💚มาลาริน/“บิ๊กตู่” ตรวจน้ำท่วมชัยภูมิ ดีใจได้กลับบ้านเกิดแม่ เจอเสียงเชียร์ได้ใจชาวบ้าน ไม่หวั่นเสียงไล่



https://m.youtube.com/watch?v=qGyOINuny80



นายกฯ ตรวจน้ำท่วมชัยภูมิ มอบถุงยังชีพให้ประชาชนที่ตลาดคลองพุทรา ท่ามกลางเสียงเชียร์สู้ๆ ก่อนไปให้กำลังใจทีมแพทย์ รพ.ชัยภูมิ บอกเจ็บปวดทุกครั้งที่มีภัยธรรมชาติ พร้อมเยียวยาเร็วที่สุด ยันไม่ทอดทิ้ง เพราะแม่เป็นคนชัยภูมิ วอนอย่าสร้างความขัดแย้ง เจอคนต้านตะโกนไล่ เจ้าตัวบอกไม่เป็นไรเป็นธรรมชาติ

วันนี้ (29 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ตรวจสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร จังหวัดนครราชสีมา จากเฮลิคอปเตอร์ จากนั้นเวลา 13.00 น. เดินทางไปยังตลาดคลองพุทรา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบอุทกภัย โดยทันทีที่มาถึง นายกรัฐมนตรีมาถึงได้ทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับ จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดชัยภูมิ



พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สวัสดีพี่น้องชาวชัยภูมิ วันนี้เดินทางมาในฐานะนายกรัฐมนตรี หัวหน้าฝ่ายบริหาร และนำรัฐมนตรีมาหลายท่านด้วยกัน รวมถึง ส.ส.ในพื้นที่ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติที่ดูแลคนไทยทุกคนในทุกพื้นที่ในทุกจังหวัด ตนเห็นความเดือดร้อนของประชาชน ตนเข้าใจและเจ็บปวดทุกครั้งที่มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้น แต่สำคัญ รัฐบาลต้องดูแลพวกเราที่ได้รับความเดือดร้อน วันนี้สั่งการแล้วต้องดูเรื่องเยียวยาให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสำรวจในช่วงต้นนี้ก่อน ก็มีการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งเพื่อดูแลเยียวยาช่วยเหลือได้โดยเร็ว ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น นายกฯไม่อยากให้เกิดขึ้นที่ไหนเลย มาวันนี้เอาความรักความห่วงใยของทุกคนที่น้ำไม่ท่วม ทั้งประเทศมาฝากพวกเราด้วย เขาเป็นกำลังใจให้เราหมด เพราะฉะนั้น เราต้องรักกัน ช่วยเหลือเผื่อแพร่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ยามไหนที่ลำบากคนไทยเราจะรักกันมากขึ้นด้วยซ้ำไป ขอให้เป็นการรักที่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะมีอะไรหรือไม่มีอะไรก็รักกันอยู่อย่างนี้ มันจะแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง ความรักความสามัคคี ความเข้าใจซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ คาดหวังว่า น้ำจะลดระดับลงได้โดยเร็วที่สุด หาวิถีทางเอาน้ำออกไปจากเขตเมืองได้อย่างไร ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานไว้ด้วย ในเรื่องการดูแลต้องทำงานของตัวเองให้เต็มที่



นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ปัญหา คือ การเคลื่อนย้ายคนไปมา ตนสั่งการรถทหารมาเสริมให้ ก็ขอความร่วมมือไปยังสมาคมขนส่งด้วย และขอให้ทุกคนรักกัน ช่วยกัน หากบ้านตัวเองเรียบร้อยแล้วก็ช่วยเพื่อนบ้าน ก็จะได้รักกัน เราจะไปข้างหน้าได้ก็ด้วยความรักระหว่างกันให้ได้มากที่สุด จะอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งไม่ได้ เพราะต้องมีเรื่องอื่นแก้ปัญหาเยอะอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น นายกฯคาดหวังขอเพียงอย่างเดียวให้พวกเรามีความรักความสามัคคี เชื่อมั่น ยึดหลักการ แกนหลักของประเทศความเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี่คือ คนไทย คนไทยเราต้องไม่ทิ้งกัน ต่อให้ทะเลาะเบาะแว้งกันไปก็ตาม เดี๋ยววันข้างหน้าก็ดีกันจนได้ เราต้องสร้างกุศลของเราเผื่อแผ่ให้เขาไป ให้อภัยให้เขาไป ถ้าเขาว่าเราแล้ว เรารับมาทั้งหมดมันก็มีความทุกข์ ตนเป็นห่วงขออย่าคิดอะไรสั้นๆ โชคดีก็มีโชคร้ายก็มี โชคร้ายก็จะหายไป ถ้าเราเข้มแข็ง เดี๋ยวโชคดีก็จะมา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เรายังมีโอกาสอีกเยอะ ภัยธรรมชาติเราก็มีเหมือนคนอื่นเขา แต่โชคดีเราไม่มีอย่างอื่นมาเพิ่มนอกจากอุทกภัยและภัยแล้ง ประเทศอื่นเขามีภูเขาไฟระเบิด มีไฟป่าท่วมเมือง เราต้องเข้มแข็งและตั้งหลักให้ดี ภัยธรรมชาติเดี๋ยวก็มาเดี๋ยวก็ไป รัฐบาลก็จะดูแลให้ นายกฯ ก็ทำเต็มที่แล้ว ฉะนั้น ขออย่าสร้างความขัดแย้งซึ่งกันและกัน ใครจะรักจะชอบ ตนไม่ว่า แต่อยากให้ท่านรักประเทศของท่าน รักผืนดินที่ท่านเหยียบท่านใช้ท่านเกิดมา ถ้าไม่รักตรงนี้แล้วเราจะรักใคร จะเหลือความรักให้กับใครได้ นั่นคือ สิ่งที่อยากจะฝากไว้ ขอบคุณในการมาต้อนรับวันนี้ คงเป็นส่วนน้อยส่วนที่เหลือจะทยอยมอบต่อไปโดยทางจังหวัด มีอะไรให้เข้าหาส่วนราชการ ถ้าเดือดร้อนไม่มีจะกินไม่มีอาหาร ก็ไปหาส่วนราชการ เพราะเขาคงไปไม่ทั่วถึง หากอยู่ใกล้ตรงไหนก็ไปจุดนั้นที่ตั้งเต็นท์ช่วยเหลือ ข้าราชการเขาเต็มใจช่วยเหลือ



นายกฯ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ต้องดูระดับน้ำตอนนี้บางพื้นที่ยังท่วมหนัก บางพื้นที่ยังไหลอยู่ จึงต้องดูว่าจูงน้ำส่วนนี้ไปได้อย่างไร เพื่อบรรเทาในส่วนเขตเมืองหรือโรงพยาบาล และหากมีพื้นที่กักเก็บน้ำก็อาจไปเจอพื้นที่ของประชาชนในที่ลุ่มต่ำโดยต้องเยียวยาให้ แต่ต้องดึงน้ำในเขตชุมชนหรือพื้นที่ธุรกิจ เพื่อกระจายน้ำออกไป ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนระลึกอยู่เสมอ น้ำมามากเกินไปก็เป็นทุกข์น้อยเกินไปก็เป็นทุกข์กว่า ยืนยันว่า รัฐบาลดูแลภาพใหญ่ให้ สิ่งสำคัญคือเราต้องรักษาธรรมชาติไปด้วย

