บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าพิจิตร อีก 3-4 ร้อยคน ยังรอฉีดไฟเซอร์
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6563251
บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าพิจิตร อีก 3-4 ร้อยคน ยังรอฉีดไฟเซอร์ ส่วนผลพิสูจน์ เจ้าหน้าที่รพ.สต. ยังไม่ออก ต้องรอส่วนกลางแถลง
วันที่ 14 ส.ค.64 นพ.
วิศิษฎ์ อภิสิทธิ์วิทยาพงศ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงความคืบหน้า ผลพิสูจน์ นายรชต ปานศรี หรือหมอไร ตำแหน่งตำแหน่งเป็นเจ้าพนักงานสาธารณสุขชำนาญงาน กลุ่มงานส่งเสริมป้องกันควบคุมโรค โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ที่เสียชีวิต ที่ รพ.สต. บางคลาน เมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 ที่ผ่านมา
ขณะนี้ผลการพิสูจน์ ยังไม่ออกซึ่งคาดว่าอีก 2-3วันน่าจะรู้ว่า เสียชีวิตด้วยเหตุใด เพราะยังไม่สามารถพูดได้ ในตอนนี้ คงอยู่กับทางส่วนกลางที่แถลง
นพ.วิศิษฎ์ กล่าวอีกว่า สัปดาห์หน้า บิดาของผู้เสียชีวิต จะได้รับเงินเยียวยา จาก สปสช. จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด นอกจากนี้ยังได้รับเงินสิทธิประโยชน์ อีกจำนวนไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งพ่อขอ ผู้ตายยังรับไม่ได้ ยังบ่นว่าหากลูกชายยังไม่ตาย จะทำประโยชน์ ให้กับสังคมอีกเยอะ
นพ.
วิศิษฎ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ บุคลากรทางการแพทย์จังหวัดพิจิตร กว่า 300-400 คน ยังมีความต้องการอยากฉีดบูสเตอร์วัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 3
ในส่วนที่มีผู้เสียชีวิต วัย 83 ปี ที่ตำบลวังหลุม ในเบื้องต้นผู้เสียชีวิต มีการพบมีอาการปอดติดเชื้อ เจ้าหน้าที่จึงตรวจโควิด ซึ่งผลออกมาพบเชื้อแบบไม่ชัดเจน จึงขอทำการเผาศพทันที พร้อมทั้งเร่งตรวจหาเชื้อ กลุ่มเสี่ยง ที่ร่วมงานศพ ในครั้งนี้ พร้อมให้ทางเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ จึงทำการตรวจหาเชื้อ กับชาวบ้านที่ร่วมงานศพ ที่เกิดความกังวล กับผลการตรวจโควิดกับผู้เสียชีวิต ในครั้งนี้
นพ.
วิศิษฎ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ โควิด 19 พิจิตร วันนี้ พบว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 74 ราย แยก เป็น อำเภอโพธิ์ประทับช้าง 22 ราย อำเภอเมือง 19 ราย อำเภอตะพานหิน 14 ราย อำเภอโพทะเล 6 อำเภอ วชิรบารมี 11 อำเภอสามง่าม 1 บึงนาราง 1 มา ผลบวกมาจากพื้นที่เสียงภายนอก 61 รายบวกภายใน 13 ราย และเสียชีวิต เพิ่มอีก 2 ราย เป็น ชายวัย 68 ปี ชาวโพทะเล อาการติดเชื้อโควิดลงปอด คนที่ 2 ชาย วัย 57 เป็นคนชัยภูมิ มารักษาตัวโควิดจังหวัดพิจิตร ซึ่งมีญาติอยู่ อำเภอวังทรายพูน เชื้อโควิดลงปอดเสียชีวิตเช่นกัน
“เพื่อไทย” จี้ รัฐบาล อัดฉีดเม็ดเงิน อัดสภาพคล่อง ก่อนล็อกดาวน์เป็นน็อคดาวน์
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/154064
ดร.เผ่าภูมิ จี้ รัฐบาล อัดฉีดเม็ดเงินเดือนละ150,000 ล้าน อัดสภาพคล่อง 250,000 ล้าน ก่อนล็อกดาวน์กลายเป็นน็อคดาวน์ประเทศ
ดร.
เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการอัดฉีดเงินลงสู่ระบบเพื่อชดเชยความเสียหายจากการล็อกดาวน์ ว่า
1. รัฐบาลจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ระบบอย่างน้อยเดือนละ 150,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของความเสียหายต่อเดือนที่เกิดขึ้นจากการล็อกดาวน์ เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ที่เหลือปล่อยให้เม็ดเงินหมุนเอง
ซึ่งการอัดฉีดเงินต้องไปให้ถูกที่และถูกวัตถุประสงค์ “แรงงานในระบบ” พวกเขายังไม่ได้ตกงาน แต่ใกล้จะตกงาน รัฐจึงต้องอัดฉีดเงินผ่านนายจ้างผูกกับการจ้างงาน เพื่อรักษางานของพวกเขา ผ่านมาตรการคงการจ้างงาน สำหรับ “แรงงานนอกระบบ” กลุ่มนี้พวกเขาสูญเสียรายได้แล้ว มีปัญหาแล้ว จำเป็นต้องอัดฉีดตรงเพื่อเยียวยารายได้ที่หายไปและชดเชยกำลังซื้อ สองกลุ่มนี้แตกต่างกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอัดฉีดเงินในลักษณะที่ต่างกัน
2. มาตรการการเงิน ผ่านมา 1 ปี 4 เดือน Soft Loan สินเชื่อฟื้นฟู พักทรัพย์พักหนี้ วงเงินรวม 5 แสนล้านบาท แต่ใช้จริงราว 2.4 แสนล้าน ไม่ถึงครึ่ง ทำอะไรกันอยู่ เอกชนกำลังล้มตาย ตามด้วยแรงงานกำลังถูกปลด แต่การแก้ไขตรงนี้ช้าจนเหลือเชื่อ สภาพคล่องที่เหลืออีกกว่า 2.5 แสนล้านจำเป็นอย่างยิ่งต้องเร่งกระจายลงสู่ระบบภายใน 2-3 เดือนต่อจากนี้ให้ได้ มาตรการที่ล้มเหลวแบบพักทรัพย์พักหนี้ที่ถูกใช้เพียงราว 9,000 ล้านบาท จากวงเงิน 100,000 ล้านบาท ต้องรีบยกเลิกและปรับเป็นวงเงินสำหรับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐสำหรับการปล่อยกู้เอกชนที่เข้าไม่ถึง Soft Loan เดิมโดยเฉพาะ โดยรัฐต้องกล้ารับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และกำหนดเป็นนโยบายของภาครัฐในการเร่งระดมปล่อยสินเชื่อ
3. ภาคการส่งออกเหมือนไข่แดงที่ต้องประคองเอาไว้ เหมือนขอนไม้ชิ้นสุดท้ายที่ต้องเกาะเพื่อไม่ให้จมน้ำ แต่ตอนนี้ถูกกระทบหนักจากการติดเชื้อในโรงงานเป็นคลัสเตอร์ใหม่ทุกวัน จนการผลิตต้องหยุด โรงงานต้องปิด สาเหตุจากการฉีดวัคซีนให้กับแรงงานในระบบอยู่ในระดับต่ำมาก ไม่ถึง 10% ตรงนี้อันตราย รัฐบาลต้องเพิ่ม “กลุ่มแรงงาน” เป็น “เป้าหมายเร่งด่วน” ในการได้รับวัคซีน เพราะติดเชื้อกันมาก ระบาดเร็วเพราะทำงานใกล้ชิดกัน และกระทบต่อการส่งออกที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงทั้งหมดนี้ต้องรีบทำก่อนล็อกดาวน์จะกลายเป็นการน็อคดาวน์เศรษฐกิจประเทศ
'ก้าวไกล' จี้รัฐ เร่งช่วยเกษตรกร ชี้มาตรการล็อกดาวน์ทำไฟลามทุ่ง ซ้ำเติมราคาพืชผล
https://www.matichon.co.th/politics/news_2884397
