http://ppantip.com/topic/35494843 ลิ้งค์ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/35502474 ลิ้งค์ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/35505464 ลิ้งค์ตอนที่ 3
ตอนที่ 4 จุดเริ่มต้นของครูอาสา
ณ ห้องอาหารโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปางดารา ทุกคนกำลังรับประทานอาหารในงานเลี้ยงต้อนรับครูอาสาคนใหม่ ครูดารัน แม้อาหารจะไม่ได้ราแค่แพง หรือพิเศษอะไรมากมาย แต่ก็เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดเช่นกัน ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่ส่งผ่านความเป็นมิตรมาให้ดารัน จนทำให้เธอรู้สึกมีกำลังใจที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปให้จงได้
“ครูดารัน เคยไปทำงานอาสาแบบนี้ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าครับ” คุณหมอหนุ่มถามขึ้น หลังจากที่เขาเฝ้ามองดารันอยู่นาน เขาแทบไม่เชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้จะอาสามาเป็นครูในที่ทุรกันดารแบบนี้ แถมหน้าตาเธอก็น่ารักไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ถึงจะไม่สวยสะดุดตาแต่ก็จัดได้ว่ามองได้ไม่เบื่อ จนเขาแอบมองเธออยู่บ่อย ๆ
“ถ้าครูอาสาบนดอยก็ที่นี่ที่แรกค่ะ คือ ฉันเคยลงไปภาคใต้เมื่อวันเด็กที่ผ่านมา ไปช่วยจัดงานวันเด็กให้เด็ก ๆ อะค่ะ แล้วได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งความเป็นอยู่ที่ลำบาก แถมยังอันตรายรอบด้านจากพวกก่อความไม่สงบอีก แต่เด็ก ๆ ที่นั่นน่ารักมาก รวมถึงคุณครู ตำรวจ ทหาร ที่เสียสล ะ ทุกคนที่นั่นทำให้ฉันนึกอยากทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมบ้างก็เลยได้มาที่นี่เนี่ยล่ะค่ะ” ดารันเล่าถึงความเป็นมาที่ทำให้เธออยากสมัครมาเป็นครูอาสาบนดอยให้ทุกคนฟัง
“อ๋อ นึกออกแล้ว ครูไปโรงเรียนที่ยะลากับคณะของครูแก้ว แล้วมีเหตุการณ์ระเบิดในงานวันเด็กใช่ไหมครับ ผมก็อยู่ที่นั่นครับ ครูจำผมได้ไหมครับ” ผู้หมวดอาทิตย์รีบพูดเมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเจอดารันที่ไหน ถึงว่าน่าคุ้น ๆ
“อ่าว หมวดก็อยู่ที่นั่นด้วยหรอคะ ฉันจำไม่ได้เลย ก็เล่นปิดหน้าปิดตากันซะขนาดนั้นใครจะไปจำได้ล่ะค่ะ” ดารันพูดพลางหัวเราะ “ฉันยังเคยคิดเลยนะคะว่าแต่งตัวกันมิดชิด ซะขนาดนั้นไม่ร้อนกันบ้างหรอ”
“ไอ้ร้อน มันก็ร้อนอยู่นะครับ แต่เราก็ต้องป้องกันตัวครับเพื่อความปลอดภัย ไม่ควรประมาท แต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องจัดเต็มตลอดเวลาขนาดนั้น จะได้โชว์หน้าหล่อ ๆ บ้าง จริงไหมครับพี่นนท์” หมวดอาทิตย์หันไปถาม รฐนนท์เมื่อเห็นเขานั่งเงียบอยู่นาน แต่รัฐนนท์ก็ยังคงกินต่อไปไม่สนใจที่จะร่วมสนทนาด้วย
“พี่นนท์นี่ล่ะครับตอนอยู่ที่ใต้นะ ขนาดไม่ค่อยได้โชว์หน้าตาเท่าไร่แต่สาว ๆ ก็ติดกันตรึมเลยนะครับ โอ๊ย....” คนช่างพูดรีบหุบปากทันทีหลังจากถูกคนที่เขาพูดถึงเหยียบเท้าเข้าให้
“เป็นอะไรไปคะ หมวด” ครูพิกุลถามเมื่อเห็นผู้หมวดหนุ่มทำท่าทางเหมือนเจ็บเอามาก ๆ
“ไม่เป็นไรครับ แค่... รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยน่ะครับ” หมวดอาทิตย์หันไปมองคนที่เหยียบเท้าเขา รฐนนท์กระซิบกับเขาว่า “อย่าพูดมาก กินไป” เขาจึงต้องหยุดพูดแล้วหันไปสนใจกับอาหารตรงหน้า
