ริษยารักข้ามภพ บทที่ 9



ขอบคุณภาพ โมนาลิซ่าแห่งรัฐฉาน ภาพเจ้านางอ่อนยุ้น โดยฝีมือจิตรกรอังกฤษ ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนบทที่ 9 นี้

ตอนเดิม


ตอนที่ 9

รุ่งเช้าของวันใหม่ที่กลับกลายเป็นทึมเทา หมอกเหมยสีขาวลอยอ้อยอิ่งปกคลุมเหนือดอยขาบ จนทั้งดอยซึ่งเคยปกคลุมด้วยสีแมกไม้เขียวขจีดูหม่นมัวไป สายลมพัดใบไม้แห้งปลิดปลิวหล่นจากต้นลอยเคว้งกลางอากาศ ก่อนทิ้งตัวร่วงหล่นลงสู่พื้นอย่างหงอยเหงา เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ดูมืดครึ้มลง เพราะมีปุยเมฆลอยมาบดบังแสงตะวันเสียสิ้น บรรยากาศดูอ้างว้างซึมเซา แม้สายลมเคยพัดพลิ้วหยอกล้อทิวไม้แผ่วเบาอยู่ทุกวี่วัน ยังพากันหมางเมิน สงบนิ่ง ดั่งไว้อาลัยให้กับคู่รักที่กำลังจะพลัดพรากจากกันไปไกล

บริเวณหน้าหอหลวงมีรถยนต์สองคันจอดอยู่ คันหนึ่งเป็นรถของหมอสมิธกับภริยา และบาทหลวงริชาร์ท ส่วนอีกคันเป็นรถพร้อมคนขับ ที่เจ้าแม่จันทร์หอมเตรียมไว้สำหรับสหายหญิงของโอรส หมอฝรั่งพร้อมภริยาและบาทหลวงชาวอังกฤษขึ้นไปถวายบังคมลาเจ้าฟ้าเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังยืนรอนางสาวปิมปา กานดา ซึ่งเจ้าชายฟ้าคุ้มพาขึ้นไปทูลลาเจ้าฟ้าอยู่ข้างรถยนต์ของตนเอง เมื่อเสร็จจากกราบบังคมลา เจ้าชายน้อยก็พาปิมปามาส่งขึ้นรถ ด้วยอาการโทมนัสตรมตรอม สีพระพักตร์เศร้าหมองไม่ต่างกันกับหญิงคนรัก หนุ่มน้อยยืนกุมมือคนรักร่ำลากันอย่างทุกข์เทวษเนิ่นนาน

เจ้านางคำหยาดฟ้าตามลงมาจากหอหลวง พร้อมด้วยเจ้าชายพรหมภูมินทร์และหนานอินเฟือน ทั้งสามตรงมาหาคู่รักที่กำลังยืนเศร้าสร้อยอาลัยอาวรณ์กันอยู่ ครั้นเห็นน้องชายอาลัยคนรักไม่เลิกรา ก็แตะอังสะเตือนให้ปล่อยเธอขึ้นรถเสียที หนุ่มน้อยหันมาทางพระภคินี ความรันทดฉายอยู่เต็มหน่วยเนตรหมอง ก่อนหันกลับมาให้คำมั่นกับสาวคนรักอีกครา

“ดูแลตัวเองให้ดีนะปอบปี้ ฉันสัญญาว่าจะไปหาเธอที่เชียงใหม่” 

ปิมปาพยักหน้ารับอย่างเงื่องหงอย เป็นทุกข์เกินกว่าจะเอ่ยวาจาโต้ตอบคำใดออกมาได้ ด้วยใจของเธอรู้ดีว่ามันยากยิ่งเสียแล้วที่จะเป็นไปตามคำมั่นของชายคนรัก กระนั้นก็ยังฝืนยิ้มให้เขา

“ฉันก็จะคิดถึงเธอเสมอ และรับปากว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เธอเองก็เช่นกัน”

“ไม่ต้องเป็นห่วงน้องปิมปาดอก ชายน้อย อ้ายขอรับอาสาดูแลปิมปาให้เอง”

ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศแห่งความอาดูร ทุกคนหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน

“พี่ชายใหญ่” 

เจ้าชายฟ้าคุ้มอุทานเรียกเชษฐาต่างชนนี ซึ่งเข้ามายืนอยู่ด้านหลังคนทั้งหมดอย่างแปลกพระทัย สงสัยที่เจ้าชายมหาคำคืนอยู่ในฉลองพระองค์คล้ายจะออกเดินทางไปนอกเมือง

“ชายใหญ่น้องจะไปที่แห่งใดรึ” 

เจ้านางคำหยาดฟ้าเองก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของน้องชายคนโต ถามขึ้นอย่างสงสัย ด้วยนึกคลางแคลงพระทัยที่หมู่นี้มักเห็นสองแม่ลูกผู้พลาดหวังตำแหน่งใหญ่ มีพฤติกรรมอันน่าสงสัย เมื่อวานก็เห็นลอบมองหญิงคนรักของน้องชาย แล้วซุบซิบกันอย่างมีพิรุธ

“ข้าจะตามไปส่งน้องปิมปาให้ถึงเชียงใหม่น่ะสิ” ตอบคำถามอย่างมีเลศนัย เนตรยาวรีเปล่งประกายแวววาว

“เราควรทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีมิใช่หรือ ในเมื่อองค์รัชทายาทไม่สะดวกดูแลเพื่อนหญิง ข้าก็จะขอขันอาสาดูแลให้เอง...อ้ายนึกเอ็นดูน้องปิมปามานาน หากจะขอไปส่งจนถึงบ้าน ไม่ทราบว่าน้องจะรังเกียจหรือไม่”

ประโยคท้ายเจาะจงพูดด้วยกับหญิงสาวผู้ยืนมึนงงอยู่กับที่ ปิมปานึกแปลกใจต่อท่าทีของเจ้าชายพระองค์นี้ เพราะที่ผ่านมา ตนกับเจ้าชายใหญ่แทบไม่เคยได้สนทนากันจริงจังมาก่อน ไฉนจึงทำท่าห่วงใยราวกับสนิทสนมกันมานาน หญิงชาวเชียงใหม่ได้แต่พึมพำรับคำว่าไม่ได้รังเกียจ 

ซึ่งหากการกระทำครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อยั่วโทสะน้องชายผู้ที่ตนคิดอิจฉาแล้ว ก็นับได้ว่าเจ้าชายมหาคำคืนกระทำการได้สำเร็จ เพราะอีกฝ่ายพักตร์เสียลงทันที บอกเสียงขุ่นว่า

“ปิมปาเดินทางไปพร้อมหมอและนักบวช อีกทั้งมีคนของเราเป็นคนขับรถให้อยู่แล้ว ไม่ต้องลำบากพี่ชายใหญ่ดอกเจ้าข้า”

“เรื่องนั้นข้ารู้ แต่ก็ยังอยากไปส่งปิมปาอยู่ดี เพราะยามนี้ข้าว่าง ไม่ได้มีภาระอันใด” แสร้งพูดยั่วให้เจ้าชายฟ้าคุ้มเกิดระแวงหนักมากขึ้น

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” เจ้าชายพรหมภูมินทร์ซึ่งยืนคอยสังเกตการณ์อยู่สอดเสียงเข้มขึ้นมา ประกายคมกล้าจากนัยน์ของนักรบจ้องอีกฝ่ายเขม็ง เสมือนจะบอกว่ารู้ทัน 

“นับเป็นความกรุณาต่อคนรักของเจ้าชายน้อย ที่เจ้าชายใหญ่จะรับดูแลเธอให้ปลอดภัยจนถึงบ้าน อ้ายซาบซึ้งใจมาก แต่ขอท่านอย่าอยู่นานนัก ส่งเธอแล้วรีบกลับมา เพราะยังมีเรื่องต้องขอคำปรึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่น่าไว้ใจอีกหลายเรื่อง”

คนถูกจ้องเมินหลบสายพระเนตรเข้มดุ ตอบอุบอิบ กลบเกลื่อนความหวั่นไหวต่อรังสีดุดันของอีกฝ่าย

“ท่านไม่ต้องเป็นห่วงว่าข้าจะอยู่นานดอก ถึงยังไงก็ต้องรีบกลับมาบ้านตัวเองอยู่แล้ว พูดอย่างกับข้าจะไปพักค้างแรมอยู่ที่เชียงใหม่งั้นแหละ เอาล่ะ อย่าเสียเวลาเลย เดี๋ยวสายมากไปจะมิทันการ หมอสมิธและบาทหลวงยังต้องเดินทางต่อไปยังอังกฤษอีก เรารีบไปกันเถอะ เชิญทุกท่านขึ้นรถได้แล้ว”

รวบรัดให้จบการร่ำลาเสียโดยเร็ว แล้วชวนชาวต่างชาติซึ่งยืนรีรออยู่ให้ขึ้นรถได้ ก่อนหันมายื่นแขนให้ปิมปาเกาะ หญิงสาวเหลียวมองชายคนรักตาละห้อย จำใจต้องเดินตามเจ้าชายมหาคำคืนไปขึ้นรถ ร่างสูงสำอางถือโอกาสนั่งแนบชิดกับหญิงสาวบนเบาะหลัง ไม่สนพระทัยท่าทีขัดเขินพยายามกระถดกายออกห่างของสาวน้อย

