ตำนานพื้นบ้าน พระลอตามไก่ มาเป็นนวนิยาย 'อลเวงรักสองภพ' ตอนที่ 31


ตอนเดิม




ตอนที่ 31

ห้องชุดสุดหรูราคาแพงของศรศิลป์ ตั้งอยู่ในทำเลใกล้กันกับริมแม่น้ำปิง ที่เพียงเปิดผ้าม่านออกไปก็สามารถมองเห็นทัศนียภาพของลำน้ำปิงได้เป็นมุมกว้าง ผ่านกระจกใสอันกว้างขวางของผนังห้องด้านหนึ่ง ตึกนี้แม้มีเพียงไม่กี่ชั้น แต่ดูหรูหรา สะดวกสบาย สมราคา เหมาะกับนักธุรกิจหนุ่มอย่างเขามาก 

ช่อชบาเดินตามเขาเข้ามาในโถงกลางของห้องชุด พร้อมกับเนตรนภิส เธอมองดูเครื่องเรือนเครื่องใช้อันทันสมัย ตลอดจนสไตล์การตบแต่งแบบโมเดิร์นภายในห้องด้วยความทึ่ง ซึ่งเป็นที่ถูกใจของตัวเธอเองด้วยเช่นกัน แต่ก็นั่นแหละ...คนธรรมดาอย่างเธอคงไม่มีสิทธิจะไปคิดฝันมีห้องชุดสุดสวยลักษณะแบบนี้กับใครเขาแน่ 

ศรศิลป์ชี้แจงว่าเมื่อมาเชียงใหม่ เขาจะแยกกันอยู่กับบิดา ซึ่งมีบ้านพักตากอากาศอีกที่อยู่แถวชานเมืองด้านทิศตะวันตก และเขายังมีบ้านอีกหลายหลังทั้งในกรุงเทพกับที่เมืองใหญ่ ๆ อีกหลายเมือง 

สำหรับห้องชุดของเขาที่นี่ มีห้องนอนใหญ่อยู่สองห้อง กับห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่ง คั่นด้วยโถงกลาง แบ่งเป็นโซนรับแขกและโต๊ะรับประทานอาหาร ส่วนห้องครัวอยู่ลึกเข้าไปทางด้านหลัง

เนตรนภิสบอกว่าได้เอาข้าวของส่วนตัวของช่อชบาไปไว้ในห้องนอนใหญ่อีกห้องเรียบร้อยแล้ว ส่วนของตัวเองนั้นเอาไปไว้ในห้องนอนเล็ก อธิบายว่าชอบห้องนั้นมากกว่า

“พรุ่งนี้แกจะให้ยัยช่อบอกกับพ่อแกว่าไงบ้าง เตี๊ยมกันให้ดีล่ะ ฉันไม่ไปกับพวกแกด้วยนะ มีลูกค้าที่ต้องคุยงานด้วยอีกสองราย”

เนตรนภิสบอกกับศรศิลป์เมื่อนั่งเอกเขนกลงบนโซฟาสีแดงก่ำ ตัดกับโต๊ะกลางปูพื้นโต๊ะด้วยกระจกใส ขาอะลูมิเนียมสีดำ ตั้งเป็นชุดคู่กับโซฟาตัวยาวอีกตัวหนึ่ง

“ฉันก็ไม่ได้จะให้แกไปด้วยหรอก เรื่องที่แกพูด ฉันก็บอกกับคุณช่อเขาไปหมดแล้วว่าต้องทำตัวยังไง ต้องพูดอะไรบ้าง”

ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟาตัวยาว พลอยทำให้ช่อชบาต้องนั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกันกับเขา เธอนั่งคอยฟังพี่สาวกับศรศิลป์พูดจาหารือกัน โดยไม่ออกความเห็นว่าอะไร

“คุณศักดิ์เล่าให้ฟังว่านลินีพาพ่อมาพักบนตึกด้วย สั่งให้แม่บ้านเปิดห้องเพิ่มอีกห้องหนึ่ง เขาโทร.ไปรายงานพ่อแกแล้ว แต่ไม่เห็นคุณอาว่าอะไร นลินีเลยได้ใจใหญ่ ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของตึกเสียเอง”

