[ บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/40789979 ]
[ บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/40799747 ]
[ บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/40811467 ]
[ บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/40820564 ]
[ บทที่ 5
https://ppantip.com/topic/40824378 ]
บทที่ 6 ...
.
.
แม้จะวางสายกับคุณดุลยรัฐไปแล้ว แต่ความอึ้งก็ยังคงอยู่ ติ๊นาถือโทรศัพท์ค้างในมือ ใบหน้าดนัยลอยไปมาอยู่ในหัว ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง แค่มีชายหนุ่มสองคนก้าวเข้ามาให้เลือก แค่นั้นก็ทำให้ติ๊นาเปลี่ยนไปเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว ตอนนี้ ซ้ำร้ายเข้าไปอีก เมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มสองคนกลับกลายเป็นพี่น้องกัน และพี่น้องทั้งสองคนต่างก็ยังไม่รู้ว่าผู้หญิงที่พวกเขาเกี่ยวข้องอยู่นั้น เป็นคนคนเดียวกัน
แล้วติ๊นาจะต้องทำอย่างไรต่อ?
ถ้าถือดนัยเป็นตัวตั้ง ติ๊นาคิดว่าตัวเองพอใจแล้วนะ สำหรับผู้ชายอย่างดนัย แม้เขาจะเป็นชายหนุ่มที่ต้องคอยให้เตือนในบางเรื่องบางเวลาตามแต่ละสถานการณ์ แต่นั่นมันก็แค่ความรู้สึกของติ๊นาฝ่ายเดียว ที่เหมือนกับอยากให้เขาเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ให้ถูกใจตัวเอง
ผู้หญิงซึ่งเขามองข้ามเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างที่ติ๊นาเป็นก็มีเยอะนะ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ชอบแบบนั้นด้วยซ้ำ เอ๊ะ ติ๊นาลืมข้อนี้ไปเหมือนกัน
ที่ดนัยเป็นดนัยอย่างนั้น ติ๊นารู้ ติ๊นาเข้าใจ เข้าใจดีว่ามันเป็นนิสัยส่วนตัวของเขา ซึ่งก็ไม่ได้เสียหายอะไร ทุกครั้งที่ติ๊นาบอกเขาว่า ทำไมไม่ทำอย่างนั้น .. ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ดนัยไม่เคยอิดออดเลยที่จะทำตาม ตรงนี้ไงที่ติ๊นาพอใจ เป็นปลื้ม ราวกับเป็นเรื่องคุ้นเคยจากหน้าที่การงานลามไปสู่เขา เอ.. การเป็นปลื้มในเรื่องนี้ เท่ากับเป็นการส่งเสริมนิสัยชอบสั่งการของตัวเองหรือเปล่าหนอ?
แล้วคุณดุลยรัฐล่ะ?
ชายหนุ่มในมาดพี่ชายที่แสนอบอุ่น ติ๊นาว่าเขาเข้ามาเติมเต็มส่วนขาดของดนัยมากกว่านะ ถ้าเข้ามาเติมเต็มให้ติ๊นา ติ๊นาก็ไม่ได้ขาดอะไรนี่นา เขาเข้ามาเติมเต็มในบางจุดของชายหนุ่มอีกคนต่างหาก
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวตนของคุณดุลยรัฐ ยอมรับว่าติ๊นายังไม่เคยเห็นเขาขาดตกบกพร่องเรื่องใดเลย ติ๊นาหมายความถึงเรื่องนิสัยใจคอและสัมพันธภาพของเราเท่านั้นนะ เรื่องครอบครัวส่วนตัว ยอมรับว่ายังไม่รู้รายละเอียด ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่จะตามมาพร้อมกับกาลเวลาเอง กาลเวลาซึ่งเราต้องทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ ...ถ้าติ๊นายังมีไมตรีกับเขาอยู่นะ
ติ๊นาเป็นปลื้มกับเขามากมายอย่างนั้นหรือ? ก็ไม่นี่นา เพียงแต่ยอมรับว่า เขาเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็กคนหนึ่ง เท่านั้นเอง
แบบนี้เขาเรียกว่าเปิดใจให้กับผู้ชายอีกคน และนอกใจอีกคนหรือเปล่านะ?
. . .
ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย หากเราได้รับความรู้สึกดี ๆ จากฝ่ายตรงข้าม ร้อยทั้งร้อย ติ๊นาเชื่อว่า เป็นใครก็ต้องหยุดพิจารณาสิ่งดี ๆ นั้นด้วยกันทุกคน สิ่งนั้นมาจากอะไร? เพื่ออะไร? ทำไมต้องมีให้เรา? และในเมื่อสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งดี เราจะเมินเฉย หรือไม่ไยดี โดยไม่แม้แต่จะหยุดพิจารณากับสิ่งนั้นเลย อย่างนั้นหรือ? . . .
