"นักเรียนเคารพ สวัสดี
ครับคุณครู/สวัสดีค่ะคุณครู"
"สวัสดีครับนักเรียน"
ศิวะ ครูหนุ่มวัย30 กวาด
ตามองนักเรียนตัวน้อยของเขา ก่อนชะงักเมื่อเห็นโต๊ะตัวสุดท้ายแถวที่สาม ว่าง
เปล่าเป็นวันที่สองแล้ว
เขาเป็นครูใหม่ ที่เพิ่งย้าย
มาได้ไม่ถึงเดือน โดยรับ
หน้าที่เป็นครูประจำชั้นป.สี่
และวันนี้เขาก็เข้ามาสอนแทนครูเดือนแรมครูประจำชั้นป.ห้าที่ขอลา
งานสอนไปฉีดยา ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และทำแผลที่อนามัยในหมู่บ้านเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
เขาเพิ่งเข้ามาสอนแทนได้สองวัน และเป็นสองวันที่โต๊ะตัวนั้นว่างเปล่าตลอด
"ครู ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้สามอาทิตย์แล้ว มีใครยังไม่รู้จักครูไหมครับ"
"......."
"ทุกคนเงียบ แสดงว่ารู้จักครูแล้ว แต่ครูยังไม่รู้จัก
นักเรียนเลย เอายังงี้ ครูจะ
ไม่ขานชื่อในสมุดดีกว่า
แต่จะให้นักเรียนยืนขึ้นแล้ว
แนะนำตัวทีละคน
เริ่มจาก แถวแรกริมประตูดี
ไหม เอาเป็น หนูคนที่กำลังยิ้มอยู่นั่น แนะนำตัวเลยลูก"
"เด็กหญิง ยิหวา แสงจันทร์
ค่ะ"
การแนะนำตัว ดำเนินไปเรื่อยจนกระทั่งถึงโต๊ะที่ว่าง
เปล่าตัวนั้น
"เจ้าของที่ว่างตรงนี้ชื่ออะไรครับนักเรียน"
"ชื่อ เผชิญ กันแก้ว ครับ"
"อ้อ..มีใครพอจะรู้ไหมว่า
ทำไมเผชิญถึงไม่มาร.ร ."
ทุกคนมองกันไปมา
ก่อนจะส่ายหน้า และเด็กหญิงยิหวาก็เป็นผู้ตอบครู
ว่า
"ไม่มีใครกล้าไปบ้านเค้า
หรอกค่ะ ก็เลยไม่มีใครรู้ว่า
ทำไมเขาถึงขาดเรียน"
"ทำไม..บ้านเผชิญมีอะไรหรือ"
"บ้านเค้าอยู่ข้างป่าช้า หลังวัดร้างค่ะ ใคร ๆก็กลัว แล้ว
อีกอย่างตรงนั้นห่างจากหมู่บ้านด้วยค่ะ"
ครูหนุ่มพยักหน้าเหมือนหมดความสนใจลงเพียงแค่นั้น
จวบจนถึงเวลาอาหาร
กลางวัน เมื่อเห็นว่าครู
เดือนแรมเสร็จจากภารกิจ
ดูแลตักอาหาร ให้เด็กเล็กเรียบร้อยแล้ว เขาจึงถือ
กล่องข้าวเข้าไปขอร่วมวง
ด้วย
ครูเดือนแรมเป็นคนในจังหวัดนี้เหมือนเขา
ก่อนจะย้ายมาที่นี่ เธอเคย
สอนที่โรงเรียนในภาคกลางมาก่อน และเหตุผลที่ย้าย
คือสามีของเธอซึ่งเป็นตำรวจถูกย้ายมาประจำการในอำเภอเล็ก ๆแห่งนี้
เธอจึงย้ายตามมาด้วย
เพราะอยู่ใกล้บ้านเกิดตัวเองชนิดสามารถไปค้างในวันธรรมดาก็ยังได้
เมื่อคุยกันไปได้สักพัก
ศิวะ ก็วกไปถามถึงเรื่องที่สงสัยอยู่
"พี่เดือนพอจะรู้ไหมครับ
ว่าทำไมเด็กชายเผชิญถึง
ขาดเรียนติดต่อกันหลายวัน
แบบนี้"
