EP.0 รายละเอียดของทริปทั้งหมด :
https://ppantip.com/topic/37261427
EP.1 เริ่มต้นประเทศแรก...จีน :
https://ppantip.com/topic/38053618
EP.2 มองโกเลีย...ดินแดนเจงกีสข่าน :
https://ppantip.com/topic/38470734
EP.3 ดินแดนหลังม่านเหล็ก...รัสเซีย :
https://ppantip.com/topic/38533158
EP.4 ฟินแลนด์...ธิดาแห่งทะเลบอลติค :
https://ppantip.com/topic/39619926
EP.5 เอสโตเนีย...ตามรอยเมืองเก่าในยุคกลางที่ทาลลินน์ :
https://ppantip.com/topic/39658872
EP.6 ลัตเวีย...เยือนริกา เมืองแห่งสถาปัตยกรรม :
https://ppantip.com/topic/39697022
EP.7 ลิทัวเนีย...ดินแดนทะเลสาบและปราสาทเก่า :
https://ppantip.com/topic/39850942
EP.8 โปแลนด์...ดินแดนประวัติศาสตร์สงคราม :
https://ppantip.com/topic/40488168
EP.9 สาธารณรัฐเช็ก...เมืองโรแมนติคแห่งยุโรปตะวันออก :
https://ppantip.com/topic/40546715
EP.10 ออสเตรีย...ดินแดนแห่งขุนเขา :
https://ppantip.com/topic/40638786
EP.11 สโลวาเกีย...เมืองแห่งมรดกโลก :
https://ppantip.com/topic/40659219
EP.12 ฮังการี...ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ :
https://ppantip.com/topic/40672729
EP.13 สโลวีเนีย...ดินแดนดั่งเทพนิยาย :
https://ppantip.com/topic/40714757
EP.14 โครเอเชีย ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวแห่งทะเลเอเดรียติก :
https://ppantip.com/topic/40811429
EP.16 มอนเตเนโกร...ดินแดนแห่งภูเขาสีดำ :
https://ppantip.com/topic/40913895
EP.17 โคโซโว...ประเทศน้องใหม่ของยุโรป :
https://ppantip.com/topic/40964628
EP.18 มาซิโดเนียเหนือ...เมืองแห่งป้อมปราการ :
https://ppantip.com/topic/41050626
EP.19 แอลเบเนีย...ดินแดนแห่งวัฒนธรรมที่หลากหลาย :
https://ppantip.com/topic/41080966
EP.20 กรีซ...แหล่งอารยธรรมตะวันตกอันยิ่งใหญ่ :
https://ppantip.com/topic/41156390
พูดคุยเพิ่มเติมได้ที่...
Facebook page :
https://www.facebook.com/Mytravelholicdiary/
Instagram :
https://www.instagram.com/my_travelholic_diary/
Day 45 M o s t a r - B o s n i a A n d H e r z e g o v i n a
เราข้ามแดนเข้าประเทศที่ 15 ของทริปนี้ตั้งแต่เมื่อคืน จาก Dubrovnik ประเทศโครเอเชีย นั่งรถรอบ 4 โมงเย็นมาถึงเมือง Mostar ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ตอน 2 ทุ่มนิดๆ เดินอีก 1 กม.ก็ถึงโฮสเทลที่จองไว้ใจกลางเมืองเก่า เก็บกระเป๋าเสร็จก็ออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศตอนกลางคืนค่ะ
ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เป็นประเทศทางตะวันออกเฉียงใต้ในยุโรปที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรบอลข่าน เดิมเป็นหนึ่งในหกสาธารณรัฐของอดีตยูโกสลาเวีย มีพรมแดนติดกับโครเอเชียทางทิศเหนือและทิศตะวันตก เซอร์เบียทางทิศตะวันออก และมอนเตเนโกรทางตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา สามารถเข้าถึงชายฝั่งทะเลเอเดรียติกทางตอนใต้ได้ที่เมือง Neum
