สวัสดีค่ะ คือเรามีเรื่องอยากจะมาเล่าให้คนในพันทิปได้ฟัง มันเกิดขึ้นกับตัวเราเองเรื่องนี้เราจำฝั่งใจเลยค่ะ เพราะมันเกิดขึ้นในบ้าน ไม่ใช่นอกสถานที่ที่หลีกเลี่ยงได้
เราต้องบอกก่อนว่าเราเป็นมีเซนส์นิดหน่อยเห็นอะไรแว๊บๆหรืออะไรที่คนอื่นเขาไม่เห็นบ้าง มันมีมาตั้งแต่ช่วงเด็กๆแล้ว เราไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ2ปีที่แล้ว ช่วงโควิด เราได้กลับมาอยู่กับครอบครัวที่ต่างจังหวัด เราจำได้เลยว่าหลังจากเข้าบ้านไป เราตัวสั่นแปลกๆ แต่เราไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่า น่าจะหนาวแหละ แต่เมื่อเก็บของเข้าห้องนอนที่เราแชร์กับแม่และพี่ชายค่ะ ช่วงแรกไม่ได้มีอะไรมากแค่เห็นเงาผ่านแว๊บๆข้างหลัง ไม่ก็ประตูปิด เปิดเองในช่วงดึกๆ เราพยายามค่มใจตัวเองว่ามันแค่ลม แต่ถึงจะเป็นลม ก็ไม่สามารถปิดประตูที่มันอยู่ในตัวบ้านได้บ่อยขนาดนี้ เรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากเข้าบ้านได้เดือนนิดๆ(ขออภัยหากเขียนผิด เพราะตอนนี้มือเราสั่นมากค่ะ) วันนั้นพ่อได้ตีฝ้าแผ่นขาวๆเพื่อจะกั้นห้อง ซึ่งฝ้าอันนั้นมันเยื้องจากประตูห้องเราพอดี เรานอนมุมห้อง และสามารถมองเห็นข้างนอกห้องได้ เพราะประตูห้องเราเป็นประตูเก่าที่ครึ่งนึงเป็นกระจก ครึ่งนึงเป็นไม้ เรารู้สึกไม่ดี เลยเอาม่านมาติดไว้ พอเราเข้าห้องมา เรารู้สึกได้เลยว่ามันแปลกๆ ม่านที่ปิดตรงประตูของส่วนกระจก ก็แง้ม ทำให้เห็นข้างนอกได้ครึ่งนึง เรารู้สึกได้เลยว่าวันนั้นมีคนจ้องเราอยู่ ตรงประตู แต่ไม่กล้าเงยหน้าดูเพราะความกลัว วันนั้นเรานอนตี1 พี่เราก็เล่นเกมอยู่อีกมุม แต่เรารู้สึกคาใจเพราะความรู้สึกอึดอัดในอกมันไม่หายไปสักที เรากลั้นใจเขยิบตัวเองขึ้นฟูก แล้วถอดแว่นออก เผื่อเจอจริงๆจะได้ไม่เห็นชัดมาก เราเงยหน้ามอง ก็เห็นก้อนสีขาวๆ แต่คิดในใจ คงเป็นฝ้าที่พ่อตีไว้ เราจ้องนานมาก จนพี่สังเกตเห็น และหันไปมอง แล้วหลุดพูดออกมา "เชี้ย!!" เราไม่รู้เพราะอะไร เพราะเราไม่ได้ใส่แว่น เห็นเป็นแค่ก้อนขาวๆ แต่คำหยาบของพี่ทำให้เราเริ่มมั่นใจขึ้นว่าไม่ใช่ฝ้า เราเลยหันหลังให้ประตู เพราะกลัว แต่กว่าจะหลับได้ก็นานอยู่ เพราะความอึดอัดที่มี และความกลัวผสมอยู่ จนรุ่งเช้าเราตื่นขึ้นมาใส่แว่นและลุกขึ้นไปดูที่ประตู เราตัวสั่น เพราะประตูห้องไม่สามารถเห็นฝ้านั้นได้ เราเริ่มมั่นใจ พี่ที่เหมือนจะไม่ได้นอนนั่งรออยู่ที่โซฟา เราคุยกันเรื่องเมื่อคืน สรุปได้ว่า ที่พี่เห็นมันไม่ใช่ฝ้าจริงๆ แต่เป็นร่างผญ.