.
ห่วงเด้ออยากเจอแต่คงไม่เหมาะ คือว่าละน้อ เรื่องของเขาบ่กล้าก้าวก่าย แต่มื้อใดเขา ทิ้งอ้ายไปมีผู้ใหม่ ให้ฟ้าวโทรส่งข่าวน้องยังใช่เบอร์เก่าอยู่เด้อ…
เช้าวันหยุดที่ไม่ได้หยุดอยู่ห้องอีกตามเคย พรนภาร้องเพลงไปด้วยเต้นไปด้วย ณ โต๊ะเครื่องแป้งที่ประจำ สามีเองไม่ค่อยจะได้ใช้นัก พรนภาครอบครองปรปักษ์อยู่คนเดียว เพลงช้าก็ยังสามารถออกท่าออกทางประกอบเพลงได้ ไม่ยอมแต่งตัวใส่เสื้อผ้าสักที สวมชุดชั้นในเต้นด้วยท่าทางมีความสุข ไม่รีบร้อนเลยสักนิด ส่ายเอวฉีกขาฮัมเพลงมองตัวเองในกระจกอย่างเพลิดเพลิน ที่สำคัญไม่อายสายตาของสามีที่มองมายังตนด้วยตราบใดที่ยังไม่โดนแซว ก็ไม่อาย
ขณะเดียวกันเมธีเผยยิ้มให้เห็น ปรายตามองภรรยาสาวร้องเพลงประกอบท่าเต้นอย่างชอบใจ รู้สึกตลกและมองเพลินตาดี เห็นพรนภามีความสุขแบบนี้ได้ทุกวันก็มีความสุขตามไปด้วย จะได้อายุยืนยาวหลาย ๆ ปี ความรักของกันและกันจะได้ยาวนานสดใสหลาย ๆ ปีไปเลย
เมื่อไหร่ที่เห็นเธออมทุกข์ เมื่อนั้นตนเองก็พลอยทุกข์ไปด้วย ในชีวิตคู่รอบนี้จึงอยากเห็นคนที่รักมีความสุขมากที่สุด สุขใจทุกครั้งเมื่อสามารถทำให้เธอยิ้มได้ วันนี้ถ้าไม่ติดว่าต้องพาไปธุระจะปล่อยให้เต้นให้ดูทั้งวันกันเลย
“ราวดีมีแต่ไห้ อาลัยนำหลวงพี่ เรวตาคนดี… “โอยเมื่อไหร่ราวดีจะแต่งตัวสักทีคะ เรวตารอนานแล้วนะ” พูดกลั้วหัวเราะ เบรกพรนภาที่กำลังสนุกกับการร้องเพลงและเต้นอยู่ มองร่างบางตรงหน้าไม่ละสายตา เลือดในกายมันสูบฉีดเหลือเกิน “หมอนัดกี่โมงคะ ไหนบอกจะไปแต่เช้า”
“ฮา… พี่เมธีแหมะ ฮ่วย..”คนถูกเบรกการแสดงออกอาการเขินหน้าแดงหันมาหัวเราะให้ “จะเสร็จแล้วเนี่ย เรวตารอหน่อยไม่ได้เหรอ หมอนัดแปดโมงถึงสิบเอ็ดโมงเช้าค่ะ นี่พึ่งจะแปดโมงเช้าเอง รีบไปไหนเล๊า” เม้มปากยิ้มด้วยความเขินอาย เธอกล้าทำกล้าเต้นแต่พอโดนทักแบบนี้ก็อายเอาดื้อ ๆ
“เอ๋า… ก็กลัวไม่ทันหมอนัดน้อ แต่ว่าพี่ชอบนะเต้นใหม่เร็ว ๆ พี่อยากดู น้องไม่รีบพี่ก็ไม่รีบค่ะ” ยิ้มให้อย่างคนชอบใจ นอนเล่นที่โซฟาคอยเธอแต่งตัว ปรายตามองเรือนร่างอรชรของเธอด้วยความหลงไหลผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน ส่วนตนเองนั้นแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางมาก
“ฮ่วยพี่เมธีอย่าหัวเราะนภาดิ นภาอายนะ รีบแต่งตัวดีกว่า” สะบัดหน้าให้สามีด้วยความเขินอาย ก่อนจะกลับมาตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัวให้เสร็จเร็ว ๆ
“ไม่น่าทักเลยวุ้ย ! อดดูเลย ฮา “ บ่นอุบอิบคนเดียวเบา ๆ พูดปนหัวเราะ ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นเดินมากอดและหอมเคล้าคลึงเธอด้วยความอดใจไม่ค่อยไหว ทว่าก็ทำเพียงแค่กอดเท่านั้น ปล่อยให้เธอแต่งตัวให้เสร็จทันเวลา วันนี้ต้องไปที่โรงพยาบาลอีก
