รักวุ่นวายของคุณชายกับยายซุ่มซ่าม ตอนที่ 6-12 by ล. วิลิศมาหรา

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 6
พรหมอลวน คนอลเวง

     ช่อชบารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล เธอจ้องมองฝ้าเพดานสีขาวอย่างงง ๆ หญิงสาวกระพริบตาติด ๆ กันและพยายามนึก

อ้อ... เธอวูบไปอีกแล้ว คราวนี้หมดสติไปในห้องผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการคนใหม่...ในอ้อมแขนของผู้ชายท่าทางไฮโซที่พึ่งพบกันวันแรก และยังไม่ได้รู้จักกันดีด้วยซ้ำ

     หญิงสาวรู้สึกปวดหนึบ ๆ ที่ใต้ท้องแขนข้างขวา เมื่อยกแขนขึ้นดูก็พบเข็มน้ำเกลือปักคาอยู่ มองไล่ไปตามสายน้ำเกลือก็จ๊ะเอ๋เข้ากับใบหน้าของแม่สาวสายตาสั้นเพื่อนรัก ที่กำลังมองมาที่เธอด้วยแววตาห่วงใย

“ไง รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง”

     เนตรนภิสนั่งเฝ้าอาการของช่อชบาอยู่ข้างเตียงคนไข้ข้าง ๆ เสาน้ำเกลือ หล่อนเอื้อมมือมากุมมือเพื่อนรักเอาไว้ แล้วเอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนสาวรู้สึกตัว

“คราวนี้ฉันวูบไปนานเท่าไหร่”

ช่อชบาพยักหน้ายิ้มเซียว ๆ ให้เพื่อนสนิทแล้วถามเสียงแห้ง นึกเพลียใจกับอาการเป็นลมหน้ามืดบ่อย ๆ ของตัวเอง

“ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ หมอมาดูอาการแกพึ่งออกไป เขาบอกแกเลือดจาง พักผ่อนน้อย ความดันเลือดต่ำ นี่แกยังพยายามเขียนหนังสืออยู่อีกใช่ไหม นั่งเขียนจนไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนอีกล่ะสิท่า แม่นักเขียนไส้แห้ง”

เสียงเล็ก ๆ สูง ๆ บ่นเพื่อนแหว ๆ แต่มือกลับกุมมือเพื่อนสาวไม่ยอมปล่อย

“เปล่า”

เลขาสาวอ้อมแอ้มปฏิเสธ หันหน้าหนีหลบตาเพื่อน สาวผมซอยสั้นเอื้อมมือไปจับคางเพื่อนสาวให้หันกลับมา

“เปล่าอะไร หันหน้ามาเดี๋ยวนี้นะ แกโกหกชั้นใช่ไหม เราตกลงกันแล้วไงว่าแกจะดูแลสุขภาพตัวเองไม่อดหลับอดนอนอีกถ้าฉันรับแกมาทำงานด้วย”

“ฉันอยากมีรายได้เพิ่มอีกนิดหน่อย ”

สาวตาโตพูดอ้อมแอ้ม

“ถ้าฉันเขียนนิยายเรื่องนี้เสร็จแล้วเกิดฟลุ้ค มีสำนักพิมพ์รับซื้อ ฉันจะได้มีเงินใช้ ไม่ต้องรบกวนแกบ่อยๆอีก”

“อ้อ ที่ฉันลากแกมาทำงานด้วยเพื่อให้แกได้พัก ไม่ต้องเหนื่อยตะลอน ๆ เดินทางไปโน่นนี่ แต่แกดันทุรังอดหลับอดนอนเขียนหนังสือ อย่างนี้ที่ฉันทำก็ไม่มีความหมายน่ะสิ”

เนตรนภิสทำเสียงไม่พอใจ

“ฉันเป็นห่วงแกรู้ไหม ที่ให้เลิกทำงานเป็นเซลขายยาเพราะเดี่ยวเกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมากลางทางจะลำบาก เงินเดือนที่ฉันให้ แกก็ทำงานแลกเอานี่หว่าไม่ได้ให้แกฟรี ๆ แล้วฉันไม่เคยว่าแกสักคำว่ารบกวน แกคิดเอาเองทั้งนั้น ฉันขอเถอะวะ ไอ้นิยายของแกนี่พล็อตมันประหลาด เศรษฐีหนุ่มไฮโซขับเบนซ์ เรียนจบเมืองนอกกับอีสาวขายส้มตำในตลาดสด ทั้งไม่สวยทั้งเฉิ่มทั้งงี่เง่า อย่างนี้แล้วแกจะทำให้เขาพบกันยังไง มันไม่เก็ทว่ะ ฉันว่าแกเลิกเหอะอย่าเขียนเลย ทำร้ายสุขภาพตัวเองเปล่า ๆ”