สงครามบอสเนีย เป็นสงครามความขัดแย้งชาติพันธุ์ของกลุ่มคนสามเชื้อชาติคือชาว Croats ที่เป็นคาทอลิก ชาว Serbs ที่นับถือนิกายออร์ทอดอกซ์ และชาว Bosniaks ซึ่งเป็นมุสลิมในบอสเนียที่มีพื้นหลังมายาวนาน จนสงครามกลางเมืองปะทุขึ้นในวันที่ 6 เมษายน 1992 เมื่อกองกำลังบอสเนีย Serbs ของกองทัพยูโกสลาเวียเริ่มโจมตีกรุง Sarajevo หลังชาว Serbs ก่อจลาจลเพื่อแยกตัวเป็นอิสระ ในขณะเดียวกันชาว Croats ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในบอสเนียประกาศคว่ำบาตร และยืนยันจะถอนตัวเป็นอิสระเช่นเดียวกัน ในช่วงสัปดาห์เดียวบอสเนียเกือบทั้งประเทศจึงกลายเป็นทะเลเพลิง
สงครามขยายวงกว้างและถูกระบุว่าเป็นสงครามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยกองทัพชาว Serbs ได้สังหารหมู่ชาว Bosniaks แม้ว่าสหประชาชาติหรือกองกำลังทหารนานาชาติจะพยายามเป็นตัวกลางยุติสงคราม แต่ความรุนแรงก็ได้ขยายตัวไปยังเมืองอื่นๆ ด้วยเช่น Tuzla Mostar และ Srebrenica สงครามกินระยะถึง 3ปีกว่า จากนั้นจึงมีการตกลงเจรจาระหว่างตัวแทนบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา โครเอเชีย และสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย และเซ็น ‘ข้อตกลงเดย์ตัน’ ขึ้นที่เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายนปี 1995 ผลของการเจรจาทำให้บอสเนียฯ ถูกแบ่งเขตการบริหารทางการเมืองใหม่ออกเป็นสองส่วนตามการคุมอำนาจของชาติพันธุ์ทั้งสามกลุ่ม คือเขตแรก ‘สหพันธรัฐบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา’ (Federation of Bosnia and Herzegovina) ที่มีมุสลิม Bosniaks และ Croats คุมการบริหารหลัก เขตที่สองคือ ‘สาธารณรัฐเซิร์บ’ (Serb Republic / Republika Srpska) เขตการควบคุมของชาวเซิร์บ
จากสงครามบอสเนีย เดิมคาดว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 200,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิม และมีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 2,000,000 คนในช่วงสงครามปี 1992-1995
Mostar เป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบจากสงครามบอสเนียเช่นกัน ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม การโจมตีทางอากาศอย่างหนักได้ทำลายอาคารและโครงสร้างทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญจำนวนมาก Mostar เป็นเมืองที่ถูกยึดอยู่ 18 เดือน
Mostar เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Neretva ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเขตปกครอง Herzegovina-Neretva และเป็นหนึ่งในสามเมืองอย่างเป็นทางการของบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เมืองนี้ตั้งชื่อตามผู้ดูแลสะพาน Mostari ซึ่งอยู่ในยุคกลางที่ได้ดูแล Stari Most (สะพานเก่า) เหนือแม่น้ำ Neretva สะพานเก่าซึ่งสร้างขึ้นโดยชาวออตโตมันในศตวรรษที่ 16 เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และถือเป็นสถาปัตยกรรมอิสลามชิ้นเอกในคาบสมุทรบอลข่าน เป็นเมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกในปี 2005
