JJNY : 5in1 ณัฐพงษ์ลงพื้นที่│ส.ว.ชงเรื่อง‘พลทหารศิริวัฒน์’│สภาเตรียมถกรายงาน│มาเลเซียจ่อเป็นชาติรายได้สูง│เงินฝืดจีนพุ่ง

ณัฐพงษ์ลงพื้นที่เชียงรายและเชียงใหม่ พร้อมข้อเสนอ 3 ข้อให้รัฐบาลเตรียมการป้องกันและฟื้นฟูเหตุอุทกภัย
https://thestandard.co/natthaphong-ruengpanyawut-12102024/

 
วานนี้ (12 ตุลาคม) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย และอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสำรวจความเสียหายจากเหตุอุทกภัย พร้อมทั้งติดตามแผนฟื้นฟูและมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
 
ช่วงเช้า ณัฐพงษ์พร้อมด้วย ชิตวัน ชินอนุวัฒน์ สส. จังหวัดเชียงราย พรรคประชาชน และ เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต ร่วมประชุมหารือกับส่วนราชการของจังหวัดเชียงรายหลายหน่วยงาน รวมถึงสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ได้รับรายงานความเสียหายกว่า 6,000 ล้านบาท รวมถึงปัญหาอื่นๆ เช่น การแจ้งเตือนภัยพิบัติของจังหวัดยังขาดการจัดเก็บข้อมูลตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำอย่างเป็นระบบและแม่นยำ ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถอพยพได้ทันเวลาก่อนมวลน้ำจะมาถึงเขตชุมชน
 
จากนั้นช่วงบ่ายณัฐพงษ์เดินทางต่อไปยังอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ พบประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และสำรวจความเสียหายของพนังกั้นน้ำและฝายร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมชลประทาน และผู้นำชุมชน รวมถึงผู้แทนพรรคประชาชนในพื้นที่ ได้แก่ สมดุลย์ อุตเจริญ และ ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส. จังหวัดเชียงใหม่ พรรคประชาชน
 
ณัฐพงษ์ระบุว่า จากการลงพื้นที่พบปัญหาใหญ่ๆ เช่น ฝายน้ำอาย มีการออกแบบเป็นประตูระบายน้ำแบบเปิดด้านล่าง ไม่สามารถระบายน้ำลงสู่ลำน้ำแม่อายได้ทันกับปริมาณที่หลากมาจากต้นน้ำ ทำให้น้ำ ทราย และโคลนทะลักเข้าบ้านเรือนประชาชนในเทศบาลตำบลแม่อายเสียหายจำนวนมาก จนต้องรื้อประตูฝายเพื่อลดระดับน้ำ ปัจจุบันจึงไม่สามารถส่งน้ำเข้าสู่พื้นที่การเกษตรได้ แนวทางแก้ไขเร่งด่วนคือการออกแบบใหม่ให้เป็นรูปแบบฝายน้ำล้นที่สามารถระบายน้ำได้ดีกว่า พร้อมทั้งต้องขุดลอกทรายที่ตกค้างในลำน้ำจำนวนมาก จำเป็นต้องประสานการจัดสรรงบประมาณเพื่อบูรณะใหม่โดยเร็ว
ณัฐพงษ์มีข้อเสนอเพิ่มเติมถึงรัฐบาลเพื่อเร่งฟื้นฟูในช่วงหลังระดับน้ำลดลง ดังนี้
 
1. รัฐบาลต้องเร่งจัดทำแผนรับมือน้ำท่วมโดยมองภาพใหญ่ระยะยาว ทั้งก่อนท่วม ระหว่างท่วม หลังท่วม เพื่อป้องกันเหตุและให้ประชาชนได้รับผลกระทบอยที่สุด โดยเฉพาะระบบเตือนภัยต้องพัฒนาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้องและเร็วที่สุดก่อนจะเกิดความเสียหาย มีเวลาในการอพยพกลุ่มคนเปราะบางและประชาชนทั่วไปได้ทัน
 