พรนภาม้วนตัวเอียงอายไปกับการกอดและดอมดมของเขา ปล่อยให้ท่อนแขนหนาแข็งแรงกอดรัดและเคล้าคลึงได้ตามสบาย เพราะรู้ดีว่ายิ่งขัดขืนก็เหมือนยิ่งยุ สู้ปล่อยให้ทำตามใจเลยดีกว่า “พี่เมธีปล่อยเค้าได้แล้ว นภาจะแต่งตัวค่ะ” พูดภายในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น
“หอมจัง “ พูดขึ้นหลังจากหอมแก้มนิ่ม ๆ ไปอีกฟอด “โอเคค่ะ รีบไปรีบกลับมานอน หืย ! เสร็จแน่กลับมา” ออกแรงกอดรัดตัวของเธอเข้าไปอีกนิดหน่อย
“ใคร ! ใครเสร็จ หาหมอเสร็จนภาจะไปต่ออีก”
“ไปไหนต่ออีกคะ โห่ อดเลยเมธี” ทำหน้าละห้อยผิดหวังอย่างตลกให้กับภรรยา อยากอ้อน อยากพาไปขึ้นเตียงนัก
“เพรพคาเฟ่ อิอิ “ พูดลอยหน้าลอยตาทำออดอ้อนทำเสียงน่ารักให้สามี พร้อมเชื่อว่าเขาต้องพาไปล้านเปอร์เซ็นต์แน่นอน “ปล่อยนภาเลยนภาจะรีบแต่งตัวค่ะ” พูดจบเขาก็คลายอ้อมกอดออกจากตัวเธอ ปล่อยให้เป็นอิสระ แล้วเดินกลับไปนั่งรอที่โซฟาเหมือนเดิม ส่วนเธอก็รีบแต่งตัวให้เสร็จ ตอนนี้จวนจะเก้าโมงเข้าให้ทุกที “เสร็จแล้วค่ะ ไปกันได้แล้วสายแล้ว”
“หืย ! สายแล้วว่าซั้น ตัวเองยังราวดีมีแต่ไห้อยู่หน้ากระจกอยู่ ฮา” ล้ออีกสักที พูดปนหัวเราะ เขาชอบที่เธอเป็นตัวของตัวเองแบบนี้มาก
“เอ้าพี่เมธี ! ฮ่วย คือมาล้อคน ฮา “ เขินหน้าแดงที่โดนแซว ถึงจะอยู่ด้วยกันมานานเป็นปี ๆ โดนแซวแบบนี้เธอก็เขินเป็นนะ
ทั้งคู่หัวเราะให้กันก่อนจะเดินออกมาจากห้อง ปิดห้องเรียบร้อย ลงลิฟต์มาที่ลานจอดรถ พาภรรยาสุดที่รักของเขาไปหาหมอตามนัด
มาหาหมอรอบนี้ไม่ต้องดำเนินการอะไรยุ่งยาก ถือใบนัดขึ้นไปยังชั้น 3 ห้องเดิมได้เลย พยาบาลหน้าห้องตรวจสอบถามอาการคร่าว ๆ เหมือนที่เคยมารอบก่อน น้ำหนัก ส่วนสูง ประจำเดือนล่าสุด เธอก็ตอบไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ จากนั้นก็กลับมานั่งรอหมอเรียกชื่อเหมือนเดิม
วันนี้คนไข้แลดูเยอะมากดูจากเก้าอี้ของทางโรงพยาบาลไม่พอให้คนไข้นั่ง จำต้องหาเก้าอี้เสริมมาให้ เธอเองมาสายได้นั่งเก้าอี้เสริมไป นั่งรอเงียบ ๆ ด้วยใจจดจ่อ อยากรู้เหมือนกันว่าแท้จริงแล้วตนเป็นอะไรกันแน่ แล้วจะอย่างไรต่อไปอีก เมธีนั่งอยู่ข้าง ๆ กันยกมือขึ้นมาลูบผมของเธอเล่นเบา ๆ ชวนคุยแก้เบื่อบ้าง พร้อมคอยฟังเสียงของพยาบาลเรียกชื่อคนไข้เข้าไปตรวจ
ไม่นานก็เป็นคิวของเธอ “คุณพรนภา สิมะสุวรรณค่ะ “ พยาบาลเรียกชื่อ
“น้องพยาบาลเรียกแล้วค่ะ “ เมธีสะกิดให้ลุก
เธอลุกขึ้นเดินเข้าไปหาพยาบาลสาวคนนั้น “คุณพรนภานะคะ เชิญด้านในค่ะ” จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องตรวจอย่างรู้งาน เพราะเคยมาแล้วรอบหนึ่ง เมธีนั่งรอที่ด้านนอก ใจจริงอยากให้เข้ามาด้วย ๆ ซ้ำถ้าคุณหมอไม่ว่า เข้ามาแล้วคุณหมอให้นั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
“คุณพรนภาเป็นไงบ้างคะ มันยุบลงมั้ย ไหนหมอขอดูคอหน่อยค่ะ” หมอประจำเคสของเธอเอ่ย
