การแยกตัวกันของชาว “สลาฟ” [ก่อนความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน]

ผมชอบประวัติเรื่องราวของกลุ่มชนต่าง ๆ ทั่วโลก อันนี้ก็จะมาแปะไว้เรื่องของชาวสลาฟ


อาหารในแบบวัฒนธรรมของชาวสลาฟ

. . .

ชาวสลาฟอยู่ในกลุ่ม อินโด-ยูโรเปียน (Indo-European language family) ซึ่งเป็นตระกูลภาษาขนาดใหญ่ที่รวมถึงภาษาอื่น ๆ ในยุโรปและเอเชียใต้ ภายในตระกูลนี้ ภาษาและกลุ่มชาติพันธุ์สลาฟจะแบ่งออกเป็นสามกลุ่มหลักตามภูมิภาค:
    1.    กลุ่มสลาฟตะวันตก (West Slavic languages): รวมถึงภาษาโปแลนด์ เช็ก สโลวัก
    2.    กลุ่มสลาฟตะวันออก (East Slavic languages): รวมถึงภาษารัสเซีย ยูเครน เบลารุส
    3.    กลุ่มสลาฟใต้ (South Slavic languages): รวมถึงภาษาเซอร์เบีย โครเอเชีย บัลแกเรีย มาซิโดเนีย สโลวีเนีย

. . .

การแยกประเทศของชาวสลาฟ
มีผลมาจากหลายปัจจัย ได้แก่:

1. การขยายตัวและการเคลื่อนย้ายของประชากร: ในยุคแรก ชาวสลาฟอพยพขยายตัวจากยุโรปตะวันออกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม

2. การเกิดขึ้นของอาณาจักรและรัฐในยุคกลาง: ในช่วงยุคกลาง ชาวสลาฟได้ตั้งอาณาจักรหลายแห่ง เช่น อาณาจักรรุสแห่งเคียฟ (Kievan Rus) ในปัจจุบันคือรัสเซียและยูเครน และอาณาจักรของชาวโปแลนด์และเช็ก ซึ่งพัฒนากลายเป็นรัฐสมัยใหม่

3. การแบ่งแยกทางศาสนา: ในศตวรรษที่ 11 เหตุการณ์ “การแตกแยกใหญ่” (Great Schism) ในคริสต์ศาสนานำไปสู่การแบ่งแยกระหว่างคริสตจักรตะวันตก (โรมันคาทอลิก) และคริสตจักรตะวันออก (ออร์โธดอกซ์) ซึ่งส่งผลให้ชาวสลาฟบางส่วนติดตามคาทอลิก เช่น โปแลนด์ และบางส่วนติดตามออร์โธดอกซ์ เช่น รัสเซีย เซอร์เบีย และบัลแกเรีย

สำหรับบัลแกเรีย ยังเคยได้รับอิทธิพลจากการขยายอำนาจและวัฒนธรรมของออตโตมานด้วย ทำให้ประชากรกว่าครึ่งนับถืออิสลาม (อัลบาเนียนอกจะมีศาสนาที่แตกต่าง ในเรื่องวัฒนธรรมและเชื้อชาติก็ยังมีการผสมผสาน ซึ่งคนท้องถิ่นดั้งเดิมตรงนั้นคือชาวอิลลิเรียน)

4. อิทธิพลจากมหาอำนาจ: หลายศตวรรษ ชาวสลาฟอยู่ภายใต้การปกครองของมหาอำนาจ เช่น จักรวรรดิออสเตรีย ฮังการี และจักรวรรดิออตโตมาน ซึ่งส่งผลให้เกิดการแยกตัวทางการเมือง วัฒนธรรมและศาสนา อย่างบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (Bosnia and Herzegovina) ประชากรส่วนมากก็นับถืออิสลามมาตั้งแต่สมัยของออตโตมานเช่นกัน

5. การล่มสลายของจักรวรรดิและรัฐคอมมิวนิสต์: ในศตวรรษที่ 20 การล่มสลายของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีและออตโตมานหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 ทำให้เกิดรัฐชาติใหม่และแยกตัวเป็นประเทศต่าง ๆ เช่น โปแลนด์ เชโกสโลวาเกีย ทางยูโกสลาเวียก็แยกเป็นหลายประเทศ

6. ความขัดแย้งและสงคราม: ความขัดแย้งในภูมิภาค เช่น สงครามในยูโกสลาเวียในทศวรรษ 1990s นำไปสู่การแยกตัวของประเทศในคาบสมุทรบอลข่าน อย่าง เซอร์เบีย โครเอเชีย บอสเนีย และสโลวีเนีย

. . .

วัฒนธรรมการแต่งกายแบบดั้งเดิม (Tradition)


ชุด Kosovorotka (ชาย) Sarafan (หญิง) แบบรัสเซีย และชุด Vyshyvanka แบบยูเครน

..

ชุด kroj แบบเช็กและสโลวัก และ Krakoviak แบบโปแลนด์

..