ผิดขาวซีดผมยาว กำลังจ้องเรา ตัวแนบประตูจนจะกินประตูเข้าไปได้อยู่แล้ว เหตุการณ์วันนั้นทำให้เราและพี่ทำบุญกันหนักมาก
2-3วันต่อมา เราเริ่มทำใจได้ วันนั้นเพื่อนส่งมะม่วงมันมาให้พอดี เลยว่าจะปลอกมากิน เรานั่งอยู่ที่หลังบ้าน ทางฝั่งครัว เราบอกเลยว่าครัวในตอนนั้นคือเก่ามาก เหมือนหลุดเข้าไปในหนังย้อนยุค เรานั่งปลอกมะม่วงอยู่ เราคิดอะไรไม่รู้ ลองคิดว่า ถ้าหันมีดไปข้างหลังดู จะเจอผีมั้ยนะเพราะบรรยากาศและมีดที่ถืออยู่มันใหม่มาก เหมือนอยากทำเหมือนในหนัง แต่พอเอาเข้าจริงๆ แทบจับมีดไม่อยู่ ข้างหลังเรา มีผญ.รูปร่างตามที่พี่บอกมายืนอยู่ ถ้าใครนึกน่าตาไม่ออกให้คิดถึง ผีญิ่ปุ่น เราหันหลังไปดูก็ไม่มีใคร เราฮึบ! ปลอกมะม่วงจนเสร็จและรีบออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด แต่เอาเข้าจริงๆเราคิดว่าเขาน่าจะมาขอบคุณที่เราเอาบุญไปให้รึเปล่า
แต่พอเอาไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อรีโนเวทหลังบ้านใหม่หมด รวมถึงห้องเราด้วย ถึงประตูจะอันเดิมก็เถอะ ถึงจะรีโนเวทไป ก็ไม่ได้ผลหรอก เพราะเธอคนนั้นยังอยู่ และขยับเขามาอยู่ในห้อง แรกๆก็กลัวจนไม่กล้านอน แต่พออยู่ไป เหมือนจะอยู่แค่ตรงประตู เหมือนหันไปส่องตลอดเวลาว่าข้างนอกเป็นยังไง เพราะที่บ้าน พ่อเราก็เลี้ยงไอไข่ไว้ เหมือนเธอจะค่อยกันไอไข่ไว้รึเปล่า เราก็ไม่แน่ใจ แต่หลังจากวันนั้น กุมารของพ่อ ก็ไม่มาอำเราเลย เรารู้ถึงการมีอยู่ แต่ถ้าไม่เข้าไปยุ่งก็อยู่ด้วยกันได้ แค่ค่อยทำบุญไปให้ ถ้าหมดเวลา เขาจะไปเอง
ที่เรากล้าเล่าเพราะเธอคนนั้นน่าจะไปอยู่บนสวรรค์แล้ว เพราะอะไรรุ้มั้ยคะ กุมารที่พ่อเลี้ยงไว้มาแกล้งเราอีกแล้วว
หวังว่าจะสนุกกับเรื่องของเรานะคะ ถึงแม้จะไม่หลอนเท่าไหร่ แต่เจอกับตัวแทบทรุดลงไปนอนกับพื้น เป็นเรื่องจริงค่ะ และเรายังอยู่ที่บ้านนี้อยู่ ถึงจะปรับปรุงไปมากก็ตาม