พอหมอสั่งให้เงยหน้าขึ้น ก็ทำตามเงยหน้าให้หมอดูที่ลำคอของตนเอง คุณหมอใช้มือกดเบา ๆ “ตอนเจาะเลือดมันเป็นน้ำใส ๆ หรือเปล่าคะได้ดูมั้ย” คุณหมอถาม เธอทำหน้างง ๆ นิดหน่อย แต่ก็เข้าใจในคำถามนั้น “ได้ดูกับคุณหมอมั้ยตอนมาเจาะรอบที่แล้ว”
“หมายถึงว่าเจาะอันนี้น่ะเหรอ เป็นเลือดค่ะ” เธอตอบด้วยท่าทางตื่นเต้น จะตื่นเต้นทำไมก็ไม่รู้กับตนเองเหมือนกัน
“อ่อ มีแต่เลือดออกมาน้อ” หมอย้ำ เธอพยักหน้าให้เป็นคำตอบ “คือแบบนี้นะคะ ผล FNA ออกมาว่ามันเป็นเนื้อดีมากกว่าเนื้อร้ายค่ะ แล้วหมอก็จะไม่ให้ยามาทานด้วย เนื่องจากการทานยาผลเสียมันมีมากกว่าผลดีค่ะ หมอจึงไม่ให้ยามาทาน แต่มันไม่เป็นอะไรนะคะ ก็รอเอ็กซเรย์ก่อนน้อ ได้คิวเดือนกันยายนเลย” คุณหมอพูดยิ้ม ๆ คงจะเกรงใจที่เธอได้คิวเอ็กซเรย์ซะไกลเลย
“คือ ไม่ได้กินยาก็ดีค่ะ แล้วแบบนี้มันจะหายมั้ยคะ มันจะยุบมั้ยอ่ะ” พอทราบแบบนี้ก็ถามด้วยความผิดหวัง ไม่ได้อยากทานยา แต่ อยากให้คอของตัวเองยุบ จะปล่อยไว้แบบนี้หรือ การมาหาหมอรอบนี้ผิดหวังนิดหน่อย ที่หมอทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าให้รอเอ็กซเรย์แบบนี้
“คือตอนนี้มันยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ค่ะ มันจะไม่ยุบเลย แต่มันจะเล็กลง ระหว่างรอเอ็กซเรย์เนี่ยคนไข้สามารถทานอะไรก็ได้นะคะ ไม่ห้าม แล้วหลังเอ็กซเรย์มาดูกันว่าจะได้ผ่ามั้ย แต่มันจะไม่ยุบเลยนะคนไข้” คุณหมอพูดด้วยท่าทางผิดหวังกับเธอเช่นกัน จะให้หมอทำอย่างไร ทว่าเธอก็ผิดหวังที่มาวันนี้ไม่ได้อะไรเลย
“ผ่าเท่านั้นหรอคะ”
“ต้องดูก่อนค่ะ ได้เอ็กซเรย์วันที่ 10 กันยาน้อ หลังเอ็กซเรย์ถึงจะบอกได้ว่าจะต้องผ่าหรือไม่ได้ผ่าค่ะ ถามว่ามันจะยุบเลยมั้ย ไม่ค่ะ แต่มันจะเล็กลงเท่านั้นเอง แต่ถ้าอยากให้หายไปก็ต้องผ่าค่ะ ซึ่งทำตอนนี้ไม่ได้ ต้องรอหลังเอ็กซเรย์ก่อน หลังจากเอ็กซเรย์หมอนัดอีกที่ 14 กันยายนนะคะ ระหว่างนี้คนไข้ไม่ต้องงดอาหารใด ๆ เลย ทานได้ตามสบายค่ะ”
พูดจบหมอก็เขียนใบนัดให้อีกหนึ่งใบ จากนั้นก็เดินออกมาหน้าห้องตรวจ รอเรียกชื่ออีกครั้ง เพื่อทำการนัดแนะรอบต่อไป
“หมอว่ายังไงบ้างคะ “ เมื่อเธอเดินมานั่งลงข้าง ๆ เมธีถามขึ้นทันที จากนั้นก็เล่าตามที่หมอพูดให้เมธีฟังแบบเซ็ง ๆ ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเอ็กซเรย์ และคอของเธอก็จะปูดแบบนี้ไปอีกนาน
“หมอว่าถ้าจำเป็นต้องผ่าก็ต้องผ่า เพราะมันจะไม่หายเลย แต่มันอาจจะยุบเล็กลง ถ้าอยากให้มันหายไปอ่ะนะ ก็ต้องผ่า” พูดแบบเซ็ง ๆ เบื่อ ๆ
“อ่อ ไหนดูดิ๊ มันก็ยุบแล้วนี่นา” ขอดูคอของภรรยาสาว รู้สึกว่ามันยุบลงกว่าที่เคยเห็น ใช้มือลูบบริเวณนั้นเบา ๆ “ผู้สาวมีลูกกระเดือก “ พูดกลั้วหัวเราะอย่างขบขัน มองใบหน้าเรียวมนด้วยความเอ็นดูนัก “จะเป็นยังไงพี่ก็รักน่า” พูดหยอกเล่นเบา ๆ เกรงใจคนอื่นอยู่เหมือนกัน