เหมือนจะเข้าข้างตัวเองนะ
ติ๊นาหงายโทรศัพท์ขึ้นแตะหาเมนูรายชื่อ
เจอแล้ว
ดนัย
แตะที่ปุ่มโทรออกอีกครั้ง สัญญาณปลายทางว่าง
รอแค่เพียงชั่วครู่ ดนัยก็ส่งเสียงแว่วมา "ว่าไงครับผม จะชวนออกไปทานข้าวเที่ยงหรอ?"
"เปล๊า!" ติ๊นาแกล้งทำเสียงยั่ว
"ผิดคาดซะแล้วเรา เฮ้ออ... " ดนัยลากเสียงยาว "ว่าแต่ว่า ทำไมน้ำเสียงไม่ค่อยดีเลย อาละวาดลูกน้องอยู่รึเปล่า?"
"เปล่า! แต่กำลังจะอาละวาดคนคุยด้วยนี่แหละ" ติ๊นาพูดชัดถ้อยชัดคำ
"ทำไมอ่ะ ทำผิดอะไรอีกเหรอ" คำถามซื่อ ๆ ตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้ติ๊นาคลายยิ้มออกมา
"แหม... คิดอยู่แต่ว่าจะคอยจับผิดเหรอ" ติ๊นาถามกลับไป
"ไม่รู้สิ"
"ถามจริง ๆ นะตะเอง ติ๊นาเจ้ากี้เจ้าการกับตะเองมั๊ย?.. " คล้ายกับว่าดนัยจะเว้นช่วงไปอึดใจ แต่ก็ตอบกลับมา
"ไม่หรอก ไม่เคยคิดยังงั้นเลย ดีใจเสียอีกที่มีคนคอยเป็นห่วงเรา"
"ตอบจากใจนะ ไม่ใช่ตอบให้ถูกใจ" ติ๊นาทำเสียงเข้ม
"นั่นแหละ ตอบจากหัวใจเลย นี่นะ... " ดนัยเว้นคำพูด "เมื่อวันก่อน ดนัยบอกไปแล้วนี่ ว่า การที่มีคนคอยห่วง คอยมองเห็นตัวเราอยู่เสมอ มันน่าจะเป็นความปลื้มใจมากกว่าน่ารำคาญนะ ยิ่งคนคอยห่วงเราคือคนที่ใช่ด้วย มันยิ่งปลื้มใจ สุขใจสุด ๆ ไปเลย ไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าคน ๆ นั้น คือใคร?"
ติ๊นายิ้มกับโทรศัพท์อยู่คนเดียว นี่ไง ที่ติ๊นารู้สึกกับตัวเองเสมอว่า ติ๊นาพอใจแล้ว .. สุขใจแล้ว กับชายหนุ่มคนนี้
"ตะเอง.. " ติ๊นาเรียกดนัยเสียงแผ่ว "อยากเจอตะเองจังเลย"
"คิดถึงใช่ไหมล่ะ?"
"อย่าเพิ่งพูดเล่นสิ"
"ไม่ได้พูดเล่น พูดจริง ๆ แล้วก็ถามจริงจังด้วย คิดถึงใช่ไหม?.. ตอบมาจากใจด้วยนะ ไม่ใช่ตอบให้ถูกใจ"
ติ๊นาหัวเราะร่วน "นี่! เดี๋ยวนี้เริ่มยอกย้อนนะ" ดนัยก็หัวเราะมาตามสายเช่นกัน
"เจอกันยังไงดี?" ติ๊นาถามกลับไป
"ยังไม่ตอบคำถามตะกี้เลย" ยอกย้อนไม่พอ ยังไม่รามืออีกด้วย
"ตอบก็ได้ ..คิดถึงค่า คิดถึงมากด้วย พอใจรึยัง!?" ดนัยหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม
"งั้นตอนเย็นไปทานข้าวกัน ตอนเที่ยงคุยได้แค่แป๊บเดียวเอง ตอนเย็นดีกว่านะ"
"ได้เลย รับทราบเจ้าค่ะ! งั้นแค่นี้ก่อน ..คิดถึงตะเองนะ รู้ป่ะ?"