จากโฮสเทลเดินมาแค่ 300 เมตรก็จะถึงแลนด์มาร์คสำคัญที่สุดของเมืองนี้แล้ว
Old Bridge หรือ Stari Most หรือที่รู้จักในชื่อ Mostar Bridge เป็นสะพานออตโตมันที่สร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 16 ที่ข้ามแม่น้ำ Neretva และเชื่อมระหว่างสองส่วนของเมือง ฝั่งหนึ่งเป็นชาว Croats ที่เป็นคริสต์ ส่วนอีกฝั่งเป็นชาว Bosniaks ที่เป็นมุสลิม สะพานเก่าดั้งเดิมมีอายุ 427 ปี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Mostar ได้รับความเสียหายครั้งแรกโดยกองกำลัง JNA ระหว่างปี 1992 และในวันที่ 9 พฤศจิกายน 1993 ก็ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง โดยกองกำลังกึ่งทหารโครเอเชียระหว่างสงคราม Croat-Bosniaks ต่อจากนั้นด้วยความพยายามร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในเดือนตุลาคม 1998 ยูเนสโกได้จัดตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติเพื่อดูแลงานออกแบบและสร้างใหม่ ได้มีการตัดสินใจสร้างสะพานให้เหมือนของจริงมากที่สุดโดยใช้เทคโนโลยีและวัสดุเดียวกัน โดยใช้ชิ้นส่วนเดิมบางส่วนที่ได้รับการกู้คืนจากแม่น้ำ Neretva การสร้างสะพานเก่าขึ้นใหม่จึงแล้วเสร็จในปี 2004 เกือบ 11 ปีหลังจากการพังทลาย โดยมีมูลค่าประมาณ 15.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อส่วนสำคัญของเมืองได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่ และผู้มาเยือนอาจแปลกใจที่เห็นว่าเมืองที่เคยถูกทำลายด้วยสงครามแห่งนี้กลับกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีชีวิตชีวาและสวยงามอีกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณภายในและรอบๆ เมืองเก่า
สะพานนี้ถือเป็นชิ้นงานที่เป็นแบบอย่างของสถาปัตยกรรมอิสลามบอลข่าน ที่ได้รับมอบหมายจากสุลต่านในปี 1557 ออกแบบโดย Mimar Hayruddin นักศึกษาและศิษย์ของสถาปนิก Mimar Sinan ผู้สร้างอาคารสำคัญของสุลต่านหลายแห่งในอิสตันบูลและรอบๆ จักรวรรดิ ลักษณะเฉพาะของสะพานนี้ที่ทอดข้ามแม่น้ำ Neretva มีหลังค่อม กว้าง 4 เมตร และยาว 30 เมตร และมีความสูงจากแม่น้ำ 24 เมตร มีหอคอยกับป้อมปราการสองแห่งปกป้องสะพาน หอคอย Halebija ทางตะวันออกเฉียงเหนือและหอคอย Tara ทางตะวันตกเฉียงใต้
หลังจากการล่มสลายของ Old Bridge โฆษกของ Croats กล่าวว่าพวกเขาจงใจทำลายมันเพราะมันมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ แต่นักวิชาการแย้งว่าสะพานมีคุณค่าทางยุทธศาสตร์เพียงเล็กน้อยและเมื่อดูจากร่องรอยปลอกกระสุนแล้วเป็นการทำลายทรัพย์สินทางวัฒนธรรมโดยเจตนา เนื่องจากมัสยิด ธรรมศาลา และโบสถ์ต่างๆ ใน Mostar ก็อยู่ใกล้ๆ กัน Old Bridge จึงตกเป็นเป้าหมายสำคัญ Andras Riedlmayer กล่าวถึงการกระทำนี้ว่าเป็น "การทำลายความทรงจำโดยเจตนา" ซึ่งเป็นหลักฐานของมรดกทางวัฒนธรรมที่ใช้ร่วมกันและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
