เมื่อวานนี้ขับรถไปจ่ายตลาดที่ตลาดน้ำท่าคา ผ่านต้นมะขามริมทางเห็นกำลังผลิยอดอ่อน น่ากิ๊นน่ากิน
ดูต้นไม่สูงมาก มีกิ่งเตี้ยๆที่คิดว่าหุ่นอย่างป้าคนนี้น่าจะเขย่งถึงนะ คิดว่างั้นนะ
กะไว้ว่าขากลับ จะแวะเก็บยอดมะขามสักกำ ต้นไม้อยู่ริมทางไม่ได้อยู่ในรั้วบ้านใคร และห่างจากบ้านเรือนคนไม่น่าจะมีน้องหมามาไล่งับ
ตลาดน้ำท่าคาเงียบเหงา มีแต่คนพื้นที่มาจับจ่ายซื้อหา
หนอนฯเอง ก็จัดอยู่ใน"คนพื้นที่" เดินไปเดินมาใช้เวลาไม่ถึง๑๕นาที ได้ผักสดมา๑หอบ
และมีร้านหนึ่ง เอายอดมะขามมาวางขาย ถุงเบ้อเริ่ม ๒๐ บาท เด็ดมาแต่ยอดอ่อนๆ สวยเชียว
ก็ตัดสินใจซื้อเลยไม่ลังเล จะได้ไม่ต้องไปตะกายไล่เก็บยอดมะขามริมทางเอง
นี่ค่ะ ยอดงามๆ ล้างน้ำให้สะอาดหมดฝุ่นผง และเลือกก้านและใบแก่ออกก่อนจะนำไปปรุงอาหารนะคะ
............................................................
ในตำรายาไทยกล่าวถึงมะขามไทยไว้ว่า
เปลือกต้น รสฝาด ต้มเอาน้ำชะล้างบาดแผลทำให้หายเร็ว ฝนกับน้ำปูนใสใส่แผลเรื้อรังทำให้หายเร็ว
ใบแก่รสเปรี้ยวฝาด ขับเสมหะในลำไส้ แก้บิด แก้ไอ ต้มเอาน้ำโกรกศรีษะเด็กเวลาเช้ามืด แก้หวัดคัดจมูก
เนื้อในฝัก รสเปรี้ยวจัด กัดเสมะ แก้กระหายน้ำ ทำให้เกิดน้ำลาย
น้ำส้มมะขามเปียก รสเปรี้ยว รับประทานกับน้ำปูนใส ขับเลือดขับลมสำหรับสตรี
เปลือกเมล็ด รสฝาด คั่วไฟเอาเปลือกแช่น้ำรับประทาน แก้ท้องร่วง แก้อาเจียน
เมล็ดใน คั่วแล้วรสมันเบื่อ ขับพยาธิไส้เดือนตัวกลม
รกมะขาม รสฝาดเปรี้ยวเล็กน้อย แก้ท้องเสีย
.........................................................................
เสร็จจากตลาดน้ำท่าคา เหตุเพราะได้ยอดมะขามมา อาการอยากกินสองเมนูกำเริบขั้นสุด
ก็ขับรถไปจอดท่าน้ำสมุทรสงคราม แล้วนั่งเรือข้ามฟาก๒บาท ไปฝั่งท่าน้ำวัดเพชรสมุทร
เดินไปตลาดแม่กลอง
คนน้อยค่ะ ได้ปลาดุกนาย่างแบบโบราณ(มีร้านนึงขายประจำ)ตัวละ ๔๐บาท เอามา ๒ ตัว
และได้ปลาสลิดแดดเดียวมาอีก ๑ กก.
