล้า ขายดิบขายดีเป็นพิเศษ

มารุตบัณฑิตจบใหม่ไม่ตกงาน ถือสุภาษิตไม่เลือกงานไม่ยากจน มาเป็นลูกจ้างคนสวนกับเพื่อนสนิท คือมนัสหรือไอ้นัส ส่วนเพื่อนรุ่นน้องอีกคนชื่อไอ้มาด เป็นคนละแวกนี้บ้านอยู่ติดวัด ชอบเข้ามานั่งปรับทุกข์ด้วย  รถยนต์หลายคันวิ่งเข้าวิ่งออกจากบ้านสวน มีทั้งรถถกู้ภัย รถตำรวจ 
 
“เฮ้ย ๆ วันนี้เกิดอะไรขึ้นวะ ถึงมีแต่คนเข้าออกบ้านสวนลุงอาจป้าลั่นทม”
 
มนัสสะอึกเหล้าไปทีหนึ่ง ถามขึ้น

“ลุงอาจแก...เสียแล้วพี่  ได้ยินว่าเป็นลมตายในสวน ขายทุเรียนปีหนึ่งได้เงินเป็นล้าน แต่ งกไม่ยอมจ้างคนงาน ทำกับเมียสองคน จนเป็นลมตาย อีกเดี๋ยวคงเอาศพไปไว้วัด  อีกเดี๋ยวฉันก็ต้องไปช่วยงานเป็นลูกมือลุงอินมัดตราสังข์ด้วย”  ไอ้มาดว่าที่สัปเหร่อเอ่ยเสียงอ้อแอ้

“ว่าแต่มีง จะเอาดีทางสัปเหร่อ ตามลุงอินรึไงวะ ไหนว่าสาวไม่แล”

“สาวไม่แล ไม่แย่เท่าไม่มี ดะ..แดร็กนะพี่  เงินใช้ได้  งานมีให้ทำไม่ขาดเลย  คนทำอาชีพนี้มีน้อย  นี่ลุงอินจะเกษียณอยู่แล้ว ขอให้ผมมาทำแทน ถ้าพวกพี่สนใจละก็  มาช่วยฉันเผาศพด้วยมั้ยล่ะ มีแบ่งเงินให้ด้วยนะ”

“ไม่เอาล่ะ ย่านผี”

มารุตลากเสียงยาว ก่อนจะเรอเหล้า  สะอึกมาทีหนึ่ง

“ไหนว่าไม่เลือกงาน ไม่ยากจนไงวะ ไอ้คุณมารุต”

มนัสรินเหล้าใส่แก้วเป๊กให้เพื่อน ก่อนดื่ม หาหยิบมะม่วงหล่นตามพื้นแถวนั้นมาถูกับขากางเกง ทุบให้แตก กัดกินแกล้มเหล้า แล้วก็ต้องครางซี้ด เพราะเปรี้ยวเข็ดฟันถึงใจ

“กูจบการตลาดมานะโว้ย ส่งใบสมัครงาน จะให้กรอกประวัติ คุณสมบัติพิเศษเผาผีหรือไงวะ ปั๊ดโธ่”

แดดอ่อนแสง เวลาเข้าโพล้เพล้ จิ้งหรีดในสวนผลไม้ส่งเสียงขับขาน รถซีอาร์วีชะลอรถผ่านหน้า เข้าไปในบ้านสวน หญิงสาวในชุดนักศึกษา ที่นั่งข้างคนขันเลื่อนกระจกลง ทำเอามารุตมองตาค้าง ไม่ใช่แค่ความสวยผุดผาดบาดตา เธอยังเป็นรุ่นน้องในคณะด้วย  

“ทำไมน้องษา มาที่นี่ได้ ไอ้นัสเอ็งรู้มั้ย”

“คุยกันแค่นี้  ทำไมมีงต้องดัดเสียงหล่อด้วยวะ จำสลับกับน้องษา  ร้านคาราโอเกะเจ้ณีรึป่าว”  

“ม้าย ๆ น้องษาแฟนกู จำได้แม่น”