     หญิงสาวร่ายยาวเข้าใส่เพื่อนรักเป็นชุด ช่อชบานอนทำตาปริบๆมองเพื่อนสนิท แล้วทำหน้าเบ้เหมือนจะร้องไห้ สาวทอมบอยเห็นอาการเพื่อนก็ถอนใจยาว

“ถ้าแกอยากได้เงินเพิ่มจากงานพิเศษจริงๆฉันก็ขอแนะนำงานนี้ให้แก”

     ช่อชบาหูผึ่งทันที ทำท่าตั้งใจฟัง เนตรนภิสสนิทกับเธอมากก็จริง แต่หญิงสาวไม่อยากพึ่งพาเพื่อนสาวไปมากกว่านี้ ลำพังแค่ที่เนตรนภิสเอาเงินสดตั้งเกือบล้านบาทไปไถ่ถอนบ้านและที่ดินของยาย ซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนของสองยายหลานออกมาให้ ช่อชบาก็เกรงใจเพื่อนแทบแย่อยู่แล้ว อุตส่าห์จะทุ่มเทตั้งใจทำงานในหน้าที่ ๆ ผู้เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายมอบหมายให้ทำก็ดันมาป่วยเอาอีก

“พี่ชาติเขาขอแกไปนั่งเป็นเลขาส่วนตัวให้เขาในห้องทำงานแน่ะ”

“หา!!!”

“จริง เมื่อกี้ตอนแกยังไม่ฟื้นพี่เขาก็อยู่ดูอาการแกที่นี่นะ เขาโดนพ่อโทรเรียกตัว พึ่งกลับไปเมื่อกี้ แกไม่ต้องห่วงชั้นเพราะฉันจะเรียกดวงดาวให้มาทำหน้าที่แทนแก พี่ชาติเขาจะให้เงินเดือนแกต่างหากจากที่ฉันให้ หมายความว่าแกเป็นเลขาทั้งของบริษัทชั้นกับเลขาส่วนตัวของพี่ชาติ”

โชคชะตากำลังเล่นตลกกับตูอยู่ช่ายม้ายยยยย!!!!

แม่เลขาหนังหน้าไฟแทบอยากเป็นลมซ้ำอีกรอบ...

..................................................................................................................................................................................

    
      ย้อนกลับไปเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ช่อชบาจะฟื้นขึ้นมาจากอาการหมดสติกะทันหัน เนตรนภิสกับเขมชาติยืนดูนายแพทย์หนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งกำลังตรวจวินิจฉัยอาการของคนไข้สาวที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง หนุ่มหน้าขรึมรู้สึกไม่ดีที่เป็นต้นเหตุให้เลขาสาวต้องเป็นแบบนี้

     ชายหนุ่มครุ่นคิดเงียบ ๆ ถึงเหตุการณ์ตั้งแต่พบกันที่หน้าเคาน์เตอร์รีเซฟชั่นเรื่อยมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาได้ทำอะไรแย่ ๆ หลายอย่างเข้าใส่ผู้หญิงคนนี้ เพราะหงุดหงิดมาจากการโต้เถียงกับบิดาก่อนหน้า ต่อมาก็อารมณ์เสียกับการยั่วโมโหของนลินี เขายังนึกใช้เธอเป็นเครื่องมือในการต่อกรกับอดีตคนรักอีกด้วย เขานำความเกลียดชังคั่งแค้นคนอื่นทั้งหมดมาลงที่หญิงสาวผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนนี้

คิด ๆ ดูแล้ว เขมชาติรู้สึกผิดต่อผู้หญิงเชย ๆ ท่าทางซื่อ ๆ อย่างช่อชบาอยู่ลึก ๆ แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

     หลังจากหมอหนุ่มสวมแว่นสายตาสั้นหนาเตอะเช่นเดียวกันกับเจ้านายสาวของคนป่วยตรวจอาการเสร็จ เนตรนภิสก็รีบซักถามทันที

“เพื่อนชั้นเป็นไงมั่งไอ้หมอ มันชอบเป็นลมแบบนี้บ่อย ๆ”

“ที่พบตอนนี้คือเลือดจาง ความดันโลหิตต่ำ แต่ถ้าจะให้ดีควรตรวจแบบละเอียด สแกนทุกระบบ ฉันว่าเพื่อนแกมีอาการแปลก ๆ อยู่นะ แต่ไม่ขอพูดตอนนี้ดีกว่า ให้คนไข้ได้รับการตรวจที่ว่าเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”

หมอหนุ่มหน้าตี๋แนะนำเพื่อนสาว เนตรนภิสหน้าเจื่อนลงทันทีที่ได้ยิน

“นังช่อมันคงไม่ยอมตรวจ มันกลัวจะเป็นเหมือนแม่มัน”

“แม่ช่อชบาเป็นอะไรเหรอ”

เขมชาติถามขึ้นเบา ๆ ยิ่งรู้ว่าเลขานุการสาวมีอาการป่วยอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกแย่

“แม่มันเป็นลิวคีเมียตายตั้งแต่มันพึ่งได้เก้าเดือน ส่วนพ่อมันทิ้งมันไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่มันอายุได้ขวบเดียวแล้วไม่เคยติดต่อมาหาอีกเลย ช่อมันอยู่กับยายสองคนแถวบ้านสวนเมืองนนท์นู่น”

เนตรนภิสเล่าพลางจับมือเพื่อนสาวมากุมไว้อย่างห่วงใยเอื้ออาทร กิริยาราวกับคนรักหนุ่มสาวก็ไม่ปาน

“ช่อชบาเป็นลมหน้ามืดบ่อย ๆ เนตรก็เลยเอามันมาทำงานด้วย ทีแรกมันไม่ยอมมา แต่ทีนี้บ้านมันจะโดนธนาคารยึด เพราะยายเอาบ้านไปจำนองไว้แล้วขาดส่ง เนตรเลยช่วยไถ่ถอนออกมาให้ มันหมดท่าเลยต้องยอม”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง พี่ก็นึก ๆ อยู่เหมือนกันว่าทำไมบริษัทเราถึงจ้างเลขาเชยๆแบบนี้”

ชายหนุ่มถึงบางอ้อ แววตาคมดุมีประกายขำขันเมื่อนึกถึงใบหน้าแป้นแล้นกับผมหน้าม้าสั้นเต่อที่เงยขึ้นทำหน้าเหวอเมื่อตอนเจอเขาครั้งแรก

“ใช่...เพื่อนเนตรคนนี้มันเฉิ่ม”

ชายหนุ่มนึกไปถึงที่หนีบกระดาษสีชมพูอันนั้น ที่เจ้าหล่อนอุตส่าห์เอามาทำกิ๊บติดผม

“ซื่อ ๆ เซ่อ ๆ ไม่ค่อยทันคน”

เขานึกถึงส้มตำรสจัด เผ็ดจนลมออกหูจานนั้น ที่เจ้าหล่อนคิดเอามาแกล้งเขา แต่ลืมนึกไปว่าตัวเองก็ต้องกินด้วย

“แต่เวลามันโกรธนี่เอาเรื่องเหมือนกัน”

มิน่า ถึงได้แสดงละครออดอ้อนใส่นลินีสมบทบาทเสียจนอีกฝ่ายฉุนขาด ที่แท้แม่สาวเฉิ่มโบ๊ะเป็นคนหัวแข็งไม่ยอมคน!!!

“สรุปว่ามันเป็นคนดีก็แล้วกัน”

เนตรนภิสขยับแว่นสายตาหนา ๆ ของตัวเองให้เลื่อนขึ้น ก่อนชูนิ้วโป้งการันตีคำพูด


ตอนที่ 7
รักปลอม ๆ

    เมื่อเพื่อนหมอของเนตรนภิสออกจากห้องคนไข้ไปแล้ว เสียงโทรศัพท์มือถือของเขมชาติก็ดังขึ้น พอกดรับสาย เสียงเข้มห้วนของท่านประธานใหญ่แห่งอิมพีเรียล กรุ๊ป มหาเศรษฐีเมืองกรุงก็ดังขึ้นทันที

“กลับมาเล่าเรื่องผู้หญิงที่แกจะแต่งงานด้วยให้ฉันฟังที่บ้านเดี๋ยวนี้”

ชายหนุ่มลดโทรศัพท์มือถือลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในบัดดล นลินีกลับไปฟ้องบิดาของเขาเข้าแล้ว หนุ่มหล่อมาดขรึมหันมาหาน้องสาวของเพื่อนรัก ปรารภเชิงปรึกษากับเธออย่างหนักใจ

“คุณพ่อทราบเรื่องหนูหิ่น... เอ่อ ช่อชบาแล้ว ท่านสั่งให้พี่กลับไปเล่าเรื่องเธอให้ท่านฟัง คงเป็นนลินีเอาเรื่องนี้ไปฟ้องท่าน”

“แล้วพี่ชาติจะเล่าว่าไง จะบอกท่านว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดเหรอคะ”

“ไม่หรอก พี่จะตามน้ำรับว่าเป็นเรื่องจริง ม่ายงั้นคุณพ่อท่านจะบีบให้พี่กลับเข้าไปอยู่ในบ้าน เข้าทางนลินีพอดี”

“นลินีต้องการอะไรถึงทำแบบนี้คะ”

แววตาหลังแว่นหนา ๆ บอกความสงสัย

“คงต้องการทรมานพี่เล่น คนอย่างเขาชอบทำตัวอยู่เหนือคนอื่น ชอบปั่นหัวคนเล่น กลบปมด้อยของตัวเองที่เป็นลูกสาวของผู้หญิงที่เคยมีอาชีพเป็นหมอนวดมาก่อน”

เขมชาติเล่าเบื้องหลังของอดีตคนรักแสนสวยให้เนตรนภิสฟัง

“ป้าพิมพลอยแม่ของนลินีเคยเป็นหมอนวดมาก่อน โชคดีที่มีนักการเมืองใหญ่รับเลี้ยงดู แต่ไม่ได้ออกหน้าออกตาว่าเป็นเมีย แล้วส่งเสียให้นลินีเรียนจนจบปริญญาตรีก่อนบินไปเรียนต่ออังกฤษ อยู่ที่โน่นเธอกุเรื่องว่าเป็นทายาทของเจ้าทางเหนือ ทำตัวฟุ้งเฟ้อด้วยเงินของพี่ มีพี่คนเดียวที่รู้ความจริงแต่ก็ยอมเธอ เพราะตอนนั้นพี่หลงรักเธอจนหน้ามืดตามัว พอเธอสลัดพี่ทิ้งมาแต่งงานกับคุณพ่อ ก็คงกลัวพี่โกรธแล้วระแวงว่าพี่จะแฉ”

สาวแว่นห่อปากทำตาโต ทึ่งในพฤติกรรมภรรยาสาวสวยสุดฮอตของมหาเศรษฐีหมื่นล้าน

“เลยคิดจะรวบหัวรวบหางทั้งพ่อทั้งลูก”

หญิงสาวอุทานออกมาอย่างอนาถใจ

“พี่ก็นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่านลินีจะร้ายกาจแบบนี้ เธอแกล้งยั่วยวนพี่หลายครั้งแต่โดนพี่ตอกหน้าเอาเจ็บ ๆ จนต้องถอยออกไป แต่ก็ยังเอาคุณพ่อมาขู่ให้พี่ยอมพูดดีด้วย เพราะรู้ว่าพ่อพี่หลงรักเธอมาก พี่จำต้องยอมเพราะกลัวคุณพ่อเสียใจ”

“แล้วพี่จะทำยังไงกับเรื่องนี้”

“ก็คงต้องขอความช่วยเหลือจากช่อชบา”

ชายหนุ่มตอบคำถามน้องสาวเพื่อนสนิทอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ก่อนขอตัวกลับไปเคลียร์ปัญหานี้กับบิดาที่บ้าน

.................................................................................................................................................................................

“ไม่ ๆ ๆ ๆๆ ไม่เด็ดขาด ฉันไม่รับงานนี้”
ช่อชบาส่ายหน้าเดียะ

“อย่าพึ่งปฏิเสธเลยนังนักเขียน เก็บเอาไปคิดก่อนดีกว่า แต่ฉันอยากบอกแกว่า ไม่ว่าแกจะรับทำหรือไม่รับทำงานพิเศษที่ฉันบอกมา แกก็ต้องทำงานกับพี่ชาติอยู่ดี แค่ไม่ได้เข้าไปนั่งในห้องเขาเท่านั้นเอง”

เนตรนภิสกล่อมเพื่อน ทอมบอยสาวเห็นใจเพื่อนรักของพี่ชาย อยากให้ช่อชบาช่วยเหลือเขา และเพื่อเพื่อนสาวคนสนิทของเธอจะได้มีรายได้เพิ่ม
สาวตาโตทำหน้าเหลือรับ เม้มปากบาง ขมวดคิ้วยุ่ง

“รู้สึกแกจะลุ้นให้ฉันทำงานนี้เหลือเกินนะ”

“ก็อย่างที่เล่าให้ฟัง แม่เลี้ยงพี่ชาตินี่เลวไม่มีที่ติยังกะนางอิจฉาในนิยายน้ำเน่า น่าสงสารพี่ชาติ”

ช่อชบาแบะปาก ทำหน้าเบื่อ ๆ ใส่เพื่อนรัก

“โอ้ย พี่ชาติแกน่าสงสารมากกกก”

หญิงสาวค้อนลมค้อนแล้งเมื่อนึกถึงใบหน้าขรึมดุกับท่าทางหยิ่งๆของผู้ชายคนนั้น

“สองคนนี่อาจจะขิงก็ราข่าก็แรงก็ได้ ใครจะไปรู้”

“เฮ้ย...”

เสียงร้องทักแหลมสูงทำเอาช่อชบาสะดุ้ง

“ตั้งแต่คบกันมาชั้นพึ่งได้ยินแกพูดมีเหตุมีผล ดูฉล๊าดฉลาดวันนี้เองว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ตากลมโตถลึงมองเพื่อน ริมฝีปากขมุบขมิบให้พร เลยโดนเนตรนภิสเย้า ดึงแก้มป่อง ๆ นั้นเล่น

“เรื่องแม่นลินีอะไรนั่น แกไม่ต้องห่วงหรอก ที่นี่มันบริษัทชั้นๆไม่ปล่อยให้ใครมารังแกเพื่อนชั้นได้ง่ายๆแน่ ว่าแต่แกตกลงใช่ไหม ชั้นจะได้โทรบอกพี่ชาติ”

“เดี่ยว...อย่าพึ่ง”

“ทำไมล่ะ แกยังกลัวอะไรอีก”

“ชั้นกลัวพี่ชาติแกนั่นแหละ”

“หืม...กลัวพี่เค้าทำไม เค้าออกหล่อ”

ช่อชบาทำหน้าผะอืดผะอมทันที

“จะอ้วก...หล่อแต่ปากเสีย...เขาต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ดุชั้นแบบไม่มีเหตุผลอีก”

“อืม..เค้าดุอะไรแก พึ่งเจอกันไม่ใช่เรอะ”

“ใช่...พึ่งเจอกัน แต่เค้าหาเรื่องชั้นหลายเรื่องแล้ว ติโน่นตินี่ ตั้งแต่ผ้าม่านสำนักงานยันกิ๊บติดผมของชั้น แล้วยังล้อชั้นเป็นหนูหิ่นอีก”

“อื้ม...แกโกรธทำไม ใคร ๆ ก็เรียกแกแบบนี้”

“คนอื่นเรียกได้แต่ห้ามเพื่อนพี่ชายแกคนนี้เรียก...ชั้นไม่ชอบ...อีกเรื่อง...อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวชั้นอีก”

“หึ หึ...ชั้นว่าข้อสุดท้ายนี่แกสบายใจได้ พี่ชาติเค้าคงไม่คิดอยากแต๊ะอั๋งแกหรอก”

สาวทอมบอยทำหน้าล้อเลียนด้วยแววตาขำๆ ช่อชบาค้อนเพื่อนสาวตาคว่ำ

“เออ ถึงชั้นไม่สวยแต่ชั้นก็ไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมาทำรุ่มร่าม คนที่จะได้ใกล้ชิดแบบเนื้อแนบเนื้อกับชั้นได้มีคนเดียวเว้ย...”

“คือพี่ใช่ไหม...”

“พี่อนุชา”

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่