2 วัน 1 คืนฝ่าโคลน บุกภูกระดึง ในวันแรกที่เปิดให้เดินขึ้น
เราไปคนเดียว เป็นครั้งแรกด้วย  ไม่เหงาเลย ใครยังไม่เคยไป หรือใครไปมาแล้ว 
เราจะมาเล่าประสบการณ์ ขึ้นภูกระดึง ครั้งแรก ของเราฮะ  
ก่อนอื่นฝากกดติดตาม เพจน้อยๆของเราด้วย https://web.facebook.com/calaminetrip   

***ตอนที่ 2 เชียงคานมาแล้วว  >>>  https://ppantip.com/topic/41040437




ย้อนความนิ๊ดดด นะฮะ ประเด็นที่เราอยากมา ภูกระดึง คือเราอยากไปถ่ายรูปกับผาหล่มสัก เพราะฝังใจว่าเห็นรูปนี้เป็นโปสเตอร์ที่ขายตามตลาดนัดตอนเด็กๆ  และคลาดเคลื่อนไม่ได้ไปซักที พอเห็นข่าวว่าภูเปิด ก็เลยตัดสินใจไป 
ซึ่งอย่างที่บอกเป้าหมายคือผาหล่มสัก เพราะฉะนั้น คิดว่า 2 วัน 1คืนน่าจะพอแล้ว
ส่วนที่เที่ยวอื่นๆ ถ้าทันไปก็ไป ไม่ได้ไปก้ไม่ได้ซีเรียสอะไร ถ้าถ่ายรูปกับผาหล่มสีกได้แล้ว ก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายละฮะ^^
มาคับ เดินทางไปด้วยกัน^^ 


1. การสมัคร  
ให้ไปลงชื่อให้  App QQ  เขารับวันละ 1,000 คน รับจาก  QQ 700 อีก 300 welk in ครับ
เมื่อไปถึงหน้าอุทยานจะมีเจ้าหน้าที่แนะนำ ให้ทุกอย่างตั้งแต่เริ่มก้าวขาเข้าภู  ไม่ต้องกลัวนะคับ

2. การเดินทาง 
ช่วงที่เราไปน้ำท่วมชัยภูมิ และยังไม่มีรถเดินทางตอนกลางคืน เพราะยังอยู่ช่วงเคอร์ฟิว และเราไม่มีรถจึงต้องใช้วิธีการเดินทางดังนี้ 
- กรุงเทพฯ นั่งรถทัวร์ รอบ 10โมง เพื่อไปถึง ภูกระดึงตอนบ่าย 3  แต่พอมีน้ำท่วม
รถจะต้องอ้อมหนีนำท่วม จึงอาจจะถึงผานกเค้า มืดเลย  เราเลยเปลี่ยนแผน....เป็นแบบนี้คับ 

จากรุงเทพ นั่งเครื่องลง ขอนแก่น และต่อรถทัวร์ไป (วันพฤ ไม่มีเครื่องลง จ.เลย )  
เราถึง บขส. บ่ายโมง รีบซื้อตั๋ว กินข้าวขึ้นรถ  
แต่!! เหมือนฟ้าแกล้ง รถทัวร์ดันมาเสีย ที่ อ.หนองเรือ เกือบ 2 ชม. เกือบเรียกแท็กซี่ ไปส่งแล้ว เขาคิดราคา1,800 บาท  แต่รถดันซ่อมเสร็จก่อน  
สรุป ถึงร้านเจ๊กิม ผานกเค้า เกือบ6 โมงเย็น 
เราเจอนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นภูกันประมาณ 5 คน กลุ่มแรก นอนแถวร้านเจ๊กิม จะขึ้นรถเขาอุทยานในตอนเช้า 
ส่วนที่เหลือ(รวมเรา) เหมารถ2แถวไปส่ง ในอุทยาน คนอื่นเอาเต็นท์ มานอนแถวอุทยาน (นอนฟรี) 
ส่วนเราจองทีพักไว้ เลยให้เขาไปส่งที่พัก  และนัดให้มารับตอน7โมงเช้า  (ส่วนขากลับเราขึ้นเครื่องกลับจากเลย เพราะจะไปเชียงคานต่อ )