มนัสครางฮึ๋ย  ไอ้เพื่อนเมาแล้วเพี้ยน

“ก็นั่นน่ะ น้องอุษา น้องสาวไอ้เจ้าธารินทร์  เป็นลูกของลุงอาจกับป้าลั่นทม  ป้าแกชอบละครเรื่องสุสานคนเป็น เลยตั้งชื่อลูกชายลูกสาว ตามพระเอกนางเอกในเรื่อง พ่อเสียทั้งทีก็ต้องมา  แล้วมีงไปรู้จักน้องเค้า  ตั้งเเต่เมื่อหร่าย...วะ” 

มนัสมองด้วยสายตาหยาดเยิ้มไปด้วย  ไม่เจอหน้าพักใหญ่ น้องอุษาสวยขึ้นมาก  แต่ไม่ค่อยกินเส้นกับคนขับคือ   ธารินทร์ พี่ชายของอุษา ลุงอาจกับป้านวลมีลูกสองคน กำลังเรียนอยู่ในชั้นอุดมศึกษา

“จุ๊ ๆ อย่าเอ๊ะไป คนนี้กูจองมานานแล้วโว้ย”

“งั้นเหรอ”

มนัสเล่นลิ้น 

ไอ้มาดดื่มไปได้สองแก้วเริ่มมึน เอากำปั้นทุบขมับดังปึก ๆ แล้วสั่นหัวดิก 

“อย่าเลยพี่ เดี๋ยวเขาไปฟ้องลุงเหลิมหัวหลิม นายจ้างพวกพี่จะซวยเอา พวกพี่แซวสาว จนชาวบ้านรำคาญ ฉันก็พลอยซวยไปด้วย จะเป็นสัปเหร่อ ชาวบ้านไม่นับหน้าถือตาไม่ได้นา”

“เดี๋ยวปั๊ด ถีบหงายหลังลงแคร่ ไอ้นี่ แล้วคราย... มันเป่าปากปรี้ด ๆ ก่อนทุกที”

มารุตบอกพอ ๆ อย่าไปทำน้องมัน 

“กูขอพอก่อน  เดี๋ยวจะเมาจนหมดสารรูป  คืนนี้กูต้องไปร่วมงานศพพ่อตา”

พอพูดจบมารุตก็เดินหัวเอียงกลับเข้าหอ อาบน้ำแปรงฟันให้สร่างเมา มนัสร้องโธ่เว้ย เอามะม่วงปาไล่หลัง  มารุตมันหน้าตาดี เกรงจะเอาจริงตามจีบน้องษา 

บรรยากาศบ้านสวนช่วงหัวค่ำ  นอกจากไฟกิ่งหน้าบ้านพักคนงาน รอบตัวมืดครึ้มด้วยไม้ยืนต้น พอมีรถยนต์แล่นผ่านมาที  จึงเห็นร่างของมนัสกำลังนั่งดีดกีต้าร์โปร่งครวญเพลงตามประสาคนเมาอยู่บนแคร่ตัวเดิม  ส่วนไอ้มาดขอตัวไปช่วยงานลุงอินทำศพ  พอมนัสหันมาอีกก็เห็นหนุ่มในเชิ้ตขาว กางเกงขากระบอกสีดำ ผูกไทด์สีดำ หวีผมได้ทรง ดูหล่อเหลาขึ้นผิดตา

“เฮ้ยไอ้รุต มีงเอาจริงรึวะ”

“ก็เออสิวะ น้องษารุ่นน้องในคณะกูนะโว้ย จีบตั้งแต่น้องอยู่ปีหนึ่ง พอกูเรียนจบ กำลังเครียดเรื่องหางาน เลยไม่ได้ติดต่อน้องเค้า พึ่งมารู้ บ้านอยู่แถวนี้ ต้องรีบไปแสดงความเสียใจหน่อยแล้ว”

“ละแล้ว... เค้าจะสนมีงหรือวะ มันลูกจ้างคนสวนนะโว้ย”