“ขอบคุณนะจ๊ะ รู้ไหมว่าพวกเราห่วง พวกเราไม่ได้สบายนะเราเป็นทุกข์ ถึงไม่ได้มาที่นี่ก็มีงานทำอยู่ทุกวันอยู่แล้วในการบริหารราชการ วันไหนที่ผมว่างก็ออกมานอกพื้นที่ด้วยบ้าง ช่วงนี้ก็ยังมีการเฝ้าระวังตัวเรื่องโควิดด้วย อย่าลืมสวมใส่หน้ากาก ซึ่งโรคต่างๆ เหล่านี้ยังไม่หมดไปตราบใดที่ยังมีพาหะ วันนี้โลกได้ส่งเสียงเตือนแล้วว่าเราต้องกลับมาดูแล ยืนยันรัฐบาลจะพยายามทำอย่างเต็มที่ รวมทั้งที่ผ่านมา และต่อไปนี้จะให้ผู้ว่าฯทุกจังหวัดเอาแผนที่น้ำให้ทุกคนรู้ว่าจังหวัดของเรา อำเภอของเรา มีน้ำไหลจากไหนทุกคนจะได้เรียนรู้ในเรื่องเหล่านี้ เพื่อเตรียมความพร้อมว่าจะอยู่กับธรรมชาติได้อย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว



พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในช่วงท้ายด้วยว่า ขอให้ทุกคนมีความสุขปลอดภัยและคลี่คลายได้เร็วๆ พร้อมขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนขอให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ขออวยพรให้ ชาวชัยภูมิ ทั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และประชาชนทุกคน จงแคล้วคลาดพ้นจากความลำบากจากน้ำท่วมให้ได้โดยเร็วที่สุด และมีอนาคตที่ดีในต่อไป ถ้าเราร่วมมือกันเปลี่ยนแปลง ขอขอบคุณทุกคน ขอให้ช่วยกันน่ะ ช่วยกันทำ

จากนั้นนายกรัฐมนตรี มอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ขณะที่ชาวบ้านตะโกน “นายกฯสู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ” นายกฯ กล่าวว่า “สู้กับปัญหาให้พวกเรา การเปลี่ยนแปลงอะไรต้องใช้เวลาทั้งหมด ถ้าเราร่วมมือก็จะเร็วขึ้น ขอบคุณนะจ๊ะ ขอบคุณพ่อแม่พี่น้อง” ก่อนที่นายกฯ จะชูมือเป็นสัญลักษณ์ไอเลิฟยู และชูกำปั้นมาทุบที่หน้าอก ช่วงหนึ่งประชาชนบอกให้สู้ๆ นายกฯ จึงหันไปถามว่า “ให้ผมสู้ต่อเหรอ ขอบใจนะ เราต้องสู้ไปด้วยกัน ใช่แล้วเพราะงานยังไม่เสร็จ งานทุกอย่างต้องใช้เวลาจะให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยไม่ได้” พร้อมย้ำว่า ความทุกข์ความสุขของประชาชนเป็นเรื่องรัฐบาลต้องทำและดูแล


ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรี ขึ้นรถบรรทุกขับเคลื่อน 4 ล้อ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรโรงพยาบาลชัยภูมิ และมอบสิ่งของจำเป็นแก่โรงพยาบาลชัยภูมิ ทั้งนี้ มีประชาชนที่มารอต้อนรับให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีอยู่ภายในตลาดคลองพุทรา ส่วนบริเวณด้านหน้าเป็นมวลชนกลุ่มหนึ่งที่มาชูป้ายไล่นายกรัฐมนตรี พร้อมตะโกนถามว่า “มาทำไม ประยุทธ์ออกไป” ซึ่งนายกฯ ได้ยิน และกล่าวว่า “เขาพูดว่าอะไร คนที่ไม่ให้เราอยู่ใช่ไหม ไม่เป็นไร เป็นธรรมชาติ”



เมื่อลงจากรถ นายกฯ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ที่ถามว่า รู้สึกอย่างไรวันนี้ประชาชนต้อนรับเยอะ นายกฯ กล่าวว่า มันถึงใจอยู่แล้วล่ะ ทุกคนก็ต้องรู้ว่าตนเป็นห่วงเป็นใยเขาแค่ไหน คนทั้งประเทศหน้าที่ของตน เมื่อถามว่า แล้วคนที่มาคัดค้านจะบอกว่าอย่างไร นายกฯกล่าวว่า ตนไม่ตอบหรอก ตนบอกแต่เพียงว่าไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้นเวลานี้ มันไม่ใช่เวลา ขณะเดียวกัน มี
ชาวบ้านตะโกนว่า “คนละครึ่งนานๆ นะคะ” นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวดูให้อยู่...

