ภูกระดึง ตึงแล้วล่ะ วันที่ 6-9 ธันวาคม 2564 (นอนบนภู 3 วัน 2 คืน)
การเตรียมตัว
- จองวันเข้าอุทยานผ่านแอพ Queq หรือจะ Walk in
- เตรียมปากกาไว้เขียนชื่อบัตรสัมภาระ หรือลงทะเบียนอื่นๆ จะได้เร็ว
- จองที่นอน แผ่นรอง, หมอน, ถุงนอน, เต๊นท์ (จองไม่ได้ก็เอกชน หรือหน้างาน)
- Power Bank (สำรองไปเองจะได้สะดวก ไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่น หรือถ้านั่งกินอาหารร้านไหน ขอเค้าชาร์จได้) หรือชาร์จที่ อช. มือถือ 20 บาท/ Power bank 40 บาท
- น้ำดื่ม ช่วงที่ไปเป็นช่วงที่ขาดแคลนน้ำดื่มพอดี ลูกหาบๆ ไม่ทัน เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาวและเครื่องเติมน้ำเสีย (ตอนนี้น่าจะซ่อมเสร็จแล้ว) ดื่มน้ำแล้วเก็บขวดไว้เติม 20 บาท น่าจะช่วยประหยัด ยิ่งไกลยิ่งแพง (น้ำดิ่มขวดใหญ่ที่ผาหล่มสักขวดละ 60 บาท)
- ครต้องการอาบน้ำอุ่น มีร้านให้บริการ ครั้งละ 100 บาท แต่ต้องไปอาบที่ไม่ใช่ช่วงทำมาหากินนะ ยิ่งถ้าเป็นช่วงเช้าๆ ค่ำๆ เค้าจะไม่ค่อยให้อาบ เพราะต้องใช้แก๊สและไฟในการทำอาหาร
- ตราปั๊มอุทยานมี 2 แบบ มีแบบของข้างล่าง และแบบข้างบนจะมีคำว่าผู้พิชิต
- อาหารการกิน ยาต่างๆ มีพร้อมมาก โปรดเตรียมเงินเยอะๆ
- รองเท้ามีขายเผื่อรองเท้าพัง แต่กลัวจะไม่มีไซส์
- ช่วงเดินไม่ต้องใส่เสื้อผ้าหนามาก เพราะเดินสักพักก็จะร้อนมาก เดี๋ยวจะเกะกะ
- เช่าจักรยาน ล้อโต 410 บาท เสือภูเขา 300 กว่าบาท (จำราคาไม่ได้) หรือปั่นระยะสั้น 2 ชั่วโมง ก็มี เอาตามสะดวก 60 หรือ 80 บาทมั้ง อาจจะตูดระบบนิดหน่อย แต่สนุกมาก
- เส้นหน้าผา ห้องน้ำตามร้านค้ามี แต่จะเก็บ 10 บาท ถ้าทนไหว ไปปล่อยที่ผาหล่มสักจะฟรี
เนื่องจากได้เข้าร่วมกลุ่มหนึ่งในเพจ Facebook ทำให้เราอยากที่จะไปลองไปเดินและอยากที่จะเป็นผู้พิชิตภูกระดึงกับเค้าบ้าง ซึ่งปีนี้ อช.ภูกระดึง มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมกันเยอะมากกก ยิ่งช่วงเทศกาลด้วยแล้วคนจะเยอะมาก จนทำให้พี่ลูกหาบไม่เพียงพอ นั้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเลือกช่วงเวลานี้ เพราะจะได้เจอคนไม่เยอะเกินไป โดยเราได้ทำการจองวันเข้า อช.ภูกระดึง ผ่าน Queq วันที่ 7-9 ธันวาคม 2564 3 วัน 2 คืน และได้จองเครื่องนอนผ่านเว็บไซต์ของอุทยานฯ ส่วนเต๊นท์นะหรอ..หมด! เราได้โทรไปสอบถามกับ จนท. โดย จนท. บอกว่า ทาง อช. มีเต๊นท์รองรับสำหรับนักท่องเที่ยวเพียงพอประมาณ 5,000 คน หรือจะเลือกจองกับทางเอกชนก็ได้