“ช่างเขาเถอะ” ชายหนุ่มทำท่าเหมือนไม่อยากสนใจ ไม่อยากพูดถึงเรื่องผู้หญิงคนนั้น

“เขาทำตัวแบบนั้นได้ไม่นานนักหรอก เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่มีทางแต่งงานด้วยอยู่แล้ว”

“หวังว่าแกจะทำสำเร็จนะ คนบ้านแกหัวดื้อกันไม่ใช่เล่น เห็นก็เห็นอยู่ว่าลูกไม่รัก คุณอาก็ยังจะมาบังคับลูกอยู่อีก ถูกลูกต่อต้านขนาดนี้แล้ว ไม่รู้แกถอดแบบมาจากพ่อหรือแม่ คุณอาเยาวเรศเองก็เป็นคนดื้อเงียบ ไม่ค่อยพูด แต่บทไม่ยอมคนขึ้นมา ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่ยอม”

”ไม่รู้นิสัยเหมือนใคร มีแต่คนบอกว่าฉันหน้าเหมือนแม่ ที่แน่ ๆ พ่ออยากให้ฉันแต่งงานกับนลินีเพราะพ่อรักอาดำเกิง คบกันมาตั้งแต่สมัยยังไม่มีอะไร จนพ่อได้มาแต่งงานกับแม่ เลยดึงอาดำเกิงมาช่วยงาน จนมีหุ้นในบริษัทด้วยกัน มีกิจการเป็นของตัวเอง หลัง ๆ มา ฉันเห็นอาดำเกิงมักชอบมีลับลมคมในกับหุ้นส่วนบริษัทบางคน เรื่องเงินของบริษัทลูกที่มีปัญหาหลายบริษัท ฉันรู้มาว่าเริ่มมีปัญหาตอนนลินีกลับมาอยู่เมืองไทย ฉันเคยเตือนพ่อเรื่องอาดำเกิง แต่พ่อไม่ยอมเชื่อ พ่อไว้ใจอาดำเกิงมาก” 

ศรศิลป์เปรยถึงความน่าสงสัยในตัวบิดาของนลินี ที่เมื่อก่อนนี้เคยมีความสัมพันธ์อันดีต่อครอบครัวของตัวเอง มาระยะหลังพอต่างตกเป็นพุ่มหม้าย นิสัยของดำเกิงก็เปลี่ยนไป ชอบคบหาแต่กับเด็กสาว ๆ ให้เป็นเรื่องเป็นราวต้องขึ้นโรงขึ้นศาลอยู่บ่อยครั้ง และยังก้าวเข้าไปเล่นการเมืองกับนักการเมืองบางพรรคอีกด้วย

“อาสุขเป็นคนใจดี มีน้ำใจกับทุกคน โดยเฉพาะกับพ่อฉันและอาดำเกิง เมื่อก่อนอาดำเกิงก็เห็นดี ๆ อยู่ ฉันว่าน่าจะเป็นเพราะตัวลูกสาวที่ชอบมาเป่าหูพ่อ นลินีชอบทำตัวฟุ้งเฟ้อ ใช้จ่ายเงินเกินตัว เห็นข่าวซุบซิบบางข่าวบอกว่าน่าจะติดการพนันด้วย ไม่รู้จะยุพ่อให้คิดไม่ดีกับบริษัทพ่อแกหรือเปล่า แต่หากทำแบบนั้นจริงก็ถือว่าเลวมาก เสียดายที่พ่อของฉันไม่อยู่แล้ว ไม่งั้นคงได้ช่วยแกพูดกับอาสุขบ้าง”

“เพราะฉันนึกถึงคุณลุงนพพรน่ะสิ ถึงตั้งบริษัทโฆษณาให้แก ลุงนพมาเสียไปก่อนตอนบริษัทยังไม่รุ่ง ส่วนอาดำเกิงได้ไปเยอะแล้วจากคุณพ่อ แต่ได้แค่ไหนก็เหมือนไม่รู้จักพอ ฉันรู้มาบ้างว่าอาดำเกิงกำลังคิดจะทำอะไร พยายามหาหลักฐานมามัดตัวอยู่ แต่ยังหาไม่ได้ เส้นสายในบริษัทของอาก็มีอยู่หลายคน”

“เอ้อ...บอสคะ อย่าลืมเอาโน้ตบุ๊กให้ฉันยืมนะคะ”

ช่อชบาที่นั่งฟังอยู่เกิดอาการอดรนทนไม่ไหว อยากจะให้ศรศิลป์ได้เจอกับหลักฐานที่ตัวเองต้องการเสียที ว่ามันมีอยู่ในคอมพิวเตอร์ของเขาเองนั่นแหละ อยากบอกตรง ๆ ชะมัด ขัดใจที่บอกออกไปแบบนั้นไม่ได้ เนื่องจากไม่รู้จะอธิบายที่มาของวิดีโออย่างไรดี ได้แต่เอ่ยถึงคอมพิวเตอร์ขึ้นมาอีก

“นี่คุณช่อ ผมขออะไรคุณอย่างได้ไหม ต่อไปอย่ามาเรียกผมว่าบอสอีกนะ”

แต่เขากลับไม่สนใจในคำถามของหญิงสาว หันมาขมวดคิ้วใส่เสียอีก พูดไปเรื่องอื่นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่ได้พูดเล่นเลย คงไม่สบอารมณ์เธอที่ไม่ใส่ใจในเรื่องซึ่งกำลังหารือกันอยู่ ไพล่ไปอยากได้แต่คอมพิวเตอร์มาใช้งาน

“นั่นสิ เป็นแฟนกัน เขาต้องเรียกกันว่า เบบี๋ ฮันนี่ ดาร์ลิ่ง อะไรพวกนี้ ไม่ใช่มาเรียกกันว่าบอส...บอส...เหมือนยังเป็นแค่พนักงานบริษัทอยู่ ต้องหัดเรียกเสียใหม่นะหนู ไหน...ลองเรียกสิ พรุ่งนี้ต้องไปพบกับพ่อของศรแล้ว จะได้คล่องปาก”

เนตรนภิสหันมาพูดกระเซ้าน้องสาว ที่ตอนนี้เริ่มทำหน้ายุ่ง เม้มปากบางเข้าหากันแน่น เหมือนไม่ยอมพูดเป็นอันขาด

“ผมเห็นด้วย คุณต้องเรียกผมใหม่ว่า...ฮันนี่ ส่วนผมก็จะเรียกคุณว่า...เบบี๋ คุณก็เคยเรียกผมว่าที่รักต่อหน้านลินีมาแล้วนี่นา เอ้า...เรียกสิ เดี๋ยวจะได้แยกย้ายกันไปพักผ่อน”

ดูเหมือนศรศิลป์จะสบโอกาสได้แกล้งช่อชบาเล่นอีก หญิงสาวมองค้อนเขาขวับ

“นั่นฉันต้องแก้เหตุการณ์เฉพาะหน้าต่างหากล่ะ จะให้มาเรียกคุณว่าที่รกที่รักพร่ำเพรื่อได้ยังไง ไว้ถึงเวลาต้องเรียก ฉันถึงจะเรียก เวลาปกติฉันจะเรียกคุณว่าศรเฉย ๆ ก็แล้วกัน เหมือนที่นลินีเรียกนั่นแหละ คุณเองควรเรียกฉันว่าช่อเฉย ๆ เหมือนกัน แล้วไหนโน้ตบุ๊กที่จะให้ฉันยืมล่ะคะ คุณรับปากฉันแล้วนะ”

ช่อชบาไม่ลดละความพยายามจะหาทางให้เขาเอาคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมาให้เธอจนได้ แล้วเธอจะแกล้งเปิดไฟล์วิดีโอเจอเอง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เข้าใจ เขามองหน้าเธออย่างนึกสงสัย พยายามค้นหาคำตอบ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าหล่อนทำไมถึงอยากได้คอมพิวเตอร์นัก

“ตกลง เอาล่ะ แยกย้ายกันไปพักเถอะ เดี๋ยวผมจะเอาโน้ตบุ๊กไปให้คุณที่ห้องเอง”

เขาจึงยอมตอบรับ แล้วลุกขึ้นยืน คนอื่นเลยพลอยขยับลุกขึ้นตาม ช่อชบาผ่อนลมหายใจออก ได้เวลาทำความจริงให้ปรากฏแล้ว และเมื่อเรื่องทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมา ก็หวังว่าการทำงานพิเศษของตัวเองจะจบสิ้นลงในเร็ววัน

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่