Tara and Halebija tower หอคอยทั้งสองตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสะพานเก่า บนฝั่งตะวันออกมีหอคอย Tara รูปครึ่งวงกลมซึ่งเป็นที่เก็บกระสุนปืนในยุคออตโตมัน ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สะพานเก่า ส่วนหอคอย Halebija ทางฝั่งตะวันตกเคยเป็นเรือนจำที่ชั้นล่าง และค่ายทหารขนาดเล็กที่ชั้นบนใช้เป็นที่เฝ้าระวัง ด้านหลังหอคอย Tara บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Neretva คือ Herceguša Tower ซึ่งสร้างขึ้นในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 15 ในรัชสมัยของ Herceg Stjepan Vukčić Kosača สถาปนิกสันนิษฐานว่าหอคอยมีขนาดเล็ก แต่ต่อมาถูกสร้างขึ้นใหม่หลายครั้งและเพิ่มกำแพงมากขึ้น
เปิดให้เข้าชมในปี 2006 เพื่อเฉลิมฉลองวันครบรอบปีที่สองของการบูรณะสะพานเก่า พิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยสามส่วนตัวอาคารแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับวัตถุที่น่าสนใจทางโบราณคดีที่ค้นพบระหว่างการสร้างใหม่ในปี 2002 ซึ่งทั้งหมดได้รับการเสริมด้วยแผนภูมิข้อมูลที่อธิบายเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสะพาน
จากส่วนนี้ซึ่งเปิดให้เข้าชมได้ สามารถขึ้นไปยืนบนอยู่ที่จุดสูงสุดของอาคาร จะมองเห็นทัศนียภาพรอบด้านของเมืองแบบ 360° ส่วนที่สองจัดแสดงซากโบราณที่มีความสำคัญทางโบราณคดีจากใต้หอคอย ซากสะพานไม้สองแห่งที่เป็นของสมัยก่อนสะพานหินและฐานของสะพานเก่า ส่วนที่สาม เรียกว่า "เขาวงกต" สร้างขึ้นจากแกลเลอรีภาพถ่ายที่อุทิศให้กับสะพานเก่า ให้กับหอคอยที่เสียหาย และในขั้นตอนของการสร้างใหม่ แผนภูมิมัลติมีเดียภาพและเสียงเล่าถึงประวัติศาสตร์ของการสร้างสะพานขึ้นใหม่
Stari Most Diving เป็นการแข่งขันดำน้ำประจำปีตามประเพณีที่จัดขึ้นทุกปีในช่วงกลางฤดูร้อน (ปลายเดือนกรกฎาคม) เป็นประเพณีที่ชายหนุ่มในเมืองจะกระโดดจากสะพานลงสู่แม่น้ำ Neretva ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เสี่ยงและต้องใช้ทักษะและการฝึก ในปี 1968 ได้มีการเปิดการแข่งขันดำน้ำอย่างเป็นทางการและจัดขึ้นทุกฤดูร้อน คนแรกที่กระโดดจากสะพานตั้งแต่เปิดใหม่คือ Enej Kelecija
61 วันบนเส้นทางล่าฝัน20 ประเทศ จากทรานไซบีเรียถึงยุโรปตะวันออก EP.15 บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ดินแดนของวัฒนธรรมที่แตกต่าง
EP.1 เริ่มต้นประเทศแรก...จีน : https://ppantip.com/topic/38053618
EP.2 มองโกเลีย...ดินแดนเจงกีสข่าน : https://ppantip.com/topic/38470734
EP.3 ดินแดนหลังม่านเหล็ก...รัสเซีย : https://ppantip.com/topic/38533158
EP.4 ฟินแลนด์...ธิดาแห่งทะเลบอลติค : https://ppantip.com/topic/39619926
EP.5 เอสโตเนีย...ตามรอยเมืองเก่าในยุคกลางที่ทาลลินน์ : https://ppantip.com/topic/39658872
EP.6 ลัตเวีย...เยือนริกา เมืองแห่งสถาปัตยกรรม : https://ppantip.com/topic/39697022
EP.7 ลิทัวเนีย...ดินแดนทะเลสาบและปราสาทเก่า : https://ppantip.com/topic/39850942
EP.8 โปแลนด์...ดินแดนประวัติศาสตร์สงคราม : https://ppantip.com/topic/40488168