วันที่ 6 ธันวาคม 2564 เราเริ่มขับรถยนต์ออกเดินทางออกจาก กทม. เวลาประมาณ 7.30 น. ขับไปเรื่อยๆ ประมาณ 2-3 ชม. จนถึงจุดชมวิวกังหันลมเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา กะว่าจะแวะถ่ายรูป และทานมื้อเช้าผสมมื้อเที่ยงกันที่นี้ อากาศกำลังเย็นทีเดียว ใครจะมาที่นี้ก็มาลงทะเบียน วัดอุณภูมิก่อนเข้าชมกันด้วยนะจ๊ะ ที่จุดชมวิวเขายายเที่ยง มีร้านอาหาร เครื่องดื่มบริการ ต้องรีบกินนะ เพราะเย็นไวมาก (อากาศเย็นโพดๆ!) กินเสร็จใครจะปั่นจักรยาน เช่าคันละ 40 บาท หรือนั่งรถกอล์ฟชมวิวก็ได้นะ (จำราคาไม่ได้ละ) แต่ต้องต่อคิวหน่อย
จากนั้นก็ขับไปเรื่อยๆ ตามเส้น 201 เวลาประมาณ 16.30 น. ก็ถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวภูป่าเปาะเมืองเลย หรือฟูจิเมืองเลย นั่งรถอีแต๊กชาวบ้าน คนละ 60 บาท ใช้เวลาเที่ยวชมประมาณ 30-60 นาที มีจุดให้เที่ยวชม 4 จุด โดยจุดที่ 3-4 ลงที่เดียวกัน แต่อาจจะต้องเดินขึ้นเล็กน้อย เพื่อไปดูวิวพระอาทิตย์ตก (ปิด 18.00 น.) ลุงคนขับรถอีแต๊กน่ารักมากกก แวะให้ทุกจุดเลยทั้งขาขึ้นขาลง แบบไม่ต้องเอ่ย เส้นทางก็อาจจะจุกๆ กันบ้าง พอให้ได้โยกเบาๆ
หลังจากลงมา ก็เข้าที่พัก เราจองที่พักชื่อ บ้านทอไหม อยู่ห่างจาก อช.ภูกระดึง ไปประมาณ 4 กม. ราคาคืนละ 600 บาท จากนั้นออกมาหาอะไรทานมื้อเย็นบริเวณตลาดเล็กๆ ซึ่งเลยไปจากที่พักไม่ไกล เมื่ออิ่มทองแล้วก็เข้าที่พักเอาแรง เพื่อที่พรุ่งนี้จะออกไป อช.ภูกระดึง ในเวลา ตี 5 เพราะจะต้องไปพิชิตลูกหาบของภูกระดึง!!
วันที่ 7 ธันวาคม 2564 เวลาประมาณ ตี 5 มาถึงทางเข้า อช.ภูกระดึง ให้ลงไปซื้อตั๋วค่าเข้า อช. จากตู้อัตโนมัติ คนละ 40 บาท ค่าพาหนะ 30 บาท เมื่อเข้ามาแล้วที่จอดรถค่อนข้างกว้างขวางเลยทีเดียว จากนั้นรีบลงไปที่อาคารหมายเลข 4 ก่อนเลย เพื่อไปต่อแถวทำการจองลูกหาบก่อน เพราะไม่อยากหาบเอง กลัวจะไม่ไหว แต่ว่าเจ้าหน้าที่ยังไม่มา ประมาณ 6 โมงเช้า เจ้าหน้าที่ก็มาขายบัตรสัมภาระ ใบละ 5 บาท เขียนชื่อ เบอร์ (ควรเตรียมปากกามาเองจะได้สะดวก) แล้วเอากระเป๋าไปชั่งน้ำหนักกิโลกรัมละ 30 บาท หลังจากลุ้นพักหนึ่ง เราก็ได้ลูกหาบสมใจ แต่สำหรับใครมาหลายคนก็ให้แบ่งคนไปแต่ละจุด ลงทะเบียนคน จองเต๊นท์คน จองลูกหาบคน จะได้ไม่เสียเวลา (ตรงนี้เรามากัน 2 คน แบ่งไปจุดลูกหาบคน จุดลงทะเบียนคน) คนไม่เยอะเท่าไหร่ เลยไวหน่อย
เมื่อผ่านขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว สบายใจได้ลูกหาบ ก็เดินไปหามื้อเช้าทานก่อนขึ้น เดี๋ยวจะไม่ไหว ซึ่งด้านล่างจะมีร้านอาหาร เครื่องดื่มบริการอยู่ อิ่มแล้วก็เดินไปจุดขึ้นเขา ลงชื่ออีกรอบ ส่งบัตรผ่านการตรวจโควิด และขึ้นภูกันเลย ระยะทางขึ้นเขาประมาณ 5 กิโลเมตร และเดินไปจุดกางเต๊นท์ ซึ่งเป็นทางราบอีก ประมาณ 3 กิโลเมตร รวมๆ แล้ว ประมาณ 9 กิโลเมตร