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 สิงหาคม ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก.ก. แถลงถึงกรณีสินค้าราคาเกษตรตกต่ำท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบ และความเสียหายอย่างรุนแรงต่อภาคการเกษตร ทำให้พี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศประเทศได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะราคาพืชผลทางการเกษตรที่วันนี้เข้าขั้นวิกฤต ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมามีรายงานว่าสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะราคาข้าวหอม ร่วงต่อเนื่องจากตันละ 18,800 บาท ปัจจุบันราคาลดลงต่ำกว่า 10,000 บาทต่อตัน
ทั้งนี้ ส.ส.ของพรรคในภาคอีสานทำสรุปรายงานเรื่องนี้ เพื่อให้หน่วยงานที่กี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นราคาข้าวเหนียว ที่เดิมตันละ 9,800 บาท แต่พอมาหน้าโรงสีเหลือเพียง กก.ละ 5-6 บาท เช่นเดียวกับผลไม้ เช่น มังคุด ที่ราคาช่วงต้นเดือนกรกฎาคม กก.ละ 36 บาท ปัจจุบันเหลือ กก.ละ 10 บาท เงาะโรงเรียน ราคาช่วงเดือนกรกฎาคม กก.ละ 23 บาท ปัจจุบันเหลือ กก.ละ 10 บาท มะพร้าวลูกใหญ่จากเดิมลูกละ 10.4 บาท ปัจจุบันเหลือลูกละ 8.4 บาท
“นี่คือสถานการณ์วิกฤตราคาพืชผลที่เป็นรายได้หลักหาเลี้ยงครอบครัวของสังคมไทย ซึ่งพบว่าสาเหตุที่ทำให้ราคาพืชผลตกต่ำเกี่ยวพันกับมาตรล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้ม ที่มีร้านค้าขายส่ง ขายปลีก ที่กระจายสินค้าไปยังประชาชนจำนวนมาก มาตรการล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้มที่ต่อเนื่องยาวนาน แต่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นกลับซ้ำเติมวิกฤตทางเศรษฐกิจ ซึ่งวิกฤตครั้งนี้ทำให้เราได้เห็นศักยภาพของผู้นำที่ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เลย ได้รู้ถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำที่บริหารประเทศมาเป็นเวลา 7 ปี ว่าที่ผ่านมาโชคช่วยล้วนๆ
“เกษตรกรรับผลกระทบทุกครั้ง และไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอะไร เกษตรกรไม่เคยได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที ทุกหน่วยงานอ้างสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปเหลียวแล การที่รัฐปล่อยผ่านไปแบบนี้ จะเกิดเหตุการณ์ไฟลามทุ่งไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆ ได้เลย อาจจะทำให้เกิดความสูญเสีย ไม่ว่าจะเกิดแก่ทรัพย์สิน หรือชีวิตกับพี่น้องเกษตรกร โดยที่รัฐบาลได้แต่นั่งรับรายงานอัตราผู้เสียชีวิตจากวิกฤตเศรษฐกิจอย่างนั้นหรือ พรรค ก.ก.จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลที่วันนี้ไม่บริหารจัดการอะไรเลย เปรียบเหมือนไม่มีนายกรัฐมนตรี ไม่มีรัฐมนตรีที่คอยดูแลประชาชน ว่าขอให้เร่งดำเนินการแก้ปัญหาโดยด่วน เพื่อให้เกษตรกรผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ท่ามหลางวิกฤตโควิด-19” นาย
ณัฐชากล่าว
JJNY : 4in1 ด่านหน้าพิจิตร 3-4ร้อยคนยังรอฉีดไฟเซอร์│“เพื่อไทย”จี้อัดสภาพคล่อง│'ก้าวไกล'จี้เร่งช่วยเกษตรกร│จับตาตัวเลขศก.
