JJNY : พท.เปิดธีมประชุมใหญ่ เพื่อชีวิตใหม่ปชช.│ก้าวไกลประชุมใหญ่คึก│คนไทยแห่ลุยกองทุนหุ้นจีน│น้ำป่าเขาใหญ่ยังท่วมลาม

เพื่อไทย เปลี่ยนแบ๊กดร็อปใหม่ ลายมือทักษิณ เปิดธีมประชุมใหญ่ เพื่อชีวิตใหม่ปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_2993695


“เพื่อไทย” เปิดธีมประชุมใหญ่ “พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ชวนนับถอยหลังสู่พรุ่งนี้ที่ดีกว่าวันนี้ ยกลายมือ “ทักษิณ” เปลี่ยนแบ๊กดร็อปพรรค
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคพท. แถลงว่า ภายใต้วิกฤตของประเทศไทยในปัจจุบัน  ปัญหาสุขภาพจนระบบสาธารณสุขเข้าสู่ภาวะวิกฤต เศรษฐกิจติดลบ และ ประชาธิปไตยถูกพรากไปจากมือของประชาชน คนไทยกำลังจมดิ่งอยู่ในหุบเหวแห่งความสิ้นหวัง ยากจน ตกงาน หนี้สินล้นพ้นตัว ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น นักศึกษาจบใหม่มองไม่เห็นอนาคต
 
ตลอดจนความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศหดหาย ภายใต้สถานการณ์วิกฤตแบบนี้ในทุกๆปัญหาพรรคพท.มองเห็น เราต้องการสร้างความหวัง สร้างนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องประชาชนอีกครั้ง คืนเงินในกระเป๋า คืนสุขภาพที่ดี คืนศักดิ์ศรี คืนประชาธิปไตยสู่ประชาชน เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าวันนี้ และอนาคตที่ดีกว่านี้
 
ดังนั้น ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคพท. วันที่ 28 ตุลาคม 2564 ที่ จ.ขอนแก่น จึงจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทวงคืนคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าวันนี้ กลับคืนสู่คนไทยทุกคน พร้อมกันนี้ยังมีการจัดงานในรูปแบบใหม่ ผู้เข้าร่วมประชุมจะได้พบกับการแสดงวิสัยทัศน์จากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้เชี่ยวชาญ และบุคลากรมากความสามารถจากพรรคเพื่อไทยที่จะร่วมกันปลุกความหวัง คืนความฝันให้กับคนไทยทุกคน
 
พร้อมการแสดงสุดพิเศษจาก ส.ส. และสมาชิกพรรค ที่จะเป็นการดิสรัปต์การประชุมใหญ่พรรคการเมืองอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook พรรคพท. ตั้งแต่เวลา 09.30-12.00 น. เพื่อเปิดกว้างให้ประชาชนและผู้ที่สนใจได้มีส่วนร่วมรับชมการแสดงด้วย
  
น.ส.อรุณี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ขอเชิญชวนประชาชนเปลี่ยนภาพปกเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์พร้อมกันในวันนี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนับถอยหลังไปสู่จุดเริ่มต้นของเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ หน้าจอแอลอีดีหน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย สำนักงานใหญ่ ถ.เพชรบุรี ยังได้เปลี่ยนภาพธีมงานประชุมใหญ่พรรค ซึ่งจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคมเป็นต้นไป
 
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พรรคพท.ได้เปลี่ยนแบ๊กดร็อปของพรรค โดยเฉพาะในบริเวณห้องแถลงข่าวเป็นพื้นสีแดงสดเพียงสีเดียว พร้อมข้อความซึ่งเขียนด้วยตัวอักษรสีขาวทั้งหมดว่า “พรรคเพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ด้วย ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในส่วนของคำว่า “พรรคเพื่อไทย” นั้น เป็นข้อความที่เขียนด้วยลายมือของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ


 
ก้าวไกล ประชุมใหญ่คึก 'พิธา' ขอสลัดสูท ปรับลุคลงสนาม ลั่นยิ่งทุบ คุณภาพยิ่งเพิ่ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_2993552
 
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ (KICE) จ.ขอนแก่น พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2564  โดยมีกรรมการบริหารพรรค ตัวแทนประจำจังหวัดจากทั่วประเทศบางส่วน สมาชิกพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แถบภาคอีสาน รวมทั้งหมดประมาณ 500 คน
 
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มประชุมในช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 08.00- 09.00 น. ได้มีการตรวจคัดกรองผู้ร่วมงานด้วยวิธีสวอบเทสต์ แบบ ATK ที่บริเวณลานด้านหน้าทางเข้าอาคาร
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อ ส.ส.ที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าประชุมใหญ่ส่วนใหญ่เป็นคนที่ประกาศชัดเจนว่า จะไม่ไปต่อกับพรรคก.ก. ได้แก่ นายคารม พลพร
กลาง
 ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. นายพีรเดช คำสมุทร ส.ส.เชียงราย และ นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย
 