เราเริ่มเดินประมาณ 8 โมง เข้ามาก็หยิบไม้ค้ำก่อนเลย 55 เดินๆ จนถึงซำแฮกก็จัดแตงโมก่อนเลย 10 บาท ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ของที่ระลึกมีพร้อม จากนั้นก็เดินต่อ ด้วยความที่ไม่มีสัมภาระมาก ทำให้เดินได้ในระดับที่พอใจและสบายใจ เพราะได้ลูกหาบ 555 แวะกินแวะพัก บ่นทุกซำเลยจ้า
นับถือใจลูกหาบ และร่างกายของพวกเค้าจริงๆ ลูกหาบไม่ได้มีแต่ผู้ชายหนุ่มๆ คนแก่ก็มี ผู้หญิง เด็กผู้ชาย นอกจากสัมภาระที่หนักอึ้งแล้ว ยังแบกภาระความหวังของครอบครัวไว้ด้วย เราเดินๆ กินๆ พักๆ มาเรื่อยๆ ทุกซำ ก็เห็นบันไดลิง แสดงว่าอีกไม่ไกล (ทนไว้)
แล้วเราก้เดินกันมาเรื่อยๆ ประมาณ 5.5 กม. จนถึงจุดที่ใครหลายๆ คนคงได้ใจชื้นกันมาบ้าง นั้นคือ ป้ายผู้พิชิตภูกระดึง ตรงนี้จะมีต้นเมเปิ้ล ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อีกจุดหนึ่งก็ได้ ซึ่งเริ่มจะแดงทั้งต้นแล้ว (ดีใจที่ตรงนี้มีห้องน้ำ)
เมื่อถึงตรงนี้ยังต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 3 กม. เพื่อไปจุดกางเต๊นท์ซึ่งเป็นทางราบ ระหว่างทางจะมีต้นสนที่โดนไฟไหม้ไปเมื่อหลายปีก่อนอยู่ให้เห็น
เดินผ่านความร้อนกันมาสะพัก ก็เจอแล้ววว จุดกางเต๊นท์
จากนั้นก็ไปติดต่อขอรับเต๊นท์ที่ชำระเงินจากด้านล่างแล้ว (คืนละ 225 บาท) และรับเครื่องนอน (ตามที่จองในเวปไซต์) และเดินหาเต๊นท์ ส่วนลูกหาบยังมาไม่ถึง ระหว่างนั้นก็ไปหาข้าวกินเอาแรง แนะนำว่าควรมีชุดอาบน้ำสำรองติดตัวสะชุด เผื่อจะได้อาบน้ำระหว่างรอลูกหาบและรอเวลาดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก เพราะบ่ายๆ น้ำเย็นกำลังดี จะได้ไม่ต้องเจอน้ำเย็นกว่ามากๆ ในช่วงค่ำ แต่ถ้าใครอยากอาบน้ำอุ่น ก็มีร้านให้บริการ ครั้งละ 100 บาท แต่ว่าช่วงค่ำๆ เค้าจะไม่ค่อยให้อาบกัน เพราะต้องใช้แก๊สและไฟ ในการทำอาหาร
กินข้าว อาบน้ำแล้ว บ่ายสองกว่าแล้ว ลูกหาบก็ยังไม่มา งั้นก็ต้องเดิน.....ไว้จะลงต่อพาร์ทหน้าน๊าา
[CR] แบคแพคน่าน 2 ล้อ 3 คัน 4 วัน 4 พัน 5 อุทยาน
[CR] รีวิวเขาใหญ่ 1 วัน เราสองสามคน
[CR] รีวิวกากๆ ตอน : เมื่อฉันลงที่ BTS สะพานตากสิน
[CR] รีวิวกากๆ ตอน : นอนแช่น้ำเอราวัณ หาเพื่อนที่ซาฟารีปาร์ค กาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน
[CR] รีวิวกากๆ ตอน : ตื่นสาย 1 วันก็เที่ยวได้
[CR] ภูกระดึง ตึงแล้วล่ะ
การเตรียมตัว
- จองวันเข้าอุทยานผ่านแอพ Queq หรือจะ Walk in
- เตรียมปากกาไว้เขียนชื่อบัตรสัมภาระ หรือลงทะเบียนอื่นๆ จะได้เร็ว