"รู้แล้วจ้า เก็บไว้ก่อน ตอนเย็นก็ได้เห็นหน้ากันอยู่แล้ว โอเค.นะ ก่อนเลิกงานเดี๋ยวจะไปรอรับที่ล็อบบี้"
วางสายครั้งนี้ ถึงท้องฟ้าจะยังไม่สว่างไสว แต่ติ๊นามองเห็นก้อนเมฆนวลนุ่มนะ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นมากมายเลย.....
.............
.............
(มีต่อ)
☻ รักต้องเลือก ☻ บทที่ 6 ...
[ บทที่ 2 https://ppantip.com/topic/40799747 ]
[ บทที่ 3 https://ppantip.com/topic/40811467 ]
[ บทที่ 4 https://ppantip.com/topic/40820564 ]
[ บทที่ 5 https://ppantip.com/topic/40824378 ]
บทที่ 6 ...
แล้วติ๊นาจะต้องทำอย่างไรต่อ?
ถ้าถือดนัยเป็นตัวตั้ง ติ๊นาคิดว่าตัวเองพอใจแล้วนะ สำหรับผู้ชายอย่างดนัย แม้เขาจะเป็นชายหนุ่มที่ต้องคอยให้เตือนในบางเรื่องบางเวลาตามแต่ละสถานการณ์ แต่นั่นมันก็แค่ความรู้สึกของติ๊นาฝ่ายเดียว ที่เหมือนกับอยากให้เขาเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ให้ถูกใจตัวเอง
ผู้หญิงซึ่งเขามองข้ามเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างที่ติ๊นาเป็นก็มีเยอะนะ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ชอบแบบนั้นด้วยซ้ำ เอ๊ะ ติ๊นาลืมข้อนี้ไปเหมือนกัน
ที่ดนัยเป็นดนัยอย่างนั้น ติ๊นารู้ ติ๊นาเข้าใจ เข้าใจดีว่ามันเป็นนิสัยส่วนตัวของเขา ซึ่งก็ไม่ได้เสียหายอะไร ทุกครั้งที่ติ๊นาบอกเขาว่า ทำไมไม่ทำอย่างนั้น .. ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ดนัยไม่เคยอิดออดเลยที่จะทำตาม ตรงนี้ไงที่ติ๊นาพอใจ เป็นปลื้ม ราวกับเป็นเรื่องคุ้นเคยจากหน้าที่การงานลามไปสู่เขา เอ.. การเป็นปลื้มในเรื่องนี้ เท่ากับเป็นการส่งเสริมนิสัยชอบสั่งการของตัวเองหรือเปล่าหนอ?
แล้วคุณดุลยรัฐล่ะ?
ชายหนุ่มในมาดพี่ชายที่แสนอบอุ่น ติ๊นาว่าเขาเข้ามาเติมเต็มส่วนขาดของดนัยมากกว่านะ ถ้าเข้ามาเติมเต็มให้ติ๊นา ติ๊นาก็ไม่ได้ขาดอะไรนี่นา เขาเข้ามาเติมเต็มในบางจุดของชายหนุ่มอีกคนต่างหาก
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวตนของคุณดุลยรัฐ ยอมรับว่าติ๊นายังไม่เคยเห็นเขาขาดตกบกพร่องเรื่องใดเลย ติ๊นาหมายความถึงเรื่องนิสัยใจคอและสัมพันธภาพของเราเท่านั้นนะ เรื่องครอบครัวส่วนตัว ยอมรับว่ายังไม่รู้รายละเอียด ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่จะตามมาพร้อมกับกาลเวลาเอง กาลเวลาซึ่งเราต้องทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ ...ถ้าติ๊นายังมีไมตรีกับเขาอยู่นะ
ติ๊นาเป็นปลื้มกับเขามากมายอย่างนั้นหรือ? ก็ไม่นี่นา เพียงแต่ยอมรับว่า เขาเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็กคนหนึ่ง เท่านั้นเอง
แบบนี้เขาเรียกว่าเปิดใจให้กับผู้ชายอีกคน และนอกใจอีกคนหรือเปล่านะ?
. . . ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย หากเราได้รับความรู้สึกดี ๆ จากฝ่ายตรงข้าม ร้อยทั้งร้อย ติ๊นาเชื่อว่า เป็นใครก็ต้องหยุดพิจารณาสิ่งดี ๆ นั้นด้วยกันทุกคน สิ่งนั้นมาจากอะไร? เพื่ออะไร? ทำไมต้องมีให้เรา? และในเมื่อสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งดี เราจะเมินเฉย หรือไม่ไยดี โดยไม่แม้แต่จะหยุดพิจารณากับสิ่งนั้นเลย อย่างนั้นหรือ? . . .
เหมือนจะเข้าข้างตัวเองนะ
ติ๊นาหงายโทรศัพท์ขึ้นแตะหาเมนูรายชื่อ
เจอแล้ว ดนัย
แตะที่ปุ่มโทรออกอีกครั้ง สัญญาณปลายทางว่าง
รอแค่เพียงชั่วครู่ ดนัยก็ส่งเสียงแว่วมา "ว่าไงครับผม จะชวนออกไปทานข้าวเที่ยงหรอ?"
"เปล๊า!" ติ๊นาแกล้งทำเสียงยั่ว
"ผิดคาดซะแล้วเรา เฮ้ออ... " ดนัยลากเสียงยาว "ว่าแต่ว่า ทำไมน้ำเสียงไม่ค่อยดีเลย อาละวาดลูกน้องอยู่รึเปล่า?"
"เปล่า! แต่กำลังจะอาละวาดคนคุยด้วยนี่แหละ" ติ๊นาพูดชัดถ้อยชัดคำ
"ทำไมอ่ะ ทำผิดอะไรอีกเหรอ" คำถามซื่อ ๆ ตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้ติ๊นาคลายยิ้มออกมา
"แหม... คิดอยู่แต่ว่าจะคอยจับผิดเหรอ" ติ๊นาถามกลับไป
"ไม่รู้สิ"
"ถามจริง ๆ นะตะเอง ติ๊นาเจ้ากี้เจ้าการกับตะเองมั๊ย?.. " คล้ายกับว่าดนัยจะเว้นช่วงไปอึดใจ แต่ก็ตอบกลับมา
"ไม่หรอก ไม่เคยคิดยังงั้นเลย ดีใจเสียอีกที่มีคนคอยเป็นห่วงเรา"
"ตอบจากใจนะ ไม่ใช่ตอบให้ถูกใจ" ติ๊นาทำเสียงเข้ม
"นั่นแหละ ตอบจากหัวใจเลย นี่นะ... " ดนัยเว้นคำพูด "เมื่อวันก่อน ดนัยบอกไปแล้วนี่ ว่า การที่มีคนคอยห่วง คอยมองเห็นตัวเราอยู่เสมอ มันน่าจะเป็นความปลื้มใจมากกว่าน่ารำคาญนะ ยิ่งคนคอยห่วงเราคือคนที่ใช่ด้วย มันยิ่งปลื้มใจ สุขใจสุด ๆ ไปเลย ไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าคน ๆ นั้น คือใคร?"
ติ๊นายิ้มกับโทรศัพท์อยู่คนเดียว นี่ไง ที่ติ๊นารู้สึกกับตัวเองเสมอว่า ติ๊นาพอใจแล้ว .. สุขใจแล้ว กับชายหนุ่มคนนี้
"ตะเอง.. " ติ๊นาเรียกดนัยเสียงแผ่ว "อยากเจอตะเองจังเลย"
"คิดถึงใช่ไหมล่ะ?"
"อย่าเพิ่งพูดเล่นสิ"
"ไม่ได้พูดเล่น พูดจริง ๆ แล้วก็ถามจริงจังด้วย คิดถึงใช่ไหม?.. ตอบมาจากใจด้วยนะ ไม่ใช่ตอบให้ถูกใจ"
ติ๊นาหัวเราะร่วน "นี่! เดี๋ยวนี้เริ่มยอกย้อนนะ" ดนัยก็หัวเราะมาตามสายเช่นกัน
"เจอกันยังไงดี?" ติ๊นาถามกลับไป
"ยังไม่ตอบคำถามตะกี้เลย" ยอกย้อนไม่พอ ยังไม่รามืออีกด้วย
"ตอบก็ได้ ..คิดถึงค่า คิดถึงมากด้วย พอใจรึยัง!?" ดนัยหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม
"งั้นตอนเย็นไปทานข้าวกัน ตอนเที่ยงคุยได้แค่แป๊บเดียวเอง ตอนเย็นดีกว่านะ"
"ได้เลย รับทราบเจ้าค่ะ! งั้นแค่นี้ก่อน ..คิดถึงตะเองนะ รู้ป่ะ?"
"รู้แล้วจ้า เก็บไว้ก่อน ตอนเย็นก็ได้เห็นหน้ากันอยู่แล้ว โอเค.นะ ก่อนเลิกงานเดี๋ยวจะไปรอรับที่ล็อบบี้"
วางสายครั้งนี้ ถึงท้องฟ้าจะยังไม่สว่างไสว แต่ติ๊นามองเห็นก้อนเมฆนวลนุ่มนะ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นมากมายเลย.....
.............
.............
(มีต่อ)