++ พักยังไม่ทันหายเหนื่อยจากเที่ยวน่านก็มีเรื่องให้ต้องเพลียกันอีกครา แล้วคราวนี้ก็ได้ฤกษ์ขึ้นภูกระดึงกันสักที ++
ทริปหยุดยาวต่อเนื่อง 3 วัน 10-12 ธันวาคม 2564 ช่วงที่เค้าว่าใบเมเปิ้ลกำลังแดงสวยที่สุด
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับ 2 ของไทย เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2505 ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ครอบคลุมพื้นที่ 348.13 ตารางกิโลเมตร (217,576.25 ไร่) ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด มีที่ราบบนยอดภูประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร (37,500 ไร่) มีระดับความสูงระหว่าง 400–1,200 เมตร จุดสูงสุดที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตร สภาพทั่วไปประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด สัตว์ป่านานาพันธุ์ หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตก อีกทั้งยังเป็นต้นน้ำของลำน้ำพองซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย และด้วยความสูงกับบรรยากาศ ณ ยอดภูกระดึงจึงมีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปี
** อ้างอิงข้อมูลจาก
http://park.dnp.go.th/visitor/nationparkshow.php?PTA_CODE=1002
ภูหนึ่ง..ทรงกระดิ่งคว่ำบอกตำนาน
กระดึงย้ำการเดินทางผู้พิชิต
สายลมไหวสนเอนดั่งต้องจิต
กี่รอยเท้ามิ่งมิตรผู้ย่ำเยือน
ณ ภูนั้น..สองแขนหาบคอนหากอ่อนล้า
เพียงหยุดพักกายาเถอะผองเพื่อน
สัมผัสแผ่วลมรำเพยจักย้ำเตือน
ทั้งดาวเดือนกระพริบพราวเฝ้าปลายทาง
ณ ภูโน้น..ไปชมผาตระหง่าน ธารน้ำตก
ไปสัมผัสใบปรกกิ่งพฤกษา
ไปกอดลมชมเมฆน้อยเลียบนภา
ไปเย้าหยอกดอกหญ้าที่ร่าเริง
ณ ภูนี้..ภูกระดึงยังตรึงติด
ดั่งชีวิตล้านผู้คนบนทางเถิน
ย้ำเรื่องราวทั้งร้ายดีที่เผชิญ
ให้ออกเดินตามหัวใจแห่งศรัทธา
++ ไม่แปลกหากเราจะเคยได้ยินคนพูดถึง “ภูกระดึง” กันมาบ้าง ++
โดยเฉพาะนักเที่ยวสายธรรม(ชาติ) “อึด ถึก ทน” ภูกระดึงนับเป็นอีกหนึ่งลิสต์ที่ใครๆ ก็อยากจะไปพิชิตสักครั้ง และนกอีก๋อยมารู้ทีหลังว่ามีคนอีกหลายร้อยหลายพันคนที่กลับไปที่ภูกระดึงครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้เบื่อ
++ ทริปนี้ 3 วัน 2 คืน ไม่รวมวันเดินทางไป 9 ธ.ค. และเดินทางกลับ 12 ธ.ค. ++
ช่วงวันหยุดยาวแบบนี้เสียงเตือนแว่วว่า “อย่าไปเชียว อย่าไปช่วงเทศกาลเด็ดขาด” นกอีก๋อยโทรเช็คกับน้องสาวที่ขึ้นภูกระดึงก่อนหน้าหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดวันพ่อแห่งชาติ น้องยังย้ำอีกว่า "ถอยเหอะพี่ ไม่คุ้มแถมเสี่ยง" (โควิด)
++ ซึ่งจริงๆ นกอีก๋อยก็อยากยกเลิกหรอกนะ แต่ด้วยความที่จองและจ่ายอะไรทุกอย่างไว้หมดแล้ว ทั้งที่พักค้างคืนก่อนขึ้นภู เต๊นท์ ที่รองนอน คือเราจ่ายทุกอย่างไปหมดแล้วงัย นึกเสียดายซะมากกว่ากลัว555…เอ้าาาา ไปก็ไปวุ้ย!!! ++
ก่อนเดินทางเช็คเส้นทางกันซะก่อนว่าเราต้องใช้เวลาบนรถกี่ชั่วโมงกว่าจะถึงภูกระดึง แต่ที่สำคัญการได้นอนเพื่อเตรียมความพร้อมตีนภูก่อนสักคืนเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็แนะนำมา เพราะต้องขึ้นแต่เช้า เพื่อจะได้ถึงยอดภูไม่บ่ายจนเกินไป ที่พักที่จะไปนอนรอคอยขึ้นภูฯ เราจองไว้ที่ The Creek Villa ซึ่งอยู่ห่างจากอุทยานแห่งชาติภูกระดึงสิบกว่ากิโลเมตร