"พี่เองก็ไม่รู้ค่ะ ถามเพื่อนๆ
เขาก็ไม่มีใครรู้ จริงๆพี่ก็อยากไปดูเขาที่บ้านนะ
แต่ก็อย่างที่เห็น พี่ไม่มีรถ
แล้วเท่าที่รู้บ้านเด็กก็เปลี่ยว
มากด้วย"
ป่าช้าหลังวัดร้างอย่างนั้น
หรือ คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละ แต่ขอดูพรุ่งนี้อีกวันละกัน ถ้ายังเงียบหายอีกละก็ เราได้เจอกัน
แน่ เผชิญ กันแก้ว
และแล้วการรอคอยก็สิ้นสุด เมื่อวันที่สามผ่านไป
อย่างไร้วี่แววของเด็กบ้าน
ไกลคนนั้น
ศิวะขับรถมอเตอร์ไซค์ตามหลังกลุ่มนักเรียนที่ถีบรถจักรยานนำหน้าพาเขามาส่งจนถึงทางแยกเล็ก ๆ เส้น
หนึ่ง
"ตามทางเล็กๆนี่เข้าไปเลย
ครับ ตรงนี้มีแค่บ้านไอ้เชิญ
หลังเดียวแหละ"
"เข้าไปไกลมั้ย"
เด็กชายอาทิตย์ผู้เป็นคน
เดียวในกลุ่ม ที่เคยไปบ้าน
ของเด็กเผชิญ ทำหน้าคิด
ก่อนยิ้มแหย
"ผมกะไม่ถูกครับ แต่ก็เดิน
เหนื่อยเลยละ หาไม่ยากหรอกครับ เพราะถนนนี้ไป
สิ้นสุดที่บ้านของไอ้เชิญ
นั่นแหละ เพราะมีบ้านมัน
แค่หลังเดียว"
ครูหนุ่มมองทางดินสายเล็ก ๆที่เหมือนเป็นแค่ถนนคนเดินสายนั้นอย่างลังเลนิด ๆ
ฝั่งทางขวา แม้จะมีซากสิ่ง
ปลูกสร้างที่ปรักหักพังของ
ศาลาและกุฏิไม้เก่า ๆที่มีต้น
ไม้เล็ก ๆขึ้นรกเรื้อแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรนัก เพราะอยู่ไกลทางสัญจรเพียงประมาณร้อยเมตร
แต่บ้านเป้าหมายที่เขาจะไปนี่สิ ต้องเข้าไปอีกไกลแค่ไหนก็ไม่รู้แถมที่รู้มาคืออยู่
ใกล้กับป่าช้าอีกต่างหาก
เอาวะ...รีบ ๆ เข้าไปเถอะ
เสร็จธุระจะได้รีบกลับ
เผชิญมันไปได้ เราก็ต้องไปได้ ตาขาวมากไปก็อายเด็ก
ปลุกปลอบตัวเองจนฮึดได้ที่
ครูศิวะก็พารถคู่ใจลงจากถนนสายหลัก วิ่งลัดเลาะ
ไปตามความคดเคี้ยวของ
ทางดินเล็กๆสายนั้น
จนมาหยุดลงหน้าบ้านหลังหนึ่ง จะเรียกว่าบ้านดีหรือเปล่านะ. ตัวบ้านดูโย้เย้
ทรุดโทรม หลังคามีสังกะสี
แค่ไม่กี่แผ่นแปะๆเอาไว้
บนลานดินหน้าบ้าน มีไม้ท่อนขนาดแขนผู้ใหญ่ ถูกตัดเป็นท่อนยาวประมาณ
หนึ่งเมตรวางระเกะระกะอยู่
เขาจอดรถไว้ใต้ต้นมะขามหน้าบ้าน ก่อนจะเดินเก้ๆกังๆเข้าไป กลัวหมาก็กลัว
ครูเดือนแรมถูกหมากัดจนต้องไปทำแผลและฉีดยา
ทุกวัน . .ก็เพราะไปเยี่ยมเด็กที่บ้านนี่แหละ
กำลังลังเลว่าจะส่งเสียงเรียกดูก่อนหรือ จะเดินเข้าไปเงียบๆ ดี ก็มีเด็กชายหน้ามอม ไม่ใส่เสื้อ เดินเร็วๆโผล่มาจากหลังบ้าน
พอเห็นหน้าเขา ก็ชงักเหมือนตกใจ แต่ก็ยกมือขึ้น
ไหว้
"สวัสดีครับคุณครู"
"สวัสดีเผชิญ ใช่ไหม "
"ครับ.."