จากนั้น เวลา 09.45 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2564 ของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้กล่าวเปิดประชุมตอนหนึ่งว่า นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกันแบบนี้ หลังเจอกับวิกฤต โควิด -19 และการบริหารจัดการแบบคาราคาซัง ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะได้มาใกล้ชิดกันแบบนี้ อาจจะรู้สึกห่างเหินกันไปบ้าง
 
อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกดีใจ ต่อการเดินทางของพรรคก.ก. ในความคิดของตนเมื่อเปรียบเทียบกับปีแรก กับปีที่ 2 มีทั้งเรื่องที่ยังเหมือนเดิม และมีเรื่องที่แตกต่างกันไป เรื่องที่เหมือนเดิม และต้องทำให้ชัดเจนมากขึ้นคือแนวทางในการทำงานแบบพรรคก.ก. คือการทำงานทางการเมืองแบบสร้างสรรค์ ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ การทำการเมืองแบบระยะยาวไม่ใช่แค่ต้องการหวังผลการเลือกตั้งครั้งต่อไปเท่านั้น และการทำงานแบบไม่ใช่พรรคของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ให้มีส่วนร่วมให้มากยิ่งขึ้น โดยขอยืนยันกับทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมนี้ว่า ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเหมือนอดีตพรรคอนาคตใหม่
 
นายพิธา กล่าวว่า ในปีนี้และปีที่แล้วจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะปีที่แล้วจะเป็นสมรภูมิอยู่ที่สภาฯ แต่ปีนี้อยู่ที่สังคม ซึ่งปีที่ผ่านมา ตนมีความตั้งใจว่า จะทำงานและใช้ทรัพยากรที่มีเพื่อลบคำสบประมาท ว่า เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ พรรคก.ก. ไม่มีที่ยืน มีงูเห่า มีคนย้ายพรรค ถูกมองว่า ไม่มีทางที่จะอภิปรายงบประมาณ รัฐธรรมนูญ สู้พรรคอื่นเขาได้ มองว่า คุณภาพจะลดลง เราจึงทำทุกวิถีทางที่จะพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นในสภาฯ ว่า แม้ว่าจะทุบ คุณภาพจะไม่ลดลง แต่คุณภาพจะเพิ่มขึ้น อภิปรายให้แหลมคมและดุดันมากขึ้น
 
หัวหน้าพรรค ก.ก. กล่าวต่อว่า ปีที่แล้วเป็นเรื่องการประท้วงในสภา แต่ปีนี้จะเป็นการปูรากฐานแห่งความเปลี่ยนแปลง ปีที่แล้วเห็นตนใส่สูทพูดในสภา แต่ปีนี้จะเห็นใส่ชุดม่อฮ่อม ผูกผ้าขาวม้า กินซอยจุ๊ อูเพี้ยะ ซึ่งหมายความว่า จะกลับไปสู่รากฐานตั้งแต่ที่เริ่มเข้ามา ตั้งแต่การเป็นอดีตพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งสมาชิกพรรคนั้น จะเป็นรากฐานสำคัญ ส่วนส.ส.พรรคจะเป็นรากฐานสำคัญของการเมืองที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
 
“ในการประชุมครั้งนี้ ขอให้สมาชิกพรรค ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าแลกเปลี่ยนทักทาย สามัคคีกัน พยายามทำงานให้เหมือนที่ทุกคนฝัน ขอให้นึกถึงตอนนั้นให้ดีที่สุด และใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันในวันนี้ให้คุ้มค่าที่สุด” นายพิธา กล่าว


 
คนไทยแห่ลุยกองทุนหุ้นจีน ไม่หวั่นปัญหา เอเวอร์แกรนด์-รัฐคุมเข้มเอกชน
https://www.bangkokbiznews.com/business/966186

"มอร์นิ่งสตาร์" เผยคนไทยแห่ลงทุน "หุ้นจีน" สบช่องเอเวอร์แกรนด์-รัฐคุมเข้มเอกชน กดดันตลาดปรับฐาน พบไตรมาส 3/64 เงินไหลเข้าสุทธิ 7.5 พันล้าน และมีมูลค่าทรัพย์สินรวมที่ 1.7 แสนล้าน นำโดยบลจ. กสิกรไทย มีมูลค่ารวม 3.9 หมื่นล้าน รองมาเป็น บลจ.กรุงไทย มูลค่ารวม 2.7 หมื่นล้าน
 
"มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช ประเทศไทย"  รายงานภาพรวมกองทุนรวมไตรมาส 3 /2564  สำหรับ "กองทุนรวมต่างประเทศ (ไม่รวม Term Fund)"  พบว่า  มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% จากไตรมาสที่ 2 หรือ 50.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยไตรมาสล่าสุดมีเงินไหลเข้าสุทธิ 5.6 หมื่นล้านบาท รวม 9 เดือนเป็นเงินไหลเข้าสุทธิ 2.5 แสนล้านบาท
      
"ตลาดหุ้นต่างประเทศ" อาจมีความผันผวนมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาแต่ในภาพรวมนักลงทุนยังทยอยลงทุนต่อเนื่อง โดยในไตรมาสล่าสุดมีเงินไหลเข้าสุทธิกองทุนหุ้นต่างประเทศ 4.7 หมื่นล้านบาท รวม 9 เดือน 2.3 แสนล้านบาท ด้านกองทุนตราสารหนี้มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 9.7 หมื่นล้านบาท ลดลง 2.5% จากไตรมาสก่อนหน้า มีเงินไหลออกสุทธิ 3.6 พันล้านบาท ทำให้มีสัดส่วนลดลงต่ำกว่า 9% ของการลงทุนกองทุนต่างประเทศ (ไม่รวม term fund)

นักลงทุน สบโอกาสเข้าลงทุน "หุ้นจีน"

ช่วงมีปัญหาเอเวอร์แกรนด์-รัฐคุมเข้มเอกชน  
 
จากการที่กองทุนต่างประเทศมีมูลค่า "กองทุนหุ้นจีน" เป็นสัดส่วนสูง ปัจจัยเชิงลบที่เกิดขึ้นกับหุ้นจีน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นความปลอดภัยของข้อมูลที่เกิดขึ้นกับ Didi การออกกฎให้สถาบันการศึกษาเป็นหน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไรที่ส่งผลโดยตรงกับสถาบันกวดวิชาหลายแห่ง การจำกัดเวลาเล่นเกมส์กับเยาวชนจีน มาจนถึงการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande)  ทำให้บรรยากาศการลงทุนหุ้นจีนได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก
 
โดยในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมานนี้ กองทุนหุ้นจีนมีผลตอบแทนต่ำที่สุดหรือเฉลี่ย -13.9% แต่อย่างไรก็ดีนักลงทุนอาจ มองเป็นโอกาสการลงทุน ทำให้ในไตรมาสที่ผ่านมามีเงินไหลเข้าสุทธิ 7.5 พันล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินลดลง 10.7% จากไตรมาสก่อนไปอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท หรือลงมาอยู่อันดับที่สองในหมวดกองทุนต่างประเทศ
      
โดย 9 เดือนแรก ของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย. 2564 ) จำนวน  2 ใน 3 ของเงินลงทุนหุ้นจีนมูลค่า 1.7 แสนล้านบาท เป็นเงินลงทุนสูงสุดใน 5 บลจ. ดังนี้ 
นำโดย บลจ. กสิกรไทย มีมูลค่ารวม 3.9 หมื่นล้านบาท โดยมีเงินไหลเข้าในปีนี้รวม 2.4 หมื่นล้านบาท
 
ตามมาด้วย บลจ.กรุงไทย มูลค่ารวม 2.7 หมื่นล้านบาท จากเงินไหลเข้าสุทธิ 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินไหลเข้าในไตรมาสแรกและเริ่มมีเงินไหลออกในไตรมาสล่าสุด
 
ทางด้าน บลจ.ทหารไทย มีมูลค่าทรัพย์สินอันดับ 3 และมีเงินไหลเข้าน้อยกว่า บลจ. อื่นใน 5 อันดับแรก อีกทั้งผลตอบแทนที่ติดลบในปีนี้ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินหดตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
      
ในช่วงที่เกิดข่าวเชิงลบเกี่ยวกับจีนนั้นแต่ละกองทุนอาจได้รับผลกระทบที่มากน้อยแตกต่างกัน หากอ้างอิงกลุ่มกองทุนของ Master fund จะสามารถแบ่งได้ดังนี้ EAA Fund China Equity (จีนและฮ่องกง), EAA Fund China Equity - A Shares, EAA Fund Greater China Equity (จีน ฮ่องกง และไต้หวัน) และ US Fund China Region ซึ่งเป็น ETF ในสหรัฐ โดยกองทุนที่เน้นลงทุนหุ้น A-shares จะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่าหรือมีผลตอบแทนเฉลี่ยรอบไตรมาสล่าสุดที่ -9.1% ขณะที่กองทุนที่ลงทุนในฮ่องกงด้วยจะมีผลตอบแทนแย่กว่า และกลุ่ม ETF จะมีผลตอบแทนติดลบมากที่สุดเฉลี่ย -19.3% เนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของจีน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่