“กูทำงานพาร์ทไทม์โว้ย”   

“เออ มีงไป โดนไอ้ธารินทร์กระทืบมา อย่าเรียกกูไปช่วย ไอ้นี่มันชอบดูถูกคน”

คนนิสัยหมาหวงก้าง ทำได้แค่ชูมะม่วงให้ดู จะปาไล่หลัง มารุตหัวเราะเอิ้กอ้าก ซอยเท้าวิ่งข้ามถนนมุ่งหน้าไปวัด  ที่เห็นหลังคาอุโบสถ ปล่องเมรุ เหนือยอดไม้  เดินอึดใจเดียวก็ถึง

ในศาลาสวดศพ บรรดาแขกเหรื่อทยอยมาร่วมงาน พอเสร็จจากพิธีรดน้ำศพ เป็นหน้าที่ของลุงอินสัปเหร่อมัดตราสังข์โดยมีหลานชายเป็นลูกมือ ก่อนจะนำร่างอันไร้วิญญาณไปบรรจุใส่โลง

ลั่นทมเป็นภรรยาที่รักสามีมาก จนถึงเวลานี้ยังร้องไห้  ตีอกชกตัว ฟูมฟายเหมือนขาดสติ บอกพี่อาจยังไม่ตาย อย่าเอาเขาใส่ไปในโลง  ลูกชายกับลูกสาวต้องเข้าไปห้าม 

“โธ่เอ๋ย พ่อไม่น่าจะอายุสั้นเลย ฮือ..ฮือ..โฮ”

“แม่! พ่อเสียแล้วนะครับ  ทำใจได้แล้ว”

ธารินทร์เข้ามายื้อแม่ไม่ให้ทำร้ายตัวเอง

“ไม่จริง!  พ่อเขายังไม่ตาย!”

ลูกสาวทนเห็นภาพสะเทือนใจไม่ไหว เป็นลมล้มพับไปอีกคน คนในงานต่างร้องเรียกให้ช่วย

“อ้าว...ช่วยกันประคองหนูษาไว้เร็ว!”

เมื่ออุษารู้สึกตัวขึ้นมาเธอก็เห็น ธารินทร์ผู้เป็นพี่ชายกำลังจ้องมองเธออยู่ด้วยความเป็นห่วง

“อ้อ ฟื้นแล้วหรือ ยัยษา”

“พี่ ธารินทร์ แล้วแม่ล่ะ แม่ดีขึ้นยัง”

“พวกลุงป้าน้าอา กำลังช่วยปลอบใจอยู่ ว่าแต่ษาดูแลตัวเองด้วย นี่กินอะไรมาหรือยัง”

“ฉัน.... ฉันกินอะไรไม่ลงจ้ะพี่ จนป่านนี้ฉันยังไม่รู้เลย พ่อเสียด้วยสาเหตุอะไร”

น้ำตาของน้องสาวร่วงผล็อย 

“พ่อเป็นลมตายในสวน อากาศช่วงนี้ร้อนมากด้วย   แม่ป่วยนอนพักในบ้าน ไม่ได้อยู่ด้วยตอนพ่อเสีย กว่าจะมีคนมาเจอพ่อก็เสียไปได้ค่อนวันแล้ว ถ้าเจอเร็วกว่านี้คงพาส่งโรงพยาบาลช่วยชีวิตได้ทัน  คงเหตุนี้ทำให้แม่เสียใจมาก”

อุษานั่งซึม พอหันไปเห็นผู้เป็นแม่ยังไม่ได้สติ เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากแม่มีความรักอาลัยในตัวพ่อมาก  บางครั้งอยู่ในสภาพดูคล้ายคนบ้าคลั่ง อุษาต้องแข็งใจ กลับมาเข้มแข็ง 

“พ่อจ๋า พ่อกลับมารับแม่ไปอยู่ด้วยเถอะพ่อจ๋า ฮือ..ฮือ”

ลั่นทมจะเฝ้าเดินวนเวียนไปเคาะโลงศพครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนปากก็พูดรำพันไปต่าง ๆ นานา เป็นภาพที่ดูแล้วน่าเวทนาสงสารยิ่งนัก

ก๊อก ก๊อก

“พ่อ..พ่อเอ๊ย พ่อลุกขึ้นมาคุยกับแม่บ้างสิ ลุกขึ้นมากินข้าวกินปลาเสียทีซิ พ่ออย่าพึ่งตาย ถ้าพ่อตายแล้ว แม่จะอยู่ได้อย่างไรเล่าพ่อเอ๊ย ฮือ..ฮือ..”