++ เช้าวันที่ 9 ธันวาคม เราออกเดินทางจากพิษณุโลก 09.30 น. ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 12 มุ่งหน้าตำบลโนนสะอาด และตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง เราถึงที่พักที่จองเอาไว้ตอน 13.30 น. แต่ตัดสินใจกันว่าจะออกไปหาอะไรกินก่อนเช็คอิน จึงขับรถย้อนไปหาร้านข้าวริมทางใกล้ๆ ++
ร้านอาหารริมทางของชาวบ้านไม่มีป้ายชื่อร้าน ถ้าขับเลาะๆ ก็พอจะมีประปรายรายทาง ยกเว้นถ้าขับเส้นทางไปอุทยานฯ จะมีร้านอาหารข้างทางให้เลือกเยอะแยะไปหมด
// จัดไปคนละหนึ่ง เมนูละ 35 บาท เพิ่มไข่เป็น 40 บาท พออยู่ท้องจ้า...//
++ สำหรับรีสอร์ทที่นกอีก๋อยพักอยู่ห่างจากอุทยานแห่งชาติภูกระดึงประมาณ 15 กม. เช็คอินรับกุญแจ สอบถามเกี่ยวกับอาหารเช้า ซึ่งเรามีแผนว่าจะออกมาเช็คเอาท์ตอน 04.00 น. ดังนั้น ทางรีสอร์ทจึงเสนอว่าจะจัดชุดอาหารเช้าเป็นแฮมเบอร์เกอร์พร้อมขนมและน้ำดื่มให้เราแทน ซึ่งพอถึงเวลาเค้าก็เอาไปแขวนลูกบิดประตูตั้งแต่เช้าก่อนเราจะตื่นกันซะอีกแน่ะ ++
เวลาเหลือๆ นกอีก๋อยชวนอ้ายกากหาอะไรกินมื้อเย็นแล้วกะว่าจะไปเซอรเวย์ดูถนนหนทางเข้าอุทยานฯ ซะหน่อย เพราะเราไม่เคยมากันเลยจ่ะ
++ และแล้วก็เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ++
++ ตีตั๋วเรียบร้อยแล้วววววว ++
เราได้รับคำแนะว่าสามารถซื้อตั๋วที่ตู้ขายตั๋วอัติโนมัติได้ล่วงหน้า สำคัญเลยนะเตรียมแลกแบงค์ย่อยอย่าง 100, 50 หรือ 20 บาทไปจะช่วยให้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้นจ้า..เบ็ดเสร็จจ่ายไป 110 บาทสำหรับด่านแรก ก็จะมีค่ารถยนต์ 30 กับค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน 40 บาท/ คน
++ ก่อนกลับที่พัก แวะหาไรอร่อยๆ กิน ++
ร้านนี้บรรยากาศดีมากเลย แถมอยู่ใกล้ทางเข้าอุทยานฯ ขากลับจะอยู่ด้านซ้ายขับไปไม่ถึงกิโล ร้านชื่อ “ส่วง” ขายพวกจิ้มจุ่ม แจ่วฮ้อน กับพวกกับข้าว แล้วก็อาหารตามสั่งอะไรประมาณนี้ จัดว่าหลากหลายแถมราคาน่าคบไม่เว่อร์มาก
++ มาว่ากันเรื่องคำเตือนก่อนขึ้นภูกระดึงช่วงวันหยุดยาวกันบ้าง++
(1) คำเตือนแรก : คนเยอะ แย่งกันกินแย่งกันใช้ ทุกอย่างที่เป็นบริการรวมต้องเข้าแถวรอ
ข้ออ้าง : เราเป็นคนมีความอดทนระดับนึง ก็แค่รอต่อแถวมันคงไม่ได้เมื่อยไรขนาดนั้นหรอกมั้ง
ความแออัดของบรรดาผู้มีใจรักธรรมชาติ แว่วว่ามารอกันตั้งแต่ตีหนึ่งครึ่งเลยทีเดียว..จ้า จัดไปจ้า
ส่วนภาพนี้เป็นภาพการต่อแถวเพื่อเข้าคิวจ้างลูกหาบขาลงภู เริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้าหรือเช้ากว่านั้นก็ไม่ทราบได้ เพราะหกโมงเช้าก็มหาศาลอย่างที่เห็นแล้วจ้า โหลดสัมภาระ 6.30 น. และได้รับกระเป๋าตอน 13.00 น. อย่างที่บอกจ้าถ้าเป็นช่วงหยุดยาวลูกหาบจะล้ากันมากๆ แถมบางคนก็หยุดแล้วเปลี่ยนเอาลูกหลานมาช่วยหาบแทนก็มี ลูกหาบที่นี่คิดราคาค้าจ้างหาบ 30 บาท/ กก. ขาลงนกอีก๋อยโหลดไป 11 กก. แต่เหลือบไปเห็นบางคน 50 กก. โอ้วแม่เจ้า..คิดดูหากไม่มีลูกหาบจะแบกกันไปยางงาย ก๋อยล่ะงง..