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6563251
บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าพิจิตร อีก 3-4 ร้อยคน ยังรอฉีดไฟเซอร์ ส่วนผลพิสูจน์ เจ้าหน้าที่รพ.สต. ยังไม่ออก ต้องรอส่วนกลางแถลง
วันที่ 14 ส.ค.64 นพ.วิศิษฎ์ อภิสิทธิ์วิทยาพงศ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงความคืบหน้า ผลพิสูจน์ นายรชต ปานศรี หรือหมอไร ตำแหน่งตำแหน่งเป็นเจ้าพนักงานสาธารณสุขชำนาญงาน กลุ่มงานส่งเสริมป้องกันควบคุมโรค โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ที่เสียชีวิต ที่ รพ.สต. บางคลาน เมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 ที่ผ่านมา
ขณะนี้ผลการพิสูจน์ ยังไม่ออกซึ่งคาดว่าอีก 2-3วันน่าจะรู้ว่า เสียชีวิตด้วยเหตุใด เพราะยังไม่สามารถพูดได้ ในตอนนี้ คงอยู่กับทางส่วนกลางที่แถลง
นพ.วิศิษฎ์ กล่าวอีกว่า สัปดาห์หน้า บิดาของผู้เสียชีวิต จะได้รับเงินเยียวยา จาก สปสช. จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด นอกจากนี้ยังได้รับเงินสิทธิประโยชน์ อีกจำนวนไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งพ่อขอ ผู้ตายยังรับไม่ได้ ยังบ่นว่าหากลูกชายยังไม่ตาย จะทำประโยชน์ ให้กับสังคมอีกเยอะ
นพ.วิศิษฎ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ บุคลากรทางการแพทย์จังหวัดพิจิตร กว่า 300-400 คน ยังมีความต้องการอยากฉีดบูสเตอร์วัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 3
ในส่วนที่มีผู้เสียชีวิต วัย 83 ปี ที่ตำบลวังหลุม ในเบื้องต้นผู้เสียชีวิต มีการพบมีอาการปอดติดเชื้อ เจ้าหน้าที่จึงตรวจโควิด ซึ่งผลออกมาพบเชื้อแบบไม่ชัดเจน จึงขอทำการเผาศพทันที พร้อมทั้งเร่งตรวจหาเชื้อ กลุ่มเสี่ยง ที่ร่วมงานศพ ในครั้งนี้ พร้อมให้ทางเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ จึงทำการตรวจหาเชื้อ กับชาวบ้านที่ร่วมงานศพ ที่เกิดความกังวล กับผลการตรวจโควิดกับผู้เสียชีวิต ในครั้งนี้
นพ.วิศิษฎ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ โควิด 19 พิจิตร วันนี้ พบว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 74 ราย แยก เป็น อำเภอโพธิ์ประทับช้าง 22 ราย อำเภอเมือง 19 ราย อำเภอตะพานหิน 14 ราย อำเภอโพทะเล 6 อำเภอ วชิรบารมี 11 อำเภอสามง่าม 1 บึงนาราง 1 มา ผลบวกมาจากพื้นที่เสียงภายนอก 61 รายบวกภายใน 13 ราย และเสียชีวิต เพิ่มอีก 2 ราย เป็น ชายวัย 68 ปี ชาวโพทะเล อาการติดเชื้อโควิดลงปอด คนที่ 2 ชาย วัย 57 เป็นคนชัยภูมิ มารักษาตัวโควิดจังหวัดพิจิตร ซึ่งมีญาติอยู่ อำเภอวังทรายพูน เชื้อโควิดลงปอดเสียชีวิตเช่นกัน
“เพื่อไทย” จี้ รัฐบาล อัดฉีดเม็ดเงิน อัดสภาพคล่อง ก่อนล็อกดาวน์เป็นน็อคดาวน์
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/154064
