สวัสดีค่ะ เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นกับตัวฉันเอง
เมื่อสมัยตอนอยู่ม.2 เมื่อก่อนนั้นเป็นคนชอบเฝ้ามองดูดวงจันทร์ ดูปฏิทินว่าวันนี้ข้างขึ้นหรือข้างแรม จะมีดวงจันทร์หรือเปล่า บ้านของฉันอยู่ข้างวัด หน้าบ้านหันไปทางทิศตะวันตก มีถนนและกำแพงวัดกั้นระหว่างบ้านและเมรุ
ในช่วงต้นเดือนเมษายน คืนหนึ่งฉันเข้านอนประมาณ4ทุ่มพร้อมกับน้องสาว ในห้องนอนที่เป็นทางผ่านไปห้องย่าและห้องพ่อแม่ ก่อนนอนมองออกไปนอกหน้าต่างบนหัวนอน คืนนั้นไม่มีดวงจันทร์ ฉันก็ลงนอนไม่นานก็หลับไป และสดุ้งขึ้นมาลุกมองออกไปนอกหน้าต่าง มองเห็นดวงจันทร์กลมโต อยู่เหนือหลังคาบ้าน เกิดความสงสัยว่าทำไมคืนนี้มีดวงจันทร์ ทั้งๆที่ก่อนนอนก็ไม่เห็นและวันนี้เป็นข้างแรม ด้วยความง่วงเลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก หมุนตัวกลับมานอน แต่สายตาก็ไปสะดุดกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กสูงประมาณเอว ยืนอยู่ข้างเตียง ผมสั้นติ่งหูไว้หน้าม้า ใส่ชุดกระโปรงลายสก็อตสีน้ำตาล มองจ้องมาที่ฉัน หน้าตานิ่งเฉย ฉันตกใจมาก ตะโกนร้องเรียกพ่อแม่ดังลั่น เด็กคนนั้นเดินช้าๆไปที่ปลายเตียง สายตายังคงจ้องมาที่ฉันอยู่ ฉันตะโกนร้องเรียกพ่อแม่ ช่วยด้วยๆ เพราะได้ยินเสียงพ่อกับแม่นอนคุยกันอยู่ ตอนนั้นน่าจะประมาณตี5 เป็นเวลาประจำที่พ่อกับแม่ตื่นและจะนอนคุยกันก่อนจะลุกไปทำงาน ฉันตะโกนจนสุดเสียง แต่ก็ไม่มีเสียงออกจากปากเลย ตะโกนจนเหนื่อยจนรู้สึกเจ็บคอ ตะโกนเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียง เด็กคนนั้นยืนมองนิ่งและค่อยๆคลานขึ้นมาช้าๆ ที่ปลายเท้าของฉัน คลานขึ้นมาทับบริเวณช่วงหัวเข่าสายตาจ้องมองมาตลอด ฉันร้องตะโกนและถีบเด็กคนนั้นลงจากที่นอน เด็กคนนั้นก็คลานขึ้นมาใหม่ ฉันทั้งผลักทั้งตีด้วยความกลัว เด็กคนนั้นก็พยายามคลานขึ้นมาใหม่จนฉันเริ่มหมดแรง พยายามตะโกนแต่ก็ไม่มีเสียง มองเห็นแม่มาชะเง้อดูที่ประตูแล้วก็เดินกลับห้อง ฉันได้แต่ตะโกนเรียกแม่ตามหลัง น้องสาวที่นอนอยู่ข้างๆก็ดูเหมือนจะไม่รู้สึกตัวอะไรเลย ฉันฮึดแรงสุดท้าย เงื้อมือจะตีเด็กคนนั้นอีกรอบแต่มือไปโดนหัวเตียง ฉันสดุ้งและเด็กคนนั้นก็หายแวบไปเหลือไว้เพียงความว่างเปล่า ได้ยินแค่เสียงของพ่อกับแม่ที่ดังแว่วมาจากห้องข้างๆ มือที่ฉันผลักและตีเด็กคนนั้น ยังชายังอุ่น ยังรู้สึกได้อยู่เลย ตอนเที่ยงฉันได้เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง และถามแม่ว่า
ฉัน: แม่ได้ยินเสียงหนูไหม
แม่: ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
ฉัน: แม่ตื่นมาคุยกับพ่อใช่ไหม หนูได้ยินเสียงพ่อกับแม่คุยกัน
แม่: ใช่ แม่นอนคุยกับพ่ออยู่ ตอนตี5
ฉัน: แม่ได้มาชะเง้อดูหนูกับน้องที่ห้องไหม
แม่: อืม แม่ลุกมาชะเง้อดูว่านอนห่มผ้ากันหรือเปล่า
ฉัน: แล้วแม่เห็นอะไรไหม เห็นหนูตะโกนเรียกแม่ไหม เห็นหนูดิ้นหรือเปล่า
แม่: แม่ก็เห็นหนูนอนอยู่ ไม่เห็นอะไรเลย
แม่บอกว่าคงโดนผีอำ อาจจะเป็นผีที่เร่ร่อน ผ่านมาเลยขอส่วนบุญ อยากให้เราทำบุญไปให้ วันสงกรานต์แม่เลยพาฉันไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เด็กคนนั้น นับจากวันนั้นมาฉันก็ไม่เคยเจอเด็กคนนั้นอีกเลย.
ปล.มีโอกาสจะมาเล่าเรื่องของแม่ให้ฟังนะคะ แม่เราเจอบ่อยมาก เวลาไปเที่ยวตามต่างจังหวัด นอนเต็นท์กลางป่ากลางเขา นอนโรงแรม รีสอร์ทแม่ก็เจอ..
