ลงทุนเอาตัวรอดอย่างไรจาก covid 19 #มุมมองส่วนตัว

23 กค 2564

ลงทุนเอาตัวรอดอย่างไรจาก covid 19 #มุมมองส่วนตัว

การระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ที่เกิดขึ้นนี้ตั้งแต่ปลายปี 2019 มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นโดยเริ่มจากตลาดหุ้นจีนที่ร่วงแรงตั้งแต่ปีใหม่ เริ่มวันแรกของการเปิดตลาดหุ้นปี 2020 และหุ้นร่วงแรงไปจนถึงเดือนมีนาคม จากนั้นก็แล้วฟื้นกลับมาที่จนสูงกว่าตอนต้นของการเกิดวิกฤติ
   
ในตลาดหุ้นไทยก็เริ่มร่วงหนักตามเมื่อพบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นหญิงชาวจีนเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2020 จากนั้นก็ร่วงแรงสุดในเดือนมีนาคมแล้วฟื้นกลับมาเมื่อต้นเดือนมิถุนายน ดัชนี ณ ต้นเดือนมิถุนายน ยังต่ำกว่าดัชนีก่อนเกิดโควิดถึง 200 จุด 
 
จากนั้นก็เกิดขาลงอีกครั้งโดยเริ่มจากด้นเดือนมิถุนายน 2020 และก็ลงไปอีกเมื่อผู้คนเริ่มตระหนักแล้วว่าเชื่อโควิดรอบนี้ไม่ได้เป็นแค่เชื้อหวัดธรรมดา และมีบทวิเคราะห์โควิดส่งผลต่อกำไรในอนาคตของบริษัทต่างๆ ออกมามากมาย ประจวบกับผลประกอบการ Q1 Q2 ของหลายบริษัท ออกมาต่ำทำให้ต้องมีการปรับลดประมาณการ GDP รวมทั้งเรื่องการเมืองที่ผู้ชมนุมออกมาประท้วงกันมากมาย โดยขาลงของตลาดหุ้นไทยระยะสั้นนี้กินเวลาไปประมาณ 4 เดือน

นักระบาดวิทยาส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าวิกฤติโควิด 19 จะจบลงภายในสิ้นปี 2022 แต่เมื่อมีการพัฒนาของเชื้อกลายพันธ์ที่รวดเร็วขึ้น บริษัทผลิตยาก็ต้องเร่งการผลิตวัคซีนเวอร์ชั่นใหม่ที่ออกมาหยุดยั้งเชื้อกลายพันธ์นี้ ตลอดระยะเวลาที่เกิดขึนและยังไม่จบนี้ การระบาดของเชื้อไวรัสนี้อาจจะลากยากไปอีกหลายปีกว่านั้น 
 
ผลกระทบตลาดหุ้นต่อช่วงโควิดนี้ทำให้เกิดพฤติกรรมใหม่ที่สามารถจะทำต่อเนื่องระยะยาวได้ในอนาคตผมมองตัวอย่าง 4 พฤติกรรมที่มีโอกาสสูงที่จะลากยาวไปอีก 10 ปีข้างหน้า
 
พฤติกรรมแรกคือการอยู่อาศัยแบบกระจายตัวมากขึ้น ผมนึกถึงเหตุการณ์เครื่องบินทิ้งระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายสัมพันธ์มิตรทิ้งระเบิดโจมตีที่ตั้งของกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ภายในเมืองกรุงเทพ คนที่อยู่ในกรุงเทพก็จะมีโอกาสโดนระเบิดมากกว่า คล้ายๆ กับการโจมตีของไวรัส พลเมืองกรุงเทพได้ย้ายออกไปอยู่ชานเมืองช่วงนึง เพือลดโอกาสโดนโจมตีและมีความปลอดภัยที่มากกว่า
แต่ละคนต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้นและคนจะกระจายตัวไปอยู่ชานเมืองรอบๆกรุงเทพเพื่อลดความแออัด โดยเราไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมืองหนาแน่นกันอีกต่อไป  เพราะชานเมืองก็มีระบบขนส่งที่ดีขึ้น อย่างน้อยก็มี Food Delivery ที่ช่วงที่โควิดระบาดที่ผ่านมามีผู้ขับขี่หรือเรียกว่า Rider เพิ่มสูงมากขึ้นและร้านค้าเพิ่มสูงมากขึ้นโดยเพิ่มสูงกว่ามากกว่า 1 เท่าตัวในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาก ถ้าเป็นพื้นที่รอบกรุงเทพในจังหวัดใกล้เคียงที่การันตีได้ว่าไม่อดตายอย่างแน่นอน หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาแนวราบที่ราคาโครงการไม่แพงเกินไป รวมทั้งหุ้นกลุ่มบริหารสินทรัพย์ทีมีพอร์ตเป็นบ้าน ที่ดินชานเมืองเป็นจำนวนมากจะได้อานิสงส์นี้ไปในระยะยาว

พฤติกรรมที่สองผู้คนรักโลกรักธรรมชาติมากขึ้นแนวคิดการลงทุนแบบ ESG  ที่คำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม Environmental, ด้านสังคม Social, ด้านบรรษัทภิบาล Govermance ถูกกล่าวถึงมากขึ้น เรามีความตระหนักผลกระทบต่อธรรมชาติมากขึ้น และตื่นตัวที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ สังคมและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น เทรนสีเขียวนี้จะได้ใจนักลงทุนรุ่นใหม่อีกหลาย 10 ปี การรู้ว่าหุ้นตัวในเข้าข่าย ESG ให้ดูที่การดำเนินธุรกิจ และให้ดูดัชนี DJSI World Index จะมีรายชื่อหุ้นขนาดใหญ่อยู่ ยังมีอีกหลายตัวที่เป็นหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กที่ไม่ได้อยู่ในดัชนีนี้แต่ก็เข้าข่าย ESG ให้นักลงทุนลองศึกษาดูอีกทีครับ

   พฤติกรรมที่สาม กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่งการส่งออกมากขึ้น เมื่อการท่องเที่ยวไปต่อไม่ได้ในอีกระยะเวลานึงและการบริโภคภายในประเทศยังต่ำมาก เมื่อเกิดโควิดคนไทยไม่ค่อยมีการจับจ่ายใช้สอย  แต่การส่งออกยังไปได้อยู่สำหรับประเทศไทย ณ ตอนนี้มีปัจจัยบวก หลายปัจจัย เนื่องจากค่าเงินบาทไม่ได้แข็งเกินไป และราคาน้ำมันไม่ได้พุ่งแรง กลุ่มประเทศที่ผลิตน้ำมัน OPEC ยังไม่ได้ปรับนโยบาลลดกำลังการผลิต 
การบริโภคของโลกยังไม่ได้กลับมาสูงขึ้นเหมือนก่อนโควิดระบาดเงินเฟ้อในประเทศยังต่ำรวมถึงอัตราดอกเบี๊ยประเทศไทยก็ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคอีกหุ้นที่ยังพอได้เปรียบในระยะเวลานี้ก็คือหุ้นของกลุ่มส่งออก

พฤติกรรมที่สี่กลุ่มเทคโนโลยีและสุขภาพเทรนที่ช่วงโควิดนี้มาแรงก็คือเทรนสังคมไร้เงินสดและไร้การสัมผัส Cashless and Contactless เนื่องจากผู้คนกลัวการแพร่ระบาดของเชื้อโรค หุ้นในกลุ่มที่ได้เปรียบจะเป็น นี้เป็นหุ้นที่มีระบบ Sales Online มี Market Place ของตนเองอย่างดีเยี่ยมเพื่อให้ลูกค้าทำการติดต่อและทำการซื้อ
มีส่วนเสริมของ Social Awareness ช่องทางการติดต่อสือสารระหว่างแบรนด์กับลูกค้าทาง Social Media  เพื่อทำให้เกิดการตระหนักถึงคุณค่าของสินค้าและภาพลักษณ์ที่มีต่อแบรนด์ 
กลุ่มที่เข้าข่ายได้แก่หุ้นโรงพยาบาลหุ้นขายสินค้าต่างๆรวมถึงขายสินค้า IT รวมถึงหุ้นร้านอาหารที่มีสาขากระจายทั่วประเทศและสามารถปรับแผนให้เข้ากับ Delivery และเข้ากับพฤติกรรมการอยู่บ้านได้

สุดท้ายการบริหารเงินสดเพื่อรักษาสภาพคล่องไว้ก่อนเคลียรหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และตั้งสำรองเงินสดเพื่อรอโอกาสคงจะเป็นท่าไม้ตายที่สุดสำหรับตอนนี้ที่ดัชนีหุ้นไทยยังแพงอยู่และยังไม่ลง 
ชั่วโมงนี้คนที่มีเงินสดเยอะและอยากลงทุนจริงๆลองมองตลาดนอกประเทศดูจะประกอบอยู่ 2 กลุ่มหลัก ๆ นั้นก็คือ ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดการในระยะสั้นที่มองเห็นปีนี้ GDP จะโตไม่ต่ำกว่า 7% กับประเทศเกิดใหม่ New Market ตลาดเกิดใหม่ ขอให้ท่านนักลงทุนโชคดีกับการลงทุนครับ

#สินธรนาวี

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่