ดร.เผ่าภูมิ จี้ รัฐบาล อัดฉีดเม็ดเงินเดือนละ150,000 ล้าน อัดสภาพคล่อง 250,000 ล้าน ก่อนล็อกดาวน์กลายเป็นน็อคดาวน์ประเทศ
ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการอัดฉีดเงินลงสู่ระบบเพื่อชดเชยความเสียหายจากการล็อกดาวน์ ว่า
1. รัฐบาลจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ระบบอย่างน้อยเดือนละ 150,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของความเสียหายต่อเดือนที่เกิดขึ้นจากการล็อกดาวน์ เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ที่เหลือปล่อยให้เม็ดเงินหมุนเอง
ซึ่งการอัดฉีดเงินต้องไปให้ถูกที่และถูกวัตถุประสงค์ “แรงงานในระบบ” พวกเขายังไม่ได้ตกงาน แต่ใกล้จะตกงาน รัฐจึงต้องอัดฉีดเงินผ่านนายจ้างผูกกับการจ้างงาน เพื่อรักษางานของพวกเขา ผ่านมาตรการคงการจ้างงาน สำหรับ “แรงงานนอกระบบ” กลุ่มนี้พวกเขาสูญเสียรายได้แล้ว มีปัญหาแล้ว จำเป็นต้องอัดฉีดตรงเพื่อเยียวยารายได้ที่หายไปและชดเชยกำลังซื้อ สองกลุ่มนี้แตกต่างกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอัดฉีดเงินในลักษณะที่ต่างกัน
2. มาตรการการเงิน ผ่านมา 1 ปี 4 เดือน Soft Loan สินเชื่อฟื้นฟู พักทรัพย์พักหนี้ วงเงินรวม 5 แสนล้านบาท แต่ใช้จริงราว 2.4 แสนล้าน ไม่ถึงครึ่ง ทำอะไรกันอยู่ เอกชนกำลังล้มตาย ตามด้วยแรงงานกำลังถูกปลด แต่การแก้ไขตรงนี้ช้าจนเหลือเชื่อ สภาพคล่องที่เหลืออีกกว่า 2.5 แสนล้านจำเป็นอย่างยิ่งต้องเร่งกระจายลงสู่ระบบภายใน 2-3 เดือนต่อจากนี้ให้ได้ มาตรการที่ล้มเหลวแบบพักทรัพย์พักหนี้ที่ถูกใช้เพียงราว 9,000 ล้านบาท จากวงเงิน 100,000 ล้านบาท ต้องรีบยกเลิกและปรับเป็นวงเงินสำหรับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐสำหรับการปล่อยกู้เอกชนที่เข้าไม่ถึง Soft Loan เดิมโดยเฉพาะ โดยรัฐต้องกล้ารับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และกำหนดเป็นนโยบายของภาครัฐในการเร่งระดมปล่อยสินเชื่อ
3. ภาคการส่งออกเหมือนไข่แดงที่ต้องประคองเอาไว้ เหมือนขอนไม้ชิ้นสุดท้ายที่ต้องเกาะเพื่อไม่ให้จมน้ำ แต่ตอนนี้ถูกกระทบหนักจากการติดเชื้อในโรงงานเป็นคลัสเตอร์ใหม่ทุกวัน จนการผลิตต้องหยุด โรงงานต้องปิด สาเหตุจากการฉีดวัคซีนให้กับแรงงานในระบบอยู่ในระดับต่ำมาก ไม่ถึง 10% ตรงนี้อันตราย รัฐบาลต้องเพิ่ม “กลุ่มแรงงาน” เป็น “เป้าหมายเร่งด่วน” ในการได้รับวัคซีน เพราะติดเชื้อกันมาก ระบาดเร็วเพราะทำงานใกล้ชิดกัน และกระทบต่อการส่งออกที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงทั้งหมดนี้ต้องรีบทำก่อนล็อกดาวน์จะกลายเป็นการน็อคดาวน์เศรษฐกิจประเทศ
'ก้าวไกล' จี้รัฐ เร่งช่วยเกษตรกร ชี้มาตรการล็อกดาวน์ทำไฟลามทุ่ง ซ้ำเติมราคาพืชผล
https://www.matichon.co.th/politics/news_2884397