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลชัยภูมิ พร้อมได้กล่าวกับทีมแพทย์และประชาชนที่มารอต้อนรับ ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้มีความโปร่งใส ให้มีประสิทธิภาพและถูกต้อง ทำให้สุจริต ตนทำอย่างนี้มา 7 ปีแล้ว ต้องสุจริต โปร่งใสและเป็นธรรมอะไรที่ไม่ควรทำก็อย่าทำกัน นายกฯไม่สามารถทําให้ทุกคนรักได้ แต่ทุกคนน่าจะต้องรักประเทศของตัวเองไหมล่ะ สร้างความเดือดร้อนไปแล้วได้อะไรขึ้นมา ก็ไม่รู้เหมือนกัน ต่างประเทศ ทั้งที่เขาอยากจะมาลงทุนที่ประเทศไทย ขณะนี้ก็ลงมาแล้วหลายบริษัท แต่ที่เหลือจะรอดูสถานการณ์ว่าจะสงบหรือไม่ ว่าจะมีเสถียรภาพหรือไม่
โดยเมื่อมีประชาชนรายหนึ่งถามนายกรัฐมนตรีว่า รู้สึกดีใจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ดีสิตนดีใจ ฉันกลับมาบ้านฉัน



https://mgronline.com/politics/detail/9640000096580

  ลุงตู่สุดยอดนายกฯที่รักประชาชนค่ะ

ท่านลงไปตรวจดูจังหวัดที่เป็นปัญหาน้ำท่วม เพื่อแก้ไขและช่วยเหลือ ให้กำลังใจทุกคน  ประชาชนก็รักลุงตู่ค่ะ ท่านได้เสียงเชียร์ สู้ๆ

ไม่หวั่นไหวแม้จะมีเสียงไล่ท่าน เพราะท่านทำงานเพื่อทุกคน

เชียร์ท่านนะคะ  💏💑
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
[LIVE] นายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัย และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอำเภอเมืองชัยภูมิ ณ ตลาดคลองพุดซา ตำบลในเมือง อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/videos/1589110211424168/ (มีคลิป)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
[LIVE] นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอำเภอจัตุรัส ณ วัดชัยชนะวิหาร (วัดบ้านละหาน) ตำบลละหาน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ
https://web.facebook.com/ThaigovSpokesman/videos/1867767876739530/ (มีคลิป)

นายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัย พร้อมมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
นายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัย และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอำเภอเมืองชัยภูมิ ณ ตลาดคลองพุดซา ตำบลในเมือง อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ วันที่ 29 กันยายน 2564

นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรโรงพยาบาลชัยภูมิและมอบสิ่งของจำเป็นแก่โรงพยาบาลชัยภูมิ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรโรงพยาบาลชัยภูมิและมอบสิ่งของจำเป็นแก่โรงพยาบาลชัยภูมิ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ วันที่ 29 กันยายน 2564

นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอำเภอจัตุรัส
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอำเภอจัตุรัส ณ วัดชัยชนะวิหาร (วัดบ้านละหาน) ตำบลละหาน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ วันที่ 29 กันยายน 2564

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
นายกรัฐมนตรีกล่าวคำปราศรัยเนื่องในพิธีเปิดการสัมมนาการดำเนินโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/1266582023807601 (มีคลิป)


นายกฯ ลุงตู่ ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม จ.ชัยภูมิ บ้านเกิดคุณแม่

“ผมเกิดที่โคราช ชัยภูมิคือ บ้านของแม่
ขณะเดียวกันจะรักแค่ 2 จังหวัดก็ไม่ได้
ต้องรักทั้งหมด 76 + 1 จังหวัด”
https://web.facebook.com/PMOCNEWS/posts/637841700934489