“นี่ผู้กองก็มาจากใต้เหมือนกันหรอคะ แล้วเราเคยเจอกันไหมคะ “ ดารันถามออกไปเพราะความสงสัยเมื่อครั้งแรกที่เธอพบเขา เธอคิดว่าเธอคุ้น ๆ กับน้ำเสียงและท่าทาง ของเขามากเหมือนเคยเจอกันมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก ทั้งที่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะจำเธอได้ แต่เธอก็ยังคงคิดว่าอาจเป็นเขา
“เราคงเคยเจอกันล่ะครับ ถ้าคุณไปที่นั่น แต่คุณอาจจะจำผมไม่ได้” ผู้กองรฐนนท์ตอบแบบเลี่ยง ๆ
“ครูดารันเคยเจอเหตุการณ์ระเบิดด้วยหรอครับ แล้วน่ากลัวมากไหมครับ” คุณหมอ กฤษฏา ถามดารันด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น ส่วนดารันเหมือนโดนขัดจังหวะ เพราะเธออยากจะถามผู้กองรฐนนท์ต่อมากกว่าเธออยากรู้ว่าเขาจะใช่คนที่เธอคิดเอาไว้หรือไม่
“ฉันกลัวมากค่ะตอนนั้น ก็ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลยค่ะ โชคดีที่มีคน ๆ หนึ่งช่วยฉันไว้ตอนที่ฉันกำลังแย่ แต่ฉันก็ไม่มีโอกาสเห็นหน้าเขาหรอกค่ะ รู้แต่ว่าเขาเป็นตำรวจพลร่ม ตชด.เหมือนกับพวกคุณ”ดารันปลายตาไปมองทางหมวดอาทิตย์และผู้กองรฐนนท์ แต่เห็นผู้กองหนุ่มมีท่าทีเฉย ๆ หรือว่าเขาคงไม่ใช่คนที่เธอคิดไว้เป็นแน่
“หรอครับ จริง ๆ ตำรวจพลร่มที่อยู่ที่นั่นก็มีเยอะอยู่นะครับ พวกเราทำงานรับใช้ชาติ กันอย่างลืมเหนื่อย ลืมตายกันเลยล่ะครับ “ หมวดอาทิตย์รีบเปลี่ยนเรื่อง เข้าไม่รู้ทำไมอยู่ ๆ ลูกพี่ของเขาไม่อยากให้พูดถึงเรื่องตอนอยู่ใต้เสียอย่างนั้น
จากนั้นครูใหญ่ก็เล่าเรื่องที่นี่ให้ดารันฟัง ทุกคนก็ดูจะมีส่วนร่วมด้วยยกเว้นพยาบาลสาวสวย ที่ดูจะคอยเอาอกเอาใจผู้กองหนุ่มรูปหล่อเป็นพิเศษ จนลืมคนอื่น ๆ ไปเลยทีเดียว แต่คนที่ถูกเอาใจก็ยังทำท่าเหมือนไม่รับรู้อะไรเหมือนเคย พอหลังจากทานข้าวเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันกลับที่พัก
“สวัสดีค่ะแม่ รันถึงที่หมายโดยปลอดภัยแล้วนะคะ “ ดารันโทรศัพท์หาแม่ของเธอหลังจากแยกย้ายจากงานเลี้ยงต้อนรับเธอเมื่อตอนหัวค่ำ ไปยังบ้านพักที่ถูกจัดไว้สำหรับเป็นที่พักของเธอ ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของอาคารเรียน ตัวบ้านเป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ เดิมทีใช้สำหรับนักเรียนที่อยู่ประจำที่นี่ แต่ช่วงนี้มีนักเรียนที่อยู่ประจำมีจำนวนน้อย บ้านหลังนี้จึงไม่ได้ใช้ แต่ห้องน้ำนั้นต้องใช้รวมกันซึ่งอยู่ทางด้านหลังอีกฝั่งหนึ่งของอาคารเรียน
“ปลอดภัยดี ก็ดีแล้วจ๊ะลูก แม่ก็หายห่วงสักที แล้วที่หลับที่นอนเป็นไงบ้าง ทางนั้นเค้าต้อนรับรันดีไหมลูก” คุณสุดาสอบถามบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่เกิดมาลูกก็ไม่เคยจะต้องจากเธอไปไหนนานขนาดนี้
“ดีมากเลยค่ะ ดีกว่าที่รันคิดเอาไว้ซะอีก อากาศก็ดีม๊าก มาก ค่ะ รันว่ารันคิดไม่ผิดเลยค่ะที่มาที่นี่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ข้างบนนี้ก็มีสัญญาณโทรศัพท์อยู่ค่ะ รันจะโทรหาแม่ทุกวันเลย ล่ะค่ะ”