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 สิงหาคม ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก.ก. แถลงถึงกรณีสินค้าราคาเกษตรตกต่ำท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบ และความเสียหายอย่างรุนแรงต่อภาคการเกษตร ทำให้พี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศประเทศได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะราคาพืชผลทางการเกษตรที่วันนี้เข้าขั้นวิกฤต ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมามีรายงานว่าสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะราคาข้าวหอม ร่วงต่อเนื่องจากตันละ 18,800 บาท ปัจจุบันราคาลดลงต่ำกว่า 10,000 บาทต่อตัน
ทั้งนี้ ส.ส.ของพรรคในภาคอีสานทำสรุปรายงานเรื่องนี้ เพื่อให้หน่วยงานที่กี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นราคาข้าวเหนียว ที่เดิมตันละ 9,800 บาท แต่พอมาหน้าโรงสีเหลือเพียง กก.ละ 5-6 บาท เช่นเดียวกับผลไม้ เช่น มังคุด ที่ราคาช่วงต้นเดือนกรกฎาคม กก.ละ 36 บาท ปัจจุบันเหลือ กก.ละ 10 บาท เงาะโรงเรียน ราคาช่วงเดือนกรกฎาคม กก.ละ 23 บาท ปัจจุบันเหลือ กก.ละ 10 บาท มะพร้าวลูกใหญ่จากเดิมลูกละ 10.4 บาท ปัจจุบันเหลือลูกละ 8.4 บาท
“นี่คือสถานการณ์วิกฤตราคาพืชผลที่เป็นรายได้หลักหาเลี้ยงครอบครัวของสังคมไทย ซึ่งพบว่าสาเหตุที่ทำให้ราคาพืชผลตกต่ำเกี่ยวพันกับมาตรล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้ม ที่มีร้านค้าขายส่ง ขายปลีก ที่กระจายสินค้าไปยังประชาชนจำนวนมาก มาตรการล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้มที่ต่อเนื่องยาวนาน แต่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นกลับซ้ำเติมวิกฤตทางเศรษฐกิจ ซึ่งวิกฤตครั้งนี้ทำให้เราได้เห็นศักยภาพของผู้นำที่ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เลย ได้รู้ถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำที่บริหารประเทศมาเป็นเวลา 7 ปี ว่าที่ผ่านมาโชคช่วยล้วนๆ
“เกษตรกรรับผลกระทบทุกครั้ง และไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอะไร เกษตรกรไม่เคยได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที ทุกหน่วยงานอ้างสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปเหลียวแล การที่รัฐปล่อยผ่านไปแบบนี้ จะเกิดเหตุการณ์ไฟลามทุ่งไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆ ได้เลย อาจจะทำให้เกิดความสูญเสีย ไม่ว่าจะเกิดแก่ทรัพย์สิน หรือชีวิตกับพี่น้องเกษตรกร โดยที่รัฐบาลได้แต่นั่งรับรายงานอัตราผู้เสียชีวิตจากวิกฤตเศรษฐกิจอย่างนั้นหรือ พรรค ก.ก.จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลที่วันนี้ไม่บริหารจัดการอะไรเลย เปรียบเหมือนไม่มีนายกรัฐมนตรี ไม่มีรัฐมนตรีที่คอยดูแลประชาชน ว่าขอให้เร่งดำเนินการแก้ปัญหาโดยด่วน เพื่อให้เกษตรกรผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ท่ามหลางวิกฤตโควิด-19” นายณัฐชากล่าว