กลับถึงบ้านแล้วตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำ "ต้มโคล้งปลาดุกย่างใส่ยอดมะขาม"ดี
หรือว่าจะทำ"ต้มกะทิปลาสลิดใส่ยอดมะขาม"ดี
สุดท้ายจับปลาดุกย่างยัดเข้าช่องเย็น เพราะเครื่องต้มโคล้งไม่ครบ
มาค่ะ มาดูปลาสลิดกัน
ตัวอ้วนๆ ขนาด ๗ ตัวต่อ ๑ กก. ราคา ๒๘๐ บาท
ปกติหนอนฯมีร้านปลาสลิดเจ้าประจำอยู่ที่ตลาดดอนหวาย ซื้อกันมานานหลายปี เพราะที่บ้านพี่ชายก็ชอบ และเขาทอดให้ด้วย
แต่ในยามนี้ต้องซื้อของใกล้บ้านล่ะนะ
กลับถึงบ้านอาบน้ำสระผมก่อนเลยค่ะ ในเวลานี้ยกการ์ดสูงสุด
(แอบกระซิบว่าเมื่อเช้ายังไม่อาบน้ำ อิอิ เขินจัง เพราะตั้งใจว่าไปตลาดแล้วต้องอาบน้ำสระผมทันทีที่เข้าบ้าน)
ต้มกะทิปลาสลิดนี้ หนอนฯชอบอยู่สองแบบคือ
๑. แบบใส่ หอมแดง กะปิ พริกไทย แบบเดียวกับที่ทำต้มกะทิสายบัว
และ
๒. แบบที่ทำเมื่อวาน คือ ไม่ใส่กะปิ และพริกไทย
น้ำแกงที่ได้ รสจะต่างกันค่ะ แบบ ไม่ใส่กะปิ&พริกไทย จะไม่หอมร้อนเผ็ดพริกไทย และเค็มจากเกลือ ไม่มีโทนกลิ่นและรสเค็มกะปิมาเจือ
มาค่ะ
เริ่มกันดีกว่า
หนอนฯล้างปลาสลิดแล้วทอดแบบ ยังไม่เหลืองไม่สุก แค่พอให้ผิวนอกพอตึงๆ ได้กลิ่นหอมๆ
แนะนำว่า
ควรแกะเอาแต่เนื้อมาแกงค่ะ โดยเฉพาะถ้าทำให้ผู้สูงวัยหรือเด็กรับประทาน จะได้สะดวก ไม่เสี่ยงภัยจากปัญหาก้างปลาตำในช่องปากนะคะ
แต่ว่า หนอนฯรีบจัด จนลืมแกะเนื้อปลาค่ะ ต้องหั่นท่อนใส่หม้อพร้อมก้าง
ตั้งหม้อใส่กะทิขวดแล้วเติมน้ำ เอาตามความเข้นข้นที่คิดว่าจะชอบ จะเหลือหัวกะทิไว้ตบท้ายตอนใกล้ปิดเตาบ้างก็ได้
ใส่ตะไคร้หั่นท่อน และหอมแดงทุบ อันนี้ชอบมากก็ทุบใส่มากหน่อย และเตรียมพริกขี้หนูสดเอาไว้ใส่ตอนใกล้ปิดเตา
ขอแถมพริกแห้งคั่วในกระทะให้หอมๆอีกด้วย ชอบกลิ่นเขาค่ะ
เมื่อกะทิเดือดก็ใส่ปลาสลิดลงไป เคี่ยวไปสักพักแล้วชิมค่ะ
เราต้องการรสเปรี้ยว หวาน เค็ม และอย่าลืมว่าเราจะมีรสเปรี้ยวจากยอดมะขามด้วยนะคะ
ความจริงเมนูนี้หนอนฯชอบใส่ความเปรี้ยวจากมะดัน แต่หาไม่ได้เลยต้องใช้มะขามเปียก ซึ่งออกจะขุ่นใจเล็กๆ เพราะน้ำมะขามจะทำให้น้ำแกงจากที่ขาวนวลก็กลายเป็นสีขุ่นออกสีน้ำตาลค่ะ
ความหวานหอมจากกะทิไม่พอ ขอเติมน้ำตาลมะพร้าว
