61 วัน บนเส้นทางล่าฝัน 20 ประเทศ จากทรานไซบีเรียถึงยุโรปตะวันออก EP.18 มาซิโดเนียเหนือ...เมืองแห่งป้อมปราการ

EP.0 รายละเอียดของทริปทั้งหมด : https://ppantip.com/topic/37261427
EP.1 เริ่มต้นประเทศแรก...จีน : https://ppantip.com/topic/38053618
EP.2 มองโกเลีย...ดินแดนเจงกีสข่าน : https://ppantip.com/topic/38470734
EP.3 ดินแดนหลังม่านเหล็ก...รัสเซีย : https://ppantip.com/topic/38533158
EP.4 ฟินแลนด์...ธิดาแห่งทะเลบอลติค : https://ppantip.com/topic/39619926
EP.5 เอสโตเนีย...ตามรอยเมืองเก่าในยุคกลางที่ทาลลินน์ : https://ppantip.com/topic/39658872
EP.6 ลัตเวีย...เยือนริกา เมืองแห่งสถาปัตยกรรม : https://ppantip.com/topic/39697022
EP.7 ลิทัวเนีย...ดินแดนทะเลสาบและปราสาทเก่า : https://ppantip.com/topic/39850942
EP.8 โปแลนด์...ดินแดนประวัติศาสตร์สงคราม : https://ppantip.com/topic/40488168
EP.9 สาธารณรัฐเช็ก...เมืองโรแมนติคแห่งยุโรปตะวันออก : https://ppantip.com/topic/40546715
EP.10 ออสเตรีย...ดินแดนแห่งขุนเขา : https://ppantip.com/topic/40638786
EP.11 สโลวาเกีย...เมืองแห่งมรดกโลก : https://ppantip.com/topic/40659219
EP.12 ฮังการี...ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ : https://ppantip.com/topic/40672729
EP.13 สโลวีเนีย...ดินแดนดั่งเทพนิยาย : https://ppantip.com/topic/40714757
EP.14 โครเอเชีย ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวแห่งทะเลเอเดรียติก : https://ppantip.com/topic/40811429
EP.15 บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ดินแดนของวัฒนธรรมที่แตกต่าง : https://ppantip.com/topic/40870439
EP.16 มอนเตเนโกร...ดินแดนแห่งภูเขาสีดำ : https://ppantip.com/topic/40913895
EP.17 โคโซโว...ประเทศน้องใหม่ของยุโรป : https://ppantip.com/topic/40964628
EP.19 แอลเบเนีย...ดินแดนแห่งวัฒนธรรมที่หลากหลาย : https://ppantip.com/topic/41080966
EP.20 กรีซ...แหล่งอารยธรรมตะวันตกอันยิ่งใหญ่ : https://ppantip.com/topic/41156390

พูดคุยเพิ่มเติมได้ที่... 
Facebook page : https://www.facebook.com/Mytravelholicdiary/
Instagram : https://www.instagram.com/my_travelholic_diary/

Day51 S k o p j e - N o r t h M a c e d o n i a 
“ เมืองแห่งรูปปั้น “
วันนี้ขึ้นรถบัสจากเมือง Prizren ประเทศโคโซโวตอน 9 โมงเช้า มาถึงเมือง Skopje สาธารณรัฐมาซิโดเนียเหนือตอน 12:30 เป็นประเทศที่ 18 ของทริปนี้กันแล้วค่ะ