“จ๊ะ แม่ก็ห่วงลูกกลัวจะปรับตัวไม่ได้ แต่ได้ยินแบบนี้แม่ค่อยสบายใจหน่อย อ้อแล้วก็อย่าลืมห่มผ้าหนา ๆ นะลูกอากาศบนดอยกลางคืนมันหนาว แต่ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเรานะลูก” คุณสุดาพูดเสียงเครือ ๆ น้ำตาคลอเหมือนจะร้องไห้
“โถ่ แม่คะ ดาอยู่ได้จริง ๆ ค่ะ แม่ได้ต้องห่วงนะคะ อ้อ ดาขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ เหนียวตัวจะแย่ละ บ๊าย บายค่ะแม่” ดารันตัดบดเพราะรู้ว่าถ้าขืนคุยต่อ แม่ของเธอต้องร้องไห้ออกมาเป็นแน่ แล้วเธอก็คงอดร้องไห้ตามไม่ได้
“จ๊ะ ๆ อย่าลืมโทรมาหาแม่อีกนะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก” หลังจากวางสายคุณสุดาก็แอบร้องไห้คิดถึงลูกอยู่พักใหญ่โดยไม่ให้สามีของเธอเห็น เพราะเขาไม่ชอบให้เธออ่อนแอ แต่เธอก็ทำใจยากจริง ๆ ที่ลูกจะต้องจากไปไหนนาน ๆ
หลังจากคุยกับแม่เสร็จดารันก็เตรียมตัวไปอาบน้ำ ที่โรงเรียนตชด.แห่งนี้มีห้องน้ำอยู่สองห้อง แยกหญิงชาย
ใช้ร่วมกันทั้งครู และตำรวจตชด. ส่วนนักเรียน จะมีห้องน้ำที่อยู่ติดกับตัวอาคารเรียนแยกต่างหาก ดารันเตรียมของใช้ส่วนตัวเสร็จก็ตรงไปยังห้องน้ำที่ครูพิกุลบอกตอนค่ำว่าอยู่ตรงไหน เธอเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนในห้องน้ำด้วยเลยเพราะไม่อยากใส่ผ้าเช็ดตัวมาเปลี่ยน ยังไงก็ระวังตัวไว้ก่อนเพราะที่นี่เธอยังไม่คุ้นเคยดี ตามทางเดินหลังอาคารที่เดินไปห้องน้ำอีกฝั่งหนึ่งก็ค่อนข้างมืด แต่ก็พอมีแสงไฟจากตัวอาคารออกมาให้เห็นบ้าง อากาศเริ่มเย็นลงมากแล้วเช่นกัน
“น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย คราวหลังต้องอาบน้ำตั้งแต่ตอนเย็นแล้วเรา รู้งี้ชวนครูพิกุลมาเป็นเพื่อนด้วยก็ดีหรอก”
ดารันเดินไปด้วยบ่นไปด้วย พอเกือบถึงห้องน้ำสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่ม ๆ นั่งอยู่ตรงมานั่งใต้ต้นไม้ทางซ้ายมือของเธอ ดารันรู้สึกกลัวมาก ‘เอาแล้วไง มาวันแรกก็โดนเลยเรา’ ดารันรวบรวมความกล้า เพื่อจะเดินผ่านไปยังห้องน้ำ ขณะที่ปากก็ท่องบทสวดอยู่ แต่ก็ท่องวกไปวนมาเพราะสมองตอนนี้เริ่มมีความกลัวเข้ามาแทนที่สติเสียแล้ว
“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสะ นะโมตัสสะ โอ้ยอะไรอีกเนี่ย เอ่อ ... อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะคะ คือฉันแค่มาขออาศัยอยู่สอนเด็ก ๆ ที่นี่ ขอช่วยเห็นใจเข้าใจกันหน่อยน้า นะโมตัสสะ ว้าย.....”
ดารันร้องขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีมือของใครคนหนึ่งมาจับบ่าของเธอเอาไว้ จนทำให้เธอตกใจสุดขีดและร้องออกมา
“อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยน้า แล้ว....ฉัน ...จะทำบุญไปให้นะ ชอบอะไรก็บอก เฮ้ย.... ไม่ต้องบอกก็ได้เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ฉันจะทำบุญไปให้นะ ตอนนี้ก็ไปที่ชอบ ๆ ได้แล้วนะ ขอร้องล่ะ ไปนะ ๆ ฮือ ๆ ๆ ” ดารันหลับตา พร้อมกับยกมือที่ถือเสื้อผ้าที่เธอนำมาเปลี่ยนขี้นพนมมือไปด้วย ปากก็พูดไปด้วย
“นี่ คุณ ผมยังไม่ตายนะครับ ไม่ต้องไล่ให้ไปที่ชอบหรอก” รฐนนท์ซึ่งนั่งอยู่ตรงนั้นนานแล้ว เขาเห็นดารันทำท่าทางแปลก ๆ จึงเดินเข้ามาหาถึงได้รู้ว่าเธอคิดว่าเขาเป็นผีมาหลอกเธอ ท่าทางของเธอเกือบทำให้เขาหัวเราะออกมาดัง ๆ เสียแล้วดีที่เขายังเก็บอาการอยู่ แค่เพียงยิ้มออกมาเฉย ๆ