"ครูมาเยี่ยมเธอ เห็นว่าขาดเรียนหลายวัน เป็นอะไรหรือเปล่า"
"ผม...ผมสบายดีครับ"
"อ้าว..แล้ว.."
ยังไม่ทันถามต่อ เสียงหนึ่ง
ก็ดังมาจากในบ้าน
"เชิญเอ๊ย..ใครมาลูก"
เด็กชายหันมาสบตา แล้วทำอาการเหมือนจะชวนเข้า
บ้าน ครูหนุ่มจึงเดินตามไปเงียบๆ
"คุณครูมาเยี่ยมเราจ้ะยาย"
เด็กชายบอกขณะนั่งลง
ข้างๆยาย มือก็เลื่อนขันน้ำ
กับจานข้าวมาวางนอกเสื่อ
สายตาซื่อๆสบตาครูก่อนจะหันไปมองยาย เหมือนจะบอกว่า 'ยายผม '
"สวัสดีครับคุณยาย ผมชื่อ
ศิวะครับ เป็นครูของเผชิญเขา เด็กขาดเรียนหลายวัน
ผมเป็นห่วง ก็เลยมาดูครับ
คิดว่าเขาอาจจะป่วย"
"เชิญมันไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ้ะ ยายต่างหากที่เป็น แล้วไอ้เจ้านี่ก็หยุดเรียนมาเฝ้า ไล่ให้ไปมันก็ไม่ยอม ครูจะตีมันหรือเปล่าล่ะ ขาดเรียนหลายวัน
ขนาดนี้"
ศิวะหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปมองตาแป๋วๆ ของลูกศิษย์
ต่างห้อง
แม้หน้าตามือไม้จะดูมอมแมม แต่ลักษณะของ
เผชิญ ก็ไม่ใช่เด็กอ่อนแอขี้โรคเลย ดูจะเข้มแข็งเกินวัยเพียงสิบขวบอยู่มากด้วย
ซ้ำ
"แล้วนี่ไปทำอะไรมา ทำไม
มอมเป็นแมวคราวอย่างนี้"
"ผม เผาถ่านแทนยายครับ
ไม่งั้นลูกค้าของยายจะรอนาน แล้วบ้านผมก็จะไม่มีรายได้ "
ถ้อยคำของลูกศิษย์ตัวน้อย
ทำเอาครูถึงกับสะอึก
เด็กตัวเล็กหนึ่งคนกับคุณยายวัยชรา มีบ้านก็ชำรุดทรุดโทรม ถ้าวันไหนเกิดฝนแรงลมแรง บ้านหลังนี้จะยังอยู่ให้คุ้มแดดคุ้มฝนหรือเปล่า
"คุณยายกับเผชิญมีกันแค่
สองคนเท่านี้หรือครับ"
"มีตาปุ่นอีกคนจ้ะคุณครู
ตาเค้าเล่นดนตรีไทยได้
วันไหนมีงานจ้าง ตาปุ่นก็ไป
ถ้าไม่มีก็อยู่ช่วยยายเผาถ่านบ้าง บางทีก็ไปรับจ้าง
ตามแต่เขาจะเรียกใช้"
ครูหนุ่มพยักหน้าช้าๆ ขณะ
สมองเริ่มคิด เขาพอจะเห็น
ทางช่วยลูกศิษย์ตัวน้อยคน
นี้แล้ว เพียงแต่ คงยังลงมือ
วันนี้ไม่ได้ แต่แน่นอนว่า
ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่เขาจะ
ช่วยหรอก
หลังจากอยู่คุยกับคุณยายพักหนึ่ง ครูหนุ่มก็ลากลับ
โดยมีลูกศิษย์ตามมาส่งที่รถ โดยคุณครูได้กำชับ
ว่า
"พรุ่งนี้ เธอต้องไปโรงเรียน
นะเผชิญ ขาดเรียนหลายวันแล้ว จะเรียนไม่ทันเพื่อน
รู้ไหม"
"ครับ ผมก็ตั้งใจไว้อย่างนั้น
เพราะอาการของยายก็ดีขึ้นจนปล่อยให้อยู่คนเดียว
ได้แล้ว"
"ดีมาก.."
