อรุณสวัสดิ์ครับ มิตรรักแฟนคลับ TFEX CLUB! เป็นไงกันบ้างครับ ยังเจอฝนกันอยู่มั้ย
‘กทม.-ภาคกลาง’ ยังเจอฝน ‘ใต้’ตกหนักต่อเนื่อง ‘เหนือ-อีสาน’อากาศเย็น
https://siamrath.co.th/n/400406
ก่อนอื่นเรามาดูราคาปิดกันก่อนนะครับ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ถ่วงตลาด 18-Nov-22 06:43
https://www.infoquest.co.th/2022/251788?line
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มเฮลท์แคร์ ซึ่งบดบังการพุ่งขึ้นของหุ้นซีเมนส์ซึ่งหนุนตลาดหุ้นเยอรมนีปิดบวก
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 428.38 จุด ลดลง 1.79 หรือ -0.42%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,576.12 จุด ลดลง 31.10 จุด หรือ -0.47%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,266.38 จุด เพิ่มขึ้น 32.35 จุด หรือ +0.23% และ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,346.54 จุด ลดลง 4.65 จุด หรือ -0.06%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง แต่ยังบวก 3.9% ในเดือนนี้ และมีแนวโน้มปิดบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีเกินคาด แม้มีความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซนก็ตาม
ส่วนเงินเฟ้อของยูโรโซนในเดือนต.ค.ต่ำกว่าคาดเมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ยังคงอยู่ที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์เนื่องจากราคาพลังงานพุ่งขึ้น
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานของยุโรปนำตลาดร่วงลง 1.7% หลังราคาโลหะพื้นฐานร่วงลง ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวลง อาทิ หุ้นเอ็นเอ็น กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันของเนเธอร์แลนด์ ร่วงลง 4.1% หลังเปิดเผยเป้าหมายผลประกอบการปี 2568 ต่ำกว่าคาด และหุ้นเออีเอ็กซ์ ลดลง 0.1%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเยอรมนีได้แรงหนุนจากหุ้นซีเมนส์ที่พุ่งขึ้น 7% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ที่สดใส และแสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ภาคอุตสาหกรรมในอนาคต
ส่วนหุ้นบริษัทผลิตไฟฟ้าของอังกฤษปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นแดรกซ์และหุ้นเซนทริกา พุ่งขึ้น 5.4% หลังนายเจเรมี ฮันท์ รมว.คลังอังกฤษเปิดเผยว่า จะปรับเพิ่มค่าไฟเฉลี่ยของภาคครัวเรือนและตรึงราคาไปจนถึงปี 2567
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 65)
ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 18, 2022 08:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่เมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกีในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) ว่า เฟดยังคงมีภารกิจที่ต้องทำอีกมากก่อนที่จะสามารถควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมาย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ยังไม่ได้อยู่ในกรอบที่ถือว่ามีการคุมเข้มมากเพียงพอ
"แม้ว่าเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่กรอบ 3.75% - 4.00% ในปีนี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับที่เฟดมองว่าเป็นการคุมเข้มมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งกรอบอัตราดอกเบี้ยที่คุมเข้มได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ 5% - 7%" นายบูลลาร์ดกล่าว
ทั้งนี้ นายบูลลาร์ดระบุว่า หากอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนหรือหลายไตรมาสข้างหน้า ก็มีความเป็นไปได้ว่ากรอบอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวอาจจะปรับลดลง พร้อมกับกล่าวว่า ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงในปีหน้า แต่ทั้งตลาดการเงินและเจ้าหน้าที่เฟดเคยคาดการณ์ไว้เมื่อ 18 เดือนที่แล้วว่า อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก
นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดแสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย และในทางตรงกันข้าม มีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเท่านั้น เนื่องจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นของสหรัฐมีการใช้จ่ายด้วยเงินสดจำนวนมาก และภาคครัวเรือนยังคงมีเงินออมที่สูงมากเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ภาคครัวเรือนลดการใช้จ่าย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สามารถรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12.8 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 1,763 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 54.9 เซนต์ หรือ 2.55% ปิดที่ 20.975 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 24.7 ดอลลาร์ หรือ 2.43% ปิดที่ 991.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 71.30 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 2,010 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.39% แตะที่ 106.6930 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นระดับ 3.784% เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากการที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ สนับสนุนให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ นายบูลลาร์ดกล่าวว่า “แม้ว่าเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่กรอบ 3.75% – 4.00% ในปีนี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับที่เฟดมองว่ามีการคุมเข้มมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งกรอบอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับคุมเข้มอย่างมีประสิทธิภาพก็คือ 5% – 7%”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 65)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% ในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 3.95 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 81.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2565
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.08 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 89.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ย่ำแย่ลงในจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก โดยคณะกรรมการด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงว่า จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 23,276 รายในวันพุธที่ 16 พ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 20,199 รายในวันอังคารที่ 15 พ.ย.
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนพุ่งขึ้นนั้น มาจากการติดเชื้อในเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ซึ่งรวมถึงเมืองกว่างโจว, กรุงปักกิ่ง, เมืองฉงชิ่ง และมณฑลซินเจียง โดยรายงานระบุว่าเทศบาลมณฑลซินเจียงได้ทำการล็อกดาวน์เมืองอุรุมชีเป็นเวลานานเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า โรงกลั่นน้ำมันในจีนขอลดปริมาณการสั่งซื้อน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียในเดือนธ.ค. และยังได้ชะลอการสั่งซื้อนำมันดิบของรัสเซีย
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และจากการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ยังไม่ได้อยู่ในกรอบที่ถือว่ามีการคุมเข้มมากเพียงพอ
กรอบการลงทุนวันนี้ 17/11/2022
‘กทม.-ภาคกลาง’ ยังเจอฝน ‘ใต้’ตกหนักต่อเนื่อง ‘เหนือ-อีสาน’อากาศเย็น https://siamrath.co.th/n/400406
ก่อนอื่นเรามาดูราคาปิดกันก่อนนะครับ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ถ่วงตลาด 18-Nov-22 06:43 https://www.infoquest.co.th/2022/251788?line
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มเฮลท์แคร์ ซึ่งบดบังการพุ่งขึ้นของหุ้นซีเมนส์ซึ่งหนุนตลาดหุ้นเยอรมนีปิดบวก
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 428.38 จุด ลดลง 1.79 หรือ -0.42%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,576.12 จุด ลดลง 31.10 จุด หรือ -0.47%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,266.38 จุด เพิ่มขึ้น 32.35 จุด หรือ +0.23% และ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,346.54 จุด ลดลง 4.65 จุด หรือ -0.06%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง แต่ยังบวก 3.9% ในเดือนนี้ และมีแนวโน้มปิดบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีเกินคาด แม้มีความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซนก็ตาม
ส่วนเงินเฟ้อของยูโรโซนในเดือนต.ค.ต่ำกว่าคาดเมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ยังคงอยู่ที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์เนื่องจากราคาพลังงานพุ่งขึ้น
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานของยุโรปนำตลาดร่วงลง 1.7% หลังราคาโลหะพื้นฐานร่วงลง ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวลง อาทิ หุ้นเอ็นเอ็น กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันของเนเธอร์แลนด์ ร่วงลง 4.1% หลังเปิดเผยเป้าหมายผลประกอบการปี 2568 ต่ำกว่าคาด และหุ้นเออีเอ็กซ์ ลดลง 0.1%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเยอรมนีได้แรงหนุนจากหุ้นซีเมนส์ที่พุ่งขึ้น 7% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ที่สดใส และแสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ภาคอุตสาหกรรมในอนาคต
ส่วนหุ้นบริษัทผลิตไฟฟ้าของอังกฤษปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นแดรกซ์และหุ้นเซนทริกา พุ่งขึ้น 5.4% หลังนายเจเรมี ฮันท์ รมว.คลังอังกฤษเปิดเผยว่า จะปรับเพิ่มค่าไฟเฉลี่ยของภาคครัวเรือนและตรึงราคาไปจนถึงปี 2567
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 65)
ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 18, 2022 08:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่เมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกีในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) ว่า เฟดยังคงมีภารกิจที่ต้องทำอีกมากก่อนที่จะสามารถควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมาย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ยังไม่ได้อยู่ในกรอบที่ถือว่ามีการคุมเข้มมากเพียงพอ
"แม้ว่าเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่กรอบ 3.75% - 4.00% ในปีนี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับที่เฟดมองว่าเป็นการคุมเข้มมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งกรอบอัตราดอกเบี้ยที่คุมเข้มได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ 5% - 7%" นายบูลลาร์ดกล่าว
ทั้งนี้ นายบูลลาร์ดระบุว่า หากอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนหรือหลายไตรมาสข้างหน้า ก็มีความเป็นไปได้ว่ากรอบอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวอาจจะปรับลดลง พร้อมกับกล่าวว่า ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงในปีหน้า แต่ทั้งตลาดการเงินและเจ้าหน้าที่เฟดเคยคาดการณ์ไว้เมื่อ 18 เดือนที่แล้วว่า อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก
นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดแสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย และในทางตรงกันข้าม มีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเท่านั้น เนื่องจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นของสหรัฐมีการใช้จ่ายด้วยเงินสดจำนวนมาก และภาคครัวเรือนยังคงมีเงินออมที่สูงมากเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ภาคครัวเรือนลดการใช้จ่าย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สามารถรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12.8 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 1,763 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 54.9 เซนต์ หรือ 2.55% ปิดที่ 20.975 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 24.7 ดอลลาร์ หรือ 2.43% ปิดที่ 991.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 71.30 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 2,010 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.39% แตะที่ 106.6930 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นระดับ 3.784% เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากการที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ สนับสนุนให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ นายบูลลาร์ดกล่าวว่า “แม้ว่าเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่กรอบ 3.75% – 4.00% ในปีนี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับที่เฟดมองว่ามีการคุมเข้มมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งกรอบอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับคุมเข้มอย่างมีประสิทธิภาพก็คือ 5% – 7%”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 65)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% ในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 3.95 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 81.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2565
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.08 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 89.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ย่ำแย่ลงในจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก โดยคณะกรรมการด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงว่า จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 23,276 รายในวันพุธที่ 16 พ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 20,199 รายในวันอังคารที่ 15 พ.ย.
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนพุ่งขึ้นนั้น มาจากการติดเชื้อในเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ซึ่งรวมถึงเมืองกว่างโจว, กรุงปักกิ่ง, เมืองฉงชิ่ง และมณฑลซินเจียง โดยรายงานระบุว่าเทศบาลมณฑลซินเจียงได้ทำการล็อกดาวน์เมืองอุรุมชีเป็นเวลานานเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า โรงกลั่นน้ำมันในจีนขอลดปริมาณการสั่งซื้อน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียในเดือนธ.ค. และยังได้ชะลอการสั่งซื้อนำมันดิบของรัสเซีย
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และจากการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ยังไม่ได้อยู่ในกรอบที่ถือว่ามีการคุมเข้มมากเพียงพอ