“พี่เมธีอย่าล้อเค้าดิ “ หันมาจ้องหน้าคนพูด ขมวดคิ้วหน้าบึ้งให้แบบไม่ชอบใจนัก “เค้าไม่เชื่อหรอก” ปรายตามองสามีรุ่นพ่อด้วยความหมั่นไส้ หมั่นไส้ในคำพูดนักแล พูดอะไรไม่ดูสถานที่เอาเสียเลย มาพูดรัก ๆ อะไรในโรงพยาบาล
“แล้วถ้าเกิดพี่แก่มากกว่านี้น้องจะรักพี่ป่าว ยังจะอยู่กับพี่มั้ย พี่ยังจะเป็นคนถูกใจน้องอยู่มั้ย ” กระซิบถามเบา ๆ เขาเพียงคิดเล่น ๆ เท่านั้นแต่มันแฝงไปด้วยความจริง ก็แค่เพียงอยากรู้ พูดคุยเล่นฆ่าเวลาระหว่างรอเรียกชื่อรอบที่สอง ณ เวลานี่ไม่มีใครสนใจจะฟังนักเพราะคอยฟังพยาบาลเรียกชื่อเข้าไปตรวจโรค จะมีบ้างก็คนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้สนใจหรอก
พรนภาหันมายิ้มให้ พยักหน้าเป็นคำตอบ คราวนี้กับรู้สึกแปลก ๆ รู้สึกซึ้งขึ้นมาดื้อ ๆ รู้สึกรักผู้ชายคนนี้ท้วมท้นใจ รักมากรักเหลือเกิน รู้สึกความรักเอ่อล้นอยู่ในใจ ทำไมต้องถามแบบนี้ด้วย ทำไมพี่เมธีถามอะไรแบบนี้ น่าตียิ่งนัก
ทำไมดูถูกความรักของเธอที่มีให้ ทำไมต้องถามแบบนี้ เลือกแล้วก็ต้องรักก็ต้องอยู่ด้วยกัน ดูแลกันไปจนกว่าชีวิตจะดับสลายไหม แม้เวลาจะเปลี่ยนไปนานแค่ไหน สังขารจะเปลี่ยนแปลงไปแบบไหนก็ตาม คนเรามันบังคับสังขารแห่งกาลเวลาไม่ได้หรอก แต่ใจมันรักเคยรักแบบไหนก็ยังจะรักอยู่แบบนั้น
ปรายตามองสามีรุ่นพ่อด้วยอารมณ์หลากหลายความรู้สึก ทั้งตลก ทั้งเอ็นดู ทั้งหมั่นไส้ที่ตั้งคำถามมาแบบนี้ อยากรู้ความคิดตอนนี้ของเขามาก ๆ ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมคิดมากเรื่องนี้มาตลอดเลยหรือไร กลับคอนโดจะตีให้ตายเลยคอยดูที่คิดแบบนี้ “เดี๋ยวกลับห้องจะตีให้ตายเลยเดี๋ยวเถอะ ถามอะไรแบบนี้ ปรายตามองพลางพูดในใจ
“คุณพรนภาค่ะ” พยาบาลหน้าห้องตรวจเรียกชื่ออีกครั้ง เธอเดินไปนั่งเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ให้คนไข้นั่ง รอฟังสิ่งที่พยาบาลจะนัดแนะอีกที “ใบนี้ลงไปที่ชั้น 2 ห้อง 39 นะคะ ห้องจ่ายเงิน ส่วนใบนี้คุณหมอนัดอีกทีวันที่ 14 กันยายนนะคะ เราได้คิวเอ็กซเรย์ 10 กันยาน้อ” พยาบาลอธิบายให้ฟัง เธอพยักหน้าตอบเป็นอันเข้าใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินกลับมาหาสามี เป็นอันเสร็จธุระในการมาหาหมอวันนี้
“ยังไงคะ” เขาเลิกคิ้วถาม
“เหมือนเดิมค่ะ ได้ใบนัด 14 กันยามาอีกใบ ไปจ่ายเงินชั้น 2 ห้อง 39 ค่ะ” ทั้งสองลงบันไดเลื่อนมายังชั้นสอง มุ่งหน้าไปที่ห้องชำระเงิน ทว่าไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย เพราะไม่ได้ทำอะไร แค่มานั่งฟังหมอพูด
“พี่เมธีหิวมั้ย เราหาไรทานก่อนป่าว” เธอถามด้วยความเป็นห่วง เกรงว่าสามีจะหิวนี่ก็เที่ยงแล้วยังไม่ได้ทานอะไรกันเลย
“หื่อ ไปร้านกาแฟของน้องกัน ค่อยไปหาอะไรทานที่นั่นก็ได้” เขาตอบ เดินเคียงคู่กันมาที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล
ฝันหวาน (Sweet Dream)47
.