ความเค็ม หนอนฯใช้ดอกเกลือ โดยปกติพวก"แกงขาว" คือแกงจากกะทิทั้งหลาย หนอนฯไม่ใช้น้ำปลาค่ะ ชอบเกลือมากกว่า
ชิมรสให้ถูกใจ แต่เผื่อความเปรี้ยวจากยอดมะขามไว้ แต่แกงนี้จะซดน้ำแกงได้อร่อย ต้องไม่ทำเข้มข้น รสต้องไม่จัดเกินไปนะคะ
ใส่พริกขี้หนูสด แล้วตามด้วยยอดมะขาม กดๆลงน้ำแกงเดือด ฮั่นแน่ มีก้านแก่หลงเหลือติดมาก เก็บออกไม่หมด อิอิ
โรยพริกแห้งทอด ปิดเตา
เสิร์ฟค่ะ
ถ้วยนี้อะไรๆก็ดีหมด ยกเว้นอันตรายจากก้างปลาที่สีเข้ากันดีกับน้ำแกงเหลือเกิน กินไประแวงไป
หนอนฯถึงขนาดต้องสวมแว่นสายตากินข้าวแน่ะ
อย่าลืมนะคะ ถ้าจะทำเมนูนี้แนะนำ แกะเอาแต่เนื้อปลาค่ะ ยิ่งถ้าทำให้ผู้สูงวัยยิ่งต้องระวัง
แกงถ้วยนี้หอมกะทิ หอมปลาสลิดทอดไม่กรอบแต่ชุ่มน้ำแกง อร่อยมากค่ะ หอมเปรี้ยวสดชื่นจากยอดมะขามอ่อน และหอมพริกสดพริกทอด ไม่เผ็ดถ้าไม่เคี้ยวพริกค่ะ
โอ๋ย ฟาดเรียบเลย ปลาสองตัวกินคนเดียวเลยค่ะ รับรองเลยนะ บ้านไหนมีผู้สูงวัยที่กำลังเบื่ออาหารลองทำให้รับประทานค่ะ รับรองผู้ใหญ่ท่านจะปลื้ม
(แต่ควรพิจารณาข้อจำกัดด้านสุขภาพที่อาจจะมีด้วยนะคะ เช่นต้องเลี่ยงเค็ม มัน เป็นต้น)
ขอให้สนุกสนานกับการชม ชิม และปรุงอาหารในช่วงเก็บตัวอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติกันนะคะ
กินในบ้าน...ยอดมะขามงามยามฝนมาเยือน จัดไป"ต้มกะทิปลาสลิด"...
ดูต้นไม่สูงมาก มีกิ่งเตี้ยๆที่คิดว่าหุ่นอย่างป้าคนนี้น่าจะเขย่งถึงนะ คิดว่างั้นนะ
กะไว้ว่าขากลับ จะแวะเก็บยอดมะขามสักกำ ต้นไม้อยู่ริมทางไม่ได้อยู่ในรั้วบ้านใคร และห่างจากบ้านเรือนคนไม่น่าจะมีน้องหมามาไล่งับ
ตลาดน้ำท่าคาเงียบเหงา มีแต่คนพื้นที่มาจับจ่ายซื้อหา
หนอนฯเอง ก็จัดอยู่ใน"คนพื้นที่" เดินไปเดินมาใช้เวลาไม่ถึง๑๕นาที ได้ผักสดมา๑หอบ
และมีร้านหนึ่ง เอายอดมะขามมาวางขาย ถุงเบ้อเริ่ม ๒๐ บาท เด็ดมาแต่ยอดอ่อนๆ สวยเชียว
ก็ตัดสินใจซื้อเลยไม่ลังเล จะได้ไม่ต้องไปตะกายไล่เก็บยอดมะขามริมทางเอง
นี่ค่ะ ยอดงามๆ ล้างน้ำให้สะอาดหมดฝุ่นผง และเลือกก้านและใบแก่ออกก่อนจะนำไปปรุงอาหารนะคะ
............................................................