- จองที่นอน แผ่นรอง, หมอน, ถุงนอน, เต๊นท์ (จองไม่ได้ก็เอกชน หรือหน้างาน)
- Power Bank (สำรองไปเองจะได้สะดวก ไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่น หรือถ้านั่งกินอาหารร้านไหน ขอเค้าชาร์จได้) หรือชาร์จที่ อช. มือถือ 20 บาท/ Power bank 40 บาท
- น้ำดื่ม ช่วงที่ไปเป็นช่วงที่ขาดแคลนน้ำดื่มพอดี ลูกหาบๆ ไม่ทัน เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาวและเครื่องเติมน้ำเสีย (ตอนนี้น่าจะซ่อมเสร็จแล้ว) ดื่มน้ำแล้วเก็บขวดไว้เติม 20 บาท น่าจะช่วยประหยัด ยิ่งไกลยิ่งแพง (น้ำดิ่มขวดใหญ่ที่ผาหล่มสักขวดละ 60 บาท)
- ครต้องการอาบน้ำอุ่น มีร้านให้บริการ ครั้งละ 100 บาท แต่ต้องไปอาบที่ไม่ใช่ช่วงทำมาหากินนะ ยิ่งถ้าเป็นช่วงเช้าๆ ค่ำๆ เค้าจะไม่ค่อยให้อาบ เพราะต้องใช้แก๊สและไฟในการทำอาหาร
- ตราปั๊มอุทยานมี 2 แบบ มีแบบของข้างล่าง และแบบข้างบนจะมีคำว่าผู้พิชิต
- อาหารการกิน ยาต่างๆ มีพร้อมมาก โปรดเตรียมเงินเยอะๆ
- รองเท้ามีขายเผื่อรองเท้าพัง แต่กลัวจะไม่มีไซส์
- ช่วงเดินไม่ต้องใส่เสื้อผ้าหนามาก เพราะเดินสักพักก็จะร้อนมาก เดี๋ยวจะเกะกะ
- เช่าจักรยาน ล้อโต 410 บาท เสือภูเขา 300 กว่าบาท (จำราคาไม่ได้) หรือปั่นระยะสั้น 2 ชั่วโมง ก็มี เอาตามสะดวก 60 หรือ 80 บาทมั้ง อาจจะตูดระบบนิดหน่อย แต่สนุกมาก
- เส้นหน้าผา ห้องน้ำตามร้านค้ามี แต่จะเก็บ 10 บาท ถ้าทนไหว ไปปล่อยที่ผาหล่มสักจะฟรี
เนื่องจากได้เข้าร่วมกลุ่มหนึ่งในเพจ Facebook ทำให้เราอยากที่จะไปลองไปเดินและอยากที่จะเป็นผู้พิชิตภูกระดึงกับเค้าบ้าง ซึ่งปีนี้ อช.ภูกระดึง มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมกันเยอะมากกก ยิ่งช่วงเทศกาลด้วยแล้วคนจะเยอะมาก จนทำให้พี่ลูกหาบไม่เพียงพอ นั้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเลือกช่วงเวลานี้ เพราะจะได้เจอคนไม่เยอะเกินไป โดยเราได้ทำการจองวันเข้า อช.ภูกระดึง ผ่าน Queq วันที่ 7-9 ธันวาคม 2564 3 วัน 2 คืน และได้จองเครื่องนอนผ่านเว็บไซต์ของอุทยานฯ ส่วนเต๊นท์นะหรอ..หมด! เราได้โทรไปสอบถามกับ จนท. โดย จนท. บอกว่า ทาง อช. มีเต๊นท์รองรับสำหรับนักท่องเที่ยวเพียงพอประมาณ 5,000 คน หรือจะเลือกจองกับทางเอกชนก็ได้
วันที่ 6 ธันวาคม 2564 เราเริ่มขับรถยนต์ออกเดินทางออกจาก กทม. เวลาประมาณ 7.30 น. ขับไปเรื่อยๆ ประมาณ 2-3 ชม. จนถึงจุดชมวิวกังหันลมเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา กะว่าจะแวะถ่ายรูป และทานมื้อเช้าผสมมื้อเที่ยงกันที่นี้ อากาศกำลังเย็นทีเดียว ใครจะมาที่นี้ก็มาลงทะเบียน วัดอุณภูมิก่อนเข้าชมกันด้วยนะจ๊ะ ที่จุดชมวิวเขายายเที่ยง มีร้านอาหาร เครื่องดื่มบริการ ต้องรีบกินนะ เพราะเย็นไวมาก (อากาศเย็นโพดๆ!) กินเสร็จใครจะปั่นจักรยาน เช่าคันละ 40 บาท หรือนั่งรถกอล์ฟชมวิวก็ได้นะ (จำราคาไม่ได้ละ) แต่ต้องต่อคิวหน่อย