2. จัดระดมความเห็นร่วมกันเพื่อออกแบบให้ลำน้ำกกสามารถระบายน้ำได้ 1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นปริมาณน้ำสูงสุดของลำน้ำกก ขณะเดียวกันต้องรักษาระดับน้ำกักเก็บเดิมในแม่น้ำกกให้สอดคล้องกับการผลิตน้ำประปาและการชลประทาน รวมถึงต้องแก้ปัญหาการรุกล้ำและกีดขวางทางน้ำริมน้ำกกด้วย
 
3. เร่งฟื้นฟูสุขภาพ ทั้งสุขภาพจิตของประชาชนในระยะสั้นและระยะยาว ฟื้นฟูระบบน้ำประปาให้สามารถใช้ในการดำรงชีพในครัวเรือนได้อย่างปลอดภัย รวมถึงแก้ปัญหาเรื่องฝุ่นที่เกิดจากโคลนแห้ง ที่กำลังส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะอำเภอแม่สายในขณะนี้
 
ณัฐพงษ์กล่าวว่า จะนำปัญหาและอุปสรรคที่พบจากการสำรวจหน้างานในวันนี้ ประสานหน่วยงานระดับพื้นที่กับหน่วยงานส่วนกลางเพื่อหาทางออก เช่น การขอตั้งงบประมาณเพื่อซ่อมบำรุงประตูน้ำแม่อาย ตามกระบวนการจำเป็นต้องตัดจำหน่ายประตูน้ำแม่อายเป็นพัสดุสิ้นสภาพก่อน จึงจะตั้งงบใหม่มาสร้างแทนของเดิม หรือซ่อมบำรุงได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าขั้นตอนการตัดจำหน่ายเป็นงานของใคร ระหว่างจังหวัดกับท้องถิ่น ทำให้กระบวนการไม่สามารถเดินหน้าได้ นอกจากนี้ตนพร้อมใช้กลไกของผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรเร่งรัดติดตามประเด็นปัญหาอื่นๆ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนและการฟื้นฟูพื้นที่ดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด
 


ส.ว.ชงเรื่อง ‘พลทหารศิริวัฒน์’ ดับในค่าย เข้า กมธ. 16 ต.ค. ลั่นทัพเรือต้องคืนความเป็นธรรม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4844056

กมธ.ทหาร วุฒิสภา พบครอบครัว ‘พลทหารศิริวัฒน์’ ส.ว.ขอกองทัพให้เป็นเรื่องสุดท้าย วันที่ 16 ต.ค.นำเข้า กมธ.พิจารณา สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง กองทัพต้องเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต
 
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ตุลาคม ที่ ต.ระวะ อ.ระโนด จ.สงขลา นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล เลขานุการคณะกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ สมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา ได้รับมอบหมายจาก กมธ. โดยมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ประธานกรรมาธิการ ให้เข้าพบครอบครัวของ พลทหารศิริวัฒน์ ทหารกองประจำการ สังกัด กองพันสารวัตรทหารเรือที่ 3 กรมสารวัตรทหารเรือ เสียชีวิตในค่าย โดยมีนางกาญจนา มารดาพลทหารศิริวัฒน์ พี่สาว และนายสมใจ ศรีสงค์ นายก อบต.ระวะ ให้การต้อนรับและให้ข้อมูล
 
นายไชยยงค์กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก กมธ.เพื่อแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ทราบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ได้รับการบอกเล่าจากเพื่อน ทั้งนี้ ต้องการรับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อจะดำเนินการพูดคุยทำความเข้าใจกับกองทัพ อย่างกรณีนี้ควรให้เป็นเรื่องสุดท้าย ไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้ว กระบวนการฝึกทหารเกณฑ์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกชาวบ้าน และผู้เสียชีวิตสมัครเข้ามารับใช้ชาติ เขามีความเสียสละรับใช้ชาติด้วย เรื่องนี้ ส.ว.และ ส.ส.ให้ความสนใจเข้ามาดำเนินการแก้ปัญหา
 
ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดจนทำให้เสียชีวิต เกิดจากถูกปฏิบัติไม่ถูกต้อง ถูกซ้อม หรือทรมานจนเสียชีวิต กองทัพเรือต้องคืนความเป็นธรรม ต้องมีการเยียวยา และผู้กระทำที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินการทางอาญา กองทัพและกระทรวงกลาโหมจะต้องแก้ปัญหา อย่าให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นในอนาคต” นายไชยยงค์กล่าว
 
นายไชยยงค์กล่าวต่อว่า จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะ กมธ.ทหาร วันที่ 16 ตุลาคม และจะทำหนังสือถึงหน่วยเหนือเพื่อให้เข้ามาชี้แจงตามกระบวนการสืบสวนสอบสวน เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง ให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่าย
 
นางกาญจนากล่าวว่า ครอบครัวขอความเป็นธรรมให้กับพลทหารศิริวัฒน์ที่เสียสละด้วยการสมัครเข้าเป็นทหารเกณฑ์เพื่อรับใช้ชาติ แต่มาถูกกระทำจนเสียชีวิต ครอบครัวรับไม่ได้ หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานราชการ องค์กรอิสระ สมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะจากเพื่อนของผู้เสียชีวิตเล่าให้ฟังและตรวจสภาพร่างกายแล้วเชื่อได้ว่าไม่ใช่การเสียชีวิตเอง



สภาเตรียมถกรายงานนิรโทษกรรม 17 ต.ค.นี้ ปธ.วิปฝ่ายค้านยัน พท.ไม่เลื่อนแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4844078

สัปดาห์นี้! สภาเตรียมถก ‘รายงานแนวทางการตรา กม.นิรโทษกรรม’ พรรคประชาชนบอก ‘เพื่อไทย’ ไม่เลื่อนแล้ว
 
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเว็บไซต์สภาผู้แทนราษฎรเผยแพร่ระเบียบวาระการประชุม ในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ โดยมีวาระเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว คือรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ซึ่ง กมธ.วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยค้างมาจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ตัวแทน กมธ.ของพรรค ปชน.ยืนยันว่าทางพรรคเพื่อไทย (พท.) จะเอาเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์นี้ คือวันที่ 17 ตุลาคม โดยจะไม่เลื่อนแล้ว
 
นายปกรณ์วุฒิกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่จะมีการพิจารณาในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ เป็นเพียงรายงานเกี่ยวกับแนวทางในการร่างกฎหมายเท่านั้น ซึ่งในรายงานก็มีหลายแนวทาง ไม่ใช่เป็นการฟันธง ส่วนร่างกฎหมายจริงๆ คิดว่าน่าจะเข้าสมัยประชุมหน้า ทั้งนี้ หากในรายงานไม่มีใครเห็นเป็นอย่างอื่น ก็สามารถใช้ข้อบังคับที่ระบุว่าไม่ต้องลงมติได้
 
เมื่อถามว่า ในรายงานทาง กมธ.ในส่วนของพรรค ปชน.เดิม ก็ระบุว่าควรนิรโทรษกรรมในประมวลความผิดอาญา มาตรา 112 ด้วย ซึ่งจะเห็นต่างจากซีกของพรรครัฐบาล ที่อย่างไรก็จะไม่รวมความผิดในมาตรานี้เลย นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า คิดว่านี่เป็นประตูบานแรกว่า กมธ.ศึกษามาอย่างไร และมาตรา 112 มีคดีแบบใดบ้าง สิ่งที่เรายืนยันมาตลอดคือไม่ใช่ว่าจะนิรโทษกรรม หรือไม่นิรโทษกรรมมาตรา 112 หรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าแรงจูงใจในการกระทำผิดนั้นเป็นแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน
 