สาธารณรัฐมาซิโดเนียเหนือ (Republic of North Macedonia) เป็นรัฐอิสระบนคาบสมุทรบอลข่านในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ทิศเหนือติดประเทศเซอร์เบียและโคโซโว ทิศตะวันตกติดแอลเบเนีย ทิศตะวันออกติดบัลแกเรีย และทิศใต้ติดกรีซ ประเทศนี้มักจะเรียกกันสั้นๆ ว่า "มาซิโดเนีย" ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความสับสนกับภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ที่กว้างขวาง และแคว้นมาซิโดเนียของกรีซ ส่วนมาซิโดเนียเหนือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ที่ชื่อมาซิโดเนีย พรมแดนปัจจุบันได้รับการกำหนดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวียก่อตั้ง "สาธารณรัฐสังคมนิยมมาซิโดเนีย" (Socialist Republic of Macedonia) ซึ่งเป็นที่โต้แย้งว่า เป็นการยอมรับสลาฟมาซิโดเนีย เป็นชนชาติแยกต่างหากภายในยูโกสลาเวีย ต่อมาในปี 1991 ได้แยกจากยูโกสลาเวียอย่างสันติโดยเปลี่ยนชื่อเป็น "สาธารณรัฐมาซิโดเนีย" โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอาณาเขต แต่หลังจากนั้นสาธารณรัฐมาซิโดเนียได้เกิดกรณีพิพาทกับประเทศกรีซอย่างยาวนานเกี่ยวกับการใช้ชื่อ "มาซิโดเนีย" จนกระทั่งในปี 2018 รัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงเพื่อยุติข้อพิพาทดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้ประเทศนี้ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น สาธารณรัฐมาซิโดเนียเหนือ
มาซิโดเนียเหนือเป็นหนึ่งในประเทศของยุโรปที่ยังไม่ได้โด่งดังในด้านการท่องเที่ยวสักเท่าไร แต่อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติของภูเขา ทะเลสาบ แม่น้ำ ซากปรักหักพังทางประวัติศาสตร์อันอุดมสมบูรณ์และหมู่บ้านอันงดงามที่เคยมี ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมานานหลายศตวรรษ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาติพันธุ์มาซิโดเนียและออร์โธดอกซ์ แต่ก็มีชนกลุ่มน้อยที่เป็นมุสลิมชาวแอลเบเนีย ดังนั้นจึงมีการผสมผสานของสถาปัตยกรรมและมรดกทางชาติพันธุ์ที่น่าสนใจ
มาถึง Skopje ด้วยความหิวโหย เจอร้าน Burgur King ระหว่างทางเดินไปโฮสเทล ก็เลยแวะจัดชุดใหญ่กันก่อน
เราเลือกที่พักตามหนังสือ Lonely Planet อีกเช่นเคยชื่อ Rekord Hostel อยู่ห่างจาก Macedonia Square แค่ 100 เมตร เก็บกระเป๋าแล้วก็ออกลุยต่อเลยค่ะ
Skopje เป็นเมืองหลวงของมาซิโดเนียเหนือ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีความหลากหลายมากที่สุดในประเทศ เมือง Skopje ถูกยึดครองโดยชนชาติต่างๆ มากมายตั้งแต่ก่อตั้งมา โดยเห็นได้จากโบสถ์และอารามแบบไบแซนไทน์หลายแห่งทั่วเมือง รวมถึงสถานที่ต่างๆ ของชาวโรมัน อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ทิ้งร่องรอยไว้มากที่สุดคือพวกเติร์กออตโตมัน ซึ่งปกครองมาซิโดเนียมาหลายร้อยปีในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 และในศตวรรษต่อมา รูปลักษณ์ของเมืองก็เปลี่ยนไป มีการก่อสร้างมัสยิดหลายแห่ง ห้องอาบน้ำสไตล์ตุรกี สะพาน และอาคารอื่นๆ ที่ยืนยันถึงอิทธิพลใหม่ของตะวันออก ทุกวันนี้มรดกของชาวออตโตมันยังคงปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในสถาปัตยกรรมของ Skopje

หลังจากที่มาซิโดเนียเหนือได้รับการปลดปล่อยจากพวกเติร์กในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเซอร์เบีย จากนั้นจึงกลายเป็นสาธารณรัฐแห่งสหพันธ์ยูโกสลาเวีย โดยมี Skopje เป็นเมืองหลวง ในเวลานั้นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองแห่งนี้เต็มไปด้วยอาคารสไตล์นีโอคลาสสิกอันวิจิตรตระการตาจำนวนมากที่จัดวางอย่างกลมกลืนในสไตล์ยุโรปกลาง