รัฐบาลจะดูแลให้ นายกรัฐมนตรีก็จะทำเต็มที่
ขออย่าสร้างความขัดแย้งซึ่งกันและกันเลย

ใครจะรักใครจะชอบผมไม่ว่า
แต่อยากให้ท่านรักประเทศของท่าน
รักผืนแผ่นดินที่ท่านเหยียบ
ท่านใช้ ท่านเกิดมา

ถ้าไม่รักตรงนี้ แล้วเราจะรักใคร
เราจะเหลือความรักให้กับใครได้
นั่นคือสิ่งที่อยากจะฝากไว้
https://web.facebook.com/PMOCNEWS/posts/637828540935805


รัฐบาลเดินหน้าสร้าง #สะพานเกียกกาย ข้ามเจ้าพระยา ผ่านร่าง พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดินในกทม. เร่งสำรวจอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเวนคืน

#ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงจตุจักร แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าวในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณแยกเกียกกาย เชื่อมต่อกับการสร้างและขยายถนน เพื่อแก้ปัญหาการจราจร โดยให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำการสำรวจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนให้ถูกต้องและชัดเจน ซึ่งที่ดินที่จะเวนคืนมีส่วนแคบที่สุด 50 เมตร และส่วนที่กว้างที่สุด 1,250 เมตร

ลักษณะของโครงการเป็นการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณแยกเกียกกายตามแนวถนนทหาร ซึ่งกรุงเทพมหานครพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสมและเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด พร้อมทั้งได้ปรับรูปแบบสะพานเกียกกายไม่ให้กระทบพื้นที่รัฐสภาแห่งใหม่ สะพานมีความยาว 320 เมตร ใช้วิธีก่อสร้างแบบคานยื่นสมดุล เป็นสะพานขนาด 6 ช่องจราจร พร้อมก่อสร้างทางยกระดับขนาด 4-6 ช่องจราจร เชื่อมต่อฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนคร มีทางขึ้นลงรวม 9 แห่ง ระยะทาง 5.9 กิโลเมตร

ในการดำเนินงานที่ผ่านมา กทม. ได้จัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่แล้วรวม 4 ครั้ง พร้อมจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในกรณีพื้นที่ตั้งอยู่ใกล้โบราณสถาน แหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์ หรืออุทยานประวัติศาสตร์ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ในระยะทาง 2 กิโลเมตรเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อสะพานเกียกกายและถนนเชื่อมต่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จะสามารถรองรับปริมาณการสัญจรที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่โดยรอบรัฐสถาแห่งใหม่ได้ประมาณ 1แสนคันต่อวัน ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการจราจรและเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายเส้นทางคมนาคมในพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนบน
https://www.facebook.com/Rachadaspoke/posts/607758180584350


ครม.เห็นชอบการบริหารจัดการการทำงานแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ขยายเวลาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง

#ครม.เห็นชอบการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) เพื่อสนับสนุนการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งประกอบด้วย 2 กลุ่ม คือ 1)แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติผิดกฎหมาย ไม่ได้ขออนุญาตทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย 2)แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติที่ดำเนินการขออนุญาตทำงานตามมติ 29 ธ.ค.63 แต่กระบวนการยังไม่แล้วเสร็จ ให้ดำเนินการตามแนวทางดังนี้

1.กลุ่งแรงงานผิดกฎหมายที่ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถอยู่ในราชอาณาจักรและให้ทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยต้องดำเนินการดังนี้

(1) นายจ้างยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ ซึ่งจะสามารถทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรได้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2566

(2) ให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานแล้ว ต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนหรือประกันสุขภาพ ตรวจโรคต้องห้าม และจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2565 หากไม่ดำเนินการดังกล่าว การอนุญาตทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรจะสิ้นสุดลง

