บทที่ 6
แสงแรกของตะวันยังไม่ทันได้ทาบทาท้องฟ้าดี เทิดซึ่งนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องที่ตัวเองไปแอบเห็นมาเมื่อเย็นย่ำของวันวาน หลังจากไม่อาจทนนอนกระสับกระส่ายอยู่ในที่นอนได้ เขาก็ลุกออกมานั่งพิงเสาเรือนกลางโถงบ้าน เหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีนอกชายคาบ้าน อย่างคนใช้ความคิด
หนุ่มใหญ่ตัดสินใจไม่ถูก ใจหนึ่งอยากไปพบกับชายหนุ่ม ผู้กำลังจะมาเป็นครูสอนหนังสือให้กับลูกตัวเอง รวมถึงลูกชาวบ้านแถวนี้ด้วย เพื่อเตือนให้ระวังตัว เขาจะปล่อยให้ครูคนใหม่ถูกนังแก้มมันทำร้ายเอาไม่ได้ นางผีปอบตนนั้นคงหมายหัวครูหนุ่มคนนี้ เพราะเขาเป็นคนมีรูปร่างหน้าตาดี หน้าตาท่าทางแบบนี้เป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ มาก รวมทั้งนางผีโสโครกตนนั้นด้วย
แต่มาคิดดูอีกที ตัวเองยังไม่ค่อยรู้จักมักคุ้นกับคุณครูคนใหม่สักเท่าไหร่ ซํ้าร้ายตอนที่ครูพาเจ้าโก๊ะ ลูกชายคนเดียวของเขามาส่งถึงที่บ้านในเวลาใกล้คํ่า เขายังแสดงอาการไม่พอใจออกมาจนน่าเกลียด ซึ่งไม่รู้ว่าครูชานนท์จะถือสาหาความเอาหรือเปล่า
นั่งคิดวุ่นวายใจอยู่คนเดียว จวบจนฉวีลุกตามออกมามองหน้าผัวอย่างสงสัย ก่อนจะเดินหายเข้าครัวไป จนหุงหาอาหารเสร็จแล้ว เข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่า ก่อนกลับเข้ามาจัดสำรับกับข้าวในครัว เพื่อเตรียมตัวจะกินข้าวมื้อเช้ากัน พอยกสำรับออกมา ก็ยังคงเห็นเทิดนั่งทำท่าครุ่นคิดอยู่ที่เดิม
“พี่เทิด พี่เป็นอะไรไป” ฉวีวางสำรับลงบนเสื่อ พลางถามด้วยสีหน้าแสดงความกังขา
“อ๋อ ปละ...เปล่า ไม่มีอะไร” คนนั่งเหม่อรู้สึกตัว รีบปฏิเสธ ฉวีมองหน้าอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“แล้วทำไมพี่ถึงลุกมานั่งอยู่นี่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี เมื่อคืนก็เห็นพี่นอนพลิกไปพลิกมา พี่นอนไม่หลับเหรอ”
“อืม...เมื่อคืนพี่นอนไม่หลับจริง ๆ ไม่รู้เป็นอะไรของมันเหมือนกัน”
ยอมรับว่าตัวเองนอนไม่หลับ แต่ไม่ยอมบอกถึงสาเหตุให้เมียรู้ คิดว่าจะหาทางพิสูจน์ดูด้วยตาตัวเองจะดีกว่า สำหรับเรื่องครูชายคนใหม่ ที่เมื่อวานคงได้กินอาหารปลุกเสกของนางผีปอบเข้าไปแล้ว
เสียงเปิดประตูห้องนอนอีกห้องดังขึ้น ร่างเด็กชายสมพงษ์หรือเจ้าโก๊ะ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของทั้งคู่ เดินงัวเงียออกประตูห้องนอนมา ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของคนเป็นพ่อกับแม่ เด็กชายถือผ้าเช็ดตัวเดินหายไปทางหลังบ้าน ครู่หนึ่งก็อาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน เดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางสดชื่นขึ้น