“อ่าว ผู้กองเองหรอกหรอคะ ฉันก็นึกว่าโดนเข้าซะแล้ว เฮ้อ .... ค่อยยังชั่ว” ดารันลืมตาขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู แล้วก็พบว่าเป็นรฐนนท์เอง จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“คุณครูจะไปอาบน้ำหรอครับ”รฐนนท์ถามเมื่อเห็นข้าวของในมือของดารันที่เธอถือมาด้วย
“ค่ะ ฉันกำลังจะไปอาบน้ำ เอ่อ... ถ้าคุณไม่รีบไปไหน ก็ ... รบกวนช่วยอยู่เป็นเพื่อกันก่อนได้ไหมคะ คือ... ฉันไม่ได้กลัวหรอกนะคะ เพียงแต่ ฉันอยากมีเพื่อคุยอะค่ะ อยู่คนเดียวมันเหงาน่ะ “ พอนึกถึงความรู้สึกเมื่อกี้นี้ทำให้เธอไม่อยากเสี่ยงอยู่คนเดียวอีก ‘ยังไงสองหัวก็ดีกว่าหัวเดียวตามคำโบราณพูดไว้ล่ะน่า’
“แล้วเมื่อกี้ที่คุณสวดมนต์ หลับตาปี๋ นี่แค่ซ่อมใช่ไหมครับ ไม่ได้กลัวเลยเนอะ” รฐนนท์พูดล้อเลียนเธอยิ้ม ๆ ทำให้ดารันรู้สึกอายขึ้นมาทันที เพราะเขาดันรู้ทันเธอ ความจริงแล้วเธอน่ะกลัวผีมากถึงมากที่สุดเลยทีเดียว
“ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ ฉันก็แค่อยากมีเพื่อนคุยด้วยก็แค่นั้น ไม่ได้กง ไม่ได้กลัวอะไรเลย ! ไม่กลัวเลยจริง ๆ “ดารันพูดเสียงสูง พร้อมกับเดินไปยังห้องน้ำ
“ผมจะอยู่ด้านนอกตรงนี้รอนะครับ ถ้าคุณมีอะไรก็เรียกผมละกัน” รฐนนท์เห็นท่าทางของคนขี้กลัวแล้วก็อดสงสารปนขำไม่ได้ ที่เธอไม่ยอมรับความจริง ตัวเองกลัวแล้วยังไม่ยอมรับอีก ท่าทางคงหัวรั้นน่าดู
“ผู้กอง คุณยังอยู่ปะคะ” ดารันตะโกนออกมาจากห้องน้ำ ขณะที่กำลังเร่งอาบน้ำให้เสร็จโดยเร็ว
“ครับ ผมอยู่ตรงนี้ล่ะครับ ไม่ไปไหนหรอก คุณอาบไปเถอะ”
“นี่คุณ ถามไรหน่อยสิ คนอื่น ๆ เค้าอาบน้ำกันตอนกี่โมงคะ”ดารันหาเรื่องคุยเพื่อเป็นการฆ่าเวลา
“ส่วนใหญ่ก็อาบกันตั้งแต่ยังไม่ค่ำนะครับ ถ้าไม่ติดอะไรนะ แต่วันนี้ผมพึ่งอาบเสร็จเมื่อครู่ ก่อนหน้าที่จะเจอคุณนี่แหละครับ” รฐนนท์ตอบคำถามขณะที่ยืนรอดารันหน้าห้องน้ำ พลางคิดว่านี่ถ้าลูกน้องเขามาเห็นคงต้องโดนล้อเป็นแน่
“แล้วพวกเด็ก ๆ ที่ค้างที่นี่ล่ะคะ อยู่ที่ไหน ตั้งแต่มา ฉันยังไม่เห็นเลยสักคน” ดารันสงสัยเพราะเห็นครูใหญ่บอกว่ามีเด็กที่พักที่นี่ ด้วย แต่ตั้งแต่เธอมาถึงก็ยังไม่เจอเลยสักคน
“เด็ก ๆ นอนกันแต่หัวค่ำน่ะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าคุณก็จะเจอเองแหละ”
“อืม หรอคะ คุณง่วงไหม ฉันรบกวนคุณไหมคะ อีกเดี๋ยวก็จะเสร็จแล้วค่ะ รออีกแป๊ปนึง นะคะ”ดารันอาบน้ำเสร็จแล้วเหลือแต่งตัว แต่เธอก็คิดว่าจะรบกวนเขามากไปไหมที่ให้อยู่เป็นเพื่อนแบบนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้เขาเป็นคนทำให้เธอกลัวเองนี่นา เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องชดใช้
“ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยังไม่ง่วงหรอกครับ เป็นตำรวจก็มีหน้าที่รับใช้ประชาชนอยู่แล้วครับไม่ต้องห่วง แล้วอีกอย่างเป็นเพราะคุณเห็นผมเลยทำให้เข้าใจผิดและเกิดกลัวขึ้นมาผมก็เลยต้องรับผิดชอบไงครับ”
“คุณนี่...ทำอะไรตามหน้าที่ตลอดเลยใช่ปะคะ เคยทำอะไรตามใจตัวเองบ้างปะ อ้อแล้วก็ฉันบอกแล้วว่าไม่ได้กลัวผี เข้าใจซะใหม่นะคะ” ดารันเปิดประตูออกมาพอดีกับ ที่รฐนนท์หันหน้ามาทางเธอพอดี เขามองชุดนอนที่เธอสวมอยู่แล้วก็กลั้นหัวเราะเอาไว้แทบไม่อยู่