(3) เมื่อแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนหรือประกันสุขภาพ ตรวจโรคต้องห้าม และจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคลแล้ว ให้ดำเนินการตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2565 ซึ่งจะอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ได้ถึง 13 กุมภาพันธ์ 2566 หากไม่ดำเนินการจะอยู่ในราชอาณาจักรได้ถึง 1 สิงหาคม 2565

2. กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ได้ดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.63 แล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ โดยรัฐขยายระยะเวลาการยื่นคำขออนุญาตทำงาน จากภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2564 เป็นภายในวันที่ 13 กันยายน 2564 เพื่อให้สามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 หากแรงงานต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวต้องการจะทำงานในราชอาณาจักรได้ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ต้องดำเนินการตรวจโรคต้องห้ามภายในวันที่ 18 ตุลาคม 2564 และปรับปรุงทะเบียนประวัติภายในวันที่ 31 มีนาคม 2565
https://www.facebook.com/Rachadaspoke/posts/607775663915935


1 ต.ค.นี้ โอนเงินคนละครึ่ง เฟส 3 รอบ 2 รับ 1,500 บาท , ใช้ผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่  4 ต.ค.

โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 รอบที่ 2 จะโอนเงินให้แก่ผู้ได้รับสิทธิในวันที่ 1 ต.ค.นี้ โดยได้รับสิทธิคนละ 1,500 บาท ใช้จ่ายได้ถึง 31 ธ.ค.2564
สามารถใช้ผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์ม ตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป เวลา 06.00 – 20.00 น. ของทุกวัน

ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ยังสามารถลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องได้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 ของทุกวัน จนกว่าจะครบ 28 ล้านสิทธิ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผ่าน g-Walletบนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” จนกว่าจะครบ 1 ล้านสิทธิ
https://web.facebook.com/ttraisuree/posts/613570810021704


ท่ามกลางกระแสความไม่แน่ใจและยังหวาดกลัวต่อนโยบายเปิดประเทศอีกครั้งเนื่องจากเรายังเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ค่อนข้างสูงนั้น ยังมีอีกแง่มุมหนึ่งที่อาจถูกมองข้ามไป การมีผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเข้ามาทำงานหรือพักอาศัยในประเทศนั้น อาจช่วยสร้างเม็ดเงินมาทดแทนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่หายไปได้ในบางส่วน แต่ในขณะเดียวกันอาจยังสามารถจูงใจให้ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีทักษะสูงเข้ามาเสริมศักยภาพเชิงแรงงานในการพัฒนาประเทศ ถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลักไว้อย่างชัดเจน

1. กลุ่มประชากรที่มีความมั่งคั่ง
2. กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
3. กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
4. กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ

ในส่วนของการบริหารจัดการ กลุ่มชาวต่างชาติเหล่านี้จะถูกกำหนดให้มีวีซ่าประเภทพิเศษ มาพร้อมกับการประเมินผลสัมฤทธิ์ทุกๆ 5 ปี โดยสามารถยกเลิกหรือปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ขณะนั้นๆ หรือการส่งเสริมการลงทุนจากทั่วโลกได้

หลังยุคโควิด19 จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับทุกประเทศทั่วโลก ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ความรู้ความสามารถในตลาดแรงงาน นอกเหนือจากประโยชน์จากการลงทุนแล้ว รัฐบาลจะมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นอีก 2.7 แสนล้านบาทจากการเก็บภาษีรายได้ส่วนบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเกี่ยวกับการลงทุน

เมื่อนับข้อดีต่างๆในหลากหลายแง่มุมแล้ว รัฐบาลจึงอยากวิงวอนขอความเชื่อมั่นว่าการทำงาน การดำเนินการทุกมาตรการของรัฐบาลนั้นล้วนมุ่งเน้นที่จะส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจ ส่งเสริมอุตสาหกรรม เพิ่มศักยภาพขีดความสามารถของประเทศไทยอย่างยั่งยืน
https://web.facebook.com/anucha.b.dp/posts/4386184391460344

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่