ในเที่ยวขากลับนี้ แม้ถนน
จะยังคดเคี้ยวเช่นเดิม ต้องผ่านป่าช้าและวัดร้างอย่าง
เดิมแต่ ความรู้สึกของเขา
กลับไม่เหมือนเดิม
คืนนี้เขาจะกลับไปคิดหาทางช่วยลูกศิษย์ของเขาให้เป็นรูปธรรมขึ้น ซึ่งก็ไม่ยากหรอก เพราะเขาเห็น
ทางออกสามสี่ทางแล้ว
"รอครูแป๊บเดียวนะเผชิญ
ครูจะทำให้เด็กที่มีบ้านอยู่
ติดป่าช้าหลังวัดร้างอย่างเธอ ได้ไปเรียนกับเพื่อนทุกวันโดยไม่ต้องมาห่วงหารายได้ช่วยยาย และตากับ
ยายของเธอก็จะมีงานทำ
เป็นหลักแหล่งโดยไม่ต้อง
ระหกระเหินอย่างนี้อีก
ครูสัญญา"
....... ........ ....... .......
ก่อนอื่นผมต้องขอโทษคุณน้ำด้วยนะครับ ที่ผมตีความ
เรื่องผิด concept ที่ควรจะ
เป็น เพราะเรื่องผีที่ผมมีใน
ใจ ไปกันไม่ได้กับชื่อเรื่อง
ครับ ไว้ผมเขียนใหม่นอกรอบละกัน ขอบคุณครับ
ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่องป่าช้าหลังวัดร้าง
ครับคุณครู/สวัสดีค่ะคุณครู"
"สวัสดีครับนักเรียน"
ศิวะ ครูหนุ่มวัย30 กวาด
ตามองนักเรียนตัวน้อยของเขา ก่อนชะงักเมื่อเห็นโต๊ะตัวสุดท้ายแถวที่สาม ว่าง
เปล่าเป็นวันที่สองแล้ว
เขาเป็นครูใหม่ ที่เพิ่งย้าย
มาได้ไม่ถึงเดือน โดยรับ
หน้าที่เป็นครูประจำชั้นป.สี่
และวันนี้เขาก็เข้ามาสอนแทนครูเดือนแรมครูประจำชั้นป.ห้าที่ขอลา
งานสอนไปฉีดยา ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และทำแผลที่อนามัยในหมู่บ้านเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
เขาเพิ่งเข้ามาสอนแทนได้สองวัน และเป็นสองวันที่โต๊ะตัวนั้นว่างเปล่าตลอด
"ครู ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้สามอาทิตย์แล้ว มีใครยังไม่รู้จักครูไหมครับ"
"......."
"ทุกคนเงียบ แสดงว่ารู้จักครูแล้ว แต่ครูยังไม่รู้จัก
นักเรียนเลย เอายังงี้ ครูจะ
ไม่ขานชื่อในสมุดดีกว่า
แต่จะให้นักเรียนยืนขึ้นแล้ว
แนะนำตัวทีละคน
เริ่มจาก แถวแรกริมประตูดี
ไหม เอาเป็น หนูคนที่กำลังยิ้มอยู่นั่น แนะนำตัวเลยลูก"
"เด็กหญิง ยิหวา แสงจันทร์
ค่ะ"
การแนะนำตัว ดำเนินไปเรื่อยจนกระทั่งถึงโต๊ะที่ว่าง
เปล่าตัวนั้น
"เจ้าของที่ว่างตรงนี้ชื่ออะไรครับนักเรียน"
"ชื่อ เผชิญ กันแก้ว ครับ"
"อ้อ..มีใครพอจะรู้ไหมว่า
ทำไมเผชิญถึงไม่มาร.ร ."