ปณิธานแห่งรัก ตอนที่ 4
http://ppantip.com/topic/35502474 ลิ้งค์ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/35505464 ลิ้งค์ตอนที่ 3
ตอนที่ 4 จุดเริ่มต้นของครูอาสา
ณ ห้องอาหารโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปางดารา ทุกคนกำลังรับประทานอาหารในงานเลี้ยงต้อนรับครูอาสาคนใหม่ ครูดารัน แม้อาหารจะไม่ได้ราแค่แพง หรือพิเศษอะไรมากมาย แต่ก็เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดเช่นกัน ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่ส่งผ่านความเป็นมิตรมาให้ดารัน จนทำให้เธอรู้สึกมีกำลังใจที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปให้จงได้
“ครูดารัน เคยไปทำงานอาสาแบบนี้ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าครับ” คุณหมอหนุ่มถามขึ้น หลังจากที่เขาเฝ้ามองดารันอยู่นาน เขาแทบไม่เชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้จะอาสามาเป็นครูในที่ทุรกันดารแบบนี้ แถมหน้าตาเธอก็น่ารักไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ถึงจะไม่สวยสะดุดตาแต่ก็จัดได้ว่ามองได้ไม่เบื่อ จนเขาแอบมองเธออยู่บ่อย ๆ
“ถ้าครูอาสาบนดอยก็ที่นี่ที่แรกค่ะ คือ ฉันเคยลงไปภาคใต้เมื่อวันเด็กที่ผ่านมา ไปช่วยจัดงานวันเด็กให้เด็ก ๆ อะค่ะ แล้วได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งความเป็นอยู่ที่ลำบาก แถมยังอันตรายรอบด้านจากพวกก่อความไม่สงบอีก แต่เด็ก ๆ ที่นั่นน่ารักมาก รวมถึงคุณครู ตำรวจ ทหาร ที่เสียสล ะ ทุกคนที่นั่นทำให้ฉันนึกอยากทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมบ้างก็เลยได้มาที่นี่เนี่ยล่ะค่ะ” ดารันเล่าถึงความเป็นมาที่ทำให้เธออยากสมัครมาเป็นครูอาสาบนดอยให้ทุกคนฟัง
“อ๋อ นึกออกแล้ว ครูไปโรงเรียนที่ยะลากับคณะของครูแก้ว แล้วมีเหตุการณ์ระเบิดในงานวันเด็กใช่ไหมครับ ผมก็อยู่ที่นั่นครับ ครูจำผมได้ไหมครับ” ผู้หมวดอาทิตย์รีบพูดเมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเจอดารันที่ไหน ถึงว่าน่าคุ้น ๆ
“อ่าว หมวดก็อยู่ที่นั่นด้วยหรอคะ ฉันจำไม่ได้เลย ก็เล่นปิดหน้าปิดตากันซะขนาดนั้นใครจะไปจำได้ล่ะค่ะ” ดารันพูดพลางหัวเราะ “ฉันยังเคยคิดเลยนะคะว่าแต่งตัวกันมิดชิด ซะขนาดนั้นไม่ร้อนกันบ้างหรอ”
“ไอ้ร้อน มันก็ร้อนอยู่นะครับ แต่เราก็ต้องป้องกันตัวครับเพื่อความปลอดภัย ไม่ควรประมาท แต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องจัดเต็มตลอดเวลาขนาดนั้น จะได้โชว์หน้าหล่อ ๆ บ้าง จริงไหมครับพี่นนท์” หมวดอาทิตย์หันไปถาม รฐนนท์เมื่อเห็นเขานั่งเงียบอยู่นาน แต่รัฐนนท์ก็ยังคงกินต่อไปไม่สนใจที่จะร่วมสนทนาด้วย
“พี่นนท์นี่ล่ะครับตอนอยู่ที่ใต้นะ ขนาดไม่ค่อยได้โชว์หน้าตาเท่าไร่แต่สาว ๆ ก็ติดกันตรึมเลยนะครับ โอ๊ย....” คนช่างพูดรีบหุบปากทันทีหลังจากถูกคนที่เขาพูดถึงเหยียบเท้าเข้าให้
“เป็นอะไรไปคะ หมวด” ครูพิกุลถามเมื่อเห็นผู้หมวดหนุ่มทำท่าทางเหมือนเจ็บเอามาก ๆ
“ไม่เป็นไรครับ แค่... รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยน่ะครับ” หมวดอาทิตย์หันไปมองคนที่เหยียบเท้าเขา รฐนนท์กระซิบกับเขาว่า “อย่าพูดมาก กินไป” เขาจึงต้องหยุดพูดแล้วหันไปสนใจกับอาหารตรงหน้า
“นี่ผู้กองก็มาจากใต้เหมือนกันหรอคะ แล้วเราเคยเจอกันไหมคะ “ ดารันถามออกไปเพราะความสงสัยเมื่อครั้งแรกที่เธอพบเขา เธอคิดว่าเธอคุ้น ๆ กับน้ำเสียงและท่าทาง ของเขามากเหมือนเคยเจอกันมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก ทั้งที่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะจำเธอได้ แต่เธอก็ยังคงคิดว่าอาจเป็นเขา
“เราคงเคยเจอกันล่ะครับ ถ้าคุณไปที่นั่น แต่คุณอาจจะจำผมไม่ได้” ผู้กองรฐนนท์ตอบแบบเลี่ยง ๆ
“ครูดารันเคยเจอเหตุการณ์ระเบิดด้วยหรอครับ แล้วน่ากลัวมากไหมครับ” คุณหมอ กฤษฏา ถามดารันด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น ส่วนดารันเหมือนโดนขัดจังหวะ เพราะเธออยากจะถามผู้กองรฐนนท์ต่อมากกว่าเธออยากรู้ว่าเขาจะใช่คนที่เธอคิดเอาไว้หรือไม่
“ฉันกลัวมากค่ะตอนนั้น ก็ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลยค่ะ โชคดีที่มีคน ๆ หนึ่งช่วยฉันไว้ตอนที่ฉันกำลังแย่ แต่ฉันก็ไม่มีโอกาสเห็นหน้าเขาหรอกค่ะ รู้แต่ว่าเขาเป็นตำรวจพลร่ม ตชด.เหมือนกับพวกคุณ”ดารันปลายตาไปมองทางหมวดอาทิตย์และผู้กองรฐนนท์ แต่เห็นผู้กองหนุ่มมีท่าทีเฉย ๆ หรือว่าเขาคงไม่ใช่คนที่เธอคิดไว้เป็นแน่
“หรอครับ จริง ๆ ตำรวจพลร่มที่อยู่ที่นั่นก็มีเยอะอยู่นะครับ พวกเราทำงานรับใช้ชาติ กันอย่างลืมเหนื่อย ลืมตายกันเลยล่ะครับ “ หมวดอาทิตย์รีบเปลี่ยนเรื่อง เข้าไม่รู้ทำไมอยู่ ๆ ลูกพี่ของเขาไม่อยากให้พูดถึงเรื่องตอนอยู่ใต้เสียอย่างนั้น
จากนั้นครูใหญ่ก็เล่าเรื่องที่นี่ให้ดารันฟัง ทุกคนก็ดูจะมีส่วนร่วมด้วยยกเว้นพยาบาลสาวสวย ที่ดูจะคอยเอาอกเอาใจผู้กองหนุ่มรูปหล่อเป็นพิเศษ จนลืมคนอื่น ๆ ไปเลยทีเดียว แต่คนที่ถูกเอาใจก็ยังทำท่าเหมือนไม่รับรู้อะไรเหมือนเคย พอหลังจากทานข้าวเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันกลับที่พัก
“สวัสดีค่ะแม่ รันถึงที่หมายโดยปลอดภัยแล้วนะคะ “ ดารันโทรศัพท์หาแม่ของเธอหลังจากแยกย้ายจากงานเลี้ยงต้อนรับเธอเมื่อตอนหัวค่ำ ไปยังบ้านพักที่ถูกจัดไว้สำหรับเป็นที่พักของเธอ ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของอาคารเรียน ตัวบ้านเป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ เดิมทีใช้สำหรับนักเรียนที่อยู่ประจำที่นี่ แต่ช่วงนี้มีนักเรียนที่อยู่ประจำมีจำนวนน้อย บ้านหลังนี้จึงไม่ได้ใช้ แต่ห้องน้ำนั้นต้องใช้รวมกันซึ่งอยู่ทางด้านหลังอีกฝั่งหนึ่งของอาคารเรียน
“ปลอดภัยดี ก็ดีแล้วจ๊ะลูก แม่ก็หายห่วงสักที แล้วที่หลับที่นอนเป็นไงบ้าง ทางนั้นเค้าต้อนรับรันดีไหมลูก” คุณสุดาสอบถามบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่เกิดมาลูกก็ไม่เคยจะต้องจากเธอไปไหนนานขนาดนี้
“ดีมากเลยค่ะ ดีกว่าที่รันคิดเอาไว้ซะอีก อากาศก็ดีม๊าก มาก ค่ะ รันว่ารันคิดไม่ผิดเลยค่ะที่มาที่นี่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ข้างบนนี้ก็มีสัญญาณโทรศัพท์อยู่ค่ะ รันจะโทรหาแม่ทุกวันเลย ล่ะค่ะ”
“จ๊ะ แม่ก็ห่วงลูกกลัวจะปรับตัวไม่ได้ แต่ได้ยินแบบนี้แม่ค่อยสบายใจหน่อย อ้อแล้วก็อย่าลืมห่มผ้าหนา ๆ นะลูกอากาศบนดอยกลางคืนมันหนาว แต่ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเรานะลูก” คุณสุดาพูดเสียงเครือ ๆ น้ำตาคลอเหมือนจะร้องไห้
“โถ่ แม่คะ ดาอยู่ได้จริง ๆ ค่ะ แม่ได้ต้องห่วงนะคะ อ้อ ดาขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ เหนียวตัวจะแย่ละ บ๊าย บายค่ะแม่” ดารันตัดบดเพราะรู้ว่าถ้าขืนคุยต่อ แม่ของเธอต้องร้องไห้ออกมาเป็นแน่ แล้วเธอก็คงอดร้องไห้ตามไม่ได้
“จ๊ะ ๆ อย่าลืมโทรมาหาแม่อีกนะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก” หลังจากวางสายคุณสุดาก็แอบร้องไห้คิดถึงลูกอยู่พักใหญ่โดยไม่ให้สามีของเธอเห็น เพราะเขาไม่ชอบให้เธออ่อนแอ แต่เธอก็ทำใจยากจริง ๆ ที่ลูกจะต้องจากไปไหนนาน ๆ
หลังจากคุยกับแม่เสร็จดารันก็เตรียมตัวไปอาบน้ำ ที่โรงเรียนตชด.แห่งนี้มีห้องน้ำอยู่สองห้อง แยกหญิงชาย
ใช้ร่วมกันทั้งครู และตำรวจตชด. ส่วนนักเรียน จะมีห้องน้ำที่อยู่ติดกับตัวอาคารเรียนแยกต่างหาก ดารันเตรียมของใช้ส่วนตัวเสร็จก็ตรงไปยังห้องน้ำที่ครูพิกุลบอกตอนค่ำว่าอยู่ตรงไหน เธอเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนในห้องน้ำด้วยเลยเพราะไม่อยากใส่ผ้าเช็ดตัวมาเปลี่ยน ยังไงก็ระวังตัวไว้ก่อนเพราะที่นี่เธอยังไม่คุ้นเคยดี ตามทางเดินหลังอาคารที่เดินไปห้องน้ำอีกฝั่งหนึ่งก็ค่อนข้างมืด แต่ก็พอมีแสงไฟจากตัวอาคารออกมาให้เห็นบ้าง อากาศเริ่มเย็นลงมากแล้วเช่นกัน
“น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย คราวหลังต้องอาบน้ำตั้งแต่ตอนเย็นแล้วเรา รู้งี้ชวนครูพิกุลมาเป็นเพื่อนด้วยก็ดีหรอก”
ดารันเดินไปด้วยบ่นไปด้วย พอเกือบถึงห้องน้ำสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่ม ๆ นั่งอยู่ตรงมานั่งใต้ต้นไม้ทางซ้ายมือของเธอ ดารันรู้สึกกลัวมาก ‘เอาแล้วไง มาวันแรกก็โดนเลยเรา’ ดารันรวบรวมความกล้า เพื่อจะเดินผ่านไปยังห้องน้ำ ขณะที่ปากก็ท่องบทสวดอยู่ แต่ก็ท่องวกไปวนมาเพราะสมองตอนนี้เริ่มมีความกลัวเข้ามาแทนที่สติเสียแล้ว
“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสะ นะโมตัสสะ โอ้ยอะไรอีกเนี่ย เอ่อ ... อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะคะ คือฉันแค่มาขออาศัยอยู่สอนเด็ก ๆ ที่นี่ ขอช่วยเห็นใจเข้าใจกันหน่อยน้า นะโมตัสสะ ว้าย.....”
ดารันร้องขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีมือของใครคนหนึ่งมาจับบ่าของเธอเอาไว้ จนทำให้เธอตกใจสุดขีดและร้องออกมา
“อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยน้า แล้ว....ฉัน ...จะทำบุญไปให้นะ ชอบอะไรก็บอก เฮ้ย.... ไม่ต้องบอกก็ได้เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ฉันจะทำบุญไปให้นะ ตอนนี้ก็ไปที่ชอบ ๆ ได้แล้วนะ ขอร้องล่ะ ไปนะ ๆ ฮือ ๆ ๆ ” ดารันหลับตา พร้อมกับยกมือที่ถือเสื้อผ้าที่เธอนำมาเปลี่ยนขี้นพนมมือไปด้วย ปากก็พูดไปด้วย
“นี่ คุณ ผมยังไม่ตายนะครับ ไม่ต้องไล่ให้ไปที่ชอบหรอก” รฐนนท์ซึ่งนั่งอยู่ตรงนั้นนานแล้ว เขาเห็นดารันทำท่าทางแปลก ๆ จึงเดินเข้ามาหาถึงได้รู้ว่าเธอคิดว่าเขาเป็นผีมาหลอกเธอ ท่าทางของเธอเกือบทำให้เขาหัวเราะออกมาดัง ๆ เสียแล้วดีที่เขายังเก็บอาการอยู่ แค่เพียงยิ้มออกมาเฉย ๆ