เรามีคำถามด้วยค่ะ ว่าจะทำยังไงดี คือไม่อยากเห็นแล้วค่ะ มันมีหลายครั้งที่เราแทบจะเป็นลมเพราะการเจอผี
วิญญาณในบ้าน
เราต้องบอกก่อนว่าเราเป็นมีเซนส์นิดหน่อยเห็นอะไรแว๊บๆหรืออะไรที่คนอื่นเขาไม่เห็นบ้าง มันมีมาตั้งแต่ช่วงเด็กๆแล้ว เราไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ2ปีที่แล้ว ช่วงโควิด เราได้กลับมาอยู่กับครอบครัวที่ต่างจังหวัด เราจำได้เลยว่าหลังจากเข้าบ้านไป เราตัวสั่นแปลกๆ แต่เราไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่า น่าจะหนาวแหละ แต่เมื่อเก็บของเข้าห้องนอนที่เราแชร์กับแม่และพี่ชายค่ะ ช่วงแรกไม่ได้มีอะไรมากแค่เห็นเงาผ่านแว๊บๆข้างหลัง ไม่ก็ประตูปิด เปิดเองในช่วงดึกๆ เราพยายามค่มใจตัวเองว่ามันแค่ลม แต่ถึงจะเป็นลม ก็ไม่สามารถปิดประตูที่มันอยู่ในตัวบ้านได้บ่อยขนาดนี้ เรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากเข้าบ้านได้เดือนนิดๆ(ขออภัยหากเขียนผิด เพราะตอนนี้มือเราสั่นมากค่ะ) วันนั้นพ่อได้ตีฝ้าแผ่นขาวๆเพื่อจะกั้นห้อง ซึ่งฝ้าอันนั้นมันเยื้องจากประตูห้องเราพอดี เรานอนมุมห้อง และสามารถมองเห็นข้างนอกห้องได้ เพราะประตูห้องเราเป็นประตูเก่าที่ครึ่งนึงเป็นกระจก ครึ่งนึงเป็นไม้ เรารู้สึกไม่ดี เลยเอาม่านมาติดไว้ พอเราเข้าห้องมา เรารู้สึกได้เลยว่ามันแปลกๆ ม่านที่ปิดตรงประตูของส่วนกระจก ก็แง้ม ทำให้เห็นข้างนอกได้ครึ่งนึง เรารู้สึกได้เลยว่าวันนั้นมีคนจ้องเราอยู่ ตรงประตู แต่ไม่กล้าเงยหน้าดูเพราะความกลัว วันนั้นเรานอนตี1 พี่เราก็เล่นเกมอยู่อีกมุม แต่เรารู้สึกคาใจเพราะความรู้สึกอึดอัดในอกมันไม่หายไปสักที เรากลั้นใจเขยิบตัวเองขึ้นฟูก แล้วถอดแว่นออก เผื่อเจอจริงๆจะได้ไม่เห็นชัดมาก เราเงยหน้ามอง ก็เห็นก้อนสีขาวๆ แต่คิดในใจ คงเป็นฝ้าที่พ่อตีไว้ เราจ้องนานมาก จนพี่สังเกตเห็น และหันไปมอง แล้วหลุดพูดออกมา "เชี้ย!!" เราไม่รู้เพราะอะไร เพราะเราไม่ได้ใส่แว่น เห็นเป็นแค่ก้อนขาวๆ แต่คำหยาบของพี่ทำให้เราเริ่มมั่นใจขึ้นว่าไม่ใช่ฝ้า เราเลยหันหลังให้ประตู เพราะกลัว แต่กว่าจะหลับได้ก็นานอยู่ เพราะความอึดอัดที่มี และความกลัวผสมอยู่ จนรุ่งเช้าเราตื่นขึ้นมาใส่แว่นและลุกขึ้นไปดูที่ประตู เราตัวสั่น เพราะประตูห้องไม่สามารถเห็นฝ้านั้นได้ เราเริ่มมั่นใจ พี่ที่เหมือนจะไม่ได้นอนนั่งรออยู่ที่โซฟา เราคุยกันเรื่องเมื่อคืน สรุปได้ว่า ที่พี่เห็นมันไม่ใช่ฝ้าจริงๆ แต่เป็นร่างผญ.