ทุกคนมองกันไปมา
ก่อนจะส่ายหน้า และเด็กหญิงยิหวาก็เป็นผู้ตอบครู
ว่า
"ไม่มีใครกล้าไปบ้านเค้า
หรอกค่ะ ก็เลยไม่มีใครรู้ว่า
ทำไมเขาถึงขาดเรียน"
"ทำไม..บ้านเผชิญมีอะไรหรือ"
"บ้านเค้าอยู่ข้างป่าช้า หลังวัดร้างค่ะ ใคร ๆก็กลัว แล้ว
อีกอย่างตรงนั้นห่างจากหมู่บ้านด้วยค่ะ"
ครูหนุ่มพยักหน้าเหมือนหมดความสนใจลงเพียงแค่นั้น
จวบจนถึงเวลาอาหาร
กลางวัน เมื่อเห็นว่าครู
เดือนแรมเสร็จจากภารกิจ
ดูแลตักอาหาร ให้เด็กเล็กเรียบร้อยแล้ว เขาจึงถือ
กล่องข้าวเข้าไปขอร่วมวง
ด้วย
ครูเดือนแรมเป็นคนในจังหวัดนี้เหมือนเขา
ก่อนจะย้ายมาที่นี่ เธอเคย
สอนที่โรงเรียนในภาคกลางมาก่อน และเหตุผลที่ย้าย
คือสามีของเธอซึ่งเป็นตำรวจถูกย้ายมาประจำการในอำเภอเล็ก ๆแห่งนี้
เธอจึงย้ายตามมาด้วย
เพราะอยู่ใกล้บ้านเกิดตัวเองชนิดสามารถไปค้างในวันธรรมดาก็ยังได้
เมื่อคุยกันไปได้สักพัก
ศิวะ ก็วกไปถามถึงเรื่องที่สงสัยอยู่
"พี่เดือนพอจะรู้ไหมครับ
ว่าทำไมเด็กชายเผชิญถึง
ขาดเรียนติดต่อกันหลายวัน
แบบนี้"
"พี่เองก็ไม่รู้ค่ะ ถามเพื่อนๆ
เขาก็ไม่มีใครรู้ จริงๆพี่ก็อยากไปดูเขาที่บ้านนะ
แต่ก็อย่างที่เห็น พี่ไม่มีรถ
แล้วเท่าที่รู้บ้านเด็กก็เปลี่ยว
มากด้วย"
ป่าช้าหลังวัดร้างอย่างนั้น
หรือ คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละ แต่ขอดูพรุ่งนี้อีกวันละกัน ถ้ายังเงียบหายอีกละก็ เราได้เจอกัน
แน่ เผชิญ กันแก้ว
และแล้วการรอคอยก็สิ้นสุด เมื่อวันที่สามผ่านไป
อย่างไร้วี่แววของเด็กบ้าน
ไกลคนนั้น
ศิวะขับรถมอเตอร์ไซค์ตามหลังกลุ่มนักเรียนที่ถีบรถจักรยานนำหน้าพาเขามาส่งจนถึงทางแยกเล็ก ๆ เส้น
หนึ่ง
"ตามทางเล็กๆนี่เข้าไปเลย
ครับ ตรงนี้มีแค่บ้านไอ้เชิญ
หลังเดียวแหละ"
"เข้าไปไกลมั้ย"
เด็กชายอาทิตย์ผู้เป็นคน
เดียวในกลุ่ม ที่เคยไปบ้าน
ของเด็กเผชิญ ทำหน้าคิด
ก่อนยิ้มแหย
"ผมกะไม่ถูกครับ แต่ก็เดิน
เหนื่อยเลยละ หาไม่ยากหรอกครับ เพราะถนนนี้ไป
สิ้นสุดที่บ้านของไอ้เชิญ
นั่นแหละ เพราะมีบ้านมัน
แค่หลังเดียว"
ครูหนุ่มมองทางดินสายเล็ก ๆที่เหมือนเป็นแค่ถนนคนเดินสายนั้นอย่างลังเลนิด ๆ
ฝั่งทางขวา แม้จะมีซากสิ่ง
ปลูกสร้างที่ปรักหักพังของ