ห่วงเด้ออยากเจอแต่คงไม่เหมาะ คือว่าละน้อ เรื่องของเขาบ่กล้าก้าวก่าย แต่มื้อใดเขา ทิ้งอ้ายไปมีผู้ใหม่ ให้ฟ้าวโทรส่งข่าวน้องยังใช่เบอร์เก่าอยู่เด้อ…
เช้าวันหยุดที่ไม่ได้หยุดอยู่ห้องอีกตามเคย พรนภาร้องเพลงไปด้วยเต้นไปด้วย ณ โต๊ะเครื่องแป้งที่ประจำ สามีเองไม่ค่อยจะได้ใช้นัก พรนภาครอบครองปรปักษ์อยู่คนเดียว เพลงช้าก็ยังสามารถออกท่าออกทางประกอบเพลงได้ ไม่ยอมแต่งตัวใส่เสื้อผ้าสักที สวมชุดชั้นในเต้นด้วยท่าทางมีความสุข ไม่รีบร้อนเลยสักนิด ส่ายเอวฉีกขาฮัมเพลงมองตัวเองในกระจกอย่างเพลิดเพลิน ที่สำคัญไม่อายสายตาของสามีที่มองมายังตนด้วยตราบใดที่ยังไม่โดนแซว ก็ไม่อาย
ขณะเดียวกันเมธีเผยยิ้มให้เห็น ปรายตามองภรรยาสาวร้องเพลงประกอบท่าเต้นอย่างชอบใจ รู้สึกตลกและมองเพลินตาดี เห็นพรนภามีความสุขแบบนี้ได้ทุกวันก็มีความสุขตามไปด้วย จะได้อายุยืนยาวหลาย ๆ ปี ความรักของกันและกันจะได้ยาวนานสดใสหลาย ๆ ปีไปเลย
เมื่อไหร่ที่เห็นเธออมทุกข์ เมื่อนั้นตนเองก็พลอยทุกข์ไปด้วย ในชีวิตคู่รอบนี้จึงอยากเห็นคนที่รักมีความสุขมากที่สุด สุขใจทุกครั้งเมื่อสามารถทำให้เธอยิ้มได้ วันนี้ถ้าไม่ติดว่าต้องพาไปธุระจะปล่อยให้เต้นให้ดูทั้งวันกันเลย
“ราวดีมีแต่ไห้ อาลัยนำหลวงพี่ เรวตาคนดี… “โอยเมื่อไหร่ราวดีจะแต่งตัวสักทีคะ เรวตารอนานแล้วนะ” พูดกลั้วหัวเราะ เบรกพรนภาที่กำลังสนุกกับการร้องเพลงและเต้นอยู่ มองร่างบางตรงหน้าไม่ละสายตา เลือดในกายมันสูบฉีดเหลือเกิน “หมอนัดกี่โมงคะ ไหนบอกจะไปแต่เช้า”
“ฮา… พี่เมธีแหมะ ฮ่วย..”คนถูกเบรกการแสดงออกอาการเขินหน้าแดงหันมาหัวเราะให้ “จะเสร็จแล้วเนี่ย เรวตารอหน่อยไม่ได้เหรอ หมอนัดแปดโมงถึงสิบเอ็ดโมงเช้าค่ะ นี่พึ่งจะแปดโมงเช้าเอง รีบไปไหนเล๊า” เม้มปากยิ้มด้วยความเขินอาย เธอกล้าทำกล้าเต้นแต่พอโดนทักแบบนี้ก็อายเอาดื้อ ๆ
“เอ๋า… ก็กลัวไม่ทันหมอนัดน้อ แต่ว่าพี่ชอบนะเต้นใหม่เร็ว ๆ พี่อยากดู น้องไม่รีบพี่ก็ไม่รีบค่ะ” ยิ้มให้อย่างคนชอบใจ นอนเล่นที่โซฟาคอยเธอแต่งตัว ปรายตามองเรือนร่างอรชรของเธอด้วยความหลงไหลผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน ส่วนตนเองนั้นแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางมาก
“ฮ่วยพี่เมธีอย่าหัวเราะนภาดิ นภาอายนะ รีบแต่งตัวดีกว่า” สะบัดหน้าให้สามีด้วยความเขินอาย ก่อนจะกลับมาตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัวให้เสร็จเร็ว ๆ
“ไม่น่าทักเลยวุ้ย ! อดดูเลย ฮา “ บ่นอุบอิบคนเดียวเบา ๆ พูดปนหัวเราะ ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นเดินมากอดและหอมเคล้าคลึงเธอด้วยความอดใจไม่ค่อยไหว ทว่าก็ทำเพียงแค่กอดเท่านั้น ปล่อยให้เธอแต่งตัวให้เสร็จทันเวลา วันนี้ต้องไปที่โรงพยาบาลอีก