ผิดขาวซีดผมยาว กำลังจ้องเรา ตัวแนบประตูจนจะกินประตูเข้าไปได้อยู่แล้ว เหตุการณ์วันนั้นทำให้เราและพี่ทำบุญกันหนักมาก
2-3วันต่อมา เราเริ่มทำใจได้ วันนั้นเพื่อนส่งมะม่วงมันมาให้พอดี เลยว่าจะปลอกมากิน เรานั่งอยู่ที่หลังบ้าน ทางฝั่งครัว เราบอกเลยว่าครัวในตอนนั้นคือเก่ามาก เหมือนหลุดเข้าไปในหนังย้อนยุค เรานั่งปลอกมะม่วงอยู่ เราคิดอะไรไม่รู้ ลองคิดว่า ถ้าหันมีดไปข้างหลังดู จะเจอผีมั้ยนะเพราะบรรยากาศและมีดที่ถืออยู่มันใหม่มาก เหมือนอยากทำเหมือนในหนัง แต่พอเอาเข้าจริงๆ แทบจับมีดไม่อยู่ ข้างหลังเรา มีผญ.รูปร่างตามที่พี่บอกมายืนอยู่ ถ้าใครนึกน่าตาไม่ออกให้คิดถึง ผีญิ่ปุ่น เราหันหลังไปดูก็ไม่มีใคร เราฮึบ! ปลอกมะม่วงจนเสร็จและรีบออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด แต่เอาเข้าจริงๆเราคิดว่าเขาน่าจะมาขอบคุณที่เราเอาบุญไปให้รึเปล่า
แต่พอเอาไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อรีโนเวทหลังบ้านใหม่หมด รวมถึงห้องเราด้วย ถึงประตูจะอันเดิมก็เถอะ ถึงจะรีโนเวทไป ก็ไม่ได้ผลหรอก เพราะเธอคนนั้นยังอยู่ และขยับเขามาอยู่ในห้อง แรกๆก็กลัวจนไม่กล้านอน แต่พออยู่ไป เหมือนจะอยู่แค่ตรงประตู เหมือนหันไปส่องตลอดเวลาว่าข้างนอกเป็นยังไง เพราะที่บ้าน พ่อเราก็เลี้ยงไอไข่ไว้ เหมือนเธอจะค่อยกันไอไข่ไว้รึเปล่า เราก็ไม่แน่ใจ แต่หลังจากวันนั้น กุมารของพ่อ ก็ไม่มาอำเราเลย เรารู้ถึงการมีอยู่ แต่ถ้าไม่เข้าไปยุ่งก็อยู่ด้วยกันได้ แค่ค่อยทำบุญไปให้ ถ้าหมดเวลา เขาจะไปเอง
ที่เรากล้าเล่าเพราะเธอคนนั้นน่าจะไปอยู่บนสวรรค์แล้ว เพราะอะไรรุ้มั้ยคะ กุมารที่พ่อเลี้ยงไว้มาแกล้งเราอีกแล้วว
หวังว่าจะสนุกกับเรื่องของเรานะคะ ถึงแม้จะไม่หลอนเท่าไหร่ แต่เจอกับตัวแทบทรุดลงไปนอนกับพื้น เป็นเรื่องจริงค่ะ และเรายังอยู่ที่บ้านนี้อยู่ ถึงจะปรับปรุงไปมากก็ตาม
เรามีคำถามด้วยค่ะ ว่าจะทำยังไงดี คือไม่อยากเห็นแล้วค่ะ มันมีหลายครั้งที่เราแทบจะเป็นลมเพราะการเจอผี