นั่งรถเมืองเลยมา รถมาเสียกลางทาง เสียเวลาไปอีก 2 ชั่วโมง 


ถึงผานกเค้า เริ่มมืดแล้ว มีนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นภูพรุ่งนี้ นั่งรอรถสองแถวอยู่ ร้านเจ๊กิม (ฝั่งตรงข้าม) 
**** ทางร้านได้โพส FB ว่า ช่วงไหนที่คนเยอะ หรือช่วงเทศกาล
ร้านจะเปิดให้นอนกางเต็นท์ที่บริเวณร้าน  เพื่อรอขึ้นรถไปขึ้นภูตอนเช้า  น่ารักจัง^^

บรรยกาศ ตรงย่านชุมชน แวะซื้อของก่อนเข้าที่พัก 

1.     ที่พัก 
เราจองที่พัก ที่ใกล้อุทยาน (ปรากฏว่า ไม่ใกล้เท่าไหร่ ชื่อ ภูน้ำฟ้า ค่าห้อง 1,000 บาท   
ข้อดีคือ ที่พักติดอ่างเก็บน้ำ(มั้ง)  ช่วงพระอาทิตย์ตกจะสวยมาก แต่เรามาเลทไง เลยไม่ได้เห็น (เศร้ามาก )
ทั้งที่จองมาพักที่นี้เพื่อสิ่งนี้  ส่วนห้องก็ธรรมดา เหมือนห้องพัก ตจว.ทั่วไป   
**นอนที่ไหนก็ได้ ใกล้ๆอุทยาน เพราะท้ายที่สุด เราต้องจ้างรถมารับอยู่ดี 
หรือใครอยากลุยเอาเต็นท์มานอนรอก่อนขึ้นก็ได้นะฮะ 
สำหรับที่พักด้านบน ทางอุทยานบริการเต็นท์ให้นะฮะ 


ด้านหน้าที่พัก จะเป็นคล้ายอ่างเก็บน้ำ คือถ้าพระอาทิตย์ตกจะสวยมาก แต่รถเสียไป2 ชั่วโมง มาไม่ทัน อดถ่ายเลย><

มาเริ่มเดินทางกันเลย 
·   เช้าวันที่1  เราตื่นเตรียมตัว โทรเรียกรถ 2 แถวมารับที่ห้องพัก  เหมาไปเอง ถึงหน้าอุทยาน 240  บาท
·   ถึงจุดทางขึ้น ซื้อตั๋วโดยมีเครื่องกดตั๋วอัตโนมัติ มีเจ้าหน้าที่แนะนำ จากนั้นขึ้นรถเข้าไปจุดคัดกรอง  
เอกสารการฉีดวัคซีน เอกสารการจอง ถ้าจองเต็นท์ จองลูกหาบก็สามารถจองที่นี้ได้เลย 
· เริ่มเดิน!!!!   เรามาช่วงนี้ ฝนตก ก้อนหินจะลื่นๆหน่อย ให้ระวังกันนะฮะ  
ไม้เท้าสำคัญมาก เอาไว้ช่วยเราเดินทั้งขึ้นและลง ช่วยได้มาก  จะมีเรียงๆไว้ตอนก่อนขึ้น 



· ซำแฮก  
บอกเลยอันนี้โหดสุด  เพราะเดินขึ้นๆๆๆ อย่างเดียว ใครเดินเช้าก็ดีหน่อย อากาศไม่ร้อน
ส่วนใครตื่นสายก็จะร้อนๆเปียกๆ 5555 ขนาดเราเดิน 8 โมง ยังร้อนเลย
และขอบอก ซำแฮก คือ แฮก สมชื่อ เพราะร่างกายมันยังปรับไม่ทัน มันจะเหนื่อยมากๆ  
เราเกือบถอดใจ ถามตัวเอง กูมาทำไมวะ !!   และที่เขาบอกว่า แตงโม ซำแฮก อร่อยที่สุด คือเรื่องจริง!! 
พอถึงที่ร้าน สั่งมากิน ดีงามสุดๆๆ  จะบอกว่า ผ่านซำนี้ไป จากนั้นก็จะดีขึ้นละ เพราะร่างกายเราเริ่มปรับตัวละจ๊ะ  