เทิดหรี่ตามองลูกชายตัวเองที่กำลังขมีขมันแต่งตัวด้วยชุดนักเรียน ทั้งที่ปกติแล้ว กว่าจะปลุกให้ลุกขึ้นมาได้ ต้องเรียกกันคอแทบแตก ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวกินข้าว กว่าจะเสร็จไปถึงโรงเรียนได้ก็สายจนโรงเรียนเข้าไปแล้วนั่นแหละ
“สงสัยวันนี้ฝนคงจะตกใหญ่ ไอ้โก๊ะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนเองเว้ยเฮ้ย” อดสัพยอกลูกชายตัวน้อยไม่ได้
“ก็แล้วมันไม่ดีหรือไง พี่เทิด ลูกมันอยากไปโรงเรียน ไปพูดแซวลูกทำไม”
คนเป็นแม่ซึ่งกำลังคดข้าวใส่จานวางเรียง พูดปรามผัว พลางค้อนเขาวงใหญ่ ที่จริงก็พูดปรามไปอย่างนั้นเอง เพราะตัวเองก็แอบนึกสงสัยอยู่เหมือนกัน ลูกชายตัวดีดูเหมือนจะชอบไปโรงเรียนขึ้นมาอย่างกะทันหัน ผิดกับแต่ก่อนที่บางวันยังอิดออด ไม่อยากไปเรียนหนังสือด้วยซ้ำไป บ่นว่าถูกครูเอามาเรียนรวมชั้นกับ ปอ. สาม เรียนคนละชั้นมันปนกัน เรียนไม่รู้เรื่อง บางทีก็ขาดเรียนติดกันหลายวัน จนครูนิมิตรต้องมาตามถึงบ้าน
“เออ จริงด้วย ดีสิดี ลูกข้ามันชอบไปโรงเรียนแบบนี้ดีแล้ว ตั้งใจเรียนเข้านะลูกพ่อ อีกหน่อยจะได้เป็นเจ้าคนนายคน แต่ข้าว่า ที่เอ็งอยากไปโรงเรียนเช้าแบบนี้ ก็เพราะมีครูคนใหม่มาสอนใช่ไหมล่ะ ไอ้โก๊ะ”
“ครูเขาชื่อชานนท์น่ะพ่อ”
เด็กชายแต่งตัวเสร็จก็เข้ามานั่งร่วมวงสำรับ จัดแจงตักข้าวในจานเข้าปากกิน พลางก็เล่าเรื่องคุณครูคนใหม่ให้พ่อกับแม่ฟังเสียงใส โก๊ะดีใจมากที่ไม่ต้องไปเรียนรวมชั้นกับ ปอ. สาม เหมือนแต่ก่อน ถึงไม่ค่อยขยันเรียนนัก แต่ตัวเองก็อยากเรียนให้จบชั้น ปอ. หก โดยไว ติดที่คุณครูในโรงเรียนย้ายออกไปทีละคน จนโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนแค่ยี่สิบคน แทบจะยุบไปเรียนกับโรงเรียนอีกตำบลหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลบ้านมาก ถ้าต้องย้ายไปเรียนที่นั่นจริง ทั้งตัวเองกับพ่อแม่คงลำบากมากกว่านี้อีกโข
“ครูนนท์เค้าใจดียังงี้เลย” ยกหัวแม่โป้งประกอบคำพูด
“ครูผู้ชายมาใหม่คนนั้นล่ะสิ ได้ยินคนที่ตลาดเขาลือกันมาหลายวันแล้วว่ายังหนุ่มอยู่เลย แถมรูปหล่อเสียด้วย เพิ่งเห็นหน้าชัด ๆ เมื่อวานนี้เอง”