และเมื่อทุกคนขึ้นนั่งประจำที่กันพร้อมแล้ว รถทั้งสองคันก็เคลื่อนออกจากลานหน้าหอหลวง มุ่งหน้าสู่ถนนนอกกำแพงเมือง ทิ้งให้เจ้าชายฟ้าคุ้มมองตามหลังรถไปด้วยความคับแค้นที่อัดแน่นจนอุระแทบระเบิด

“ข้านึกแคลงใจในท่าทีของชายใหญ่ มหาคำคืนไม่เคยมีท่าทีสนใจสตรีนางใดมาก่อน จู่ ๆ มาบอกว่าแอบเอ็นดูน้องปิมปา ช่างเหลือเชื่อนัก”

เรื่องนี้มีพิรุธมากเกินไป เจ้านางคำหยาดฟ้าเปรยออกมา ขณะมองตามหลังรถที่แล่นลับสายตาหายไปจากลานหน้าหอหลวง

“จะมีอันใดอีก นอกจากเจ้าชายใหญ่ต้องการยั่วเจ้าชายน้อยให้เสียใจเล่น” 

เจ้าชายนักรบตอบ เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นแค่แผนการตื้น ๆ หวังให้ผู้รั้งตำแหน่งรัชทายาทเกิดเป็นทุกข์จากความหึงหวง จนลอบตามคนรักไปหากันถึงเชียงใหม่ หมายจะให้เจ้าฟ้าพิโรธจนสั่งลงโทษนั่นเอง 

ทรงหันมาทางองค์ชายผู้ยืนขบกรามแน่น ตบอังสะปลอบเบา ๆ 

“เจ้าชายน้อยอย่าได้วิตกไปเลย หากท่านเชื่อมั่นในตัวปิมปาก็ไม่ต้องหวั่นเกรงอันใด ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังดอก”

“หมู่นี้เจ้าชายใหญ่ทำตัวแปลก ๆ เมื่อวานก็เห็นให้คนมาตามหนานแสนเมือง หนานจันผา น้อยจอมแปงกับพวกอีกสามสี่คน ให้ไปหาที่ห้องของเจ้าแม่อุษาประไพ คนพวกนี้ถูกพระชายารองให้ท้าย เข้านอกออกในหอหลวงได้สะดวกทุกเมื่อ โดยไม่มีใครกล้าทักท้วง และมักทำตัวกร่างใส่ขุนนางคนอื่น อวดว่าเป็นคนสนิทของพระชายารอง เจ้าฟ้าเองก็หนักพระทัย ครั้นจะว่ากล่าวแรง ๆ ก็ติดที่กำลังจะทำการหักหาญพระนาง เรื่องแต่งตั้งรัชทายาท ท่านได้แต่บ่นให้ข้าน้อยฟังอยู่เรื่อย”

หนานอินเฟือนซึ่งนิ่งมองเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ เล่าให้ทั้งหมดฟัง

“เจ้าชายใหญ่นั้นมิเท่าใดดอก คนที่น่าหวั่นเกรงคือเจ้าแม่ของท่านมากกว่า นางทั้งเจ้ายศเจ้าอย่าง ทั้งใจใหญ่ หนานจับตาดูคนเหล่านี้ไว้ให้ดี สั่งคนของเราให้คอยตามประกบตลอดเวลา โดยเฉพาะแม่ทัพแสนเมือง เพราะคนผู้นี้มีกำลังทหารอยู่ในมือ หากมีการเคลื่อนไหวกำลังพลเมื่อใด ให้รีบแจ้งเราโดยเร็ว”

เจ้าชายองครักษ์สั่งการออกไป หนานอินเฟือนค้อมศีรษะลงรับคำบัญชา

“ข้าก็คิดแบบเดียวกัน ท่านโปรดวางใจ ข้าน้อยจะเร่งดำเนินการ”

“เช่นนั้นข้าจะทัดทานเจ้าพ่อเรื่องแต่งตั้งรัชทายาทออกไปก่อน มิให้เติมฟืนเป็นเชื้อไฟ จนกว่าพวกเราจะพร้อมรับมือกับฝ่ายเจ้าแม่อุษาประไพ” เจ้านางสาวเอ่ยขึ้น ก่อนหันมาขอร้องน้องชายผู้ยังยืนพระพักตร์หมองอยู่ 

“แต่ตอนนี้พี่อยากจะขอร้องชายน้อย น้องพี่ เจ้าจงระงับความอาลัยในตัวปิมปาเอาไว้ก่อน อย่าได้ตกหลุมพรางที่เขาตั้งใจขุดล่อเจ้า เราจะทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบ เจ้ารับคำพี่ได้หรือไม่” 

ซึ่งเจ้าชายฟ้าคุ้มเอง ก็จำต้องรับคำพระพี่นางอย่างไม่ค่อยเต็มพระทัยเท่าใดนัก

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่