บ้านฉันอยู่ข้างเมรุ ประสบการณ์ขนหัวลุกครั้งแรก
เมื่อสมัยตอนอยู่ม.2 เมื่อก่อนนั้นเป็นคนชอบเฝ้ามองดูดวงจันทร์ ดูปฏิทินว่าวันนี้ข้างขึ้นหรือข้างแรม จะมีดวงจันทร์หรือเปล่า บ้านของฉันอยู่ข้างวัด หน้าบ้านหันไปทางทิศตะวันตก มีถนนและกำแพงวัดกั้นระหว่างบ้านและเมรุ
ในช่วงต้นเดือนเมษายน คืนหนึ่งฉันเข้านอนประมาณ4ทุ่มพร้อมกับน้องสาว ในห้องนอนที่เป็นทางผ่านไปห้องย่าและห้องพ่อแม่ ก่อนนอนมองออกไปนอกหน้าต่างบนหัวนอน คืนนั้นไม่มีดวงจันทร์ ฉันก็ลงนอนไม่นานก็หลับไป และสดุ้งขึ้นมาลุกมองออกไปนอกหน้าต่าง มองเห็นดวงจันทร์กลมโต อยู่เหนือหลังคาบ้าน เกิดความสงสัยว่าทำไมคืนนี้มีดวงจันทร์ ทั้งๆที่ก่อนนอนก็ไม่เห็นและวันนี้เป็นข้างแรม ด้วยความง่วงเลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก หมุนตัวกลับมานอน แต่สายตาก็ไปสะดุดกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กสูงประมาณเอว ยืนอยู่ข้างเตียง ผมสั้นติ่งหูไว้หน้าม้า ใส่ชุดกระโปรงลายสก็อตสีน้ำตาล มองจ้องมาที่ฉัน หน้าตานิ่งเฉย ฉันตกใจมาก ตะโกนร้องเรียกพ่อแม่ดังลั่น เด็กคนนั้นเดินช้าๆไปที่ปลายเตียง สายตายังคงจ้องมาที่ฉันอยู่ ฉันตะโกนร้องเรียกพ่อแม่ ช่วยด้วยๆ เพราะได้ยินเสียงพ่อกับแม่นอนคุยกันอยู่ ตอนนั้นน่าจะประมาณตี5 เป็นเวลาประจำที่พ่อกับแม่ตื่นและจะนอนคุยกันก่อนจะลุกไปทำงาน ฉันตะโกนจนสุดเสียง แต่ก็ไม่มีเสียงออกจากปากเลย ตะโกนจนเหนื่อยจนรู้สึกเจ็บคอ ตะโกนเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียง เด็กคนนั้นยืนมองนิ่งและค่อยๆคลานขึ้นมาช้าๆ ที่ปลายเท้าของฉัน คลานขึ้นมาทับบริเวณช่วงหัวเข่าสายตาจ้องมองมาตลอด ฉันร้องตะโกนและถีบเด็กคนนั้นลงจากที่นอน เด็กคนนั้นก็คลานขึ้นมาใหม่ ฉันทั้งผลักทั้งตีด้วยความกลัว เด็กคนนั้นก็พยายามคลานขึ้นมาใหม่จนฉันเริ่มหมดแรง พยายามตะโกนแต่ก็ไม่มีเสียง มองเห็นแม่มาชะเง้อดูที่ประตูแล้วก็เดินกลับห้อง ฉันได้แต่ตะโกนเรียกแม่ตามหลัง น้องสาวที่นอนอยู่ข้างๆก็ดูเหมือนจะไม่รู้สึกตัวอะไรเลย ฉันฮึดแรงสุดท้าย เงื้อมือจะตีเด็กคนนั้นอีกรอบแต่มือไปโดนหัวเตียง ฉันสดุ้งและเด็กคนนั้นก็หายแวบไปเหลือไว้เพียงความว่างเปล่า ได้ยินแค่เสียงของพ่อกับแม่ที่ดังแว่วมาจากห้องข้างๆ มือที่ฉันผลักและตีเด็กคนนั้น ยังชายังอุ่น ยังรู้สึกได้อยู่เลย ตอนเที่ยงฉันได้เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง และถามแม่ว่า
ฉัน: แม่ได้ยินเสียงหนูไหม
แม่: ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
ฉัน: แม่ตื่นมาคุยกับพ่อใช่ไหม หนูได้ยินเสียงพ่อกับแม่คุยกัน
แม่: ใช่ แม่นอนคุยกับพ่ออยู่ ตอนตี5
ฉัน: แม่ได้มาชะเง้อดูหนูกับน้องที่ห้องไหม
แม่: อืม แม่ลุกมาชะเง้อดูว่านอนห่มผ้ากันหรือเปล่า
ฉัน: แล้วแม่เห็นอะไรไหม เห็นหนูตะโกนเรียกแม่ไหม เห็นหนูดิ้นหรือเปล่า
แม่: แม่ก็เห็นหนูนอนอยู่ ไม่เห็นอะไรเลย
แม่บอกว่าคงโดนผีอำ อาจจะเป็นผีที่เร่ร่อน ผ่านมาเลยขอส่วนบุญ อยากให้เราทำบุญไปให้ วันสงกรานต์แม่เลยพาฉันไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เด็กคนนั้น นับจากวันนั้นมาฉันก็ไม่เคยเจอเด็กคนนั้นอีกเลย.
ปล.มีโอกาสจะมาเล่าเรื่องของแม่ให้ฟังนะคะ แม่เราเจอบ่อยมาก เวลาไปเที่ยวตามต่างจังหวัด นอนเต็นท์กลางป่ากลางเขา นอนโรงแรม รีสอร์ทแม่ก็เจอ..