ผู้เป็นแม่เออออไปด้วยกับลูก หล่อนได้ยินเรื่องครูชานนท์มาตั้งแต่ตอนกลางวันของเมื่อวานนี้แล้ว ก่อนจะได้เจอหน้ากันจัง ๆ ตอนเขาพาลูกชายมาส่งให้ถึงบ้าน แต่ตอนนั้นไม่มีเวลาพูดคุยกันมาก เพราะต่างคนต่างต้องรีบกลับเข้าบ้าน ยังนึกเสียดายไม่หาย ไม่งั้นคงได้เล่าให้ครูฟัง ถึงเรื่องร่ำลือในหมู่บ้านไปแล้ว
ฉวีผู้เป็นเหมือนนักข่าวประจำหมู่บ้าน พยักหน้าเรียกสามีให้เข้ามานั่งในวงสำรับ พร้อมกับยื่นจานข้าวให้
“ครูนนท์ให้พวกฉันสามคนเป็นองครักษ์ผู้พิทักษ์ เหมือนกับองครักษ์ของเปาบุ้นจิ้นไงแม่ มีฉัน ไอ้หนุ่ย กะนังนุชมัน เมื่อวานเราสามคนไปช่วยครูจัดที่นอนในบ้านพัก แล้วยังพาครูไปส่งที่บ้านพ่อผู้ใหญ่ด้วยนะ”
เด็กชายคุยฟุ้งให้พ่อกับแม่ฟังซ้ำ ด้วยความภาคภูมิใจ ฉวีค้อนลูกอย่างหมั่นไส้
“เออ...แล้วก็อย่าไปทำลิงทำค่างให้ครูเขาเบื่อเอาล่ะ อยู่กับครูก็ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อย”
ปรามลูกอย่างรู้นิสัยซุกซนดี แต่ก่อนที่โก๊ะจะทันได้แย้งแม่ เสียงเถียงกันดังลั่นของเด็กชายหนุ่ยกับเด็กหญิงนุชก็ดังขึ้นใต้ถุนบ้าน ครู่เดียวเด็กทั้งสองก็โผล่หน้าขึ้นมาบนชานบ้าน
“หวัดดีจ้ะลุงป้า” เด็กชายหญิงยกมือไหว้พ่อกับแม่ของเพื่อน แล้วพากันนั่งยิ้มเผล่อวดฟันหลออยู่ตรงชานบ้านนั่นเอง
“แหม...ข้าว่าวันนี้ฝนร้อยห่าคงตกแถวคุ้มริมผาแน่ ๆ นึกว่าเจ้าโก๊ะมันเกิดขยันไปโรงเรียนคนเดียว ที่ไหนได้ เอ็งสองคนก็เป็นเหมือนกัน ขยันกว่ามันอีก จะรีบไปทำไมกันแต่เช้าอย่างงี้วะ ทุกทีเห็นไปโรงเรียนสายโด่ง ครูใหญ่มาไล่ต้อนเอาบ่อย ๆ”
เทิดแซวเพื่อนลูก ตาแลดูเครื่องแบบนักเรียนใหม่เอี่ยมที่เด็กทั้งสองคนใส่ ครูคนใหม่มีอิทธิพลต่อเด็กทโมนทั้งสามอย่างน่าทึ่ง เด็กน้อยทั้งสามถึงจะฉลาดแต่ก็ซนเป็นลิง จนครูที่เคยสอนบ่นถึงความซนให้ฟัง ยังเคยแอบคิดว่า ที่ครูพากันย้ายหนีไป จะเป็นเพราะความซนของลูกตัวเองด้วยหรือเปล่า
ส่วนเจ้าโก๊ะลูกชายของเขานั้น แม้ยังต้องใส่ชุดนักเรียนชุดเก่า ด้วยฉวียังไม่ซื้อชุดใหม่มาให้ลูก หล่อนบอกว่าไม่เห็นจำเป็นต้องมีชุดใหม่ นี่ก็ใกล้จะปิดเทอมอยู่แล้ว เอาไว้ค่อยซื้อให้ตอนเปิดเทอมหน้าเลยจะดีกว่า เพราะเทอมหน้าลูกชายของพวกตนก็จะได้เลื่อนชั้นไปอยู่ ปอ.ห้า แล้ว
แต่ชุดเก่าของโก๊ะก็ถูกเจ้าตัวรีดเสียจนเรียบกริบ อย่างชนิดที่เขากับฉวีไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะกว่าจะรีดได้ต้องหาถ่านติดไฟแดง ๆ มาใส่ในเตารีดเหล็ก ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับเด็กผู้ชายอย่างโก๊ะ ทำเอาสองผัวเมียถึงกับขำในความเห่อครูคนใหม่ของลูกชายโทน