ชุด Nosia ของอัลแบเนีย ผสมผสานกับวัฒนธรรมอิสลามของออตโตมาน

..

ชุด Narodna nosnja แบบโครเอเชีย

. . .

ภาษาของชาวสลาฟ
แบ่งออกเป็นสามกลุ่มหลัก ๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีภาษาเป็นของตัวเอง:

1. ภาษาสลาฟตะวันออก:    
• ภาษารัสเซีย (Russian): เป็นภาษาราชการของรัสเซีย และเป็นภาษาที่ใช้พูดในบางประเทศของอดีตสหภาพโซเวียต เช่น เบลารุส ยูเครน และกลุ่มประเทศเอเชียกลาง    
• ภาษาเบลารุส (Belarusian): ใช้พูดในเบลารุส
• ภาษายูเครน (Ukrainian): ใช้พูดในยูเครน
    
2. ภาษาสลาฟตะวันตก:
• ภาษาโปแลนด์ (Polish): ใช้พูดในโปแลนด์
• ภาษาเช็ก (Czech): ใช้พูดในสาธารณรัฐเช็ก
• ภาษาสโลวัก (Slovak): ใช้พูดในสโลวาเกีย
• ภาษาคาชูเบียน (Kashubian) และภาษาโซราเบียน (Sorbian): ใช้ในบางส่วนของโปแลนด์และเยอรมนี

3. ภาษาสลาฟใต้:
• ภาษาบัลแกเรีย (Bulgarian): ใช้พูดในบัลแกเรีย
• ภาษาเซอร์เบีย (Serbian), ภาษาโครเอเชีย (Croatian), ภาษาบอสเนีย (Bosnian), และภาษามอนเตเนโกร (Montenegrin): ภาษาที่คล้ายคลึงกันที่ใช้ในประเทศแถบคาบสมุทรบอลข่าน เช่น เซอร์เบีย โครเอเชีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และมอนเตเนโกร
• ภาษามาซิโดเนีย (Macedonian): ใช้พูดในมาซิโดเนียเหนือ
• ภาษาสโลวีเนีย (Slovenian): ใช้พูดในสโลวีเนีย

. . .

ประเทศที่ใช้ ภาษารัสเซียเป็นภาษาหลัก หรือ ภาษารอง
สามารถแบ่งได้ตามการใช้งานในแต่ละประเทศ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของอดีตสหภาพโซเวียตและการอพยพของชาวรัสเซียไปยังพื้นที่เหล่านั้น:

1. ประเทศที่ใช้ภาษารัสเซียเป็นภาษาหลัก
รัสเซีย (Russia): ภาษารัสเซียเป็นภาษาราชการและภาษาหลักของประเทศ
เบลารุส (Belarus): ภาษารัสเซียเป็นหนึ่งในสองภาษาราชการร่วมกับภาษาเบลารุส และเป็นภาษาหลักที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
คาซัคสถาน (Kazakhstan): แม้ว่าภาษาคาซัคจะเป็นภาษาราชการ ภาษารัสเซียก็เป็นภาษาทางการร่วมกันและใช้แพร่หลายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่
คีร์กีซสถาน (Kyrgyzstan): ภาษารัสเซียเป็นภาษาราชการร่วมกับภาษาคีร์กีซ และใช้กันทั่วไปในชีวิตประจำวัน

2. ประเทศที่ใช้ภาษารัสเซียเป็นภาษารองหรือแพร่หลาย
ยูเครน (Ukraine): ก่อนสงครามและเหตุการณ์ทางการเมืองในปี 2014 ภาษารัสเซียถูกใช้แพร่หลายในบางภูมิภาค โดยเฉพาะในภาคตะวันออกและใต้ แม้ว่าภาษายูเครนจะเป็นภาษาราชการ ภาษารัสเซียยังคงถูกใช้ในชีวิตประจำวันในบางพื้นที่
เอสโตเนีย (Estonia): มีประชากรชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษารัสเซีย โดยเฉพาะในภูมิภาคทางตะวันออก
ลัตเวีย (Latvia): มีประชากรรัสเซียชนกลุ่มน้อยที่ใช้ภาษารัสเซียในชีวิตประจำวัน แม้ว่าภาษาลัตเวียจะเป็นภาษาราชการ
ลิทัวเนีย (Lithuania): มีประชากรที่พูดภาษารัสเซียอยู่บ้าง แต่ภาษาลิทัวเนียเป็นภาษาหลัก
มอลโดวา (Moldova): ภาษารัสเซียไม่ได้เป็นภาษาราชการ แต่มีการใช้แพร่หลาย โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีชนกลุ่มน้อยรัสเซีย
จอร์เจีย (Georgia): แม้ว่าภาษาจอร์เจียจะเป็นภาษาราชการ แต่ภาษารัสเซียยังคงใช้ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะกับคนรุ่นเก่า
อาร์เมเนีย (Armenia): ภาษารัสเซียยังใช้เป็นภาษารองในบางบริบททางการศึกษาและการสื่อสาร
อาเซอร์ไบจาน (Azerbaijan): มีการใช้ภาษารัสเซียบ้าง แม้ว่าภาษาอาเซอร์ไบจันจะเป็นภาษาราชการ

3. ดินแดนหรือภูมิภาคที่มีการใช้ภาษารัสเซียแพร่หลาย
ทรานส์นิสเตรีย (Transnistria): ดินแดนที่ประกาศตัวเป็นอิสระจากมอลโดวา ภาษารัสเซียเป็นหนึ่งในภาษาราชการ
แคว้นอับฮาเซียและเซาท์ออสซีเชีย (Abkhazia and South Ossetia): ดินแดนที่ประกาศตัวเป็นอิสระจากจอร์เจีย และใช้ภาษารัสเซียอย่างแพร่หลาย
ไครเมีย (Crimea): หลังจากการผนวกไครเมียเข้ากับรัสเซียในปี 2014 ภาษารัสเซียเป็นภาษาหลักที่ใช้ในพื้นที่นี้

. . .

ชาวสลาฟกระจายตัวอยู่ในหลายประเทศในยุโรปตะวันออก ยุโรปกลาง และคาบสมุทรบอลข่าน โดยแบ่งตามกลุ่มภาษาสลาฟดังนี้:

1. กลุ่มสลาฟตะวันออก:
รัสเซีย (Russia): ชาวรัสเซียเป็นกลุ่มสลาฟที่ใหญ่ที่สุด
ยูเครน (Ukraine): ชาวยูเครนเป็นกลุ่มสลาฟที่ใหญ่รองลงมา
เบลารุส (Belarus): ชาวเบลารุสเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสลาฟตะวันออกเช่นกัน

2. กลุ่มสลาฟตะวันตก:
โปแลนด์ (Poland): ชาวโปแลนด์เป็นกลุ่มสลาฟตะวันตกที่ใหญ่ที่สุด
เช็กเกีย (Czech Republic): ชาวเช็กเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสลาฟตะวันตก
สโลวาเกีย (Slovakia): ชาวสโลวักเป็นกลุ่มสลาฟที่อาศัยในภูมิภาคนี้
เยอรมนี (Germany): ชาวโซราบ (Sorbs) ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในเยอรมนี ก็เป็นชาวสลาฟตะวันตกเช่นกัน

3. กลุ่มสลาฟใต้:
• เซอร์เบีย (Serbia): ชาวเซอร์เบียเป็นกลุ่มสลาฟใต้
• โครเอเชีย (Croatia): ชาวโครเอเชียเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสลาฟใต้
• บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (Bosnia and Herzegovina): ชาวบอสเนียเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้
• มอนเตเนโกร (Montenegro): ชาวมอนเตเนโกรเป็นกลุ่มสลาฟใต้
• สโลวีเนีย (Slovenia): ชาวสโลวีเนียเป็นกลุ่มสลาฟใต้
• บัลแกเรีย (Bulgaria): ชาวบัลแกเรียเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้
• มาซิโดเนียเหนือ (North Macedonia): ชาวมาซิโดเนียเป็นชาวสลาฟใต้
• โคโซโว (Kosovo): ชาวเซอร์เบียที่อาศัยในโคโซโวเป็นกลุ่มสลาฟใต้

. . .

กลุ่มประเทศอื่น ๆ ที่มีประชากรสลาฟ:

1. คาซัคสถาน (Kazakhstan):
• ชาวรัสเซีย: คาซัคสถานมีประชากรชาวรัสเซียอยู่ประมาณ 20-25% ของประชากร
• ชาวยูเครนและชาวเบลารุส: มีชุมชนชาวยูเครนและเบลารุสเล็ก ๆ อาศัยอยู่ในคาซัคสถาน

2. คีร์กีซสถาน (Kyrgyzstan):
• ชาวรัสเซีย: ชาวรัสเซียในคีร์กีซสถานมีประมาณ 20% ของประชากร
• ชาวยูเครน: มีชุมชนชาวยูเครนขนาดเล็กในคีร์กีซสถานเช่นกัน

3. อุซเบกิสถาน (Uzbekistan):
• ชาวรัสเซีย: ชาวรัสเซียในอุซเบกิสถานมีอยู่ประมาณ 3-5% ของประชากร โดยส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหลวงทาชเคนต์ (Tashkent) และเมืองใหญ่ ๆ
• ชาวยูเครน: มีชุมชนชาวยูเครนบางส่วนในประเทศ แต่จำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับชาวรัสเซีย

4. เติร์กเมนิสถาน (Turkmenistan):
• ชาวรัสเซีย: ประชากรชาวรัสเซียในเติร์กเมนิสถานมีจำนวนลดลงหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต แต่ยังคงมีอยู่ในเมืองใหญ่ โดยประมาณ 5-10%
• ชาวยูเครนและชาวเบลารุส: มีประชากรชาวยูเครนและเบลารุสบางส่วนอาศัยอยู่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่