ศาลาและกุฏิไม้เก่า ๆที่มีต้น
ไม้เล็ก ๆขึ้นรกเรื้อแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรนัก เพราะอยู่ไกลทางสัญจรเพียงประมาณร้อยเมตร
แต่บ้านเป้าหมายที่เขาจะไปนี่สิ ต้องเข้าไปอีกไกลแค่ไหนก็ไม่รู้แถมที่รู้มาคืออยู่
ใกล้กับป่าช้าอีกต่างหาก
เอาวะ...รีบ ๆ เข้าไปเถอะ
เสร็จธุระจะได้รีบกลับ
เผชิญมันไปได้ เราก็ต้องไปได้ ตาขาวมากไปก็อายเด็ก
ปลุกปลอบตัวเองจนฮึดได้ที่
ครูศิวะก็พารถคู่ใจลงจากถนนสายหลัก วิ่งลัดเลาะ
ไปตามความคดเคี้ยวของ
ทางดินเล็กๆสายนั้น
จนมาหยุดลงหน้าบ้านหลังหนึ่ง จะเรียกว่าบ้านดีหรือเปล่านะ. ตัวบ้านดูโย้เย้
ทรุดโทรม หลังคามีสังกะสี
แค่ไม่กี่แผ่นแปะๆเอาไว้
บนลานดินหน้าบ้าน มีไม้ท่อนขนาดแขนผู้ใหญ่ ถูกตัดเป็นท่อนยาวประมาณ
หนึ่งเมตรวางระเกะระกะอยู่
เขาจอดรถไว้ใต้ต้นมะขามหน้าบ้าน ก่อนจะเดินเก้ๆกังๆเข้าไป กลัวหมาก็กลัว
ครูเดือนแรมถูกหมากัดจนต้องไปทำแผลและฉีดยา
ทุกวัน . .ก็เพราะไปเยี่ยมเด็กที่บ้านนี่แหละ
กำลังลังเลว่าจะส่งเสียงเรียกดูก่อนหรือ จะเดินเข้าไปเงียบๆ ดี ก็มีเด็กชายหน้ามอม ไม่ใส่เสื้อ เดินเร็วๆโผล่มาจากหลังบ้าน
พอเห็นหน้าเขา ก็ชงักเหมือนตกใจ แต่ก็ยกมือขึ้น
ไหว้
"สวัสดีครับคุณครู"
"สวัสดีเผชิญ ใช่ไหม "
"ครับ.."
"ครูมาเยี่ยมเธอ เห็นว่าขาดเรียนหลายวัน เป็นอะไรหรือเปล่า"
"ผม...ผมสบายดีครับ"
"อ้าว..แล้ว.."
ยังไม่ทันถามต่อ เสียงหนึ่ง
ก็ดังมาจากในบ้าน
"เชิญเอ๊ย..ใครมาลูก"
เด็กชายหันมาสบตา แล้วทำอาการเหมือนจะชวนเข้า
บ้าน ครูหนุ่มจึงเดินตามไปเงียบๆ
"คุณครูมาเยี่ยมเราจ้ะยาย"
เด็กชายบอกขณะนั่งลง
ข้างๆยาย มือก็เลื่อนขันน้ำ
กับจานข้าวมาวางนอกเสื่อ
สายตาซื่อๆสบตาครูก่อนจะหันไปมองยาย เหมือนจะบอกว่า 'ยายผม '
"สวัสดีครับคุณยาย ผมชื่อ
ศิวะครับ เป็นครูของเผชิญเขา เด็กขาดเรียนหลายวัน
ผมเป็นห่วง ก็เลยมาดูครับ
คิดว่าเขาอาจจะป่วย"
"เชิญมันไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ้ะ ยายต่างหากที่เป็น แล้วไอ้เจ้านี่ก็หยุดเรียนมาเฝ้า ไล่ให้ไปมันก็ไม่ยอม ครูจะตีมันหรือเปล่าล่ะ ขาดเรียนหลายวัน
ขนาดนี้"
ศิวะหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปมองตาแป๋วๆ ของลูกศิษย์