ในตำรายาไทยกล่าวถึงมะขามไทยไว้ว่า
เปลือกต้น รสฝาด ต้มเอาน้ำชะล้างบาดแผลทำให้หายเร็ว ฝนกับน้ำปูนใสใส่แผลเรื้อรังทำให้หายเร็ว
ใบแก่รสเปรี้ยวฝาด ขับเสมหะในลำไส้ แก้บิด แก้ไอ ต้มเอาน้ำโกรกศรีษะเด็กเวลาเช้ามืด แก้หวัดคัดจมูก
เนื้อในฝัก รสเปรี้ยวจัด กัดเสมะ แก้กระหายน้ำ ทำให้เกิดน้ำลาย
น้ำส้มมะขามเปียก รสเปรี้ยว รับประทานกับน้ำปูนใส ขับเลือดขับลมสำหรับสตรี
เปลือกเมล็ด รสฝาด คั่วไฟเอาเปลือกแช่น้ำรับประทาน แก้ท้องร่วง แก้อาเจียน
เมล็ดใน คั่วแล้วรสมันเบื่อ ขับพยาธิไส้เดือนตัวกลม
รกมะขาม รสฝาดเปรี้ยวเล็กน้อย แก้ท้องเสีย
.........................................................................
เสร็จจากตลาดน้ำท่าคา เหตุเพราะได้ยอดมะขามมา อาการอยากกินสองเมนูกำเริบขั้นสุด
ก็ขับรถไปจอดท่าน้ำสมุทรสงคราม แล้วนั่งเรือข้ามฟาก๒บาท ไปฝั่งท่าน้ำวัดเพชรสมุทร
เดินไปตลาดแม่กลอง
คนน้อยค่ะ ได้ปลาดุกนาย่างแบบโบราณ(มีร้านนึงขายประจำ)ตัวละ ๔๐บาท เอามา ๒ ตัว
และได้ปลาสลิดแดดเดียวมาอีก ๑ กก.
กลับถึงบ้านแล้วตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำ "ต้มโคล้งปลาดุกย่างใส่ยอดมะขาม"ดี
หรือว่าจะทำ"ต้มกะทิปลาสลิดใส่ยอดมะขาม"ดี
สุดท้ายจับปลาดุกย่างยัดเข้าช่องเย็น เพราะเครื่องต้มโคล้งไม่ครบ
มาค่ะ มาดูปลาสลิดกัน
ตัวอ้วนๆ ขนาด ๗ ตัวต่อ ๑ กก. ราคา ๒๘๐ บาท
ปกติหนอนฯมีร้านปลาสลิดเจ้าประจำอยู่ที่ตลาดดอนหวาย ซื้อกันมานานหลายปี เพราะที่บ้านพี่ชายก็ชอบ และเขาทอดให้ด้วย
แต่ในยามนี้ต้องซื้อของใกล้บ้านล่ะนะ
กลับถึงบ้านอาบน้ำสระผมก่อนเลยค่ะ ในเวลานี้ยกการ์ดสูงสุด
(แอบกระซิบว่าเมื่อเช้ายังไม่อาบน้ำ อิอิ เขินจัง เพราะตั้งใจว่าไปตลาดแล้วต้องอาบน้ำสระผมทันทีที่เข้าบ้าน)
ต้มกะทิปลาสลิดนี้ หนอนฯชอบอยู่สองแบบคือ
๑. แบบใส่ หอมแดง กะปิ พริกไทย แบบเดียวกับที่ทำต้มกะทิสายบัว
และ
๒. แบบที่ทำเมื่อวาน คือ ไม่ใส่กะปิ และพริกไทย
น้ำแกงที่ได้ รสจะต่างกันค่ะ แบบ ไม่ใส่กะปิ&พริกไทย จะไม่หอมร้อนเผ็ดพริกไทย และเค็มจากเกลือ ไม่มีโทนกลิ่นและรสเค็มกะปิมาเจือ
มาค่ะ
เริ่มกันดีกว่า
หนอนฯล้างปลาสลิดแล้วทอดแบบ ยังไม่เหลืองไม่สุก แค่พอให้ผิวนอกพอตึงๆ ได้กลิ่นหอมๆ