** ระหว่างเรานั่งกินแตงโมอยู่นั้น ได้ยินพี่ผู้ชายคุยกับพี่ผู้หญิงซึ่งน่าจะเป็นแฟนกัน บอกว่าเดี๋ยวเราถึงท่าแปแล้ว ไปผาหล่มสักต่อ ยังไม่ต้องไปที่ลานกลางเต็นท์ เราหูผึ่งเลยจ้า เลยยิ้มหวานๆ แล้วถามพี่เขาว่าต้องไปทางไหน พี่เขาบอกว่า ถึง ‘ท่าแป’ แล้วเลี้ยวซ้ายเลาะหน้าผาไปเลย  ไม่ต้องตรงไป เพราะตรงไปคือลานกลางเต็นท์ เราบอกพี่เขาว่า OK เจอกันนะพี่

 



· ซำกกกอก   แวะ ทุกซำ 55555 ซำนี้เราแวะดื่มสปอนเซอร์กับมะนาวโซดา เพราะเสียเหงื่อมาเยอะมากก   
เห็นร้านแรก ซ้ายมือ แล้วนั่งเลย  จะบอกว่าป้าแม่ค้าน่ารักมากๆๆ บอกไม่ซื้อก็มานั่งล้างหน้าล้างมือได้
เราสั่งน้ำไป แล้วเราจ่ายเป็นแบงค์พัน  ป้าบอกไม่มีทอน เราโอนได้ได้นะ ป้าบอก ไม่เป็นขาลง ค่อยมาจ่าย  
เราเลยบอกว่า งั้นขาลงจะมากินข้าวร้านป้านะ 

ซำกกหว้า  เราแวะทานข้าวที่นี้   เริ่มเห็นวิวเมือง ข้างล่างแบบชัดๆ  มันเหนื่อยมันเลยไม่ค่อยหิว 
แต่ต้องกินเพราะเที่ยวแล้ว กลัวหมดแรง สั่งข้าวไข่จียวมา พร้อมขอชาร์จแบต 
ปรากฏว่า ไฟฟ้าที่นี้เป็นโซล่าเซลล์  วันนี้ไม่มีแดด เลยชาร์จไม่ได้><

· ซำกกไผ่ -  ซำกกโดน  จากนี้ทางเริ่มเรื่อยๆละ ไม่โหดเหมือนซำแฮก เราก็เดินแวะตามซำ
พักถ่ายรูป เข้าห้องน้ำ  หายเหนื่อยละเดินต่อ ถามว่าเดินคนเดียวเหงามั้ย ก็ไม่เหงานเท่าไหร่ เจอคนเดินผ่าน ก็จะยิ้มทักทายกันไป

· ซำแคร่  มาเดินขึ้นเขา เหนื่อยๆอีกทีคือที่นี้ มีบันไดให้เดินขึ้น  และทางก็ชัน บันไดทางชัน
บันไดทางชัน บันไดทางชัน ไปเรื่อยๆ 55555 เดินขึ้นอย่างเดียว
ใครที่ไม่ได้เตรียมตัวมา มาถึงที่นี้ก็จะเหนื่อยมากกก หลังจากพ้นด่านนี้แล้ว ก็สบายละคับ^^   

แล้วในที่สุดเราก็มาถึงหลังแบ ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด....ครึ่งวัน 55555555

· หลังแบ  พอเดินขึ้นไปก็จะเจอ ป้าย “ผู้พิชิต” นั้นหมายความว่าเราเกือบ ถึงละฮะ
เดินทางเรียบไปอีก 3 โล ก็ถึงจุดกลางเต็นท์ 
แต่!!!!   สำหรับเรา เป้าหมายคือ ไปถ่ายตรง ผาหล่มสัก จึงเดินเลาะซ้ายเรียบหน้าผา ไปอีก 9 โล  สู้ดิวะอิหญิง!! 5555555
ไปฮะ ไปตามล่า ผาหล่มสักกัน ...


