"บิ๊กตู่" เยือนสุพรรณบุรี รับฟังชาวบ้านไร้ที่ทำกิน 113 ราย หลังร้องเรียนไม่คืบ ย้ำมาแก้ปัญหา ยึดตามกม. ไม่หวังให้รัก ลั่นพูดในนามรัฐบาล ไม่ได้มาหาเสียง ขณะปชช.เข้าสวมกอด บอกเมื่อคืนนอนไม่หลับกลัวถูกตัดสิทธิ์ ดีใจที่นายกฯลงมาดูเอง
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 24 ม.ค.66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ จาก พล.ม.2 รอ. พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อตรวจราชการจังหวัดสุพรรณบุรี โดยเมื่อเดินทางถึงสุพรรณบุรี นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อด้วยรถยนต์ฟอร์จูเนอร์ สีดำ ทะเบียน กฉ 4212 ยะลา ไปยังพื้นที่ใช้ประโยชน์ ณ แปลงจัดสรร ตำบลวังยาว อำเภอด่านช้าง ตรวจติดตามพื้นที่ทำกินกรณีชาวบ้านไร้ที่ทำกิน 113 ราย ร้องเรียนการขอจัดที่ดินทำกินล่าช้า
จากนั้น นายกรัฐมนตรี พบปะกับประชาชนที่ได้รับจัดสรรพื้นที่ใช้ประโยชน์ ที่ อบต. วังยาว โดยเมื่อนายกฯมาถึงได้รับพวงมาลัยและดอกไม้จากชาวบ้าน พร้อมระบุว่า ขอบคุณทุกคน ตนมีกำลังใจมากขึ้น ก่อนสอบถามปัญหาชาวบ้านและกล่าวว่า นายกฯ ทำคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) มาหลายปีแล้ว จัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาให้กับผู้มีรายได้น้อย ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วจนถึงรัฐบาลนี้ วันนี้ถือโอกาสมาดูว่ามีปัญหาอะไรอีกบ้าง ยืนยันว่าตนมาในนามนายกฯ รักทุกคนอยู่แล้ว และต้องทำให้ถูกต้อง วันนี้มาเพื่อให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองมีนโยบายเรื่องความเท่าเทียมและการเข้าถึงโอกาส ดูแลผู้มีรายได้น้อย แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย กฎกติกา ต้องยอมรับซึ่งกันและกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า หลักการทั้งหมดนั้นอนุมัติให้อยู่แล้ว แต่ต้องตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยได้สั่งการให้ดูที่ดิน 2 แปลงใหญ่ว่าเป็นการเช่าตามกฏหมายหรือไม่ ออกมาแบบนั้นได้อย่างไร ต้องไปตรวจสอบอีกที กติกาสำคัญคือต้องตรวจสอบว่าชาวบ้าน 113 รายมีที่ดินทำกินที่อื่นหรือไม่ ถ้ามีจะไม่ได้รับการจัดสรร
นายกรัฐมนตรี ยังสอบถามชาวบ้านว่าใครเป็นคนจัดสรรให้ โดยชาวบ้านตอบว่า “คุณพี” พล.อ.ประยุทธ์จึงถามอีกว่า “คุณพี” คือใคร แต่ไม่ว่าใคร ก็ตัดสินไม่ได้ เพราะตนคือนายกฯ ถ้านายกฯ ตัดสินไม่ได้ ใครก็ทำให้ไม่ได้เหมือนกัน
ขณะที่ชาวบ้านกล่าวกับนายกฯอีกว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ดำเนินการให้ นายกฯจึงรีบปรามว่า ไม่ใช่ ศัตรูกัน คนไทยด้วยกันทั้งนั้น ตรงนี้ตนได้มอบหมายให้ผู้ว่าฯไปดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ได้สั่งการไปว่าให้ดำเนินการให้ชาวบ้าน 113 รายนี้ก่อน ซึ่งหากถูกต้องจะต้องทำผัง และจับสลากว่าใครอยู่ตรงไหน ซึ่งจากการเอกสารพบว่ามีชาวบ้านไม่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ 59 ราย เหลือเพียง 54 รายที่ถูกต้อง ขอให้ทุกคนต้องยอมรับกฎกติกาตรงนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า พอใจหรือไม่ตนมาประสานให้ทุกอย่างเดินหน้า ไม่ได้มาทำเพื่อให้ทุกคนรักตน หากจะรักก็รักอยู่แล้ว แต่ทำวันนี้คือทำให้ถูกต้อง วันนี้ตนมาประสานเพื่อให้ดำเนินงานต่อไปให้ได้ ไม่ได้ทำเพื่อเอาใจ วันนี้หากสำเร็จต้องให้เครดิตกับผู้ว่าฯและคณะทำงาน อย่าไปโกรธกัน โกรธกันไม่ได้ เพราะต้องรักษากฎหมาย หลักนิติศาสตร์กับรัฐศาสตร์ต้องเดินคู่กัน หากขัดแย้งกันบ้านเมืองก็เดินต่อไปไม่ได้ ต้องสร้างความรักความสามัคคี จะบอกว่ารักนายกฯหรือไม่ชอบผู้ว่าฯ ก็ไม่ได้ ต้องมีกฎหมายดูแล วันนี้การทำงานก็มีรองนายกฯอยู่หลายคน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ปัญหามี แต่จะให้ลงไปทุกพื้นที่คงไม่มีเวลา เพราะมีปัญหาและงานอีกเยอะที่ต้องทำ แค่ขอให้ยกปัญหาครั้งนี้ เป็นบทเรียน เพื่อจะนำร่องไปแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่อื่นได้อย่างไร
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งชาวบ้านกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่นายกฯ ลงมาดูด้วยตัวเอง เมื่อคืนนอนไม่หลับ ถ้านายกฯไม่มา อาจทำให้ถูกตัดสิทธิ์ได้ ขณะเดียวกันยังมีชาวบ้านเข้ามาสวมกอดนายกฯและขอถ่ายรูป อีกทั้งมีชาวบ้านขอหอมแก้ม ซึ่งนายกฯกล่าวว่า โควิดยังมีอยู่ จึงให้ถ่ายรูปด้วยเท่านั้น
ก่อนเดินทางกลับ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ตนพูดในนามรัฐบาล ไม่ได้มาหาเสียง หน้าที่ของ นายกรัฐมนตรีคือให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทั่วประเทศ การลงพื้นที่ครั้งนี้สามารถนำแนวทางไปใช้กับพื้นที่อื่นด้วย เพราะ คทช. จะจัดระเบียบทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งมีปัญหาอยู่มาก ชาวบ้านมีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ แต่นายกฯในฐานะประธาน คทช. ก็ได้มารับฟังปัญหาแล้ว แก้ไขเพื่อลดความขัดแย้งให้ชาวบ้านได้รับความเป็นธรรมอย่างทั่วถึง ซึ่งทั้งหมดคือหน้าที่ของรัฐบาล
อ่าน.
https://www.naewna.com/politic/706451
ชาวบ้านดีใจโผกอด! 'บิ๊กตู่'ไปสุพรรณฯแก้ไร้ที่ทำกิน 113 ราย ยันไม่ได้มาหาเสียง
"บิ๊กตู่" เยือนสุพรรณบุรี รับฟังชาวบ้านไร้ที่ทำกิน 113 ราย หลังร้องเรียนไม่คืบ ย้ำมาแก้ปัญหา ยึดตามกม. ไม่หวังให้รัก ลั่นพูดในนามรัฐบาล ไม่ได้มาหาเสียง ขณะปชช.เข้าสวมกอด บอกเมื่อคืนนอนไม่หลับกลัวถูกตัดสิทธิ์ ดีใจที่นายกฯลงมาดูเอง
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 24 ม.ค.66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ จาก พล.ม.2 รอ. พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อตรวจราชการจังหวัดสุพรรณบุรี โดยเมื่อเดินทางถึงสุพรรณบุรี นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อด้วยรถยนต์ฟอร์จูเนอร์ สีดำ ทะเบียน กฉ 4212 ยะลา ไปยังพื้นที่ใช้ประโยชน์ ณ แปลงจัดสรร ตำบลวังยาว อำเภอด่านช้าง ตรวจติดตามพื้นที่ทำกินกรณีชาวบ้านไร้ที่ทำกิน 113 ราย ร้องเรียนการขอจัดที่ดินทำกินล่าช้า
จากนั้น นายกรัฐมนตรี พบปะกับประชาชนที่ได้รับจัดสรรพื้นที่ใช้ประโยชน์ ที่ อบต. วังยาว โดยเมื่อนายกฯมาถึงได้รับพวงมาลัยและดอกไม้จากชาวบ้าน พร้อมระบุว่า ขอบคุณทุกคน ตนมีกำลังใจมากขึ้น ก่อนสอบถามปัญหาชาวบ้านและกล่าวว่า นายกฯ ทำคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) มาหลายปีแล้ว จัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาให้กับผู้มีรายได้น้อย ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วจนถึงรัฐบาลนี้ วันนี้ถือโอกาสมาดูว่ามีปัญหาอะไรอีกบ้าง ยืนยันว่าตนมาในนามนายกฯ รักทุกคนอยู่แล้ว และต้องทำให้ถูกต้อง วันนี้มาเพื่อให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองมีนโยบายเรื่องความเท่าเทียมและการเข้าถึงโอกาส ดูแลผู้มีรายได้น้อย แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย กฎกติกา ต้องยอมรับซึ่งกันและกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า หลักการทั้งหมดนั้นอนุมัติให้อยู่แล้ว แต่ต้องตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยได้สั่งการให้ดูที่ดิน 2 แปลงใหญ่ว่าเป็นการเช่าตามกฏหมายหรือไม่ ออกมาแบบนั้นได้อย่างไร ต้องไปตรวจสอบอีกที กติกาสำคัญคือต้องตรวจสอบว่าชาวบ้าน 113 รายมีที่ดินทำกินที่อื่นหรือไม่ ถ้ามีจะไม่ได้รับการจัดสรร
นายกรัฐมนตรี ยังสอบถามชาวบ้านว่าใครเป็นคนจัดสรรให้ โดยชาวบ้านตอบว่า “คุณพี” พล.อ.ประยุทธ์จึงถามอีกว่า “คุณพี” คือใคร แต่ไม่ว่าใคร ก็ตัดสินไม่ได้ เพราะตนคือนายกฯ ถ้านายกฯ ตัดสินไม่ได้ ใครก็ทำให้ไม่ได้เหมือนกัน
ขณะที่ชาวบ้านกล่าวกับนายกฯอีกว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ดำเนินการให้ นายกฯจึงรีบปรามว่า ไม่ใช่ ศัตรูกัน คนไทยด้วยกันทั้งนั้น ตรงนี้ตนได้มอบหมายให้ผู้ว่าฯไปดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ได้สั่งการไปว่าให้ดำเนินการให้ชาวบ้าน 113 รายนี้ก่อน ซึ่งหากถูกต้องจะต้องทำผัง และจับสลากว่าใครอยู่ตรงไหน ซึ่งจากการเอกสารพบว่ามีชาวบ้านไม่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ 59 ราย เหลือเพียง 54 รายที่ถูกต้อง ขอให้ทุกคนต้องยอมรับกฎกติกาตรงนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า พอใจหรือไม่ตนมาประสานให้ทุกอย่างเดินหน้า ไม่ได้มาทำเพื่อให้ทุกคนรักตน หากจะรักก็รักอยู่แล้ว แต่ทำวันนี้คือทำให้ถูกต้อง วันนี้ตนมาประสานเพื่อให้ดำเนินงานต่อไปให้ได้ ไม่ได้ทำเพื่อเอาใจ วันนี้หากสำเร็จต้องให้เครดิตกับผู้ว่าฯและคณะทำงาน อย่าไปโกรธกัน โกรธกันไม่ได้ เพราะต้องรักษากฎหมาย หลักนิติศาสตร์กับรัฐศาสตร์ต้องเดินคู่กัน หากขัดแย้งกันบ้านเมืองก็เดินต่อไปไม่ได้ ต้องสร้างความรักความสามัคคี จะบอกว่ารักนายกฯหรือไม่ชอบผู้ว่าฯ ก็ไม่ได้ ต้องมีกฎหมายดูแล วันนี้การทำงานก็มีรองนายกฯอยู่หลายคน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ปัญหามี แต่จะให้ลงไปทุกพื้นที่คงไม่มีเวลา เพราะมีปัญหาและงานอีกเยอะที่ต้องทำ แค่ขอให้ยกปัญหาครั้งนี้ เป็นบทเรียน เพื่อจะนำร่องไปแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่อื่นได้อย่างไร
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งชาวบ้านกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่นายกฯ ลงมาดูด้วยตัวเอง เมื่อคืนนอนไม่หลับ ถ้านายกฯไม่มา อาจทำให้ถูกตัดสิทธิ์ได้ ขณะเดียวกันยังมีชาวบ้านเข้ามาสวมกอดนายกฯและขอถ่ายรูป อีกทั้งมีชาวบ้านขอหอมแก้ม ซึ่งนายกฯกล่าวว่า โควิดยังมีอยู่ จึงให้ถ่ายรูปด้วยเท่านั้น
ก่อนเดินทางกลับ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ตนพูดในนามรัฐบาล ไม่ได้มาหาเสียง หน้าที่ของ นายกรัฐมนตรีคือให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทั่วประเทศ การลงพื้นที่ครั้งนี้สามารถนำแนวทางไปใช้กับพื้นที่อื่นด้วย เพราะ คทช. จะจัดระเบียบทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งมีปัญหาอยู่มาก ชาวบ้านมีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ แต่นายกฯในฐานะประธาน คทช. ก็ได้มารับฟังปัญหาแล้ว แก้ไขเพื่อลดความขัดแย้งให้ชาวบ้านได้รับความเป็นธรรมอย่างทั่วถึง ซึ่งทั้งหมดคือหน้าที่ของรัฐบาล
อ่าน. https://www.naewna.com/politic/706451