จากนั้นก็ขับไปเรื่อยๆ ตามเส้น 201 เวลาประมาณ 16.30 น. ก็ถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวภูป่าเปาะเมืองเลย หรือฟูจิเมืองเลย นั่งรถอีแต๊กชาวบ้าน คนละ 60 บาท ใช้เวลาเที่ยวชมประมาณ 30-60 นาที มีจุดให้เที่ยวชม 4 จุด โดยจุดที่ 3-4 ลงที่เดียวกัน แต่อาจจะต้องเดินขึ้นเล็กน้อย เพื่อไปดูวิวพระอาทิตย์ตก (ปิด 18.00 น.) ลุงคนขับรถอีแต๊กน่ารักมากกก แวะให้ทุกจุดเลยทั้งขาขึ้นขาลง แบบไม่ต้องเอ่ย เส้นทางก็อาจจะจุกๆ กันบ้าง พอให้ได้โยกเบาๆ
เมื่อผ่านขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว สบายใจได้ลูกหาบ ก็เดินไปหามื้อเช้าทานก่อนขึ้น เดี๋ยวจะไม่ไหว ซึ่งด้านล่างจะมีร้านอาหาร เครื่องดื่มบริการอยู่ อิ่มแล้วก็เดินไปจุดขึ้นเขา ลงชื่ออีกรอบ ส่งบัตรผ่านการตรวจโควิด และขึ้นภูกันเลย ระยะทางขึ้นเขาประมาณ 5 กิโลเมตร และเดินไปจุดกางเต๊นท์ ซึ่งเป็นทางราบอีก ประมาณ 3 กิโลเมตร รวมๆ แล้ว ประมาณ 9 กิโลเมตร
เราเริ่มเดินประมาณ 8 โมง เข้ามาก็หยิบไม้ค้ำก่อนเลย 55 เดินๆ จนถึงซำแฮกก็จัดแตงโมก่อนเลย 10 บาท ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ของที่ระลึกมีพร้อม จากนั้นก็เดินต่อ ด้วยความที่ไม่มีสัมภาระมาก ทำให้เดินได้ในระดับที่พอใจและสบายใจ เพราะได้ลูกหาบ 555 แวะกินแวะพัก บ่นทุกซำเลยจ้า
นับถือใจลูกหาบ และร่างกายของพวกเค้าจริงๆ ลูกหาบไม่ได้มีแต่ผู้ชายหนุ่มๆ คนแก่ก็มี ผู้หญิง เด็กผู้ชาย นอกจากสัมภาระที่หนักอึ้งแล้ว ยังแบกภาระความหวังของครอบครัวไว้ด้วย เราเดินๆ กินๆ พักๆ มาเรื่อยๆ ทุกซำ ก็เห็นบันไดลิง แสดงว่าอีกไม่ไกล (ทนไว้)
แล้วเราก้เดินกันมาเรื่อยๆ ประมาณ 5.5 กม. จนถึงจุดที่ใครหลายๆ คนคงได้ใจชื้นกันมาบ้าง นั้นคือ ป้ายผู้พิชิตภูกระดึง ตรงนี้จะมีต้นเมเปิ้ล ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อีกจุดหนึ่งก็ได้ ซึ่งเริ่มจะแดงทั้งต้นแล้ว (ดีใจที่ตรงนี้มีห้องน้ำ)
เมื่อถึงตรงนี้ยังต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 3 กม. เพื่อไปจุดกางเต๊นท์ซึ่งเป็นทางราบ ระหว่างทางจะมีต้นสนที่โดนไฟไหม้ไปเมื่อหลายปีก่อนอยู่ให้เห็น
เดินผ่านความร้อนกันมาสะพัก ก็เจอแล้ววว จุดกางเต๊นท์
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้