“อ่าว ผู้กองเองหรอกหรอคะ ฉันก็นึกว่าโดนเข้าซะแล้ว เฮ้อ .... ค่อยยังชั่ว” ดารันลืมตาขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู แล้วก็พบว่าเป็นรฐนนท์เอง จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“คุณครูจะไปอาบน้ำหรอครับ”รฐนนท์ถามเมื่อเห็นข้าวของในมือของดารันที่เธอถือมาด้วย
“ค่ะ ฉันกำลังจะไปอาบน้ำ เอ่อ... ถ้าคุณไม่รีบไปไหน ก็ ... รบกวนช่วยอยู่เป็นเพื่อกันก่อนได้ไหมคะ คือ... ฉันไม่ได้กลัวหรอกนะคะ เพียงแต่ ฉันอยากมีเพื่อคุยอะค่ะ อยู่คนเดียวมันเหงาน่ะ “ พอนึกถึงความรู้สึกเมื่อกี้นี้ทำให้เธอไม่อยากเสี่ยงอยู่คนเดียวอีก ‘ยังไงสองหัวก็ดีกว่าหัวเดียวตามคำโบราณพูดไว้ล่ะน่า’
“แล้วเมื่อกี้ที่คุณสวดมนต์ หลับตาปี๋ นี่แค่ซ่อมใช่ไหมครับ ไม่ได้กลัวเลยเนอะ” รฐนนท์พูดล้อเลียนเธอยิ้ม ๆ ทำให้ดารันรู้สึกอายขึ้นมาทันที เพราะเขาดันรู้ทันเธอ ความจริงแล้วเธอน่ะกลัวผีมากถึงมากที่สุดเลยทีเดียว
“ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ ฉันก็แค่อยากมีเพื่อนคุยด้วยก็แค่นั้น ไม่ได้กง ไม่ได้กลัวอะไรเลย ! ไม่กลัวเลยจริง ๆ “ดารันพูดเสียงสูง พร้อมกับเดินไปยังห้องน้ำ
“ผมจะอยู่ด้านนอกตรงนี้รอนะครับ ถ้าคุณมีอะไรก็เรียกผมละกัน” รฐนนท์เห็นท่าทางของคนขี้กลัวแล้วก็อดสงสารปนขำไม่ได้ ที่เธอไม่ยอมรับความจริง ตัวเองกลัวแล้วยังไม่ยอมรับอีก ท่าทางคงหัวรั้นน่าดู
“ผู้กอง คุณยังอยู่ปะคะ” ดารันตะโกนออกมาจากห้องน้ำ ขณะที่กำลังเร่งอาบน้ำให้เสร็จโดยเร็ว
“ครับ ผมอยู่ตรงนี้ล่ะครับ ไม่ไปไหนหรอก คุณอาบไปเถอะ”
“นี่คุณ ถามไรหน่อยสิ คนอื่น ๆ เค้าอาบน้ำกันตอนกี่โมงคะ”ดารันหาเรื่องคุยเพื่อเป็นการฆ่าเวลา
“ส่วนใหญ่ก็อาบกันตั้งแต่ยังไม่ค่ำนะครับ ถ้าไม่ติดอะไรนะ แต่วันนี้ผมพึ่งอาบเสร็จเมื่อครู่ ก่อนหน้าที่จะเจอคุณนี่แหละครับ” รฐนนท์ตอบคำถามขณะที่ยืนรอดารันหน้าห้องน้ำ พลางคิดว่านี่ถ้าลูกน้องเขามาเห็นคงต้องโดนล้อเป็นแน่
“แล้วพวกเด็ก ๆ ที่ค้างที่นี่ล่ะคะ อยู่ที่ไหน ตั้งแต่มา ฉันยังไม่เห็นเลยสักคน” ดารันสงสัยเพราะเห็นครูใหญ่บอกว่ามีเด็กที่พักที่นี่ ด้วย แต่ตั้งแต่เธอมาถึงก็ยังไม่เจอเลยสักคน
“เด็ก ๆ นอนกันแต่หัวค่ำน่ะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าคุณก็จะเจอเองแหละ”
“อืม หรอคะ คุณง่วงไหม ฉันรบกวนคุณไหมคะ อีกเดี๋ยวก็จะเสร็จแล้วค่ะ รออีกแป๊ปนึง นะคะ”ดารันอาบน้ำเสร็จแล้วเหลือแต่งตัว แต่เธอก็คิดว่าจะรบกวนเขามากไปไหมที่ให้อยู่เป็นเพื่อนแบบนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้เขาเป็นคนทำให้เธอกลัวเองนี่นา เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องชดใช้
“ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยังไม่ง่วงหรอกครับ เป็นตำรวจก็มีหน้าที่รับใช้ประชาชนอยู่แล้วครับไม่ต้องห่วง แล้วอีกอย่างเป็นเพราะคุณเห็นผมเลยทำให้เข้าใจผิดและเกิดกลัวขึ้นมาผมก็เลยต้องรับผิดชอบไงครับ”
“คุณนี่...ทำอะไรตามหน้าที่ตลอดเลยใช่ปะคะ เคยทำอะไรตามใจตัวเองบ้างปะ อ้อแล้วก็ฉันบอกแล้วว่าไม่ได้กลัวผี เข้าใจซะใหม่นะคะ” ดารันเปิดประตูออกมาพอดีกับ ที่รฐนนท์หันหน้ามาทางเธอพอดี เขามองชุดนอนที่เธอสวมอยู่แล้วก็กลั้นหัวเราะเอาไว้แทบไม่อยู่