แนะนำว่า ควรแกะเอาแต่เนื้อมาแกงค่ะ โดยเฉพาะถ้าทำให้ผู้สูงวัยหรือเด็กรับประทาน จะได้สะดวก ไม่เสี่ยงภัยจากปัญหาก้างปลาตำในช่องปากนะคะ
แต่ว่า หนอนฯรีบจัด จนลืมแกะเนื้อปลาค่ะ ต้องหั่นท่อนใส่หม้อพร้อมก้าง
ตั้งหม้อใส่กะทิขวดแล้วเติมน้ำ เอาตามความเข้นข้นที่คิดว่าจะชอบ จะเหลือหัวกะทิไว้ตบท้ายตอนใกล้ปิดเตาบ้างก็ได้
ใส่ตะไคร้หั่นท่อน และหอมแดงทุบ อันนี้ชอบมากก็ทุบใส่มากหน่อย และเตรียมพริกขี้หนูสดเอาไว้ใส่ตอนใกล้ปิดเตา
ขอแถมพริกแห้งคั่วในกระทะให้หอมๆอีกด้วย ชอบกลิ่นเขาค่ะ
เมื่อกะทิเดือดก็ใส่ปลาสลิดลงไป เคี่ยวไปสักพักแล้วชิมค่ะ
เราต้องการรสเปรี้ยว หวาน เค็ม และอย่าลืมว่าเราจะมีรสเปรี้ยวจากยอดมะขามด้วยนะคะ
ความจริงเมนูนี้หนอนฯชอบใส่ความเปรี้ยวจากมะดัน แต่หาไม่ได้เลยต้องใช้มะขามเปียก ซึ่งออกจะขุ่นใจเล็กๆ เพราะน้ำมะขามจะทำให้น้ำแกงจากที่ขาวนวลก็กลายเป็นสีขุ่นออกสีน้ำตาลค่ะ
ความหวานหอมจากกะทิไม่พอ ขอเติมน้ำตาลมะพร้าว
ความเค็ม หนอนฯใช้ดอกเกลือ โดยปกติพวก"แกงขาว" คือแกงจากกะทิทั้งหลาย หนอนฯไม่ใช้น้ำปลาค่ะ ชอบเกลือมากกว่า
ชิมรสให้ถูกใจ แต่เผื่อความเปรี้ยวจากยอดมะขามไว้ แต่แกงนี้จะซดน้ำแกงได้อร่อย ต้องไม่ทำเข้มข้น รสต้องไม่จัดเกินไปนะคะ
ใส่พริกขี้หนูสด แล้วตามด้วยยอดมะขาม กดๆลงน้ำแกงเดือด ฮั่นแน่ มีก้านแก่หลงเหลือติดมาก เก็บออกไม่หมด อิอิ
โรยพริกแห้งทอด ปิดเตา
เสิร์ฟค่ะ
ถ้วยนี้อะไรๆก็ดีหมด ยกเว้นอันตรายจากก้างปลาที่สีเข้ากันดีกับน้ำแกงเหลือเกิน กินไประแวงไป
หนอนฯถึงขนาดต้องสวมแว่นสายตากินข้าวแน่ะ
อย่าลืมนะคะ ถ้าจะทำเมนูนี้แนะนำ แกะเอาแต่เนื้อปลาค่ะ ยิ่งถ้าทำให้ผู้สูงวัยยิ่งต้องระวัง
แกงถ้วยนี้หอมกะทิ หอมปลาสลิดทอดไม่กรอบแต่ชุ่มน้ำแกง อร่อยมากค่ะ หอมเปรี้ยวสดชื่นจากยอดมะขามอ่อน และหอมพริกสดพริกทอด ไม่เผ็ดถ้าไม่เคี้ยวพริกค่ะ
โอ๋ย ฟาดเรียบเลย ปลาสองตัวกินคนเดียวเลยค่ะ รับรองเลยนะ บ้านไหนมีผู้สูงวัยที่กำลังเบื่ออาหารลองทำให้รับประทานค่ะ รับรองผู้ใหญ่ท่านจะปลื้ม
(แต่ควรพิจารณาข้อจำกัดด้านสุขภาพที่อาจจะมีด้วยนะคะ เช่นต้องเลี่ยงเค็ม มัน เป็นต้น)
ขอให้สนุกสนานกับการชม ชิม และปรุงอาหารในช่วงเก็บตัวอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติกันนะคะ