ตอนที่ 6
พรหมอลวน คนอลเวง
ช่อชบารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล เธอจ้องมองฝ้าเพดานสีขาวอย่างงง ๆ หญิงสาวกระพริบตาติด ๆ กันและพยายามนึก
อ้อ... เธอวูบไปอีกแล้ว คราวนี้หมดสติไปในห้องผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการคนใหม่...ในอ้อมแขนของผู้ชายท่าทางไฮโซที่พึ่งพบกันวันแรก และยังไม่ได้รู้จักกันดีด้วยซ้ำ
หญิงสาวรู้สึกปวดหนึบ ๆ ที่ใต้ท้องแขนข้างขวา เมื่อยกแขนขึ้นดูก็พบเข็มน้ำเกลือปักคาอยู่ มองไล่ไปตามสายน้ำเกลือก็จ๊ะเอ๋เข้ากับใบหน้าของแม่สาวสายตาสั้นเพื่อนรัก ที่กำลังมองมาที่เธอด้วยแววตาห่วงใย
“ไง รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง”
เนตรนภิสนั่งเฝ้าอาการของช่อชบาอยู่ข้างเตียงคนไข้ข้าง ๆ เสาน้ำเกลือ หล่อนเอื้อมมือมากุมมือเพื่อนรักเอาไว้ แล้วเอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนสาวรู้สึกตัว
“คราวนี้ฉันวูบไปนานเท่าไหร่”
ช่อชบาพยักหน้ายิ้มเซียว ๆ ให้เพื่อนสนิทแล้วถามเสียงแห้ง นึกเพลียใจกับอาการเป็นลมหน้ามืดบ่อย ๆ ของตัวเอง
“ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ หมอมาดูอาการแกพึ่งออกไป เขาบอกแกเลือดจาง พักผ่อนน้อย ความดันเลือดต่ำ นี่แกยังพยายามเขียนหนังสืออยู่อีกใช่ไหม นั่งเขียนจนไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนอีกล่ะสิท่า แม่นักเขียนไส้แห้ง”
เสียงเล็ก ๆ สูง ๆ บ่นเพื่อนแหว ๆ แต่มือกลับกุมมือเพื่อนสาวไม่ยอมปล่อย
“เปล่า”
เลขาสาวอ้อมแอ้มปฏิเสธ หันหน้าหนีหลบตาเพื่อน สาวผมซอยสั้นเอื้อมมือไปจับคางเพื่อนสาวให้หันกลับมา
“เปล่าอะไร หันหน้ามาเดี๋ยวนี้นะ แกโกหกชั้นใช่ไหม เราตกลงกันแล้วไงว่าแกจะดูแลสุขภาพตัวเองไม่อดหลับอดนอนอีกถ้าฉันรับแกมาทำงานด้วย”
“ฉันอยากมีรายได้เพิ่มอีกนิดหน่อย ”
สาวตาโตพูดอ้อมแอ้ม
“ถ้าฉันเขียนนิยายเรื่องนี้เสร็จแล้วเกิดฟลุ้ค มีสำนักพิมพ์รับซื้อ ฉันจะได้มีเงินใช้ ไม่ต้องรบกวนแกบ่อยๆอีก”
“อ้อ ที่ฉันลากแกมาทำงานด้วยเพื่อให้แกได้พัก ไม่ต้องเหนื่อยตะลอน ๆ เดินทางไปโน่นนี่ แต่แกดันทุรังอดหลับอดนอนเขียนหนังสือ อย่างนี้ที่ฉันทำก็ไม่มีความหมายน่ะสิ”
เนตรนภิสทำเสียงไม่พอใจ
“ฉันเป็นห่วงแกรู้ไหม ที่ให้เลิกทำงานเป็นเซลขายยาเพราะเดี่ยวเกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมากลางทางจะลำบาก เงินเดือนที่ฉันให้ แกก็ทำงานแลกเอานี่หว่าไม่ได้ให้แกฟรี ๆ แล้วฉันไม่เคยว่าแกสักคำว่ารบกวน แกคิดเอาเองทั้งนั้น ฉันขอเถอะวะ ไอ้นิยายของแกนี่พล็อตมันประหลาด เศรษฐีหนุ่มไฮโซขับเบนซ์ เรียนจบเมืองนอกกับอีสาวขายส้มตำในตลาดสด ทั้งไม่สวยทั้งเฉิ่มทั้งงี่เง่า อย่างนี้แล้วแกจะทำให้เขาพบกันยังไง มันไม่เก็ทว่ะ ฉันว่าแกเลิกเหอะอย่าเขียนเลย ทำร้ายสุขภาพตัวเองเปล่า ๆ”
หญิงสาวร่ายยาวเข้าใส่เพื่อนรักเป็นชุด ช่อชบานอนทำตาปริบๆมองเพื่อนสนิท แล้วทำหน้าเบ้เหมือนจะร้องไห้ สาวทอมบอยเห็นอาการเพื่อนก็ถอนใจยาว
“ถ้าแกอยากได้เงินเพิ่มจากงานพิเศษจริงๆฉันก็ขอแนะนำงานนี้ให้แก”
ช่อชบาหูผึ่งทันที ทำท่าตั้งใจฟัง เนตรนภิสสนิทกับเธอมากก็จริง แต่หญิงสาวไม่อยากพึ่งพาเพื่อนสาวไปมากกว่านี้ ลำพังแค่ที่เนตรนภิสเอาเงินสดตั้งเกือบล้านบาทไปไถ่ถอนบ้านและที่ดินของยาย ซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนของสองยายหลานออกมาให้ ช่อชบาก็เกรงใจเพื่อนแทบแย่อยู่แล้ว อุตส่าห์จะทุ่มเทตั้งใจทำงานในหน้าที่ ๆ ผู้เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายมอบหมายให้ทำก็ดันมาป่วยเอาอีก
“พี่ชาติเขาขอแกไปนั่งเป็นเลขาส่วนตัวให้เขาในห้องทำงานแน่ะ”
“หา!!!”
“จริง เมื่อกี้ตอนแกยังไม่ฟื้นพี่เขาก็อยู่ดูอาการแกที่นี่นะ เขาโดนพ่อโทรเรียกตัว พึ่งกลับไปเมื่อกี้ แกไม่ต้องห่วงชั้นเพราะฉันจะเรียกดวงดาวให้มาทำหน้าที่แทนแก พี่ชาติเขาจะให้เงินเดือนแกต่างหากจากที่ฉันให้ หมายความว่าแกเป็นเลขาทั้งของบริษัทชั้นกับเลขาส่วนตัวของพี่ชาติ”
โชคชะตากำลังเล่นตลกกับตูอยู่ช่ายม้ายยยยย!!!!
แม่เลขาหนังหน้าไฟแทบอยากเป็นลมซ้ำอีกรอบ...
..................................................................................................................................................................................
ย้อนกลับไปเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ช่อชบาจะฟื้นขึ้นมาจากอาการหมดสติกะทันหัน เนตรนภิสกับเขมชาติยืนดูนายแพทย์หนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งกำลังตรวจวินิจฉัยอาการของคนไข้สาวที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง หนุ่มหน้าขรึมรู้สึกไม่ดีที่เป็นต้นเหตุให้เลขาสาวต้องเป็นแบบนี้
ชายหนุ่มครุ่นคิดเงียบ ๆ ถึงเหตุการณ์ตั้งแต่พบกันที่หน้าเคาน์เตอร์รีเซฟชั่นเรื่อยมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาได้ทำอะไรแย่ ๆ หลายอย่างเข้าใส่ผู้หญิงคนนี้ เพราะหงุดหงิดมาจากการโต้เถียงกับบิดาก่อนหน้า ต่อมาก็อารมณ์เสียกับการยั่วโมโหของนลินี เขายังนึกใช้เธอเป็นเครื่องมือในการต่อกรกับอดีตคนรักอีกด้วย เขานำความเกลียดชังคั่งแค้นคนอื่นทั้งหมดมาลงที่หญิงสาวผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนนี้
คิด ๆ ดูแล้ว เขมชาติรู้สึกผิดต่อผู้หญิงเชย ๆ ท่าทางซื่อ ๆ อย่างช่อชบาอยู่ลึก ๆ แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
หลังจากหมอหนุ่มสวมแว่นสายตาสั้นหนาเตอะเช่นเดียวกันกับเจ้านายสาวของคนป่วยตรวจอาการเสร็จ เนตรนภิสก็รีบซักถามทันที
“เพื่อนชั้นเป็นไงมั่งไอ้หมอ มันชอบเป็นลมแบบนี้บ่อย ๆ”
“ที่พบตอนนี้คือเลือดจาง ความดันโลหิตต่ำ แต่ถ้าจะให้ดีควรตรวจแบบละเอียด สแกนทุกระบบ ฉันว่าเพื่อนแกมีอาการแปลก ๆ อยู่นะ แต่ไม่ขอพูดตอนนี้ดีกว่า ให้คนไข้ได้รับการตรวจที่ว่าเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
หมอหนุ่มหน้าตี๋แนะนำเพื่อนสาว เนตรนภิสหน้าเจื่อนลงทันทีที่ได้ยิน
“นังช่อมันคงไม่ยอมตรวจ มันกลัวจะเป็นเหมือนแม่มัน”
“แม่ช่อชบาเป็นอะไรเหรอ”
เขมชาติถามขึ้นเบา ๆ ยิ่งรู้ว่าเลขานุการสาวมีอาการป่วยอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกแย่
“แม่มันเป็นลิวคีเมียตายตั้งแต่มันพึ่งได้เก้าเดือน ส่วนพ่อมันทิ้งมันไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่มันอายุได้ขวบเดียวแล้วไม่เคยติดต่อมาหาอีกเลย ช่อมันอยู่กับยายสองคนแถวบ้านสวนเมืองนนท์นู่น”
เนตรนภิสเล่าพลางจับมือเพื่อนสาวมากุมไว้อย่างห่วงใยเอื้ออาทร กิริยาราวกับคนรักหนุ่มสาวก็ไม่ปาน
“ช่อชบาเป็นลมหน้ามืดบ่อย ๆ เนตรก็เลยเอามันมาทำงานด้วย ทีแรกมันไม่ยอมมา แต่ทีนี้บ้านมันจะโดนธนาคารยึด เพราะยายเอาบ้านไปจำนองไว้แล้วขาดส่ง เนตรเลยช่วยไถ่ถอนออกมาให้ มันหมดท่าเลยต้องยอม”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง พี่ก็นึก ๆ อยู่เหมือนกันว่าทำไมบริษัทเราถึงจ้างเลขาเชยๆแบบนี้”
ชายหนุ่มถึงบางอ้อ แววตาคมดุมีประกายขำขันเมื่อนึกถึงใบหน้าแป้นแล้นกับผมหน้าม้าสั้นเต่อที่เงยขึ้นทำหน้าเหวอเมื่อตอนเจอเขาครั้งแรก
“ใช่...เพื่อนเนตรคนนี้มันเฉิ่ม”
ชายหนุ่มนึกไปถึงที่หนีบกระดาษสีชมพูอันนั้น ที่เจ้าหล่อนอุตส่าห์เอามาทำกิ๊บติดผม
“ซื่อ ๆ เซ่อ ๆ ไม่ค่อยทันคน”
เขานึกถึงส้มตำรสจัด เผ็ดจนลมออกหูจานนั้น ที่เจ้าหล่อนคิดเอามาแกล้งเขา แต่ลืมนึกไปว่าตัวเองก็ต้องกินด้วย
“แต่เวลามันโกรธนี่เอาเรื่องเหมือนกัน”
มิน่า ถึงได้แสดงละครออดอ้อนใส่นลินีสมบทบาทเสียจนอีกฝ่ายฉุนขาด ที่แท้แม่สาวเฉิ่มโบ๊ะเป็นคนหัวแข็งไม่ยอมคน!!!
“สรุปว่ามันเป็นคนดีก็แล้วกัน”
เนตรนภิสขยับแว่นสายตาหนา ๆ ของตัวเองให้เลื่อนขึ้น ก่อนชูนิ้วโป้งการันตีคำพูด
ตอนที่ 7
รักปลอม ๆ
เมื่อเพื่อนหมอของเนตรนภิสออกจากห้องคนไข้ไปแล้ว เสียงโทรศัพท์มือถือของเขมชาติก็ดังขึ้น พอกดรับสาย เสียงเข้มห้วนของท่านประธานใหญ่แห่งอิมพีเรียล กรุ๊ป มหาเศรษฐีเมืองกรุงก็ดังขึ้นทันที
“กลับมาเล่าเรื่องผู้หญิงที่แกจะแต่งงานด้วยให้ฉันฟังที่บ้านเดี๋ยวนี้”
ชายหนุ่มลดโทรศัพท์มือถือลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในบัดดล นลินีกลับไปฟ้องบิดาของเขาเข้าแล้ว หนุ่มหล่อมาดขรึมหันมาหาน้องสาวของเพื่อนรัก ปรารภเชิงปรึกษากับเธออย่างหนักใจ
“คุณพ่อทราบเรื่องหนูหิ่น... เอ่อ ช่อชบาแล้ว ท่านสั่งให้พี่กลับไปเล่าเรื่องเธอให้ท่านฟัง คงเป็นนลินีเอาเรื่องนี้ไปฟ้องท่าน”
“แล้วพี่ชาติจะเล่าว่าไง จะบอกท่านว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดเหรอคะ”
“ไม่หรอก พี่จะตามน้ำรับว่าเป็นเรื่องจริง ม่ายงั้นคุณพ่อท่านจะบีบให้พี่กลับเข้าไปอยู่ในบ้าน เข้าทางนลินีพอดี”
“นลินีต้องการอะไรถึงทำแบบนี้คะ”
แววตาหลังแว่นหนา ๆ บอกความสงสัย
“คงต้องการทรมานพี่เล่น คนอย่างเขาชอบทำตัวอยู่เหนือคนอื่น ชอบปั่นหัวคนเล่น กลบปมด้อยของตัวเองที่เป็นลูกสาวของผู้หญิงที่เคยมีอาชีพเป็นหมอนวดมาก่อน”
เขมชาติเล่าเบื้องหลังของอดีตคนรักแสนสวยให้เนตรนภิสฟัง
“ป้าพิมพลอยแม่ของนลินีเคยเป็นหมอนวดมาก่อน โชคดีที่มีนักการเมืองใหญ่รับเลี้ยงดู แต่ไม่ได้ออกหน้าออกตาว่าเป็นเมีย แล้วส่งเสียให้นลินีเรียนจนจบปริญญาตรีก่อนบินไปเรียนต่ออังกฤษ อยู่ที่โน่นเธอกุเรื่องว่าเป็นทายาทของเจ้าทางเหนือ ทำตัวฟุ้งเฟ้อด้วยเงินของพี่ มีพี่คนเดียวที่รู้ความจริงแต่ก็ยอมเธอ เพราะตอนนั้นพี่หลงรักเธอจนหน้ามืดตามัว พอเธอสลัดพี่ทิ้งมาแต่งงานกับคุณพ่อ ก็คงกลัวพี่โกรธแล้วระแวงว่าพี่จะแฉ”
สาวแว่นห่อปากทำตาโต ทึ่งในพฤติกรรมภรรยาสาวสวยสุดฮอตของมหาเศรษฐีหมื่นล้าน
“เลยคิดจะรวบหัวรวบหางทั้งพ่อทั้งลูก”
หญิงสาวอุทานออกมาอย่างอนาถใจ
“พี่ก็นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่านลินีจะร้ายกาจแบบนี้ เธอแกล้งยั่วยวนพี่หลายครั้งแต่โดนพี่ตอกหน้าเอาเจ็บ ๆ จนต้องถอยออกไป แต่ก็ยังเอาคุณพ่อมาขู่ให้พี่ยอมพูดดีด้วย เพราะรู้ว่าพ่อพี่หลงรักเธอมาก พี่จำต้องยอมเพราะกลัวคุณพ่อเสียใจ”
“แล้วพี่จะทำยังไงกับเรื่องนี้”
“ก็คงต้องขอความช่วยเหลือจากช่อชบา”
ชายหนุ่มตอบคำถามน้องสาวเพื่อนสนิทอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ก่อนขอตัวกลับไปเคลียร์ปัญหานี้กับบิดาที่บ้าน
.................................................................................................................................................................................
“ไม่ ๆ ๆ ๆๆ ไม่เด็ดขาด ฉันไม่รับงานนี้”
ช่อชบาส่ายหน้าเดียะ
“อย่าพึ่งปฏิเสธเลยนังนักเขียน เก็บเอาไปคิดก่อนดีกว่า แต่ฉันอยากบอกแกว่า ไม่ว่าแกจะรับทำหรือไม่รับทำงานพิเศษที่ฉันบอกมา แกก็ต้องทำงานกับพี่ชาติอยู่ดี แค่ไม่ได้เข้าไปนั่งในห้องเขาเท่านั้นเอง”
เนตรนภิสกล่อมเพื่อน ทอมบอยสาวเห็นใจเพื่อนรักของพี่ชาย อยากให้ช่อชบาช่วยเหลือเขา และเพื่อเพื่อนสาวคนสนิทของเธอจะได้มีรายได้เพิ่ม
สาวตาโตทำหน้าเหลือรับ เม้มปากบาง ขมวดคิ้วยุ่ง
“รู้สึกแกจะลุ้นให้ฉันทำงานนี้เหลือเกินนะ”
“ก็อย่างที่เล่าให้ฟัง แม่เลี้ยงพี่ชาตินี่เลวไม่มีที่ติยังกะนางอิจฉาในนิยายน้ำเน่า น่าสงสารพี่ชาติ”
ช่อชบาแบะปาก ทำหน้าเบื่อ ๆ ใส่เพื่อนรัก
“โอ้ย พี่ชาติแกน่าสงสารมากกกก”
หญิงสาวค้อนลมค้อนแล้งเมื่อนึกถึงใบหน้าขรึมดุกับท่าทางหยิ่งๆของผู้ชายคนนั้น
“สองคนนี่อาจจะขิงก็ราข่าก็แรงก็ได้ ใครจะไปรู้”
“เฮ้ย...”
เสียงร้องทักแหลมสูงทำเอาช่อชบาสะดุ้ง
“ตั้งแต่คบกันมาชั้นพึ่งได้ยินแกพูดมีเหตุมีผล ดูฉล๊าดฉลาดวันนี้เองว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ตากลมโตถลึงมองเพื่อน ริมฝีปากขมุบขมิบให้พร เลยโดนเนตรนภิสเย้า ดึงแก้มป่อง ๆ นั้นเล่น
“เรื่องแม่นลินีอะไรนั่น แกไม่ต้องห่วงหรอก ที่นี่มันบริษัทชั้นๆไม่ปล่อยให้ใครมารังแกเพื่อนชั้นได้ง่ายๆแน่ ว่าแต่แกตกลงใช่ไหม ชั้นจะได้โทรบอกพี่ชาติ”
“เดี่ยว...อย่าพึ่ง”
“ทำไมล่ะ แกยังกลัวอะไรอีก”
“ชั้นกลัวพี่ชาติแกนั่นแหละ”
“หืม...กลัวพี่เค้าทำไม เค้าออกหล่อ”
ช่อชบาทำหน้าผะอืดผะอมทันที
“จะอ้วก...หล่อแต่ปากเสีย...เขาต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ดุชั้นแบบไม่มีเหตุผลอีก”
“อืม..เค้าดุอะไรแก พึ่งเจอกันไม่ใช่เรอะ”
“ใช่...พึ่งเจอกัน แต่เค้าหาเรื่องชั้นหลายเรื่องแล้ว ติโน่นตินี่ ตั้งแต่ผ้าม่านสำนักงานยันกิ๊บติดผมของชั้น แล้วยังล้อชั้นเป็นหนูหิ่นอีก”
“อื้ม...แกโกรธทำไม ใคร ๆ ก็เรียกแกแบบนี้”
“คนอื่นเรียกได้แต่ห้ามเพื่อนพี่ชายแกคนนี้เรียก...ชั้นไม่ชอบ...อีกเรื่อง...อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวชั้นอีก”
“หึ หึ...ชั้นว่าข้อสุดท้ายนี่แกสบายใจได้ พี่ชาติเค้าคงไม่คิดอยากแต๊ะอั๋งแกหรอก”
สาวทอมบอยทำหน้าล้อเลียนด้วยแววตาขำๆ ช่อชบาค้อนเพื่อนสาวตาคว่ำ
“เออ ถึงชั้นไม่สวยแต่ชั้นก็ไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมาทำรุ่มร่าม คนที่จะได้ใกล้ชิดแบบเนื้อแนบเนื้อกับชั้นได้มีคนเดียวเว้ย...”
“คือพี่ใช่ไหม...”
“พี่อนุชา”
(มีต่อ)
รักวุ่นวายของคุณชายกับยายซุ่มซ่าม ตอนที่ 6-12 by ล. วิลิศมาหรา
พรหมอลวน คนอลเวง
ช่อชบารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล เธอจ้องมองฝ้าเพดานสีขาวอย่างงง ๆ หญิงสาวกระพริบตาติด ๆ กันและพยายามนึก
อ้อ... เธอวูบไปอีกแล้ว คราวนี้หมดสติไปในห้องผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการคนใหม่...ในอ้อมแขนของผู้ชายท่าทางไฮโซที่พึ่งพบกันวันแรก และยังไม่ได้รู้จักกันดีด้วยซ้ำ
หญิงสาวรู้สึกปวดหนึบ ๆ ที่ใต้ท้องแขนข้างขวา เมื่อยกแขนขึ้นดูก็พบเข็มน้ำเกลือปักคาอยู่ มองไล่ไปตามสายน้ำเกลือก็จ๊ะเอ๋เข้ากับใบหน้าของแม่สาวสายตาสั้นเพื่อนรัก ที่กำลังมองมาที่เธอด้วยแววตาห่วงใย
“ไง รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง”
เนตรนภิสนั่งเฝ้าอาการของช่อชบาอยู่ข้างเตียงคนไข้ข้าง ๆ เสาน้ำเกลือ หล่อนเอื้อมมือมากุมมือเพื่อนรักเอาไว้ แล้วเอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนสาวรู้สึกตัว
“คราวนี้ฉันวูบไปนานเท่าไหร่”
ช่อชบาพยักหน้ายิ้มเซียว ๆ ให้เพื่อนสนิทแล้วถามเสียงแห้ง นึกเพลียใจกับอาการเป็นลมหน้ามืดบ่อย ๆ ของตัวเอง
“ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ หมอมาดูอาการแกพึ่งออกไป เขาบอกแกเลือดจาง พักผ่อนน้อย ความดันเลือดต่ำ นี่แกยังพยายามเขียนหนังสืออยู่อีกใช่ไหม นั่งเขียนจนไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนอีกล่ะสิท่า แม่นักเขียนไส้แห้ง”
เสียงเล็ก ๆ สูง ๆ บ่นเพื่อนแหว ๆ แต่มือกลับกุมมือเพื่อนสาวไม่ยอมปล่อย
“เปล่า”
เลขาสาวอ้อมแอ้มปฏิเสธ หันหน้าหนีหลบตาเพื่อน สาวผมซอยสั้นเอื้อมมือไปจับคางเพื่อนสาวให้หันกลับมา
“เปล่าอะไร หันหน้ามาเดี๋ยวนี้นะ แกโกหกชั้นใช่ไหม เราตกลงกันแล้วไงว่าแกจะดูแลสุขภาพตัวเองไม่อดหลับอดนอนอีกถ้าฉันรับแกมาทำงานด้วย”
“ฉันอยากมีรายได้เพิ่มอีกนิดหน่อย ”
สาวตาโตพูดอ้อมแอ้ม
“ถ้าฉันเขียนนิยายเรื่องนี้เสร็จแล้วเกิดฟลุ้ค มีสำนักพิมพ์รับซื้อ ฉันจะได้มีเงินใช้ ไม่ต้องรบกวนแกบ่อยๆอีก”
“อ้อ ที่ฉันลากแกมาทำงานด้วยเพื่อให้แกได้พัก ไม่ต้องเหนื่อยตะลอน ๆ เดินทางไปโน่นนี่ แต่แกดันทุรังอดหลับอดนอนเขียนหนังสือ อย่างนี้ที่ฉันทำก็ไม่มีความหมายน่ะสิ”
เนตรนภิสทำเสียงไม่พอใจ
“ฉันเป็นห่วงแกรู้ไหม ที่ให้เลิกทำงานเป็นเซลขายยาเพราะเดี่ยวเกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมากลางทางจะลำบาก เงินเดือนที่ฉันให้ แกก็ทำงานแลกเอานี่หว่าไม่ได้ให้แกฟรี ๆ แล้วฉันไม่เคยว่าแกสักคำว่ารบกวน แกคิดเอาเองทั้งนั้น ฉันขอเถอะวะ ไอ้นิยายของแกนี่พล็อตมันประหลาด เศรษฐีหนุ่มไฮโซขับเบนซ์ เรียนจบเมืองนอกกับอีสาวขายส้มตำในตลาดสด ทั้งไม่สวยทั้งเฉิ่มทั้งงี่เง่า อย่างนี้แล้วแกจะทำให้เขาพบกันยังไง มันไม่เก็ทว่ะ ฉันว่าแกเลิกเหอะอย่าเขียนเลย ทำร้ายสุขภาพตัวเองเปล่า ๆ”
หญิงสาวร่ายยาวเข้าใส่เพื่อนรักเป็นชุด ช่อชบานอนทำตาปริบๆมองเพื่อนสนิท แล้วทำหน้าเบ้เหมือนจะร้องไห้ สาวทอมบอยเห็นอาการเพื่อนก็ถอนใจยาว
“ถ้าแกอยากได้เงินเพิ่มจากงานพิเศษจริงๆฉันก็ขอแนะนำงานนี้ให้แก”
ช่อชบาหูผึ่งทันที ทำท่าตั้งใจฟัง เนตรนภิสสนิทกับเธอมากก็จริง แต่หญิงสาวไม่อยากพึ่งพาเพื่อนสาวไปมากกว่านี้ ลำพังแค่ที่เนตรนภิสเอาเงินสดตั้งเกือบล้านบาทไปไถ่ถอนบ้านและที่ดินของยาย ซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนของสองยายหลานออกมาให้ ช่อชบาก็เกรงใจเพื่อนแทบแย่อยู่แล้ว อุตส่าห์จะทุ่มเทตั้งใจทำงานในหน้าที่ ๆ ผู้เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายมอบหมายให้ทำก็ดันมาป่วยเอาอีก
“พี่ชาติเขาขอแกไปนั่งเป็นเลขาส่วนตัวให้เขาในห้องทำงานแน่ะ”
“หา!!!”
“จริง เมื่อกี้ตอนแกยังไม่ฟื้นพี่เขาก็อยู่ดูอาการแกที่นี่นะ เขาโดนพ่อโทรเรียกตัว พึ่งกลับไปเมื่อกี้ แกไม่ต้องห่วงชั้นเพราะฉันจะเรียกดวงดาวให้มาทำหน้าที่แทนแก พี่ชาติเขาจะให้เงินเดือนแกต่างหากจากที่ฉันให้ หมายความว่าแกเป็นเลขาทั้งของบริษัทชั้นกับเลขาส่วนตัวของพี่ชาติ”
โชคชะตากำลังเล่นตลกกับตูอยู่ช่ายม้ายยยยย!!!!
แม่เลขาหนังหน้าไฟแทบอยากเป็นลมซ้ำอีกรอบ...
..................................................................................................................................................................................
ย้อนกลับไปเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ช่อชบาจะฟื้นขึ้นมาจากอาการหมดสติกะทันหัน เนตรนภิสกับเขมชาติยืนดูนายแพทย์หนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งกำลังตรวจวินิจฉัยอาการของคนไข้สาวที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง หนุ่มหน้าขรึมรู้สึกไม่ดีที่เป็นต้นเหตุให้เลขาสาวต้องเป็นแบบนี้
ชายหนุ่มครุ่นคิดเงียบ ๆ ถึงเหตุการณ์ตั้งแต่พบกันที่หน้าเคาน์เตอร์รีเซฟชั่นเรื่อยมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาได้ทำอะไรแย่ ๆ หลายอย่างเข้าใส่ผู้หญิงคนนี้ เพราะหงุดหงิดมาจากการโต้เถียงกับบิดาก่อนหน้า ต่อมาก็อารมณ์เสียกับการยั่วโมโหของนลินี เขายังนึกใช้เธอเป็นเครื่องมือในการต่อกรกับอดีตคนรักอีกด้วย เขานำความเกลียดชังคั่งแค้นคนอื่นทั้งหมดมาลงที่หญิงสาวผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนนี้
คิด ๆ ดูแล้ว เขมชาติรู้สึกผิดต่อผู้หญิงเชย ๆ ท่าทางซื่อ ๆ อย่างช่อชบาอยู่ลึก ๆ แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
หลังจากหมอหนุ่มสวมแว่นสายตาสั้นหนาเตอะเช่นเดียวกันกับเจ้านายสาวของคนป่วยตรวจอาการเสร็จ เนตรนภิสก็รีบซักถามทันที
“เพื่อนชั้นเป็นไงมั่งไอ้หมอ มันชอบเป็นลมแบบนี้บ่อย ๆ”
“ที่พบตอนนี้คือเลือดจาง ความดันโลหิตต่ำ แต่ถ้าจะให้ดีควรตรวจแบบละเอียด สแกนทุกระบบ ฉันว่าเพื่อนแกมีอาการแปลก ๆ อยู่นะ แต่ไม่ขอพูดตอนนี้ดีกว่า ให้คนไข้ได้รับการตรวจที่ว่าเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
หมอหนุ่มหน้าตี๋แนะนำเพื่อนสาว เนตรนภิสหน้าเจื่อนลงทันทีที่ได้ยิน
“นังช่อมันคงไม่ยอมตรวจ มันกลัวจะเป็นเหมือนแม่มัน”
“แม่ช่อชบาเป็นอะไรเหรอ”
เขมชาติถามขึ้นเบา ๆ ยิ่งรู้ว่าเลขานุการสาวมีอาการป่วยอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกแย่
“แม่มันเป็นลิวคีเมียตายตั้งแต่มันพึ่งได้เก้าเดือน ส่วนพ่อมันทิ้งมันไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่มันอายุได้ขวบเดียวแล้วไม่เคยติดต่อมาหาอีกเลย ช่อมันอยู่กับยายสองคนแถวบ้านสวนเมืองนนท์นู่น”
เนตรนภิสเล่าพลางจับมือเพื่อนสาวมากุมไว้อย่างห่วงใยเอื้ออาทร กิริยาราวกับคนรักหนุ่มสาวก็ไม่ปาน
“ช่อชบาเป็นลมหน้ามืดบ่อย ๆ เนตรก็เลยเอามันมาทำงานด้วย ทีแรกมันไม่ยอมมา แต่ทีนี้บ้านมันจะโดนธนาคารยึด เพราะยายเอาบ้านไปจำนองไว้แล้วขาดส่ง เนตรเลยช่วยไถ่ถอนออกมาให้ มันหมดท่าเลยต้องยอม”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง พี่ก็นึก ๆ อยู่เหมือนกันว่าทำไมบริษัทเราถึงจ้างเลขาเชยๆแบบนี้”
ชายหนุ่มถึงบางอ้อ แววตาคมดุมีประกายขำขันเมื่อนึกถึงใบหน้าแป้นแล้นกับผมหน้าม้าสั้นเต่อที่เงยขึ้นทำหน้าเหวอเมื่อตอนเจอเขาครั้งแรก
“ใช่...เพื่อนเนตรคนนี้มันเฉิ่ม”
ชายหนุ่มนึกไปถึงที่หนีบกระดาษสีชมพูอันนั้น ที่เจ้าหล่อนอุตส่าห์เอามาทำกิ๊บติดผม
“ซื่อ ๆ เซ่อ ๆ ไม่ค่อยทันคน”
เขานึกถึงส้มตำรสจัด เผ็ดจนลมออกหูจานนั้น ที่เจ้าหล่อนคิดเอามาแกล้งเขา แต่ลืมนึกไปว่าตัวเองก็ต้องกินด้วย
“แต่เวลามันโกรธนี่เอาเรื่องเหมือนกัน”
มิน่า ถึงได้แสดงละครออดอ้อนใส่นลินีสมบทบาทเสียจนอีกฝ่ายฉุนขาด ที่แท้แม่สาวเฉิ่มโบ๊ะเป็นคนหัวแข็งไม่ยอมคน!!!
“สรุปว่ามันเป็นคนดีก็แล้วกัน”
เนตรนภิสขยับแว่นสายตาหนา ๆ ของตัวเองให้เลื่อนขึ้น ก่อนชูนิ้วโป้งการันตีคำพูด
ตอนที่ 7
รักปลอม ๆ
เมื่อเพื่อนหมอของเนตรนภิสออกจากห้องคนไข้ไปแล้ว เสียงโทรศัพท์มือถือของเขมชาติก็ดังขึ้น พอกดรับสาย เสียงเข้มห้วนของท่านประธานใหญ่แห่งอิมพีเรียล กรุ๊ป มหาเศรษฐีเมืองกรุงก็ดังขึ้นทันที
“กลับมาเล่าเรื่องผู้หญิงที่แกจะแต่งงานด้วยให้ฉันฟังที่บ้านเดี๋ยวนี้”
ชายหนุ่มลดโทรศัพท์มือถือลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในบัดดล นลินีกลับไปฟ้องบิดาของเขาเข้าแล้ว หนุ่มหล่อมาดขรึมหันมาหาน้องสาวของเพื่อนรัก ปรารภเชิงปรึกษากับเธออย่างหนักใจ
“คุณพ่อทราบเรื่องหนูหิ่น... เอ่อ ช่อชบาแล้ว ท่านสั่งให้พี่กลับไปเล่าเรื่องเธอให้ท่านฟัง คงเป็นนลินีเอาเรื่องนี้ไปฟ้องท่าน”
“แล้วพี่ชาติจะเล่าว่าไง จะบอกท่านว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดเหรอคะ”
“ไม่หรอก พี่จะตามน้ำรับว่าเป็นเรื่องจริง ม่ายงั้นคุณพ่อท่านจะบีบให้พี่กลับเข้าไปอยู่ในบ้าน เข้าทางนลินีพอดี”
“นลินีต้องการอะไรถึงทำแบบนี้คะ”
แววตาหลังแว่นหนา ๆ บอกความสงสัย
“คงต้องการทรมานพี่เล่น คนอย่างเขาชอบทำตัวอยู่เหนือคนอื่น ชอบปั่นหัวคนเล่น กลบปมด้อยของตัวเองที่เป็นลูกสาวของผู้หญิงที่เคยมีอาชีพเป็นหมอนวดมาก่อน”
เขมชาติเล่าเบื้องหลังของอดีตคนรักแสนสวยให้เนตรนภิสฟัง
“ป้าพิมพลอยแม่ของนลินีเคยเป็นหมอนวดมาก่อน โชคดีที่มีนักการเมืองใหญ่รับเลี้ยงดู แต่ไม่ได้ออกหน้าออกตาว่าเป็นเมีย แล้วส่งเสียให้นลินีเรียนจนจบปริญญาตรีก่อนบินไปเรียนต่ออังกฤษ อยู่ที่โน่นเธอกุเรื่องว่าเป็นทายาทของเจ้าทางเหนือ ทำตัวฟุ้งเฟ้อด้วยเงินของพี่ มีพี่คนเดียวที่รู้ความจริงแต่ก็ยอมเธอ เพราะตอนนั้นพี่หลงรักเธอจนหน้ามืดตามัว พอเธอสลัดพี่ทิ้งมาแต่งงานกับคุณพ่อ ก็คงกลัวพี่โกรธแล้วระแวงว่าพี่จะแฉ”
สาวแว่นห่อปากทำตาโต ทึ่งในพฤติกรรมภรรยาสาวสวยสุดฮอตของมหาเศรษฐีหมื่นล้าน
“เลยคิดจะรวบหัวรวบหางทั้งพ่อทั้งลูก”
หญิงสาวอุทานออกมาอย่างอนาถใจ
“พี่ก็นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่านลินีจะร้ายกาจแบบนี้ เธอแกล้งยั่วยวนพี่หลายครั้งแต่โดนพี่ตอกหน้าเอาเจ็บ ๆ จนต้องถอยออกไป แต่ก็ยังเอาคุณพ่อมาขู่ให้พี่ยอมพูดดีด้วย เพราะรู้ว่าพ่อพี่หลงรักเธอมาก พี่จำต้องยอมเพราะกลัวคุณพ่อเสียใจ”
“แล้วพี่จะทำยังไงกับเรื่องนี้”
“ก็คงต้องขอความช่วยเหลือจากช่อชบา”
ชายหนุ่มตอบคำถามน้องสาวเพื่อนสนิทอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ก่อนขอตัวกลับไปเคลียร์ปัญหานี้กับบิดาที่บ้าน
.................................................................................................................................................................................
“ไม่ ๆ ๆ ๆๆ ไม่เด็ดขาด ฉันไม่รับงานนี้”
ช่อชบาส่ายหน้าเดียะ
“อย่าพึ่งปฏิเสธเลยนังนักเขียน เก็บเอาไปคิดก่อนดีกว่า แต่ฉันอยากบอกแกว่า ไม่ว่าแกจะรับทำหรือไม่รับทำงานพิเศษที่ฉันบอกมา แกก็ต้องทำงานกับพี่ชาติอยู่ดี แค่ไม่ได้เข้าไปนั่งในห้องเขาเท่านั้นเอง”
เนตรนภิสกล่อมเพื่อน ทอมบอยสาวเห็นใจเพื่อนรักของพี่ชาย อยากให้ช่อชบาช่วยเหลือเขา และเพื่อเพื่อนสาวคนสนิทของเธอจะได้มีรายได้เพิ่ม
สาวตาโตทำหน้าเหลือรับ เม้มปากบาง ขมวดคิ้วยุ่ง
“รู้สึกแกจะลุ้นให้ฉันทำงานนี้เหลือเกินนะ”
“ก็อย่างที่เล่าให้ฟัง แม่เลี้ยงพี่ชาตินี่เลวไม่มีที่ติยังกะนางอิจฉาในนิยายน้ำเน่า น่าสงสารพี่ชาติ”
ช่อชบาแบะปาก ทำหน้าเบื่อ ๆ ใส่เพื่อนรัก
“โอ้ย พี่ชาติแกน่าสงสารมากกกก”
หญิงสาวค้อนลมค้อนแล้งเมื่อนึกถึงใบหน้าขรึมดุกับท่าทางหยิ่งๆของผู้ชายคนนั้น
“สองคนนี่อาจจะขิงก็ราข่าก็แรงก็ได้ ใครจะไปรู้”
“เฮ้ย...”
เสียงร้องทักแหลมสูงทำเอาช่อชบาสะดุ้ง
“ตั้งแต่คบกันมาชั้นพึ่งได้ยินแกพูดมีเหตุมีผล ดูฉล๊าดฉลาดวันนี้เองว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ตากลมโตถลึงมองเพื่อน ริมฝีปากขมุบขมิบให้พร เลยโดนเนตรนภิสเย้า ดึงแก้มป่อง ๆ นั้นเล่น
“เรื่องแม่นลินีอะไรนั่น แกไม่ต้องห่วงหรอก ที่นี่มันบริษัทชั้นๆไม่ปล่อยให้ใครมารังแกเพื่อนชั้นได้ง่ายๆแน่ ว่าแต่แกตกลงใช่ไหม ชั้นจะได้โทรบอกพี่ชาติ”
“เดี่ยว...อย่าพึ่ง”
“ทำไมล่ะ แกยังกลัวอะไรอีก”
“ชั้นกลัวพี่ชาติแกนั่นแหละ”
“หืม...กลัวพี่เค้าทำไม เค้าออกหล่อ”
ช่อชบาทำหน้าผะอืดผะอมทันที
“จะอ้วก...หล่อแต่ปากเสีย...เขาต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ดุชั้นแบบไม่มีเหตุผลอีก”
“อืม..เค้าดุอะไรแก พึ่งเจอกันไม่ใช่เรอะ”
“ใช่...พึ่งเจอกัน แต่เค้าหาเรื่องชั้นหลายเรื่องแล้ว ติโน่นตินี่ ตั้งแต่ผ้าม่านสำนักงานยันกิ๊บติดผมของชั้น แล้วยังล้อชั้นเป็นหนูหิ่นอีก”
“อื้ม...แกโกรธทำไม ใคร ๆ ก็เรียกแกแบบนี้”
“คนอื่นเรียกได้แต่ห้ามเพื่อนพี่ชายแกคนนี้เรียก...ชั้นไม่ชอบ...อีกเรื่อง...อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวชั้นอีก”
“หึ หึ...ชั้นว่าข้อสุดท้ายนี่แกสบายใจได้ พี่ชาติเค้าคงไม่คิดอยากแต๊ะอั๋งแกหรอก”
สาวทอมบอยทำหน้าล้อเลียนด้วยแววตาขำๆ ช่อชบาค้อนเพื่อนสาวตาคว่ำ
“เออ ถึงชั้นไม่สวยแต่ชั้นก็ไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมาทำรุ่มร่าม คนที่จะได้ใกล้ชิดแบบเนื้อแนบเนื้อกับชั้นได้มีคนเดียวเว้ย...”
“คือพี่ใช่ไหม...”
“พี่อนุชา”
(มีต่อ)