การเดินทางที่จะจำจนตาย ระหว่างหลังแป ไป "ผาหล่มสัก"
9 กิโลที่เดินเลียบหน้าผา เพื่อไปผาล่มสัก เราเดินไปคนเดียว หมายความว่าทั้งถนนมีเราเดินไปคนเดียว!!  
ช่วงนั้นเวลาประมาณ บ่ายโมง อากาศครึ้มๆ แต่จะมีนักวิ่งเทรล วิ่งสวนมางกันมาบ้าง 
และนั่นคือที่มาของรูปของเรา เจอใคร ก็ขอให้เขาถ่ายรูปฮะ แต่คนที่มุ่งหน้าไป หล่มสัก มีเราคนเดียว!!  
ตอนแรกก็สนุกๆสนานชิวๆ  เดินไปเกือบครึ่งทาง สักพักหมอกลง จากนั้นฝนก็ตก 
ซึ่งทางเดินนั้น ถนนไม่ค่อยดีเลย ทั้งโคลน ทั้งลื่น ต้องมีสมาธิในการเดินแต่ละก้าว   
เดินไปสักพัก เริ่มไม่มีคน  คิดในใจ นี้กูหลงป่ารึป่าววะ  แต่คิดว่าทางมันเป็นทางคนเดิน ค
งไม่หลงหรอก เราก็เดินตามถนนนี้ไป ซึ่งบอกเลยไม่ต้องกลัวหลง เพราะจะมีป้ายบอกเป็นระยะ 
เราผ่านผาเหยียบเมฆ ผ่านผาแดง  
จนตอนนั้นเกือบบ่าย3 คิดในใจถ้าเดินกลับทางเดิมต้องมืดแน่ๆ และเดินกลับนเดียวคงตายแน่กรู!!!


หมอกลงหนามากก ตื่นเต้นมากด้วย  55555  แล้วอยู่ดีๆ ฝนก็ตกจ้าาาาาา


ฝนเริ่มหยุด ไม่มีใครเดินสวนเรามาซัก1ชั่วโมงละ สักพักก็มีคู่ชายหญิง เดินผ่านเรา
เราเลยถามว่า ผาหล่มสักอีกไกลไหม พี่เขาบอกว่าสักพักแต่ไม่ไม่ไกลมาก
แต่ต้องกลับมาทางเดิมนะ เพราะทางน้ำตกมันปิด และบอกเราว่าผาหล่มสัก ไม่มีใครแล้วนะ เราใจหายวาปปปป  
ข้อ1 ผาหล่มสักยังไม่ถึง/ ข้อ2 ไม่มีคนแล้ว/ ข้อ3กูจะกลับยังไง??  
เหมือนฟ้าแกล้ง..งแต่ทันใดนั้นพี่เขาก็บอกว่า ยังเหลือชายหญิงหนึ่งคู่ นั่งกินกาแฟที่ร้านผาหล่มสัก  เ
ราคิดในใจต้องใช่พี่ๆที่เจอซำแฮก แน่ๆเลย  
จากนั้นแรงที่มีทั้งหมดเอามันออกมา!! เปิดดู Goggle map   
อีกครึ่งชั่วโมงถึง  จากนั้นกูจ้ำอ้าวๆ รีบเดินแบบไม่กลัวปวดขา ทั้งที่ปวดแต่ก็ต้องทน ภาวนาในใจพี่อย่าเพิ่งกลับๆ นู๋ขอถ่ายรูปที่ผาหล่มสักก่อน (มีต่อในคอมเม้นท์นะฮะ) 

***ตอนที่ 2 เชียงคานมาแล้วว  >>>https://ppantip.com/topic/41040437

https://web.facebook.com/calaminetrip
ตอนที่ 2 มาแล้ว >>>  https://ppantip.com/topic/41040437