(2) คำเตือนที่สอง : ลูกหาบที่จะเป็นผู้ช่วยขนสัมภาระของเรามีจำกัด และที่ทราบภายหลังลูกหาบกลุ่มเดียวกันนี้ได้รับจ้างหาบมาหนักหน่วงตลอดช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวเช่นกัน จึงมีสภาพที่อ่อนล้ากันมากๆ เรียกว่าไปช้าลูกหาบหมด งานเข้าต้องแบกขึ้นเองแน่นอน
ข้ออ้างที่จะไป : ก็ตัดสินใจแบกขึ้นเองละกัน จัดกระเป๋าเอาไปเฉพาะของที่จำเป็นจริงจริ๊ง เอาว่าคนละไม่เกิน 10 กก.
// นี่จ้ะ ลูกหาบแห่งอุทยานฯ ผู้มีร่างกายแข็งแกร่งประดุจดังหินผา ซึ่งจะมีทั้งหนุ่มบ้าง สาวบ้าง เยาวรุ่นบ้าง มีให้เห็นทุกช่วงวัยเลยล่ะ //
++ มาว่ากันต่อเรื่องการเตรียมตัว ++
พอถึงโรงแรมที่พักก่อนขึ้นภู เอาของทุกอย่างมาแบก่อนจะแพ็คลงกระเป๋าเป้อีกครั้ง มาดูอีกทีซิว่าเราต้องการใช้มันจริงๆ หรือเปล่า ถ้าไม่ก็โยนใส่รถไปซะ
(3) คำเตือนที่สาม : นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เวลาเดินขึ้น-ลง ไม่ค่อยสวมแมสก์ เสี่ยงต่อการติดโควิดมากถึงมากที่สุด
ข้ออ้างที่จะไป : สวมถุงมือตอนเดินขึ้น-ลงเพราะจากภาพที่รีวิวกัน มันจะมีการจับราวบันไดไต่ขึ้น-ลงร่วมกัน การสวมแมสเมื่อถึงจุดที่คนเยอะๆ การเตรียมช้อนส้อมส่วนตัวเมื่อเข้าร้านอาหาร และการเตรียมใจหากติดขึ้นมาก็ต้องยอมรับว่าเราทำดีที่สุดแล้ว
ปล. จากตัวเลขระหว่างวันที่ 4-6 ธันวาคม ยอดขึ้นภูกระดึง 3,100 คน เรียกว่าไม่น้อยเลยล่ะ และตัวเลขที่เช็คล่าสุดวันที่ 10-12 ธันวาคม 2,600 คน ไม่ธรรมดาเช่นกัน แต่ที่น่าแปลกใจเจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่าช่วงวันหยุดปีใหม่คนขึ้นไม่ถึงพันคน จริงดิ?? เจ้าหน้าที่บอกว่าเพราะคนส่วนใหญ่จะใช้ช่วงเวลานี้เดินทางไปเยี่ยมญาติมากกว่ามาขึ้นภู..อืมมม เป็นอย่างงี้นี่เอง ++
++ จากที่เมื่อก่อนเห็นใครๆ ก็ไปภูกระดึง แอบคิดว่าภูกระดึงมีดีอะไรนักหนาถึงมีแต่คนอยากจะไปเที่ยว จนมาถึงวันนี้ที่ได้ขึ้นไปเห็นกับตาจึงได้เข้าใจ ++
++ นกอีก๋อยเองเคยมีโอกาสไปเที่ยวเลยอยู่ 2 - 3 ครั้ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะไปภูกระดึงเลยสักครั้ง จนมาสองสามปีให้หลังที่ใจมันอยากออกเดินทาง อยากไปเดิน ไปดู ไปกิน ไปเห็น เฮ้อ! ความอยากช่างมากมายจริงเชียว ++
-- มีต่อน้า-
ภูกระดึง ครั้งเดียวพอ!! (10-12 ธันวาคม 2564)
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับ 2 ของไทย เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2505 ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ครอบคลุมพื้นที่ 348.13 ตารางกิโลเมตร (217,576.25 ไร่) ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด มีที่ราบบนยอดภูประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร (37,500 ไร่) มีระดับความสูงระหว่าง 400–1,200 เมตร จุดสูงสุดที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตร สภาพทั่วไปประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด สัตว์ป่านานาพันธุ์ หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตก อีกทั้งยังเป็นต้นน้ำของลำน้ำพองซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย และด้วยความสูงกับบรรยากาศ ณ ยอดภูกระดึงจึงมีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปี
** อ้างอิงข้อมูลจาก http://park.dnp.go.th/visitor/nationparkshow.php?PTA_CODE=1002