ต่างห้อง
แม้หน้าตามือไม้จะดูมอมแมม แต่ลักษณะของ
เผชิญ ก็ไม่ใช่เด็กอ่อนแอขี้โรคเลย ดูจะเข้มแข็งเกินวัยเพียงสิบขวบอยู่มากด้วย
ซ้ำ
"แล้วนี่ไปทำอะไรมา ทำไม
มอมเป็นแมวคราวอย่างนี้"
"ผม เผาถ่านแทนยายครับ
ไม่งั้นลูกค้าของยายจะรอนาน แล้วบ้านผมก็จะไม่มีรายได้ "
ถ้อยคำของลูกศิษย์ตัวน้อย
ทำเอาครูถึงกับสะอึก
เด็กตัวเล็กหนึ่งคนกับคุณยายวัยชรา มีบ้านก็ชำรุดทรุดโทรม ถ้าวันไหนเกิดฝนแรงลมแรง บ้านหลังนี้จะยังอยู่ให้คุ้มแดดคุ้มฝนหรือเปล่า
"คุณยายกับเผชิญมีกันแค่
สองคนเท่านี้หรือครับ"
"มีตาปุ่นอีกคนจ้ะคุณครู
ตาเค้าเล่นดนตรีไทยได้
วันไหนมีงานจ้าง ตาปุ่นก็ไป
ถ้าไม่มีก็อยู่ช่วยยายเผาถ่านบ้าง บางทีก็ไปรับจ้าง
ตามแต่เขาจะเรียกใช้"
ครูหนุ่มพยักหน้าช้าๆ ขณะ
สมองเริ่มคิด เขาพอจะเห็น
ทางช่วยลูกศิษย์ตัวน้อยคน
นี้แล้ว เพียงแต่ คงยังลงมือ
วันนี้ไม่ได้ แต่แน่นอนว่า
ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่เขาจะ
ช่วยหรอก
หลังจากอยู่คุยกับคุณยายพักหนึ่ง ครูหนุ่มก็ลากลับ
โดยมีลูกศิษย์ตามมาส่งที่รถ โดยคุณครูได้กำชับ
ว่า
"พรุ่งนี้ เธอต้องไปโรงเรียน
นะเผชิญ ขาดเรียนหลายวันแล้ว จะเรียนไม่ทันเพื่อน
รู้ไหม"
"ครับ ผมก็ตั้งใจไว้อย่างนั้น
เพราะอาการของยายก็ดีขึ้นจนปล่อยให้อยู่คนเดียว
ได้แล้ว"
"ดีมาก.."
ในเที่ยวขากลับนี้ แม้ถนน
จะยังคดเคี้ยวเช่นเดิม ต้องผ่านป่าช้าและวัดร้างอย่าง
เดิมแต่ ความรู้สึกของเขา
กลับไม่เหมือนเดิม
คืนนี้เขาจะกลับไปคิดหาทางช่วยลูกศิษย์ของเขาให้เป็นรูปธรรมขึ้น ซึ่งก็ไม่ยากหรอก เพราะเขาเห็น
ทางออกสามสี่ทางแล้ว
"รอครูแป๊บเดียวนะเผชิญ
ครูจะทำให้เด็กที่มีบ้านอยู่
ติดป่าช้าหลังวัดร้างอย่างเธอ ได้ไปเรียนกับเพื่อนทุกวันโดยไม่ต้องมาห่วงหารายได้ช่วยยาย และตากับ
ยายของเธอก็จะมีงานทำ
เป็นหลักแหล่งโดยไม่ต้อง
ระหกระเหินอย่างนี้อีก
ครูสัญญา"
....... ........ ....... .......
ก่อนอื่นผมต้องขอโทษคุณน้ำด้วยนะครับ ที่ผมตีความ
เรื่องผิด concept ที่ควรจะ
เป็น เพราะเรื่องผีที่ผมมีใน
ใจ ไปกันไม่ได้กับชื่อเรื่อง
ครับ ไว้ผมเขียนใหม่นอกรอบละกัน ขอบคุณครับ