พรนภาม้วนตัวเอียงอายไปกับการกอดและดอมดมของเขา ปล่อยให้ท่อนแขนหนาแข็งแรงกอดรัดและเคล้าคลึงได้ตามสบาย เพราะรู้ดีว่ายิ่งขัดขืนก็เหมือนยิ่งยุ สู้ปล่อยให้ทำตามใจเลยดีกว่า “พี่เมธีปล่อยเค้าได้แล้ว นภาจะแต่งตัวค่ะ” พูดภายในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น
“หอมจัง “ พูดขึ้นหลังจากหอมแก้มนิ่ม ๆ ไปอีกฟอด “โอเคค่ะ รีบไปรีบกลับมานอน หืย ! เสร็จแน่กลับมา” ออกแรงกอดรัดตัวของเธอเข้าไปอีกนิดหน่อย
“ใคร ! ใครเสร็จ หาหมอเสร็จนภาจะไปต่ออีก”
“ไปไหนต่ออีกคะ โห่ อดเลยเมธี” ทำหน้าละห้อยผิดหวังอย่างตลกให้กับภรรยา อยากอ้อน อยากพาไปขึ้นเตียงนัก
“เพรพคาเฟ่ อิอิ “ พูดลอยหน้าลอยตาทำออดอ้อนทำเสียงน่ารักให้สามี พร้อมเชื่อว่าเขาต้องพาไปล้านเปอร์เซ็นต์แน่นอน “ปล่อยนภาเลยนภาจะรีบแต่งตัวค่ะ” พูดจบเขาก็คลายอ้อมกอดออกจากตัวเธอ ปล่อยให้เป็นอิสระ แล้วเดินกลับไปนั่งรอที่โซฟาเหมือนเดิม ส่วนเธอก็รีบแต่งตัวให้เสร็จ ตอนนี้จวนจะเก้าโมงเข้าให้ทุกที “เสร็จแล้วค่ะ ไปกันได้แล้วสายแล้ว”
“หืย ! สายแล้วว่าซั้น ตัวเองยังราวดีมีแต่ไห้อยู่หน้ากระจกอยู่ ฮา” ล้ออีกสักที พูดปนหัวเราะ เขาชอบที่เธอเป็นตัวของตัวเองแบบนี้มาก
“เอ้าพี่เมธี ! ฮ่วย คือมาล้อคน ฮา “ เขินหน้าแดงที่โดนแซว ถึงจะอยู่ด้วยกันมานานเป็นปี ๆ โดนแซวแบบนี้เธอก็เขินเป็นนะ
ทั้งคู่หัวเราะให้กันก่อนจะเดินออกมาจากห้อง ปิดห้องเรียบร้อย ลงลิฟต์มาที่ลานจอดรถ พาภรรยาสุดที่รักของเขาไปหาหมอตามนัด
มาหาหมอรอบนี้ไม่ต้องดำเนินการอะไรยุ่งยาก ถือใบนัดขึ้นไปยังชั้น 3 ห้องเดิมได้เลย พยาบาลหน้าห้องตรวจสอบถามอาการคร่าว ๆ เหมือนที่เคยมารอบก่อน น้ำหนัก ส่วนสูง ประจำเดือนล่าสุด เธอก็ตอบไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ จากนั้นก็กลับมานั่งรอหมอเรียกชื่อเหมือนเดิม
วันนี้คนไข้แลดูเยอะมากดูจากเก้าอี้ของทางโรงพยาบาลไม่พอให้คนไข้นั่ง จำต้องหาเก้าอี้เสริมมาให้ เธอเองมาสายได้นั่งเก้าอี้เสริมไป นั่งรอเงียบ ๆ ด้วยใจจดจ่อ อยากรู้เหมือนกันว่าแท้จริงแล้วตนเป็นอะไรกันแน่ แล้วจะอย่างไรต่อไปอีก เมธีนั่งอยู่ข้าง ๆ กันยกมือขึ้นมาลูบผมของเธอเล่นเบา ๆ ชวนคุยแก้เบื่อบ้าง พร้อมคอยฟังเสียงของพยาบาลเรียกชื่อคนไข้เข้าไปตรวจ
ไม่นานก็เป็นคิวของเธอ “คุณพรนภา สิมะสุวรรณค่ะ “ พยาบาลเรียกชื่อ
“น้องพยาบาลเรียกแล้วค่ะ “ เมธีสะกิดให้ลุก
เธอลุกขึ้นเดินเข้าไปหาพยาบาลสาวคนนั้น “คุณพรนภานะคะ เชิญด้านในค่ะ” จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องตรวจอย่างรู้งาน เพราะเคยมาแล้วรอบหนึ่ง เมธีนั่งรอที่ด้านนอก ใจจริงอยากให้เข้ามาด้วย ๆ ซ้ำถ้าคุณหมอไม่ว่า เข้ามาแล้วคุณหมอให้นั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
“คุณพรนภาเป็นไงบ้างคะ มันยุบลงมั้ย ไหนหมอขอดูคอหน่อยค่ะ” หมอประจำเคสของเธอเอ่ย