“ไอ้โก๊ะ กินเร็ว ๆ” นงนุชไม่สนใจคำแซวของพ่อเพื่อน เร่งโก๊ะให้รีบกินยิก ๆ
“ครูนนท์ไม่สบาย ต้องเอายากับน้ำเกลือไปให้ครูกินก่อน” หนุ่ยบอกเพื่อน เทิดพอได้ยินเข้าเท่านั้นก็หูผึ่ง รีบถามเด็กทั้งสองเร็วปรื๋อ
“อ้าว! เพิ่งมาถึง ไม่สบายเสียแล้ว ครูเอ็งเป็นอะไรไปเรอะ ไอ้หนุ่ย”
“ครูท้องเสียจ้ะลุงเทิด ครูใหญ่ให้หนูสามคนเอายาที่บ้านมาให้ครูกินก่อน”
เด็กหญิงเป็นคนตอบ แสวงพ่อของนงนุชเคยเป็นทหารเสนารักษ์ พอมีความรู้เรื่องรักษาพยาบาลเบื้องต้นอยู่บ้าง ชาวบ้านยกให้เป็นหมอประจำหมู่บ้าน เวลามีใครเจ็บไข้ได้ป่วย มักใช้บริการของเขาเสมอ เพราะกว่าจะเดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาลในตัวอำเภอได้ มันไกลและแสนจะลำบาก ต้องบากบั่นข้ามเขาไปเป็นวัน มีสถานีอนามัยอยู่ในอีกหมู่บ้านหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งก็ยังไกลอยู่ดี แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญอะไรหรอก เทิดกำลังสนใจเรื่องครูชานนท์ป่วยต่างหาก...
โก๊ะถูกเพื่อนเร่งก็เลยรีบอิ่ม ยกขันใส่น้ำขึ้นดื่ม พลางบอกพ่อกับแม่ว่า
“งั้นฉันไปละ พวกเราจะไปหาครูนนท์ที่บ้านพักก่อนโรงเรียนเข้าจ้ะ”
(มีต่อ)
เสน่หานางไพร ตอนที่ 6
แสงแรกของตะวันยังไม่ทันได้ทาบทาท้องฟ้าดี เทิดซึ่งนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องที่ตัวเองไปแอบเห็นมาเมื่อเย็นย่ำของวันวาน หลังจากไม่อาจทนนอนกระสับกระส่ายอยู่ในที่นอนได้ เขาก็ลุกออกมานั่งพิงเสาเรือนกลางโถงบ้าน เหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีนอกชายคาบ้าน อย่างคนใช้ความคิด
หนุ่มใหญ่ตัดสินใจไม่ถูก ใจหนึ่งอยากไปพบกับชายหนุ่ม ผู้กำลังจะมาเป็นครูสอนหนังสือให้กับลูกตัวเอง รวมถึงลูกชาวบ้านแถวนี้ด้วย เพื่อเตือนให้ระวังตัว เขาจะปล่อยให้ครูคนใหม่ถูกนังแก้มมันทำร้ายเอาไม่ได้ นางผีปอบตนนั้นคงหมายหัวครูหนุ่มคนนี้ เพราะเขาเป็นคนมีรูปร่างหน้าตาดี หน้าตาท่าทางแบบนี้เป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ มาก รวมทั้งนางผีโสโครกตนนั้นด้วย
แต่มาคิดดูอีกที ตัวเองยังไม่ค่อยรู้จักมักคุ้นกับคุณครูคนใหม่สักเท่าไหร่ ซํ้าร้ายตอนที่ครูพาเจ้าโก๊ะ ลูกชายคนเดียวของเขามาส่งถึงที่บ้านในเวลาใกล้คํ่า เขายังแสดงอาการไม่พอใจออกมาจนน่าเกลียด ซึ่งไม่รู้ว่าครูชานนท์จะถือสาหาความเอาหรือเปล่า
นั่งคิดวุ่นวายใจอยู่คนเดียว จวบจนฉวีลุกตามออกมามองหน้าผัวอย่างสงสัย ก่อนจะเดินหายเข้าครัวไป จนหุงหาอาหารเสร็จแล้ว เข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่า ก่อนกลับเข้ามาจัดสำรับกับข้าวในครัว เพื่อเตรียมตัวจะกินข้าวมื้อเช้ากัน พอยกสำรับออกมา ก็ยังคงเห็นเทิดนั่งทำท่าครุ่นคิดอยู่ที่เดิม
“พี่เทิด พี่เป็นอะไรไป” ฉวีวางสำรับลงบนเสื่อ พลางถามด้วยสีหน้าแสดงความกังขา
“อ๋อ ปละ...เปล่า ไม่มีอะไร” คนนั่งเหม่อรู้สึกตัว รีบปฏิเสธ ฉวีมองหน้าอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“แล้วทำไมพี่ถึงลุกมานั่งอยู่นี่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี เมื่อคืนก็เห็นพี่นอนพลิกไปพลิกมา พี่นอนไม่หลับเหรอ”
“อืม...เมื่อคืนพี่นอนไม่หลับจริง ๆ ไม่รู้เป็นอะไรของมันเหมือนกัน”
ยอมรับว่าตัวเองนอนไม่หลับ แต่ไม่ยอมบอกถึงสาเหตุให้เมียรู้ คิดว่าจะหาทางพิสูจน์ดูด้วยตาตัวเองจะดีกว่า สำหรับเรื่องครูชายคนใหม่ ที่เมื่อวานคงได้กินอาหารปลุกเสกของนางผีปอบเข้าไปแล้ว
เสียงเปิดประตูห้องนอนอีกห้องดังขึ้น ร่างเด็กชายสมพงษ์หรือเจ้าโก๊ะ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของทั้งคู่ เดินงัวเงียออกประตูห้องนอนมา ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของคนเป็นพ่อกับแม่ เด็กชายถือผ้าเช็ดตัวเดินหายไปทางหลังบ้าน ครู่หนึ่งก็อาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน เดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางสดชื่นขึ้น
เทิดหรี่ตามองลูกชายตัวเองที่กำลังขมีขมันแต่งตัวด้วยชุดนักเรียน ทั้งที่ปกติแล้ว กว่าจะปลุกให้ลุกขึ้นมาได้ ต้องเรียกกันคอแทบแตก ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวกินข้าว กว่าจะเสร็จไปถึงโรงเรียนได้ก็สายจนโรงเรียนเข้าไปแล้วนั่นแหละ
“สงสัยวันนี้ฝนคงจะตกใหญ่ ไอ้โก๊ะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนเองเว้ยเฮ้ย” อดสัพยอกลูกชายตัวน้อยไม่ได้
“ก็แล้วมันไม่ดีหรือไง พี่เทิด ลูกมันอยากไปโรงเรียน ไปพูดแซวลูกทำไม”
คนเป็นแม่ซึ่งกำลังคดข้าวใส่จานวางเรียง พูดปรามผัว พลางค้อนเขาวงใหญ่ ที่จริงก็พูดปรามไปอย่างนั้นเอง เพราะตัวเองก็แอบนึกสงสัยอยู่เหมือนกัน ลูกชายตัวดีดูเหมือนจะชอบไปโรงเรียนขึ้นมาอย่างกะทันหัน ผิดกับแต่ก่อนที่บางวันยังอิดออด ไม่อยากไปเรียนหนังสือด้วยซ้ำไป บ่นว่าถูกครูเอามาเรียนรวมชั้นกับ ปอ. สาม เรียนคนละชั้นมันปนกัน เรียนไม่รู้เรื่อง บางทีก็ขาดเรียนติดกันหลายวัน จนครูนิมิตรต้องมาตามถึงบ้าน
“เออ จริงด้วย ดีสิดี ลูกข้ามันชอบไปโรงเรียนแบบนี้ดีแล้ว ตั้งใจเรียนเข้านะลูกพ่อ อีกหน่อยจะได้เป็นเจ้าคนนายคน แต่ข้าว่า ที่เอ็งอยากไปโรงเรียนเช้าแบบนี้ ก็เพราะมีครูคนใหม่มาสอนใช่ไหมล่ะ ไอ้โก๊ะ”
“ครูเขาชื่อชานนท์น่ะพ่อ”
เด็กชายแต่งตัวเสร็จก็เข้ามานั่งร่วมวงสำรับ จัดแจงตักข้าวในจานเข้าปากกิน พลางก็เล่าเรื่องคุณครูคนใหม่ให้พ่อกับแม่ฟังเสียงใส โก๊ะดีใจมากที่ไม่ต้องไปเรียนรวมชั้นกับ ปอ. สาม เหมือนแต่ก่อน ถึงไม่ค่อยขยันเรียนนัก แต่ตัวเองก็อยากเรียนให้จบชั้น ปอ. หก โดยไว ติดที่คุณครูในโรงเรียนย้ายออกไปทีละคน จนโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนแค่ยี่สิบคน แทบจะยุบไปเรียนกับโรงเรียนอีกตำบลหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลบ้านมาก ถ้าต้องย้ายไปเรียนที่นั่นจริง ทั้งตัวเองกับพ่อแม่คงลำบากมากกว่านี้อีกโข
“ครูนนท์เค้าใจดียังงี้เลย” ยกหัวแม่โป้งประกอบคำพูด
“ครูผู้ชายมาใหม่คนนั้นล่ะสิ ได้ยินคนที่ตลาดเขาลือกันมาหลายวันแล้วว่ายังหนุ่มอยู่เลย แถมรูปหล่อเสียด้วย เพิ่งเห็นหน้าชัด ๆ เมื่อวานนี้เอง”
ผู้เป็นแม่เออออไปด้วยกับลูก หล่อนได้ยินเรื่องครูชานนท์มาตั้งแต่ตอนกลางวันของเมื่อวานนี้แล้ว ก่อนจะได้เจอหน้ากันจัง ๆ ตอนเขาพาลูกชายมาส่งให้ถึงบ้าน แต่ตอนนั้นไม่มีเวลาพูดคุยกันมาก เพราะต่างคนต่างต้องรีบกลับเข้าบ้าน ยังนึกเสียดายไม่หาย ไม่งั้นคงได้เล่าให้ครูฟัง ถึงเรื่องร่ำลือในหมู่บ้านไปแล้ว
ฉวีผู้เป็นเหมือนนักข่าวประจำหมู่บ้าน พยักหน้าเรียกสามีให้เข้ามานั่งในวงสำรับ พร้อมกับยื่นจานข้าวให้
“ครูนนท์ให้พวกฉันสามคนเป็นองครักษ์ผู้พิทักษ์ เหมือนกับองครักษ์ของเปาบุ้นจิ้นไงแม่ มีฉัน ไอ้หนุ่ย กะนังนุชมัน เมื่อวานเราสามคนไปช่วยครูจัดที่นอนในบ้านพัก แล้วยังพาครูไปส่งที่บ้านพ่อผู้ใหญ่ด้วยนะ”
เด็กชายคุยฟุ้งให้พ่อกับแม่ฟังซ้ำ ด้วยความภาคภูมิใจ ฉวีค้อนลูกอย่างหมั่นไส้
“เออ...แล้วก็อย่าไปทำลิงทำค่างให้ครูเขาเบื่อเอาล่ะ อยู่กับครูก็ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อย”
ปรามลูกอย่างรู้นิสัยซุกซนดี แต่ก่อนที่โก๊ะจะทันได้แย้งแม่ เสียงเถียงกันดังลั่นของเด็กชายหนุ่ยกับเด็กหญิงนุชก็ดังขึ้นใต้ถุนบ้าน ครู่เดียวเด็กทั้งสองก็โผล่หน้าขึ้นมาบนชานบ้าน
“หวัดดีจ้ะลุงป้า” เด็กชายหญิงยกมือไหว้พ่อกับแม่ของเพื่อน แล้วพากันนั่งยิ้มเผล่อวดฟันหลออยู่ตรงชานบ้านนั่นเอง