EP.9 สาธารณรัฐเช็ก...เมืองโรแมนติคแห่งยุโรปตะวันออก : https://ppantip.com/topic/40546715
EP.10 ออสเตรีย...ดินแดนแห่งขุนเขา : https://ppantip.com/topic/40638786
EP.11 สโลวาเกีย...เมืองแห่งมรดกโลก : https://ppantip.com/topic/40659219
EP.12 ฮังการี...ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ : https://ppantip.com/topic/40672729
EP.13 สโลวีเนีย...ดินแดนดั่งเทพนิยาย : https://ppantip.com/topic/40714757
EP.14 โครเอเชีย ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวแห่งทะเลเอเดรียติก : https://ppantip.com/topic/40811429
EP.16 มอนเตเนโกร...ดินแดนแห่งภูเขาสีดำ : https://ppantip.com/topic/40913895
EP.17 โคโซโว...ประเทศน้องใหม่ของยุโรป : https://ppantip.com/topic/40964628
EP.18 มาซิโดเนียเหนือ...เมืองแห่งป้อมปราการ : https://ppantip.com/topic/41050626
EP.19 แอลเบเนีย...ดินแดนแห่งวัฒนธรรมที่หลากหลาย : https://ppantip.com/topic/41080966
EP.20 กรีซ...แหล่งอารยธรรมตะวันตกอันยิ่งใหญ่ : https://ppantip.com/topic/41156390
พูดคุยเพิ่มเติมได้ที่...
Facebook page : https://www.facebook.com/Mytravelholicdiary/
Instagram : https://www.instagram.com/my_travelholic_diary/
สงครามบอสเนีย เป็นสงครามความขัดแย้งชาติพันธุ์ของกลุ่มคนสามเชื้อชาติคือชาว Croats ที่เป็นคาทอลิก ชาว Serbs ที่นับถือนิกายออร์ทอดอกซ์ และชาว Bosniaks ซึ่งเป็นมุสลิมในบอสเนียที่มีพื้นหลังมายาวนาน จนสงครามกลางเมืองปะทุขึ้นในวันที่ 6 เมษายน 1992 เมื่อกองกำลังบอสเนีย Serbs ของกองทัพยูโกสลาเวียเริ่มโจมตีกรุง Sarajevo หลังชาว Serbs ก่อจลาจลเพื่อแยกตัวเป็นอิสระ ในขณะเดียวกันชาว Croats ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในบอสเนียประกาศคว่ำบาตร และยืนยันจะถอนตัวเป็นอิสระเช่นเดียวกัน ในช่วงสัปดาห์เดียวบอสเนียเกือบทั้งประเทศจึงกลายเป็นทะเลเพลิง
สงครามขยายวงกว้างและถูกระบุว่าเป็นสงครามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยกองทัพชาว Serbs ได้สังหารหมู่ชาว Bosniaks แม้ว่าสหประชาชาติหรือกองกำลังทหารนานาชาติจะพยายามเป็นตัวกลางยุติสงคราม แต่ความรุนแรงก็ได้ขยายตัวไปยังเมืองอื่นๆ ด้วยเช่น Tuzla Mostar และ Srebrenica สงครามกินระยะถึง 3ปีกว่า จากนั้นจึงมีการตกลงเจรจาระหว่างตัวแทนบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา โครเอเชีย และสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย และเซ็น ‘ข้อตกลงเดย์ตัน’ ขึ้นที่เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายนปี 1995 ผลของการเจรจาทำให้บอสเนียฯ ถูกแบ่งเขตการบริหารทางการเมืองใหม่ออกเป็นสองส่วนตามการคุมอำนาจของชาติพันธุ์ทั้งสามกลุ่ม คือเขตแรก ‘สหพันธรัฐบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา’ (Federation of Bosnia and Herzegovina) ที่มีมุสลิม Bosniaks และ Croats คุมการบริหารหลัก เขตที่สองคือ ‘สาธารณรัฐเซิร์บ’ (Serb Republic / Republika Srpska) เขตการควบคุมของชาวเซิร์บ
จากสงครามบอสเนีย เดิมคาดว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 200,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิม และมีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 2,000,000 คนในช่วงสงครามปี 1992-1995
Mostar เป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบจากสงครามบอสเนียเช่นกัน ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม การโจมตีทางอากาศอย่างหนักได้ทำลายอาคารและโครงสร้างทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญจำนวนมาก Mostar เป็นเมืองที่ถูกยึดอยู่ 18 เดือน
Mostar เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Neretva ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเขตปกครอง Herzegovina-Neretva และเป็นหนึ่งในสามเมืองอย่างเป็นทางการของบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เมืองนี้ตั้งชื่อตามผู้ดูแลสะพาน Mostari ซึ่งอยู่ในยุคกลางที่ได้ดูแล Stari Most (สะพานเก่า) เหนือแม่น้ำ Neretva สะพานเก่าซึ่งสร้างขึ้นโดยชาวออตโตมันในศตวรรษที่ 16 เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และถือเป็นสถาปัตยกรรมอิสลามชิ้นเอกในคาบสมุทรบอลข่าน เป็นเมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกในปี 2005
จากโฮสเทลเดินมาแค่ 300 เมตรก็จะถึงแลนด์มาร์คสำคัญที่สุดของเมืองนี้แล้ว
Old Bridge หรือ Stari Most หรือที่รู้จักในชื่อ Mostar Bridge เป็นสะพานออตโตมันที่สร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 16 ที่ข้ามแม่น้ำ Neretva และเชื่อมระหว่างสองส่วนของเมือง ฝั่งหนึ่งเป็นชาว Croats ที่เป็นคริสต์ ส่วนอีกฝั่งเป็นชาว Bosniaks ที่เป็นมุสลิม สะพานเก่าดั้งเดิมมีอายุ 427 ปี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Mostar ได้รับความเสียหายครั้งแรกโดยกองกำลัง JNA ระหว่างปี 1992 และในวันที่ 9 พฤศจิกายน 1993 ก็ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง โดยกองกำลังกึ่งทหารโครเอเชียระหว่างสงคราม Croat-Bosniaks ต่อจากนั้นด้วยความพยายามร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในเดือนตุลาคม 1998 ยูเนสโกได้จัดตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติเพื่อดูแลงานออกแบบและสร้างใหม่ ได้มีการตัดสินใจสร้างสะพานให้เหมือนของจริงมากที่สุดโดยใช้เทคโนโลยีและวัสดุเดียวกัน โดยใช้ชิ้นส่วนเดิมบางส่วนที่ได้รับการกู้คืนจากแม่น้ำ Neretva การสร้างสะพานเก่าขึ้นใหม่จึงแล้วเสร็จในปี 2004 เกือบ 11 ปีหลังจากการพังทลาย โดยมีมูลค่าประมาณ 15.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อส่วนสำคัญของเมืองได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่ และผู้มาเยือนอาจแปลกใจที่เห็นว่าเมืองที่เคยถูกทำลายด้วยสงครามแห่งนี้กลับกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีชีวิตชีวาและสวยงามอีกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณภายในและรอบๆ เมืองเก่า
สะพานนี้ถือเป็นชิ้นงานที่เป็นแบบอย่างของสถาปัตยกรรมอิสลามบอลข่าน ที่ได้รับมอบหมายจากสุลต่านในปี 1557 ออกแบบโดย Mimar Hayruddin นักศึกษาและศิษย์ของสถาปนิก Mimar Sinan ผู้สร้างอาคารสำคัญของสุลต่านหลายแห่งในอิสตันบูลและรอบๆ จักรวรรดิ ลักษณะเฉพาะของสะพานนี้ที่ทอดข้ามแม่น้ำ Neretva มีหลังค่อม กว้าง 4 เมตร และยาว 30 เมตร และมีความสูงจากแม่น้ำ 24 เมตร มีหอคอยกับป้อมปราการสองแห่งปกป้องสะพาน หอคอย Halebija ทางตะวันออกเฉียงเหนือและหอคอย Tara ทางตะวันตกเฉียงใต้
หลังจากการล่มสลายของ Old Bridge โฆษกของ Croats กล่าวว่าพวกเขาจงใจทำลายมันเพราะมันมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ แต่นักวิชาการแย้งว่าสะพานมีคุณค่าทางยุทธศาสตร์เพียงเล็กน้อยและเมื่อดูจากร่องรอยปลอกกระสุนแล้วเป็นการทำลายทรัพย์สินทางวัฒนธรรมโดยเจตนา เนื่องจากมัสยิด ธรรมศาลา และโบสถ์ต่างๆ ใน Mostar ก็อยู่ใกล้ๆ กัน Old Bridge จึงตกเป็นเป้าหมายสำคัญ Andras Riedlmayer กล่าวถึงการกระทำนี้ว่าเป็น "การทำลายความทรงจำโดยเจตนา" ซึ่งเป็นหลักฐานของมรดกทางวัฒนธรรมที่ใช้ร่วมกันและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
Tara and Halebija tower หอคอยทั้งสองตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสะพานเก่า บนฝั่งตะวันออกมีหอคอย Tara รูปครึ่งวงกลมซึ่งเป็นที่เก็บกระสุนปืนในยุคออตโตมัน ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สะพานเก่า ส่วนหอคอย Halebija ทางฝั่งตะวันตกเคยเป็นเรือนจำที่ชั้นล่าง และค่ายทหารขนาดเล็กที่ชั้นบนใช้เป็นที่เฝ้าระวัง ด้านหลังหอคอย Tara บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Neretva คือ Herceguša Tower ซึ่งสร้างขึ้นในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 15 ในรัชสมัยของ Herceg Stjepan Vukčić Kosača สถาปนิกสันนิษฐานว่าหอคอยมีขนาดเล็ก แต่ต่อมาถูกสร้างขึ้นใหม่หลายครั้งและเพิ่มกำแพงมากขึ้น
เปิดให้เข้าชมในปี 2006 เพื่อเฉลิมฉลองวันครบรอบปีที่สองของการบูรณะสะพานเก่า พิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยสามส่วนตัวอาคารแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับวัตถุที่น่าสนใจทางโบราณคดีที่ค้นพบระหว่างการสร้างใหม่ในปี 2002 ซึ่งทั้งหมดได้รับการเสริมด้วยแผนภูมิข้อมูลที่อธิบายเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสะพาน
จากส่วนนี้ซึ่งเปิดให้เข้าชมได้ สามารถขึ้นไปยืนบนอยู่ที่จุดสูงสุดของอาคาร จะมองเห็นทัศนียภาพรอบด้านของเมืองแบบ 360° ส่วนที่สองจัดแสดงซากโบราณที่มีความสำคัญทางโบราณคดีจากใต้หอคอย ซากสะพานไม้สองแห่งที่เป็นของสมัยก่อนสะพานหินและฐานของสะพานเก่า ส่วนที่สาม เรียกว่า "เขาวงกต" สร้างขึ้นจากแกลเลอรีภาพถ่ายที่อุทิศให้กับสะพานเก่า ให้กับหอคอยที่เสียหาย และในขั้นตอนของการสร้างใหม่ แผนภูมิมัลติมีเดียภาพและเสียงเล่าถึงประวัติศาสตร์ของการสร้างสะพานขึ้นใหม่