เมื่อถามว่า หากในส่วนนี้ยังเห็นไม่ตรงกันจะต้องมีการลงมติหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ในส่วนนี้จะเป็นเรื่องตอนที่ร่าง พ.ร.บ.เข้าสู่ที่ประชุมสภาแล้ว แต่นี่เป็นเพียงแค่ในส่วนของรายงาน ซึ่งในรายงานจะไม่มีเฉพาะว่าจะต้องนิรโทษกรรมมาตรา 112 แต่จะมีแนวทางที่ 1 แนวทางที่ 2 หรือแนวทางที่ 3 หรือแนวทางใดบ้าง



มาเลเซีย จ่อเป็นชาติรายได้สูง ในอีก 4 ปี เผย ก่อนโควิด19 เศรษฐกิจ เติบโตถึง 12%
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4844351

ธนาคารโลก ชี้ มาเลเซีย จ่อเป็นชาติรายได้สูง ในอีก 4 ปี ชี้ ก่อนโควิด19 เศรษฐกิจ เติบโต ถึง12%
 
เว็บไซต์ Aljazeera รายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารโลก เผยว่า มาเลเซียสามารถเป็นประเทศรายได้สูง อย่างเร็วสุดในปี 2028 ท่ามกลางเศรษฐกิจที่เติบโตเกินคาดและเงินบาทที่กำลังแข็งแรงขึ้น
 
อาเพอร์วา ซังกี นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก ประจำประเทศมาเลเซีย เผยว่า มาเลเซียกำลังไปได้สวย หลังจากเวิลด์แบงก์ปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีให้มาเลเซียในปี 2024 จาก 4.3% ไปเป็น 4.9% หากเทียบในปี 2022 นั้นเติบโตเพียง 3.7%
 
การเติบโตที่สูงขึ้นนั้น หมายความว่า มาตรฐานการใช้ชีวิตจะดีขึ้นด้วย ซึ่งควบคู่ไปกับค่าเงินริงกิตที่แข็งค่าขึ้น ทำให้การอยู่ในสถานะรายได้สูงนั้น “ไม่ไกลเกินเอื้อม
 
ในปีนี้เศรษฐกิจมาเลเซียเติบโต 12% ซึ่งมากกว่าช่วงก่อนสถานการณ์โควิด19  และยังสูงกว่าทุกประเทศในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ยกเว้นสิงคโปร์ ดังนั้น มาเลเซียสามารถเป็นชาติรายได้สูง ได้เร็วสุดในปี 2028 หากมีการปฏิรูปอย่างต่อเนื่อง
 
นอกจากนี้ อาเพอร์วา ยังเรียกร้องให้รัฐบาลมุ่งเน้นการปฎิรูปอย่างจริงจังในเรื่อง การยกเลิกมาตรการอุดหนุนราคาพลังงาน และแก้ปัญหาการทำงานที่ต่ำกว่าความสามารถที่ทำได้ นับเป็นราว2ล้านคนในมาเลเซียซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาประสบการณ์ที่สูงเกินไป
 
อาเพอร์วา กล่าวสรุปว่า เศรษฐกิจประเทศตอนนี้อยู่ในเกณฑ์ดี  แต่จะดีกว่านี้ หากเราจัดการกับปัญหาการจ้างงานที่มีผลต่อจิตใจ และขวัญกำลังใจของคนหนุ่มสาวมาเลเซีย
 
ทั้งนี้ ธนาคารโลกยังกำหนดสถานะประเทศรายได้สูงเอาไว้ว่า จะต้องมีรายได้มวลรวมประชาชาติต่อหัวประชากร (GNI per Capita)ไม่ต่ำกว่า 14,005 ดอลลาร์ (ราว 4.6 แสนบาท) ต่อคนต่อปี
 
สำหรับสิงคโปร์ เป็นประเทศเดียวในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนที่เป็นประเทศรายได้สูง ส่วนประเทศไทยยังอยู่ในสถานะประเทศรายได้ปานกลางระดับสูงมาตั้งแต่ปี 2554
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่