แต่เมื่อตอนเช้ามืดของวันที่ 26 กรกฎาคม 1963 นับเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ Skopje เกิดเหตุแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 1,070 คน ได้รับบาดเจ็บ 3,000-4,000 คน และทำให้กว่า 200,000 คนไร้ที่อยู่อาศัย ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของอาคารในเมืองหายไปในเวลาเพียงไม่กี่วินาที

ต่อมาจึงมีแนวคิดเรื่อง Skopje 2014 เป็นโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลมาซิโดเนียเหนือที่ปกครองในขณะนั้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เมืองหลวง Skopje ดูคลาสสิกมากขึ้นมีภาพลักษณ์ที่น่าชื่นชมและน่าดึงดูด อีกเหตุผลหนึ่งคือเพื่อฟื้นฟูความรู้สึกภาคภูมิใจของชาติที่หายไป โครงการนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยการก่อสร้างมหาวิทยาลัย พิพิธภัณฑ์ และอาคารราชการ ตลอดจนการสร้างอนุสาวรีย์ที่แสดงถึงบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์จากภูมิภาคมาซิโดเนีย

โครงการนี้ครอบคลุมการก่อสร้างระหว่างปี 2010-2014 จากโครงสร้าง 136 แห่ง ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มต่างๆ นับตั้งแต่มีการประกาศครั้งแรก ในเรื่องความพยายามในการสร้างชาติ เนื่องจากจะเป็นการกำหนดประวัติศาสตร์ของมาซิโดเนียเพิ่มเติม ที่มีความต่อเนื่องกันตั้งแต่สมัยโบราณในยุคกลางจนถึงยุคปัจจุบัน Skopje 2014 ยังก่อให้เกิดการโต้เถียงในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ประมาณ 80-500 ล้านยูโร ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรในประเทศที่มีการว่างงานและความยากจนสูง พรรคฝ่ายค้านหลักคัดค้านโครงการและกล่าวหาว่าอนุเสาวรีย์ในโครงการอาจมีราคาน้อยกว่าที่รัฐบาลจ่ายไป 6-10 เท่า

โครงการนี้ยังถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย "โบราณวัตถุ" ของรัฐบาล ซึ่งพยายามอ้างสิทธิ์บุคคลในสมัยโบราณ เช่น อเล็กซานเดอร์มหาราช และฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนียด้วยตัวของมันเอง และเนื่องจากข้อพิพาทการตั้งชื่ออย่างต่อเนื่องกับกรีซ นำไปสู่การคาดเดาว่าเป็นการตอบโต้หรือความพยายามที่จะกดดันกรีซ ชาวเมืองบางคนมองว่าโครงการนี้เป็นศูนย์รวมของลัทธิชาตินิยมโดยรัฐบาลอนุรักษ์นิยมที่เน้นให้มหานครมีการปรับโฉมใหม่เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของประเทศ ได้มีการอธิบายว่าโครงการนี้เป็นเหมือนลาสเวกัสขนาดเล็ก แต่ก็มีบางส่วนที่ชื่นชมว่าเป็นแบบคลาสสิกในอดีต 

ส่วนสถาปนิกก็วิพากษ์วิจารณ์ถึงความสวยงามของโครงการว่าเป็นชาตินิยมแบบศิลปที่ไร้ค่า ซึ่ง "นำประวัติศาสตร์ที่ไม่รู้จัก" มาสู่ประชาชน และเชื่อว่าเงินที่ใช้ไปสามารถนำไปสร้างอาคารสมัยใหม่ได้ ส่วนอดีตนายกรัฐมนตรีโซรัน เซเยฟได้กล่าวว่าเป็น “โครงการงี่เง่า”

ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2018 รัฐบาลและสถาบันต่างๆ ของสาธารณรัฐมาซิโดเนียเหนือได้ประกาศหยุดโครงการ Skopje 2014 และเริ่มถอดอนุสาวรีย์และรูปปั้นที่เป็นข้อขัดแย้งออก กระทรวงวัฒนธรรมมาซิโดเนียเหนือยังได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการถอดส่วนที่เหลือออก เช่น อนุสาวรีย์ของอเล็กซานเดอร์มหาราชและฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย ในขั้นแรกอนุสาวรีย์ของ Andon Kyoseto ซึ่งเป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่มีข้อพิพาทกันมากที่สุดของโครงการ ได้ถูกรื้อถอนในเดือนมิถุนายน 2018 รัฐบาลมาซิโดเนียเหนือประกาศว่าอนุสรณ์สถานจะถูกเปลี่ยนชื่อและทำเครื่องหมายจารึกเพื่อเป็นเกียรติแก่มิตรภาพกรีซ-มาซิโดเนียเหนือ อนุสาวรีย์ของ Boris Sarafov ก็ถูกรื้อถอนโดยไม่มีคำอธิบายในปี 2018 โดยหน่วยงานเทศบาล

ปัจจุบัน Skopje กลายเป็นเมืองที่ทันสมัยและเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา และวัฒนธรรมที่สำคัญของมาซิโดเนียเหนือ เป็นที่อยู่อาศัยของประชากรประมาณ 1 ใน 4 ของประเทศ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนหลายเชื้อชาติ ซึ่งนอกจากชาวมาซิโดเนียเป็นส่วนใหญ่แล้ว ยังมีชาวแอลเบเนีย เติร์ก โรมา เซิร์บ บอสเนียก และเชื้อชาติอื่นๆ จำนวนมาก ที่เรียก Skopje ว่า “บ้าน”

เราเริ่มสำรวจเมืองนี้กันที่อนุสาวรีย์หินอ่อนขนาด 5 เมตรของ Tsar Samuil (Samuel) ถือเป็นวีรบุรุษในแคว้นมาซิโดเนียตอนเหนือ พระองค์ทรงเป็นแม่ทัพในสมัยโรมันที่ 1 แห่งบัลแกเรีย ในปี 997-1014 ได้ควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของบอลข่านไปไกลถึงตอนใต้ของกรีซ พระองค์ย้ายเมืองหลวงจาก Skopje ไปยัง Ohrid ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและการทหารของบัลแกเรียตะวันตกเฉียงใต้ ด้วยเหตุนี้อาณาจักรของพระองค์จึงถูกเรียกว่าจักรวรรดิบัลแกเรียตะวันตก การครองราชย์อันทรงพลังของ Tsar Samuil ได้ฟื้นฟูพลังของบัลแกเรียบนคาบสมุทรบอลข่าน และแม้ว่าจักรวรรดิจะพังทลายลงหลังจากการสิ้นพระชนม์ของเขา
จัตุรัส Macidonia Square เป็นจัตุรัสหลักและเป็นจัตุรัสใหญ่ที่สุดในมาซิโดเนียเหนือ ด้วยเนื้อที่ 18,500 ตร.ม. ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองใกล้แม่น้ำ Vardar โดยทั่วไปแล้วจะเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม การเมือง เทศกาลคริสต์มาสและอื่นๆ ที่นี่เป็นสถานที่ประกาศอิสรภาพจากยูโกสลาเวียโดยประธานาธิบดีคนแรกของมาซิโดเนีย Kiro Gligorov และจัตุรัสนี้คือส่วนหนึ่งของโครงการ Skopje 2014
 
Skopje Marriott Hotel เป็นโรงแรมแมริออทแห่งแรกในคาบสมุทรบอลข่านที่อยู่ใน Macidonia Square
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่