อุษาได้ยินคำอันกินใจของแม่ก็ให้เกิดความสงสารแม่ของตนมาก จนเป็นลมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ยัยษา เป็นลมไปอีกแล้ว  มาช่วยกันหน่อยเร็ว”

ลุงเฉลิมเห็นแล้วหนักใจแทน ได้ออกปากท่ามกลางหมู่ญาติว่า

“สวดสามคืนแล้วเผาดีกว่า ถ้าขืนเอาศพไว้หลายวัน ฉันว่าแม่ลั่นทม คงจะตายไปอีกคนหนึ่งเป็นแน่”

“นั่นน่ะสิลุงเฉลิม”

พวกญาติต่างเห็นดีด้วย  แต่พอลั่นทมรู้เรื่องนี้เข้าเท่านั้นกับร้องกรี๊ด

“ไม่เอา ไม่เผา อย่าเผาศพพ่อนะ เดี๋ยวเขาร้อน ฮือ..ฮือ..”

ลุงป้าน้าอา หัวหงอกก็เยอะ เข้ามาช่วยปลอบใจ และให้เหตุผล

“โถ..ถ้าไม่เผาแล้ว จะให้ทำอย่างไรล่ะ อาจเขาตายไปแล้วนะลั่นทม”

“ไม่เอาฉันไม่ยอม.. ฉันสงสารผัวฉัน ฉันกลัวเขาจะร้อน ฮือ..ฮือ..ฮือ..”

“แม่ลั่นทมเพี้ยนหนักแล้ววุ้ย”

ญาติ ๆ จึงปรึกษากัน ต้องไปนิมนต์หลวงพ่อเจ้าอาวาสมาพูด

“เอาอย่างนี้ละกัน  พวกเราจะไปปรึกษากับหลวงพ่อกันดีกว่าไหม  ถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้ แม่ลั่นทมจะแย่เอา”

“เออ... ก็ดีเหมือนกันว่ะตาเหลิม”

แล้วญาติๆ ของผู้ตายก็พากันไปปรึกษากับหลวงพ่อ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส จากนั้นหลวงพ่อก็จำเป็นต้องออกโรงมาพูดกับลั่นทม  ถือไม้เท้าเคาะกับพื้นศาลาดังก๊อกแก๊ก  แรกทีเดียวลั่นทมก้มลงกราบอย่างงาม  เหมือนเห็นผ้าเหลืองแล้วได้สติ แต่พอหลวงพ่อเอ่ยปากเรื่องให้เผาศพ  ท่าทีของลั่นทมกลับมาเหมือนเดิมอีก ยังยืนยันไม่ให้เผาศพ

“จะเผาไม่ได้!  อาจเขาจะร้อนค่ะ”

“คนตายไปแล้วก็ต้องเผาสิ  โยมอาจจะได้ไปสู่สุขคติ”

แต่ทว่าลั่นทมก็ยังคงยืนกรานเช่นเดิม  ไม่ยอมให้เผาอยู่นั่นเอง

“เฮ้อโยมเอ๋ย โยมต้องหัดทำใจและเข้าใจในสัจธรรมของชีวิตบ้างนะ โยมอาจเขาตายไปแล้ว  ตอนนี้ก็เหลือแต่เพียงร่างอันไร้วิญญาณ เก็บไว้จะเป็นภาระ  เห็นแล้วจะสะเทือนใจเปล่านะโยม”

“ฉันให้เผาไม่ได้ อาจเขาจะร้อน..”

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่