พอหมอสั่งให้เงยหน้าขึ้น ก็ทำตามเงยหน้าให้หมอดูที่ลำคอของตนเอง คุณหมอใช้มือกดเบา ๆ “ตอนเจาะเลือดมันเป็นน้ำใส ๆ หรือเปล่าคะได้ดูมั้ย” คุณหมอถาม เธอทำหน้างง ๆ นิดหน่อย แต่ก็เข้าใจในคำถามนั้น “ได้ดูกับคุณหมอมั้ยตอนมาเจาะรอบที่แล้ว”
“หมายถึงว่าเจาะอันนี้น่ะเหรอ เป็นเลือดค่ะ” เธอตอบด้วยท่าทางตื่นเต้น จะตื่นเต้นทำไมก็ไม่รู้กับตนเองเหมือนกัน
“อ่อ มีแต่เลือดออกมาน้อ” หมอย้ำ เธอพยักหน้าให้เป็นคำตอบ “คือแบบนี้นะคะ ผล FNA ออกมาว่ามันเป็นเนื้อดีมากกว่าเนื้อร้ายค่ะ แล้วหมอก็จะไม่ให้ยามาทานด้วย เนื่องจากการทานยาผลเสียมันมีมากกว่าผลดีค่ะ หมอจึงไม่ให้ยามาทาน แต่มันไม่เป็นอะไรนะคะ ก็รอเอ็กซเรย์ก่อนน้อ ได้คิวเดือนกันยายนเลย” คุณหมอพูดยิ้ม ๆ คงจะเกรงใจที่เธอได้คิวเอ็กซเรย์ซะไกลเลย
“คือ ไม่ได้กินยาก็ดีค่ะ แล้วแบบนี้มันจะหายมั้ยคะ มันจะยุบมั้ยอ่ะ” พอทราบแบบนี้ก็ถามด้วยความผิดหวัง ไม่ได้อยากทานยา แต่ อยากให้คอของตัวเองยุบ จะปล่อยไว้แบบนี้หรือ การมาหาหมอรอบนี้ผิดหวังนิดหน่อย ที่หมอทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าให้รอเอ็กซเรย์แบบนี้
“คือตอนนี้มันยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ค่ะ มันจะไม่ยุบเลย แต่มันจะเล็กลง ระหว่างรอเอ็กซเรย์เนี่ยคนไข้สามารถทานอะไรก็ได้นะคะ ไม่ห้าม แล้วหลังเอ็กซเรย์มาดูกันว่าจะได้ผ่ามั้ย แต่มันจะไม่ยุบเลยนะคนไข้” คุณหมอพูดด้วยท่าทางผิดหวังกับเธอเช่นกัน จะให้หมอทำอย่างไร ทว่าเธอก็ผิดหวังที่มาวันนี้ไม่ได้อะไรเลย
“ผ่าเท่านั้นหรอคะ”
“ต้องดูก่อนค่ะ ได้เอ็กซเรย์วันที่ 10 กันยาน้อ หลังเอ็กซเรย์ถึงจะบอกได้ว่าจะต้องผ่าหรือไม่ได้ผ่าค่ะ ถามว่ามันจะยุบเลยมั้ย ไม่ค่ะ แต่มันจะเล็กลงเท่านั้นเอง แต่ถ้าอยากให้หายไปก็ต้องผ่าค่ะ ซึ่งทำตอนนี้ไม่ได้ ต้องรอหลังเอ็กซเรย์ก่อน หลังจากเอ็กซเรย์หมอนัดอีกที่ 14 กันยายนนะคะ ระหว่างนี้คนไข้ไม่ต้องงดอาหารใด ๆ เลย ทานได้ตามสบายค่ะ”
พูดจบหมอก็เขียนใบนัดให้อีกหนึ่งใบ จากนั้นก็เดินออกมาหน้าห้องตรวจ รอเรียกชื่ออีกครั้ง เพื่อทำการนัดแนะรอบต่อไป
“หมอว่ายังไงบ้างคะ “ เมื่อเธอเดินมานั่งลงข้าง ๆ เมธีถามขึ้นทันที จากนั้นก็เล่าตามที่หมอพูดให้เมธีฟังแบบเซ็ง ๆ ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเอ็กซเรย์ และคอของเธอก็จะปูดแบบนี้ไปอีกนาน
“หมอว่าถ้าจำเป็นต้องผ่าก็ต้องผ่า เพราะมันจะไม่หายเลย แต่มันอาจจะยุบเล็กลง ถ้าอยากให้มันหายไปอ่ะนะ ก็ต้องผ่า” พูดแบบเซ็ง ๆ เบื่อ ๆ
“อ่อ ไหนดูดิ๊ มันก็ยุบแล้วนี่นา” ขอดูคอของภรรยาสาว รู้สึกว่ามันยุบลงกว่าที่เคยเห็น ใช้มือลูบบริเวณนั้นเบา ๆ “ผู้สาวมีลูกกระเดือก “ พูดกลั้วหัวเราะอย่างขบขัน มองใบหน้าเรียวมนด้วยความเอ็นดูนัก “จะเป็นยังไงพี่ก็รักน่า” พูดหยอกเล่นเบา ๆ เกรงใจคนอื่นอยู่เหมือนกัน