“แหม...ข้าว่าวันนี้ฝนร้อยห่าคงตกแถวคุ้มริมผาแน่ ๆ นึกว่าเจ้าโก๊ะมันเกิดขยันไปโรงเรียนคนเดียว ที่ไหนได้ เอ็งสองคนก็เป็นเหมือนกัน ขยันกว่ามันอีก จะรีบไปทำไมกันแต่เช้าอย่างงี้วะ ทุกทีเห็นไปโรงเรียนสายโด่ง ครูใหญ่มาไล่ต้อนเอาบ่อย ๆ”
เทิดแซวเพื่อนลูก ตาแลดูเครื่องแบบนักเรียนใหม่เอี่ยมที่เด็กทั้งสองคนใส่ ครูคนใหม่มีอิทธิพลต่อเด็กทโมนทั้งสามอย่างน่าทึ่ง เด็กน้อยทั้งสามถึงจะฉลาดแต่ก็ซนเป็นลิง จนครูที่เคยสอนบ่นถึงความซนให้ฟัง ยังเคยแอบคิดว่า ที่ครูพากันย้ายหนีไป จะเป็นเพราะความซนของลูกตัวเองด้วยหรือเปล่า
ส่วนเจ้าโก๊ะลูกชายของเขานั้น แม้ยังต้องใส่ชุดนักเรียนชุดเก่า ด้วยฉวียังไม่ซื้อชุดใหม่มาให้ลูก หล่อนบอกว่าไม่เห็นจำเป็นต้องมีชุดใหม่ นี่ก็ใกล้จะปิดเทอมอยู่แล้ว เอาไว้ค่อยซื้อให้ตอนเปิดเทอมหน้าเลยจะดีกว่า เพราะเทอมหน้าลูกชายของพวกตนก็จะได้เลื่อนชั้นไปอยู่ ปอ.ห้า แล้ว
แต่ชุดเก่าของโก๊ะก็ถูกเจ้าตัวรีดเสียจนเรียบกริบ อย่างชนิดที่เขากับฉวีไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะกว่าจะรีดได้ต้องหาถ่านติดไฟแดง ๆ มาใส่ในเตารีดเหล็ก ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับเด็กผู้ชายอย่างโก๊ะ ทำเอาสองผัวเมียถึงกับขำในความเห่อครูคนใหม่ของลูกชายโทน
“ไอ้โก๊ะ กินเร็ว ๆ” นงนุชไม่สนใจคำแซวของพ่อเพื่อน เร่งโก๊ะให้รีบกินยิก ๆ
“ครูนนท์ไม่สบาย ต้องเอายากับน้ำเกลือไปให้ครูกินก่อน” หนุ่ยบอกเพื่อน เทิดพอได้ยินเข้าเท่านั้นก็หูผึ่ง รีบถามเด็กทั้งสองเร็วปรื๋อ
“อ้าว! เพิ่งมาถึง ไม่สบายเสียแล้ว ครูเอ็งเป็นอะไรไปเรอะ ไอ้หนุ่ย”
“ครูท้องเสียจ้ะลุงเทิด ครูใหญ่ให้หนูสามคนเอายาที่บ้านมาให้ครูกินก่อน”
เด็กหญิงเป็นคนตอบ แสวงพ่อของนงนุชเคยเป็นทหารเสนารักษ์ พอมีความรู้เรื่องรักษาพยาบาลเบื้องต้นอยู่บ้าง ชาวบ้านยกให้เป็นหมอประจำหมู่บ้าน เวลามีใครเจ็บไข้ได้ป่วย มักใช้บริการของเขาเสมอ เพราะกว่าจะเดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาลในตัวอำเภอได้ มันไกลและแสนจะลำบาก ต้องบากบั่นข้ามเขาไปเป็นวัน มีสถานีอนามัยอยู่ในอีกหมู่บ้านหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งก็ยังไกลอยู่ดี แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญอะไรหรอก เทิดกำลังสนใจเรื่องครูชานนท์ป่วยต่างหาก...
โก๊ะถูกเพื่อนเร่งก็เลยรีบอิ่ม ยกขันใส่น้ำขึ้นดื่ม พลางบอกพ่อกับแม่ว่า
“งั้นฉันไปละ พวกเราจะไปหาครูนนท์ที่บ้านพักก่อนโรงเรียนเข้าจ้ะ”
(มีต่อ)