“พี่เมธีอย่าล้อเค้าดิ “ หันมาจ้องหน้าคนพูด ขมวดคิ้วหน้าบึ้งให้แบบไม่ชอบใจนัก “เค้าไม่เชื่อหรอก” ปรายตามองสามีรุ่นพ่อด้วยความหมั่นไส้ หมั่นไส้ในคำพูดนักแล พูดอะไรไม่ดูสถานที่เอาเสียเลย มาพูดรัก ๆ อะไรในโรงพยาบาล
“แล้วถ้าเกิดพี่แก่มากกว่านี้น้องจะรักพี่ป่าว ยังจะอยู่กับพี่มั้ย พี่ยังจะเป็นคนถูกใจน้องอยู่มั้ย ” กระซิบถามเบา ๆ เขาเพียงคิดเล่น ๆ เท่านั้นแต่มันแฝงไปด้วยความจริง ก็แค่เพียงอยากรู้ พูดคุยเล่นฆ่าเวลาระหว่างรอเรียกชื่อรอบที่สอง ณ เวลานี่ไม่มีใครสนใจจะฟังนักเพราะคอยฟังพยาบาลเรียกชื่อเข้าไปตรวจโรค จะมีบ้างก็คนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้สนใจหรอก
พรนภาหันมายิ้มให้ พยักหน้าเป็นคำตอบ คราวนี้กับรู้สึกแปลก ๆ รู้สึกซึ้งขึ้นมาดื้อ ๆ รู้สึกรักผู้ชายคนนี้ท้วมท้นใจ รักมากรักเหลือเกิน รู้สึกความรักเอ่อล้นอยู่ในใจ ทำไมต้องถามแบบนี้ด้วย ทำไมพี่เมธีถามอะไรแบบนี้ น่าตียิ่งนัก
ทำไมดูถูกความรักของเธอที่มีให้ ทำไมต้องถามแบบนี้ เลือกแล้วก็ต้องรักก็ต้องอยู่ด้วยกัน ดูแลกันไปจนกว่าชีวิตจะดับสลายไหม แม้เวลาจะเปลี่ยนไปนานแค่ไหน สังขารจะเปลี่ยนแปลงไปแบบไหนก็ตาม คนเรามันบังคับสังขารแห่งกาลเวลาไม่ได้หรอก แต่ใจมันรักเคยรักแบบไหนก็ยังจะรักอยู่แบบนั้น
ปรายตามองสามีรุ่นพ่อด้วยอารมณ์หลากหลายความรู้สึก ทั้งตลก ทั้งเอ็นดู ทั้งหมั่นไส้ที่ตั้งคำถามมาแบบนี้ อยากรู้ความคิดตอนนี้ของเขามาก ๆ ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมคิดมากเรื่องนี้มาตลอดเลยหรือไร กลับคอนโดจะตีให้ตายเลยคอยดูที่คิดแบบนี้ “เดี๋ยวกลับห้องจะตีให้ตายเลยเดี๋ยวเถอะ ถามอะไรแบบนี้ ปรายตามองพลางพูดในใจ
“คุณพรนภาค่ะ” พยาบาลหน้าห้องตรวจเรียกชื่ออีกครั้ง เธอเดินไปนั่งเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ให้คนไข้นั่ง รอฟังสิ่งที่พยาบาลจะนัดแนะอีกที “ใบนี้ลงไปที่ชั้น 2 ห้อง 39 นะคะ ห้องจ่ายเงิน ส่วนใบนี้คุณหมอนัดอีกทีวันที่ 14 กันยายนนะคะ เราได้คิวเอ็กซเรย์ 10 กันยาน้อ” พยาบาลอธิบายให้ฟัง เธอพยักหน้าตอบเป็นอันเข้าใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินกลับมาหาสามี เป็นอันเสร็จธุระในการมาหาหมอวันนี้
“ยังไงคะ” เขาเลิกคิ้วถาม
“เหมือนเดิมค่ะ ได้ใบนัด 14 กันยามาอีกใบ ไปจ่ายเงินชั้น 2 ห้อง 39 ค่ะ” ทั้งสองลงบันไดเลื่อนมายังชั้นสอง มุ่งหน้าไปที่ห้องชำระเงิน ทว่าไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย เพราะไม่ได้ทำอะไร แค่มานั่งฟังหมอพูด
“พี่เมธีหิวมั้ย เราหาไรทานก่อนป่าว” เธอถามด้วยความเป็นห่วง เกรงว่าสามีจะหิวนี่ก็เที่ยงแล้วยังไม่ได้ทานอะไรกันเลย
“หื่อ ไปร้านกาแฟของน้องกัน ค่อยไปหาอะไรทานที่นั่นก็ได้” เขาตอบ เดินเคียงคู่กันมาที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล